อันนาได้เข้าไปอยู่ในบ้านเจ้าพ่อมาเฟียแบบจำใจต้องยอมเหตุเพราะเขาสงสัยว่าเธอน่าจะร่วมมือกับคนร้ายที่ลักพาตัวลูกสาวของเขาไป "ลูกของฉันเลิกติดเธอเมื่อไหร่รับรองเธอได้ไปจากฉันแน่"

อุ้มรักกราวใจ - ตอนที่ 4 เคยรู้อะไรจริงๆบ้างมั้ย โดย เจ้าก้อนแก้ว. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เลือดสาด,ผู้ใหญ่,ดราม่า,รัก,ชาย-หญิง,พระเอกเป็นมาเฟีย,Nc,Nc18+,คลั่งรัก,กินดุ,กินเก่ง,รักมาเฟีย,รักลับมาเฟียร้าย,โรแมนติก,โรมานซ์,นิยายผู้ใหญ่,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

อุ้มรักกราวใจ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

เลือดสาด,ผู้ใหญ่,ดราม่า,รัก,ชาย-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พระเอกเป็นมาเฟีย,Nc,Nc18+,คลั่งรัก,กินดุ,กินเก่ง,รักมาเฟีย,รักลับมาเฟียร้าย,โรแมนติก,โรมานซ์,นิยายผู้ใหญ่,ดราม่า

รายละเอียด

อันนาได้เข้าไปอยู่ในบ้านเจ้าพ่อมาเฟียแบบจำใจต้องยอมเหตุเพราะเขาสงสัยว่าเธอน่าจะร่วมมือกับคนร้ายที่ลักพาตัวลูกสาวของเขาไป "ลูกของฉันเลิกติดเธอเมื่อไหร่รับรองเธอได้ไปจากฉันแน่"

ผู้แต่ง

เจ้าก้อนแก้ว.

เรื่องย่อ

"ฉันควรจะทำยังไงกับชีวิตน้อยๆนี้ดีนะใครกันนะที่ใจดำอำมหิตกล้าเอาเด็กตัวเล็กๆแค่นี้เอามาทิ้งได้ลงคอ...เจ้าพวกคนใจบาปหยาบช้า"

       อันนาเด็กสาวเพียงวัยยี่สิบปีถูกว่าจ้างให้เป็นพี่เลี้ยงเด็กที่เธอพึ่งเก็บมาจากข้างถนนโดยผู้ว่าจ้างที่ลึกลับไร้ตัวตนเธอจำต้องทำงานนี้เพราะเธอเองก็พึ่งจะตกงานมาหมาดๆด้วยเงินหนึ่งล้านบาทแลกกับการเลี้ยงเด็กน้อยคนนี้แค่หนึ่งเดือน

       แต่อันนาเลี้ยงดูเด็กยังไม่ทันจะถึงหนึ่งอาทิตย์ก็ถูกกลุ่มคนจับตัวไปที่คฤหาสน์ใหญ่หลังหนึ่ง เธอที่ไม่รู้อะไรก็ได้แต่งวยงง

"เธอรีบตอบฉันมาเลยนะ...เธอทำงานนี้ให้ใคร...ใครเป็นคนให้เธอทำ!!!"

       ชายหน้าตาหล่อเหลาสูงขาวขาเรียวยาวใช้มือหนาบีบจับใบหน้าเธอจนบิดเบี้ยวเค้นถามเอาความจริงจากเธอด้วยน้ำเสียงที่เข้มและเกรี้ยวกราดสุดๆ เขาชักสีหน้าดุราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเธอให้ได้ถ้าเธอไม่ตอบคำถามเขา

"โอ๊ะโอ๊ย!!!!...ฉันเจ็บนะ...ปล่อยก่อนสิถ้าบีบปากอยู่แบบนี้ใครมันจะไปพูดได้"

"ฉันจำเป็นต้องฟังเธอหรอ...บอกมาว่าเธอทำงานนี้ให้กับใคร...ใครเป็นคนจ้างให้เธอลักพาตัวลูกของฉันไป..บอกมา!!!"

"เสียดายใบหน้าหล่อๆของแกเนอะ..หล่อแต่หูหนวก!!!...ปัญญาอ่อน!!!...สมองนิ่ม!!!ฉันก็บอกเป็นร้อยเป็นพันรอบแล้วนี่ไงว่าฉันไม่ได้ลักพาตัวเด็กคนนี้มา...ฉันไปเจอน้องเขาที่ข้างถนน...ฉันเจอเธอที่ข้างถนน!!"

"โกหก!!!...ถ้าไม่บอกฉันให้เธอไปนอนคุยกับรากมะม่วงแน่ๆ...บอกมาก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน...เผลอพลั้งมือยิงเธอตายห่าไปซะก่อน"

"ก็ยิงซะสิ...เอาจริงฉันก็เห็นใจเด็กคนนี้นะเธอมีพ่อที่เฮงซวยแบบนี้นี่เอง...เธอจึงมีนิสัยที่ชอบร้องโวยวายถ้าไม่ได้อย่างใจเพราะเขามีพ่อที่สารเลว..ชั่ว...ป่าเถื่อนแบบนี้ไง...เด็กมันถึงได้สติมีปัญหาอ่ะ"

       พีรพัฒน์สุดจะทนแล้วเขาหันปากกระบอกปืนไปยิงใส่แก้วน้ำเพื่อเป็นการข่มขู่ว่าถ้าเธอไม่ยอมปริปากพูดเขาจะยิงเธอแน่นอน

          ~ปัง ปัง ปัง ~

"อ๊ายยยยย...ไอ้คนบ้าเอ๊ย!!!ในห้องมีเด็กตัวเล็กๆอยู่ด้วยนะเว้ย...ทำอะไรหัดคิดบ้างสิ"

"เขาไม่ได้ยินหรอกเพราะฉันหาอะไรปิดหูเขาไว้แล้ว.."

"ไม่ได้ยินแล้วไง!!!...ไม่ได้ยินแล้วคิดว่าเขาไม่ได้ดู...มองไม่เห็นพฤติกรรมชั่วช้าของพ่อเขารึไง...รู้ไว้ด้วยนะ..เด็กวัยนี้เขากำลังจดจำสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำได้ดีเชียวล่ะ...คนเป็นพ่ออย่างแกรู้อะไรเกี่ยวกับลูกตัวเองบ้างหน้าโง่ๆแบบนี้รู้อะไรบ้างมั้ย!!!"

"ถึงฉันจะไม่ค่อยมีเวลาให้เขา..แต่ฉันก็รู้ว่าเขาชอบกินอะไร..เขาชอบของเล่นชิ้นไหน...นอนกี่ชั่วโมง..."

"รู้เพราะพี่เลี้ยงบอกล่ะสิ...แล้วรู้บ้างมั้ยก่อนที่เขาจะได้มานั่งดูคุณเอาปืนมาจ่อใส่หัวฉันอยู่แบบเนี้ย...เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้าเด็กคนนี้เจออะไรมาบ้าง...คุณรู้บ้างรึเปล่าว่าเธอเกือบตายถ้าไม่ได้ฉันช่วยไว้..ห๊ะ!!!คุณเคยรู้มั้ยว่าฉันไปเจอเธอในสภาพไหนเขาเอาเธอมาทิ้งไว้ข้างถนนในซอยเล็กๆเขาเอาเธอใส่ถุงดำมา!!!...คงกะจะให้ตายแต่เธอใจสู้!!!...คุณรู้มั้ยว่าเธอขาดอากาศหายใจนอนแน่นิ่งไปแล้วด้วยซ้ำตอนที่ฉันเปิดถุงดำนั่นออก...กว่าฉันจะช่วยยื้อชีวิตเธอกลับมาได้ต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหน...เธอขาดออกซิเจนไปนานแค่ไหนฉันก็ไม่รู้...เธอเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ใช่!!!...ฉันอาจจะเด็ก...ฉันพึ่งจะอายุแค่ยี่สิบ...แต่ฉันคิดว่าฉันรู้ความกว่าคุณเยอะฉันรู้ว่าเขาไม่ชอบเสียงดัง!!!...ฉันรู้ว่าเขาชอบกินฟักทองบดละเอียด...แล้วฉันก็รู้ว่าเธอชอบฟังเพลงอะไรก่อนนอน...เรื่องพวกเนี้ย...คนเป็นพ่ออย่างคุณเคยรู้บ้างรึเปล่า...เคยรู้อะไรจริงๆเกี่ยวกับลูกตัวเองบ้างมั้ยห๊ะ"

       อันนาทั้งพูดไปร้องไห้ไปด้วย เธอพยามอดกลั้นมานานหลายวันเธอเลือกที่จะไม่พูดเรื่องราวเหล่านั้นออกมาเพราะเธอเองก็สะเทือนใจเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นอยู่ไม่น้อยเลยเธอรู้สึกสงสารเด็กที่จะต้องมาเจอและมาเติบโตอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้

"พูดว่าน้องพีม..ถูกยัดใส่ถุงดำไปทิ้งอย่างนั้นหรอ...น้องพีมเกือบตายงั้นหรอ"

"ใช่!!!...เธอไม่หายใจแล้วด้วยซ้ำตอนที่ฉันแกะถุงนั่นออก...คุณเคยคิดมั้ยว่าถ้าคุณไปเจอสถานการณ์เดียวกันกับฉันคุณจะเป็นยังไง...เด็กที่ตายอยู่ตรงหน้าเขาเป็นลูกใครก็ไม่รู้แต่ฉันดันไปเปิดดูฉันดันอยู่ตรงนั้น...เห็นเขาหมดลมหายใจเป็นคุณอ่ะ...คุณจะรู้สึกยังไง...ชีวิตหนึ่งต้องมาตายให้คุณเห็นต่อหน้าแบบนั้นอ่ะเป็นคุณ...คุณจะทำยังไงวะ...ฉันทั้งสติแตกทั้งร้องไห้เพราะสงสารเด็ก...ไม่รู้ว่าฉันจะช่วยอะไรเด็กได้บ้าง..ฉันช่วยเขาให้ฟื้นมาด้วยความยากลำบาก...แล้วดูสิ่งที่คุณทำกับเขาและฉันตอนนี้สิ...คุณแสดงพฤติกรรมชั่วช้าแบบนี้ให้เขาเห็น..คุณคิดว่ามันดีสำหรับเขาแล้วหรอ...เขายังเด็กเขาใสซื่อเขาบริสุทธิ์...เขาเป็นผ้าขาวสะอาด..แต่คนที่เป็นพ่อเขาที่จะเป็นปากกาขีดเขียนเขาให้โตไปในทางที่ผิดๆ...คุณว่ามันคุ้มกับที่ฉันเหน็ดเหนื่อยช่วยเธอในวันนั้นมั้ยมันคุ้มกันมั้ยลองใช้สมองอันน้อยนิดของคุณลองไตร่ตรองดูสิโว้ย...ไอ้พ่อชั่ว!!!"

       สิ้นเสียงตะโกนด่าอันนาก็เป็นลมล้มพับไปเป็นเพราะเธออดอาหารมาหลายวันพร้อม ทั้งวันนี้ร้องไห้หนัก เรี่ยวแรงก็เลยหมดไปกับการตะโกนด่าพีรพัฒน์ แต่ปัญหาก็ยังไม่จบเมื่อเด็กน้อยเห็นว่าอันนาหมดสติไปจากที่ตอนแรกเธอไม่เป็นอะไรจู่ๆเธอก็ร้องกรี๊ดๆลั่นห้องแล้วก็พยายามที่จะกระดึ๊บๆมาหาอันนา 

       พีรพัฒน์จึงได้รับรู้ว่าลูกสาวของเขานั้นติดและชอบอันนามากแค่ไหนพีรพัฒน์จึงอุ้มอันนาขึ้นไปนอนข้างๆน้องพีมเพื่อให้ลูกสาวหยุดร้องไห้ เด็กน้อยผู้เห็นว่าผู้หญิงที่คอยเลี้ยงดูและเอาอกเอาใจเธอในไม่กี่วันมานี้เป็นแม่ของเธอเธอจึงเข้าไปกอดเอื้อมมือไปจับไปแตะๆที่หน้าที่ตัวของอันนาแล้วก็ร้องไห้พึมพำภาพเหล่านั้นมันทำให้ทุกคนในห้องถึงกับอดไม่ได้ที่จะน้ำตาคลอเบ้า โดยเฉพาะพีระพัฒน์ผู้เป็นพ่อ

"อาเต๋อ...แกได้ยินอย่างที่ฉันได้ยินใช่มั้ยน้องพีมเกือบจะตายเพราะผู้หญิงแพศยานั่น...แกว่าฉันควรจะทำยังไงกับคนในครอบครัวนั้นดี...แกช่วยฉันคิดทีสิอาเต๋อ"

"ขอเพียงนายเอ่ยปาก...พวกเราพร้อมที่จะไปจัดการครับนาย"

"กล้าทำถึงขั้นนี้...ก็แสดงว่าพวกมันอยากจะเป็นศัตรูกับฉันโดยเปิดเผย...ก็ดีเลยแต่ก่อนเพราะฉันเกรงใจฉันจึงไม่ลงมือแต่ตอนนี้ฉันตาสว่างมากแล้ว...รับรองว่าฉันไม่จบเรื่องนี้ง่ายๆแน่นอน"

       พีรพัฒน์กัดฟันกรอดแต่เพราะอยู่ต่อหน้าลูกสวยเขาจึงแสดงสีหน้าออกมาไม่ได้เขาเอื้อมมือไปลูบหัวลูกสาวเบาๆพร้อมกับเหลือบไปมองหน้าคนที่เป็นลมอยู่ตรงหน้าที่ตอนนี้ที่ขอบตาก็ยังมีน้ำตาชุ่มๆอยู่เขารู้สึกขอบคุณเธอที่ช่วยเหลือน้องพีมเอาไว้และเขาก็คิดว่ายังไงๆเขาก็คงต้องตอบแทนบุญคุณนี้คืนกลับแก่เธอให้สาสม

"อาเต๋อ...นายพาคนไปเก็บข้าวของของเธอมาไว้ที่ห้องเล็กที...ฉันจะให้เธอมาเป็นพี่เลี้ยงให้น้องพีม...เก็บมาให้หมดทุกอย่างแล้วก็ทำเรื่องซื้ออพาร์ทเม้นท์นั่นด้วยนะซื้อไว้เลย...ซื้อเป็นชื่อของเธอ"

คำเตือน

ตัวละคร พฤติกรรม สถานที่ หน่วยงานวิชาชีพต่างๆ และเหตุการณ์ที่มีการใช้ความรุนแรงในนิยายเป็นแค่เรื่องสมมุตินิยายเรื่องนี้ถูกแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงและความสนุกสนานเท่านั้นโดยไม่มีเจตนาชี้นำหรือส่งเสริมการกระทำใดๆที่เกิดขึ้นในนิยาย ตัวละครหรือเนื้อหาอาจจะมีการใช้ความรุนแรงทางเพศและตัวละครอาจมีการใช้คำพูดที่ค่อนข้างจะหยาบคายแต่เพื่อความสมจริงและเพิ่มอรรถรสให้กับนิยายได้สมจริงมากขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ ขอขอบคุณพระคุณไว้ล่วงหน้าหากท่านจะมาเป็นผู้ใหญ่ใจดีอุดหนุนsupportนิยายเรา🙏🙏🙏

สารบัญ

อุ้มรักกราวใจ-ตอนที่ 1 ยกพวกตามหาลูกสาว,อุ้มรักกราวใจ-ตอนที่ 2 นั่นมันเด็ก!! เด็กตัวเป็นๆเลยนะ,อุ้มรักกราวใจ-ตอนที่ 3 นี่ลูกฉันเป็นอะไรไป,อุ้มรักกราวใจ-ตอนที่ 4 เคยรู้อะไรจริงๆบ้างมั้ย,อุ้มรักกราวใจ-ตอนที่ 5 จูบแรกจากคนที่เพิ่งรู้จักกัน,อุ้มรักกราวใจ-ตอนที่ 6 เอะอะก็หาแต่เรื่องจะจูบ

เนื้อหา

ตอนที่ 4 เคยรู้อะไรจริงๆบ้างมั้ย

"สองวันแล้วนะหมอนิ่ม...ทำไมน้องพีมถึงได้เอาแต่ร้องๆๆไม่ยอมหยุดแบบนี้คุณไม่มีวิธีไหนอีกแล้วหรอ"

"คุณพีคะ...สองวันมานี้ฉันลองหลายวิธีมากค่ะ...ทุกสิ่งที่คุณหนูพีมเคยชอบกินของเล่นทุกชิ้นที่เคยชอบเล่น...ตอนนี้เธอไม่เอาอะไรเลยสักอย่างค่ะ...ดูเหมือนว่าเธอจะถูกเลี้ยงแบบใหม่หมด...เราจำเป็นที่จะต้องไปถามพี่เลี้ยงคนนั้นค่ะ...เธออาจจะมีวิธีทำให้เด็กหยุดร้องได้...ถ้าภายในวันสองวันนี้เด็กไม่หยุดร้องปอดอาจจะโตขยายมากกว่าที่จำเป็น...ไปถามเธอเถอะค่ะ"

"เป็นไปได้มั้ยว่าผู้หญิงคนนั้นจะเอาอะไรให้น้องพีมกิน...น้องพีมถึงได้ร้องราวกับว่าเจ็บปวดมากขนาดนี้"

"ก็เป็นไปได้ค่ะ"

       พีรพัฒน์เมื่อได้คำตอบที่อยากจะฟังแล้วเขาก็ลงไปที่ห้องมืดหลังสวนพร้อมกับไปดูหน้าแม่พี่เลี้ยงใจยักษ์ที่เป็นสาเหตุทำให้ลูกสาวของเขาร้องไห้ไม่ยอมหยุด

"มันยังไม่ตายใช่มั้ย"

"ยังครับนาย...แต่แค่อ่อนแรงเพราะไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่มาที่นี่ครับ"

"แล้วไง...ถ้าจะใจเสาะตายเพราะได้อดข้าวก็ให้มันตายไปเลย...ปลุกมันขึ้นมา...ฉันจะถามมันเองว่ามันอยากจะมีชีวิตอยู่หรือว่ามันอยากจะตายตอนนี้"

       ในห้องมืดๆถูกเปิดไฟสีส้มเพียงแค่หนึ่งดวงพีรพัฒน์มองเห็นแต่เพียงว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าของเขาอายุอานามคงไม่น่าจะเกินยี่สิบต้นๆ แต่ก็ไม่ได้เห็นว่าใบหน้าของเธอนั้นเป็นอย่างไรแต่ดูแค่หุ่นกับผิวที่แขนดูเป็นคนที่หุ่นดีและมีผิวพรรณที่ขาวสะอาดหมดจด 

       สิ้นเสียงคำสั่งของเจ้านาย ลูกน้องก็หยิบเอาน้ำหนึ่งถังมาสาดใส่ตัวเธอเพื่อจะทำให้เธอตื่นฟื้นมีสติ อันนาเมื่อถูกน้ำเย็นๆสาดใส่ร่างกายเธอก็มีสติขึ้นมาทันที เธอค่อยๆลืมตามาแล้วสอดส่ายสายตาไปรอบก่อนตาลายเห็นพีรพัฒน์เป็นพ่อตัวเอง

"พ่อคะ...พ่อมาช่วยหนูแล้วใช่มั้ยคะพ่อหนูอยากออกไปจากที่นี่...พ่อช่วยหนูทีนะคะ"

"นี่เธอ...ฉันไม่ใช่พ่อของเธอ...รีบๆมีสติแล้วตอบคำถามฉันมา..ถ้าเธออยากจะออกไปจากที่นี่ในสภาพที่หายใจและครบสมบูรณ์แบบสามสิบสองก็รีบบอกมาว่าใครเป็นคนจ้างเธอให้ทำเรื่องเหล่านี้"

"คำถามเดิมๆแล้ว...ไม่ว่าจะเปลี่ยนคนถามอีกสักพันคนฉันก็มีคำตอบเดียวคือฉันไม่รู้คนที่จ้างให้ฉันเลี้ยงเด็กเป็นใคร...แม้นแต่หน้าหรือเสียงของเขาฉันก็ไม่เคยเห็นและไม่เคยได้ยิน...เขาแค่ทิ้งจดหมายไว้กับเด็กฉันรู้แค่นั้นจริงๆ"

"แค่จดหมาย!!!...เธอคิดว่าฉันโง่นักรึไงติดต่อกันทางจดหมายเนี่ยนะ"

"แล้วคนอย่างนายคิดว่าฉันจะโง่พอที่จะโกหกเพื่อให้ตัวเองมีสภาพแบบนี้งั้นหรอถ้าฉลาดนักแล้วทำไมถึงได้ปล่อยให้คนลักพาตัวลูกตัวเองไปได้ล่ะ..ห๊ะไอ้คนเก่ง"

       พีรพัฒน์ฉุนอันนาจนเลือดขึ้นหน้าไปหมดเขาเงื้อมือทำท่าจะตบอันนาแต่ก็ทำไม่ได้

"เธอพูดแบบนี้เป๊ะทุกรอบที่เราถามครับหรือว่าเธอจะไม่รู้จริงๆครับว่าใครเป็นคนที่สั่งการอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด"

       พีรพัฒน์หันหน้าไปมองหน้าโทรมๆของอันนาอีกรอบแล้วเปลี่ยนคำถามใหม่อีกครั้ง คราวนี้เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงที่เบาลงและฟังดูเหมือนจะนุ่มนวลขึ้น

"เธอได้เอาอะไรที่ไม่ดีให้น้องพีมกินรึเปล่า...ตั้งแต่น้องพีมกลับมาเธอก็เอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมหยุดเลย"

"ว่าไงนะ...เหมียวเหมี่ยวร้องไม่ยอมหยุดพวกคุณดูแลเธอกันยังไง...ไม่รู้หรอว่าถ้าเด็กตัวแค่นั้นร้องไห้ไม่หยุดปอดอาจจะมีปัญหาได้...ไม่มีใครรู้เลยหรอ"

"ก็เพราะรู้ไงถึงได้มาถามเธอว่าเธอได้เอาอะไรให้น้องพีมกินรึเปล่า...เธอมีอาการแปลกๆแล้วตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา...เธอร้องแล้วก็พูดคำว่า..มำๆ..มาๆอยู่ตลอดเลย"

"ถ้าร้องแบบนั้นก็แปลว่าเขาอยากให้อุ้มไงแค่นี้ก็ไม่รู้หรอ"

"น้องพีมไม่ยอมให้ใครอุ้ม...ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ตัวเลยด้วยซ้ำ..แล้วจะอุ้มยังไง"

"เธออาจจะอารมณ์ไม่ดีเพราะหิวด้วยล่ะมั้งตั้งแต่มาเธอกินนมกินข้าวอิ่มรึเปล่า...หรือว่าคุณปล่อยให้เธออดข้าวเหมือนฉัน"

"นั่นมันลูกฉันนะ...ฉันจะปล่อยให้เธออดข้าวอดน้ำได้ไง"

"ถ้าท้องอิ่ม...ได้นอนเต็มที่แล้วทำไมเธอถึงจะยังร้องอยู่ล่ะ"

       อันนาชักสีหน้ากวนไปใส่พีรพัฒน์อย่างไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวเขาเลยสักนิด พีรพัฒน์เองที่หมดปัญญาที่จะทำให้น้องพีมหยุดร้องเขาจึงตัดสินใจสั่งคนหิ้วเอาตัวอันนาขึ้นไปบนบ้านใหญ่กับเขาด้วย 

       เผื่อว่าถ้าคนสองคนได้เจอกันเด็กน้อยอาจจะหยุดร้องและมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เมื่อน้องพีมได้เห็นหน้าอันนาจากที่ตอนแรกร้องๆไห้อยู่ก็หยุดร้องเอาดื้อๆแถมยังทำตัวดุ๊กดิ๊กๆเหมือนจะอยากเข้าไปใกล้อันนาอีกด้วยจนทุกๆสายตาในห้องถึงกับมึนงงเป็นไก่ตาแตกกันทั้งห้อง

"ไหนใครร้องไห้เอ่ย...ไหนใครงอแงกันนะไม่ร้องนะคะสาวน้อยไม่ร้องนะคนดี"

       อันนาที่นั่งคุกเข่าอยู่ห่างไปจากเตียงตบมือร้องเรียกเสียงเบาพร้อมกับยิ้มกว้างส่งไปให้แม่สาวน้อยที่นั่งพิงหมอนอยู่บนเตียงเมื่อเด็กน้อยได้ยินเสียงอบอุ่นที่คุ้นเคยเธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปในทันที 

       น้องพีมฉีกยิ้มที่ใสซื่อบริสุทธิ์ออกมาครั้งแรกเลยหลังจากที่กลับมาถึงบ้าน เธอค่อยๆเผยเสียงหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกับยกมือน้อยไปโบกไปมาเพื่อสื่อให้คนที่เรียกเธอได้รับรู้ว่าเธอดีใจมากๆที่ได้เห็นหน้ากันน้องพีมมีอาการตื่นเต้นราวกับว่าเธอได้เจอหน้าของแม่ตัวเองหลังจากที่ไม่ได้เห็นกันมาสักวันสองวัน

(พีรพัฒน์คิดในใจ)

"อะไรกันเนี่ย...น้องพีมเห็นหน้ายัยเด็กนี่แล้วหยุดร้องไห้เลยงั้นหรอ...หรือว่ายัยเด็กคนนี้เอาอะไรให้น้องพีมกินจริงๆน้องพีมถึงได้ติดใจยัยนี่หนักขนาดนี้"

*******************

"อาเต๋อ...หาอะไรมาปิดหูให้น้องพีมทีสิฉันจะคุยกับยัยเด็กนี่ให้รู้เรื่องสักที"

"ได้ครับนาย"

       อาเต๋อเดินออกจากห้องไปได้ไม่นานเขาก็กลับเข้ามาพร้อมหูฟังอันเล็กเพื่อไปสวมปิดป้องกันไม่ให้น้องพีมได้ยินสิ่งที่ไม่ควรที่จะได้ยิน 

"เธอรีบตอบฉันมาเลยนะ...เธอทำงานนี้ให้ใคร...ใครเป็นคนให้เธอทำ!!!"

       ชายหน้าตาหล่อเหลาสูงขาวขาเรียวยาวใช้มือหนาบีบจับใบหน้าเธอจนบิดเบี้ยวเค้นถามเอาความจริงจากเธอด้วยน้ำเสียงที่เข้มและเกรี้ยวกราดสุดๆ เขาชักสีหน้าดุราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเธอให้ได้ถ้าเธอไม่ตอบคำถามเขา

"โอ๊ะโอ๊ย!!!!...ฉันเจ็บนะ...ปล่อยก่อนสิถ้าบีบปากอยู่แบบนี้ใครมันจะไปพูดได้"

"ฉันจำเป็นต้องฟังเธอหรอ...บอกมาว่าเธอทำงานนี้ให้กับใคร...ใครเป็นคนจ้างให้เธอลักพาตัวลูกของฉันไป..บอกมา!!!"

"เสียดายใบหน้าหล่อๆ ของแกเนอะ..หล่อแต่หูหนวก!!!...ปัญญาอ่อน!!!...สมองนิ่ม!!!ฉันก็บอกเป็นร้อยเป็นพันรอบแล้วนี่ไงว่าฉันไม่ได้ลักพาตัวเด็กคนนี้มา...ฉันไปเจอน้องเขาที่ข้างถนน...ฉันเจอเธอที่ข้างถนน!!"

"โกหก!!!...ถ้าไม่บอกฉัน..เธอจะได้ไปนอนคุยกับรากมะม่วงแน่ๆ ...บอกมาก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน...เผลอพลั้งมือยิงเธอตายห่าไปซะก่อน"

       พีรพัฒน์ควักปืนออกมาขู่อันนาหวังจะให้เธอนั้งกลัวเขาจนคุณนมและคนใช้อีกหลายคนร้องกรี๊ดห้ามกันแทบเสียงหลง แต่กลับกันเลย อันนาไม่ได้เกรงกลัวปืนที่เอามาขู่เธอด้วยซ้ำ เธอไม่กลัวตายแถมยังท้าทายให้พีรพัฒน์ยิงเธอเลย

"ก็ยิงซะสิ...เอาจริงฉันก็เห็นใจเด็กคนนี้นะเธอมีพ่อที่เฮงซวยแบบนี้นี่เอง...เธอจึงมีนิสัยที่ชอบร้องโวยวายถ้าไม่ได้อย่างใจเพราะเขามีพ่อที่สารเลว..ชั่ว...ป่าเถื่อนแบบนี้ไง...เด็กมันถึงได้สติมีปัญหาอ่ะ"

       พีรพัฒน์สุดจะทนแล้วเขาหันปากกระบอกปืนไปยิงใส่แก้วน้ำเพื่อเป็นการข่มขู่ว่าถ้าเธอไม่ยอมปริปากพูดเขาจะยิงเธอแน่นอน

~ปัง ปัง ปัง ~

"อ๊ายยยยย...ไอ้คนบ้าเอ๊ย!!!ในห้องมีเด็กตัวเล็กๆ อยู่ด้วยนะเว้ย...ทำอะไรหัดคิดบ้างสิ"

"เขาไม่ได้ยินหรอกเพราะฉันหาอะไรปิดหูเขาไว้แล้ว.."

"ไม่ได้ยินแล้วไง!!!...ไม่ได้แล้วคิดว่าเขาไม่ได้ดู...มองไม่เห็นพฤติกรรมอันชั่วช้าของพ่อเขารึไง...รู้ไว้ด้วยนะ..เด็กวัยนี้เขากำลังจดจำสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำได้ดีเชียวล่ะ...คนเป็นพ่ออย่างแกรู้อะไรเกี่ยวกับลูกตัวเองบ้างหน้าโง่ๆ แบบนี้รู้อะไรบ้างมั้ย!!!"

"ถึงฉันจะไม่ค่อยมีเวลาให้เขา..แต่ฉันก็รู้ว่าเขาชอบกินอะไร..เขาชอบของเล่นชิ้นไหน...นอนกี่ชั่วโมง..."

"รู้เพราะพี่เลี้ยงบอกล่ะสิ...แล้วรู้บ้างมั้ยก่อนที่เขาจะได้มานั่งดูแกเอาปืนมาจ่อใส่หัวฉันอยู่แบบเนี้ย...เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้าเด็กคนนี้เจออะไรมาบ้าง...แกรู้บ้างรึเปล่าว่าเธอเกือบตายถ้าไม่ได้ฉันช่วยไว้..ห๊ะ!!! คุณเคยรู้มั้ยว่าฉันไปเจอเธอในสภาพไหนเขาเอาเธอมาทิ้งไว้ข้างถนนในซอยเล็กๆเขาเอาเธอใส่ถุงดำมา!!!...คงกะจะให้ตายแต่เธอใจสู้!!!...คุณรู้มั้ยว่าเธอขาดอากาศหายใจนอนแน่นิ่งไปแล้วด้วยซ้ำตอนที่ฉันเปิดถุงดำนั่นออก...กว่าฉันจะช่วยยื้อชีวิตเธอกลับมาได้ต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหน...เธอขาดออกซิเจนไปนานแค่ไหนฉันก็ไม่รู้...เธอเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ใช่!!!...ฉันอาจจะเด็ก...ฉันพึ่งจะอายุแค่ยี่สิบ...แต่ฉันคิดว่าฉันรู้ความกว่าคุณเยอะฉันรู้ว่าเขาไม่ชอบเสียงดัง!!!...ฉันรู้ว่าเขาชอบกินฟักทองบดละเอียด...แล้วฉันก็รู้ว่าเธอชอบฟังเพลงอะไรก่อนนอน...เรื่องพวกเนี้ย...คนเป็นพ่ออย่างคุณเคยรู้บ้างรึเปล่า...เคยรู้อะไรจริงๆ เกี่ยวกับลูกของตัวเองบ้างมั้ยห๊ะ"

       อันนาทั้งพูดไปร้องไห้ไปด้วย เธอพยามอดกลั้นมานานหลายวันเธอเลือกที่จะไม่พูดเรื่องราวเหล่านั้นออกมาเพราะเธอเองก็สะเทือนใจเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นอยู่ไม่น้อยเลย เธอรู้สึกสงสารเด็กที่จะต้องมาเจอและมาเติบโตอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้

"พูดว่าน้องพีม..ถูกยัดใส่ถุงดำไปทิ้งอย่างนั้นหรอ...น้องพีมเกือบตายงั้นหรอ"

"ใช่!!!...เธอไม่หายใจแล้วด้วยซ้ำตอนที่ฉันแกะถุงนั่นออก...คุณเคยคิดมั้ยว่าถ้าคุณไปเจอสถานการณ์เดียวกันกับฉันคุณจะเป็นยังไง...เด็กที่ตายอยู่ตรงหน้าเขาเป็นลูกใครก็ไม่รู้แต่ฉันดันไปเปิดดูฉันดันอยู่ตรงนั้น...เห็นเขาหมดลมหายใจเป็นคุณอ่ะ...คุณจะรู้สึกยังไง...ชีวิตหนึ่งต้องมาตายให้คุณเห็นต่อหน้าแบบนั้นอ่ะเป็นคุณ...คุณจะทำยังไงวะ...ฉันทั้งสติแตกทั้งร้องไห้เพราะสงสารเด็ก...ไม่รู้ว่าฉันจะช่วยอะไรเด็กได้บ้าง..ฉันช่วยเขาให้ฟื้นมาด้วยความยากลำบาก...แล้วดูสิ่งที่คุณทำกับเขาและฉันตอนนี้สิ...คุณแสดงพฤติกรรมชั่วช้าแบบนี้ให้เขาเห็น..คุณคิดว่ามันดีสำหรับเขาแล้วหรอ...เขายังเด็กเขาใสซื่อเขาบริสุทธิ์...เขาเป็นผ้าขาวสะอาด..แต่คนที่เป็นพ่อเขาที่จะเป็นปากกาขีดเขียนเขาให้โตไปในทางที่ผิดๆ ...คุณว่ามันคุ้มกับที่ฉันเหน็ดเหนื่อยช่วยเธอในวันนั้นมั้ยมันคุ้มกันมั้ยลองใช้สมองอันน้อยนิดของคุณลองไตร่ตรองดูสิโว้ย...ไอ้พ่อชั่ว!!!"

       สิ้นเสียงตะโกนด่าอันนาก็เป็นลมล้มพับไปเป็นเพราะเธออดอาหารมาหลายวันพร้อมทั้งวันนี้ร้องไห้หนัก เรี่ยวแรงก็เลยหมดไปกับการตะโกนด่าพีรพัฒน์ แต่ปัญหาก็ยังไม่จบเมื่อเด็กน้อยเห็นว่าอันนาหมดสติไปจากที่ตอนแรกเธอไม่เป็นอะไรจู่ๆ เธอก็ร้องกรี๊ดๆ ลั่นห้องแล้วก็พยายามที่จะกระดึ๊บๆมาหาอันนา 

       พีรพัฒน์จึงได้รับรู้ว่าลูกสาวของเขานั้นติดและชอบอันนามากแค่ไหนพีรพัฒน์จึงอุ้มอันนาขึ้นไปนอนข้างๆ น้องพีมเพื่อให้ลูกสาวหยุดร้องไห้เด็กน้อยผู้เห็นว่าผู้หญิงที่คอยเลี้ยงดูและเอาอกเอาใจใส่เธอในไม่กี่วันมานี้เป็นแม่ของเธอ  

       เธอจึงเข้าไปกอดเอื้อมมือไปจับไปแตะๆที่หน้าที่ตัวของอันนาแล้วก็ร้องไห้พึมพำภาพเหล่านั้นมันทำให้ทุกคนในห้องถึงกับอดไม่ได้ที่จะน้ำตาคลอเบ้า โดยเฉพาะพีระพัฒน์ผู้เป็นพ่อ

"อาเต๋อ...แกได้ยินอย่างที่ฉันได้ยินใช่มั้ยน้องพีมเกือบจะตายเพราะผู้หญิงแพศยานั่น...แกว่าฉันควรจะทำยังไงกับคนในครอบครัวนั้นดี...แกช่วยฉันคิดทีสิอาเต๋อ"

"ขอเพียงนายเอ่ยปาก...พวกเราพร้อมที่จะไปจัดการครับนาย"

"กล้าทำถึงขั้นนี้...ก็แสดงว่าพวกมันอยากจะเป็นศัตรูกับฉันโดยเปิดเผย...ก็ดีเลยแต่ก่อนเพราะฉันเกรงใจฉันจึงไม่ลงมือแต่ตอนนี้ฉันตาสว่างมากแล้ว...รับรองว่าฉันไม่จบเรื่องนี้ง่ายๆ แน่นอน"

       พีรพัฒน์กัดฟันกรอดแต่เพราะอยู่ต่อหน้าลูกสาวเขาจึงแสดงสีหน้าออกมาไม่ได้เขาเอื้อมมือไปลูบหัวลูกสาวเบาๆ พร้อมกับเหลือบไปมองหน้าคนที่เป็นลมอยู่ตรงหน้าที่ตอนนี้ที่ขอบตาก็ยังมีน้ำตาชุ่มๆอยู่เขารู้สึกขอบคุณเธอที่ช่วยเหลือน้องพีมเอาไว้และเขาก็คิดว่ายังไงๆ เขาก็คงต้องตอบแทนบุญคุณนี้คืนกลับแก่เธอให้สาสม

"อาเต๋อ...นายพาคนไปเก็บข้าวของของเธอมาไว้ที่ห้องเล็กทีนะ...ฉันจะให้เธอมาเป็นพี่เลี้ยงให้น้องพีม...เก็บมาให้หมดทุกอย่างแล้วก็ทำเรื่องซื้ออพาร์ทเม้นท์นั่นด้วยนะซื้อไว้เลย...ซื้อให้เป็นชื่อของเธอ"

       (เราไม่สนับสนุนให้ผู้ใหญ่ใช้ความรุนแรงแบบนี้หรือทุกๆกรณีต่อหน้าเด็กๆนะคะเพราะมันจะเป็นการปลูกฝังเด็กให้โตขึ้นมาเป็นคนไม่ดีได้ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ ขอความกรุณาอย่าดราม่าด่าไรท์นะคะ)


                        จบตอน