เมื่อเด็กสาวที่ป่วยใกล้ตายวิงวอนขอพรต่อสวรรค์ขอให้เธอได้มีชีวิตอยู่ต่อไปแต่สุดท้ายสวรรค์ก็ไม่ฟังเสียงร้องจากเธอ เธอตายจากไปจากโลกนี้ไปแต่จู่ๆเธอกลับได้ไปพบเจอกับโลกใหม่อีกใบที่แสนประหลาด
รัก,ชาย-หญิง,แฟนตาซี,ข้ามเวลา,ไทย,จูบเก่งจูบฉ่ำ,หึงหวงเก่ง,พระเอกขี้หวง,พระเอกเป็นซุปตาร์,คลั่งรัก,เกิดใหม่ ,เกิดใหม่ในร่างคนอื่น,นิยายเกิดใหม่,ต่างโลก,แฟนตาซี,LN,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บันทึกรักนายซุป'ตาร์เมื่อเด็กสาวที่ป่วยใกล้ตายวิงวอนขอพรต่อสวรรค์ขอให้เธอได้มีชีวิตอยู่ต่อไปแต่สุดท้ายสวรรค์ก็ไม่ฟังเสียงร้องจากเธอ เธอตายจากไปจากโลกนี้ไปแต่จู่ๆเธอกลับได้ไปพบเจอกับโลกใหม่อีกใบที่แสนประหลาด
สุชาดาเด็กสาววัยสิบเก้าปีบริบูรณ์จู่ๆในคืนวันเกิดของเธอก็เกิดเรื่องราวเลวร้ายบางอย่างขึ้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว วันที่13-3-2023 คือวันคล้ายวันเกิดของเธอในอายุครบสิบเก้าปีบริบูรณ์
ในตอนนั้นที่เกิดเรื่องคือเวลาจากห้าทุ่มห้าสิบห้าไปจนถึงเที่ยงคืนห้านาทีซึ่งเป็นเวลาของการที่เวลาของดาราจักรกำลังจะปรับเปลี่ยนดวงพอดีตอนนั้นสุชาดากำลังจะเข้านอนหลังจากที่เธอและครอบครัวและเพื่อนพ้องฉลองวันเกิดเธอเสร็จ
วินาทีที่เธอกำลังจะขึ้นไปนั่งบนเตียงจู่ๆเธอก็รู้สึกหน้ามืดแล้วก็ล้มลงสู่พื้นในทันทีแล้วก็สลบไปในที่สุดโดยที่เธอยังคุยสายค้างอยู่กับใครคนหนึ่งอย่างมีความสุข
"พรุ่งนี้ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะไปสารภาพรักกับพี่เขา ฉันจะใจกล้าหน้าด้านขอพี่เขาเป็นแฟนฉันช่วยเป็นกำลังใจให้ฉันด้วยนะ"
"............…............"
"หมายความว่าไง!!!!!!"
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคนปลายสายพูดอะไรกับเธอหรือเป็นเพราะสาเหตุอะไรกันแน่ที่จู่ๆก็ทำให้เธอล้มลงไปกองอยู่กับพื้นพร้อมกับการหมดสติไปแบบไม่ทันได้ตั้งตัว พอรุ่งเช้าเธอตื่นขึ้นมา
เธอก็ได้พบว่าตัวเองได้นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยที่โรงพยาบาลที่ไหนสักแห่ง หลังจากที่ลืมตาขึ้นมาเธอก็เห็นพ่อแม่พี่น้องญาติคนสนิทและเพื่อนๆของเธอยืนล้อมข้างเตียงของเธอเต็มไปหมดและสีหน้าของแต่ละคนก็ไม่ค่อยจะสู้ดีนักโดยเฉพาะคุณยายและคุณแม่ของเธอที่บนใบหน้าเห็นมีแต่คราบน้ำตาเปื้อนหน้าเต็มไปหมด
ทั้งสองคนต่างนั่งกุมมือสวยๆของเธออยู่อย่างไม่ห่างวางตาเลยเหมือนภายในกำลังมีเรื่องให้กลุ้มใจอย่างหนักสุชาดาค่อยๆตื่นลืมตาขึ้นมาช้าๆเพราะรู้สึกว่าตอนนี้ร่างกายของเธอนั้นเหนือการควบคุมมากจากสมองของเธอ ทันทีที่เธอมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจนเธอก็รีบฉีกยิ้มส่งให้กับทุกคนเพื่ออยากตะบอกว่าตอนนี้เธอสบายดีแล้ว
"แม่คะแม่เป็นอะไรทำไมถึงร้องไห้ล่ะเกิดอะไรขึ้นหรอทำไมทุกคนถึงได้กลับมาอีกล่ะไม่ใช่ว่าเมื่อกี้ทุกคนกลับบ้านไปนอนกันหมดแล้วหรอหรือว่ามีเซอร์ไพรส์วันเกิดอะไรให้หนูอีกหรอกนะคะคุณแม่คุณยาย"
"ชาดาลูก!!! อย่าพึ่งพูดอะไรมากเลยนะคนดีของยายตอนนี้หลานสาวคนดีของยายหิวมั้ยอยากกินน้ำหรือหิวข้าวหรือเปล่าลูก"
"คุณยายคะคุณยายเป็นอะไรคะร้องไห้ทำไมเจ้านันตามันทำอะไรให้ยายโมโหอีกแล้วใช่มั้ยคะเนี่ย คุณยายไม่ร้องนะเดี๋ยวหนูจะตัดการมันให้คุณยายนะโอเคมั้ย ไม่ร้องนะคะไม่ร้อง"
สุชาดายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่เปื้อนใบหน้าให้กัคุณยายสมรของเธอพร้อมกับเอ่ยปลอบใจโดยที่เธอก็ยังไม่ได้คิดเอะใจอะไรกับพฤติกรรมที่แปลกไปของทุกคนที่อยู่ตรงนั้น พอเธอฟื้นขึ้นมาได้เพียงไม่นานเหล่าคุณหมอและพยาบาลก็ต่างพากันได้วิ่งวุ่นเข้ามาในห้องของเธออีกครั้งเพราะเมื่อเธอฟื้นขึ้นมาได้ไม่นานเธอก็เกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลันช็อกหมดสติไปอีกครั้งโดยที่ครั้งนี้อาการเธอนั้นหนักลงกว่าเดิมมาก
"คุณหมอคะลูกของฉันเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอทำไมแกที่เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาก็กลับไปเป็นแบบนี้ได้อีกบอกเราเถอะค่ะคุณหมอ"
"หมอต้องบอกแบบนี้ครับ ผู้ป่วยตอนนี้หลังจากที่ช่วยกลับมาได้อาการก็ยังคงทรงตัวอยู่ครับแต่หมอก็ยังคงยืนยันคำเดิมครับว่าให้ญาติเริ่มเตรียมใจไว้เลยเพราะเธอเป็นระยะสุดท้ายแล้วที่ผ่านมาโรคไม่ส่ออาการให้เห็นอาจเป็นเพราร่างกายของคนไข้แข็งแรงและมีจิตใจที่เข้มแข็งตอนนี้ก็ทำได้แค่พยุงอากาศไม่ให้ทรุดลงกว่านี้หมอจะจัดยาเพื่อไม่ให้เธอเจ็บปวดมากก่อนเธอจะจากไป"
"ลูกของฉันจะไม่รอดแล้วหรอคะไม่มีทางรักษาได้เลยงั้นหรอคะคุณหมอ ช่วยเธอหน่อยเถอะนะคะเธออายุเพิ่งจะสิบเก้าปีเองได้โปรดเถอะค่ะหาทางช่วยเธอที"
"ญาติคนไข้ครับ หมอเองก็รู้ดีแล้วในใจก็เห็นใจคนไข้มากเหมือนกันแต่ในสามเดือนที่ผ่านมานี้เราหาทางและปรึกษากับหลายๆโรงพยาบาลแม้กระทั่งหมอผู้เชี่ยวชาญที่ต่างประเทศแล้วทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเคสนี้หาได้ยากมากๆปกติแล้วคนไข้ส่วนมากถ้ามีเนื้องอกที่มีก้อนใหญ่มากขนาดนี้เกิดขึ้นในร่างกาย ร่ายกายน่าจะมีปฏิกิริยาอะไรบ่งบอกออกมาบ้างแต่นี่เธอเป็นมานานมากแล้วจนเข้าขั้นระยะสุดท้ายของโรคแล้วเธอจะมามีอาการก็ตอนที่หนักแล้วไม่สามารถที่จะรักษาได้แล้ว ผมไม่อยากจะพูดคำนี้หรอกนะครับแต่ไม่มีทางรักษาได้แล้วจริงๆหมอเสียใจด้วยจริงๆนะครับเธออาจจะอยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งเดือนแล้วในระหว่างนี้ถ้าเกิดคนไข้ฟื้นขึ้นมาญาติก็ควรใช้เวลากับคนไข้ให้ได้มากที่สุดอยู่กับเธอเป็นกำลังแรงใจให้เธอเผื่อเธอจะอยู่กับเราให้ได้นานที่สุด"
"ไม่เกินเดือน!!!! ยัยหนูของยาย"
สุชาดาหลังจากช็อกแล้วถูกยื้อชีวิตกลับคืนมาได้อีกครั้งพอหลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมาสีโลกของเธอก็เปลี่ยนไป เธอเมื่อได้สติกลับคืนมาแต่ยังไม่ทันจะได้ลืมตามองดูหน้าใครๆหูของเธอก็พลันได้ยินคำพูดของคนในครอบครัวของตัวเองจนหมดแล้วว่าเธออาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่ถึงหนึ่งเดือนสาเหตุเป็นเพราะเธอมีเนื้องอกในก้านสมองซีกซ้ายขนาดใหญ่อีกทั้งเจ้าเนื้องอกตัวนี้ก็ได้ก่อเป็นมะเร็งที่ร้ายแรงไปแล้วทั่วสมอง
ถึงแม้นว่าถ้าผ่าก็ใช่ว่าจะมีทางรอดโอกาสที่จะรอดนั้นเป็นศูนย์ เนื้อก้านสมองถูกมะเร็งกัดกินลามเป็นวงกว้างไปทั่วทุกที่ของสมองเพราะฉะนั้นหมอจึงแนะนำให้ญาติคนไข้ทำใจ และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆสุชาดาอยู่ได้ไม่ถึงเดือนเธอก็พลันจากโลกใบนี้ไปอย่างสงบ
"ถ้านรกหรือสวรรค์มีจริงได้โปรดท่านช่วยรับฟังคำขอจากหนู นางสาวสุชาดา พิเศษโสณี คนนี้สักครั้งจะได้มั้ยคะปีนี้หนูเพิ่งจะอายุแค่สิบเก้าปีเองนะคะท่าน ท่านใจดีให้หนูได้เกิดมาแล้วทำไมท่านไม่ปล่อยให้หนูได้อยู่สร้างความดีให้โลกใบนี้อีกสักหน่อยล่ะคะท่าน หนูยังไม่มีโอกาสได้เรียนมหาลัยให้จบเลยหนูยังไม่มีโอกาสที่จะหาเงินมาตอบแทนคุณพ่อแม่ปู่ย่าตายายเลยหนูยังไม่ได้มีโอกาสพาครอบครัวของหนูไปเที่ยวที่ไหนสวยๆสักที่เลยหนูยังไม่มีโอกาสได้คุยกับน้องชายดีๆเลย เราสองคนพี่น้องส่วนมากก็เอาแต่ทะเลาะกันตลอดจนพ่อแม่ต้องไม่ค่อยสบายใจ หนูเป็นพี่สาวโตจนถึงป่านนี้ก็ยังไม่เคยได้สอนน้องทำการบ้านเลยสักครั้งแล้วอีกอย่างหนูโตมาจนถึงป่านนี้หนูยังไม่เคยมีแฟนเลยสักคนเมื่อหลายเดือนก่อนนี้หนูเพิ่งจะไปแอบชอบรุ่นพี่คนนึงมากะว่าจะได้ไปสารภาพรักกับพี่เขาอยู่แล้วแท้ๆแต่ท่านก็จะมาพรากหนูไปเสียก่อน แบบนี้หนูจะพูดว่าท่านทำกับหนูแบบไม่ค่อยจะยุติธรรมเลยหนูพูดได้มั้ยคะ
หนูอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อถึงจะให้ได้ไม่นานอย่าน้อยๆก็น่าจะให้หนูได้เตรียมใจก่อนสักนิดนะคะหนูขอสักปีสองปีก็ได้ถ้าปีสองปีมันมากไปหนูขอแค่ปีเดียวก็ได้สิบเดือนก็ได้ห้าวันก็ยังดีให้หนูได้มีโอกาสได้ทำใจได้บอกลาครอบครัวหนูอีกสักหน่อยจะได้รึเปล่า ขอร้องล่ะค่ะท่านอย่าใจร้ายกับเด็กน้อยอย่างหนูนักเลยได้โปรดเถอะนะคะได้โปรดให้หนูได้ร่ำลาพวกเขาอีกสักนิดก่อนไปได้มั้ยคะได้โปรดล่ะหนูขอร้องนะคะท่าน"
------ตี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด------
เสียงเครื่องวัดชีพจรร้องดังขึ้นยาวๆเพื่อแจ้งเตือนว่าคนไข้ได้เสียชีวิตแล้ว ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของสุชาดาถูกพ้นออกมาใส่หน้ากากเครื่องช่วยหายใจเพียงเสี้ยววินาทีแล้วก็หมดลงไปหลังจากนั้นในห้องก็มีแต่เสียงร้องไห้โดยความโศกเศร้าและเสียใจกับการจากไปของผู้เป็นที่รักคนหนึ่งของครอบครัวพิเศษโสณี สุชาดาหลั่งน้ำตาหยดสุดท้ายออกมาแล้วจากไปอย่างกายสงบแต่ภายในจิตใจกลับมีแต่ความหม่นหมองจิตใต้สำนึกของใจกลับเต็มไปด้วยคำขอร้องจากสวรรค์หรือคนที่กุมอำนาจอยู่เบื้องบนฟ้าที่แสนไกล
อีกหนึ่งซีกของมิติจักรวาลแสนไกล
ณ.กรุงบีดีมัลล์ แห่งฟลอเทียร์
"ท่านคะได้โปรดให้โอกาสหนูได้มีชีวิตอีกครั้งเถอะนะคะ ท่านคะหนูขอร้อง!!!!!"
เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มสดใสนอนหลับอยู่บนเตียงเธอดิ้นไปดิ้นมาพร้อมกับพูดพร่ำเพ้อละเมออะไรออกมาโดยที่คนเป็นแม่ก็ฟังไม่ค่อยได้ความมากดีลิสเดรียเดินเข้าห้องมาปลุกผู้เป็นลูกสาวอย่างเช่นทุกๆวันเพื่อไปทำงานให้ทันเวลา
"อิสซี!!! อิสซี!!!! ตื่นได้แล้วนะลูกรักสายแล้วอิสซีจ๊ะอิสซี!!!"
"แม่คะ!!!! หนูยังไม่อยากตายพ่อคะช่วยหนูที"
คำเตือน
ตัวละคร พฤติกรรม สถานที่ หน่วยงาวิชาชีพต่างๆ และเหตุการณ์ที่มีการใช้ความรุนแรงในนิยายเป็นแค่เรื่องสมมุตินิยายเรื่องนี้ถูกแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงและความสนุกสนานเท่านั้นโดยไม่มีเจตนาชี้นำหรือส่งเสริมการกระทำใดๆที่เกิดขึ้นในนิยาย ตัวละครหรือเนื้อหาอาจจะมีการใช้ความรุนแรงทางเพศและตัวละครอาจมีการใช้คำพูดที่ค่อนข้างจะหยาบคายแต่เพื่อความสมจริงและเพิ่มอรรถรสให้กับนิยายได้สมจริงมากขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ ขอขอบคุณพระคุณไว้ล่วงหน้าหากท่านจะมาเป็นผู้ใหญ่ใจดีอุดหนุนsupportนิยายเรา🙏🙏🙏
12:15 นาที
กรุงเทพมหานคร
"เด็กน้อยวันนี้เรียนเป็นไงบ้างก้าวหน้าขึ้นบ้างรึเปล่า ใกล้จะสอบปิดเทอมแล้วมีแพลนจะไปเที่ยวที่ไหนไว้บ้างรึยัง(ซอฟ)"
ชายหนุ่มรูปหล่อสูงขาวตากลมคิ้วเข้มดกดำเดินส่งยิ้มหวานหล่อลอยเอ่ยทักรุ่นน้องปีหนึ่งมาแต่ไกล เสียงทุ้มต่ำฟังแล้วละมุนหูนั่นคือเสียงของพ่อเทพบุตรจากแดนทรวงสวรรค์ของสุชาดารุ่นพี่สุดหล่อโปรไฟล์ดีเลิสเดือนสุดหล่อเท่ของคณะศิลปศาสตร์ (ซอฟ นายพีรดล กองแก้วษา)
รุ่นพี่ปีสามที่ช่วงนี้ชอบตามมาคุยตีสนิทกับชาดาอยู่บ่อยๆประหนึ่งว่าเหมือนอยากจะจีบเธอไปเป็นแฟน เมื่อหญิงสาวสี่ห้าคนที่นั่งอยู่เก้าอี้ใต้ร่มไม้ต้นสนหันไปมองก็พบว่าเป็นพี่ซอฟสุดหล่อคนดีคนเดิมที่ตอนนี้เดินชูคอเสนอหน้าหล่อๆเดินหล่อลอยมาแต่ไกลพร้อมกับคำถามที่คล้ายๆกันซ้ำๆอยู่ทุกวัน
สุชาดาเมื่อเห็นซอฟก็เกิดอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทำตัวไม่ค่อยจะถูกเพราะเขาคนนี้คือคนที่เธอนั้นหลงรักมาเกือบปี
"เสียงที่คุ้นเคยมาอีกแล้วจ้า!! มาทักทายทุกวันๆแบบนี้ถ้าไม่เรียกว่าจีบแล้วจะให้เรียกว่าอะไรได้อีกล่ะใช่มั้ยพวกแก!!(ยูเน่)"
ยูเน่เอ่ยปากแซวเพื่อนสาวที่ตอนนี้นั่งอมยิ้มกระมิดกระเมี้ยนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเธอสักเท่าไหร่
"พูดอะไรบ้าๆน่ายัยเน่ แกก็รู้ว่าพี่ซอฟเขาเป็นคนอัธยาศัยดีมากแค่ไหนที่พี่เขามาทักทายพวกเราทุกวันก็แค่มารยาทมั้ย!!(ชาดา)"
"แหม่ะๆๆแหม๊ะ!!!! ค้าาาาาแม่คนโลกสวยแม่คนมองโลกในแต่แง่บวกอ่อนต่อโลกมาก!!!ใสนะซื่อเนาะหล่อนเอ่ยวาจานี้ขึ้นมาเพื่อจะหลอกใครกันคะชะนีน้อยร้อยเขี้ยว(มิริน)"
"นี่ยัยมิชะนีน้อยบ้านแกหน้าตาเจ้าเล่ห์ขนาดนี้เลยหรอหน้าตาแบบนี้มันงูพิษชัดๆเลยเหอะค่ะ นี่แม่สาวน้อยแกจะแกล้งใสไปอีกนานมั้ยฮะ แกไม่สงสารพี่เขาหรือไง ฉันว่าแกรีบๆบอกพี่เขาไปเหอะว่าปิดเทอมใหญ่นี้แล้วแกจะไปเที่ยวที่ไหนไปกับใครไปยังไงสงสารอ่ะ(แอเรียล)"
แต่ก่อนที่สุชาดาจะได้เอ่ยปากหรือตัดสินใจใดๆกลับมีเสียงๆหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความเฉื่อยชาขึ้นมาช่วยเบรคพฤติกรรมทั้งหมดของเพื่อนเอาไว้จนหมดสิ้น
"ก่อนที่จะบอกปัดหรืออะไรนะยัยชาดาแกบอกให้พี่เขาเลิกซื้อขนมพวกนี้มาให้แกสักทีจะได้มั้ยพี่เขาซื้อมาพวกแกก็ไม่ยอมกิน สุดท้ายแล้วไอ้ความลำบากนี้มันตกมาที่ใครมันตกมาที่ท้องกูนี่ค่ะสาว นี่มึงรู้มะว่าเดือนนี้น้ำหนักกูขึ้นไปอีกเท่าไหร่ สองกิโลค่ะสาว!!!! กูเครียดมากเลยนะเว้ยตอนเนี้ยหุ่นกูแค่ไหน มันจะเป็นถังแก๊สเดินได้อยู่แล้วตอนนี้เห็นนี่มั้ยว่าคอกูจะไม่มีแล้วค่ะ(ตั้ล)"
สาวสวยออกหล่ออย่างตั้ลบ่นโวยวายกับเพื่อนเมื่อเธอเห็นว่าในมือของซอฟในวันนี้ก็ถือถุงขนมแบบเดิมๆติดไม้ติดมือมาเหมือนเดิม ตั้ลบ่นขึ้นเสียงดังจนเพื่อนๆที่นั่งข้างๆต้องคอยช่วยกันห้ามปรามเพราะกลัวว่าคนที่หิ้วมาฝากจะได้ยินแล้วรู้สึกไม่ดี
"ไอ้ตั้ลมึงรีบหุบปากไปเลยนะมึงพี่เขาเดินเข้ามาใกล้แล้วเดี๋ยวเขาได้ยินเขาจะเสียใจ(มิริน)"
มิรินสาวสวยหุ่นแซ่บแบบฉบับนางแบบรีบยกมือขึ้นมาปิดป้องปากหมาๆของเพื่อนสาวเอาไว้ก่อนที่รุ่นพี่จะมาได้ยินแล้วจะคิดไปในทางที่ผิด
"ว่าไงคะเด็กน้อย เมื่อกี้คุยอะไรกันอยู่หรอเห็นคุยกันสนุกสนานเชียวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่(ซอฟ)"
ซอฟเดินมาหยุดอยู่ข้างๆชาดาพร้อมกับก้มโค้งเอาใบหน้าหล่อๆลงมามองหน้าชาดาที่ในระยะประชิด ซอฟมองตามองหน้าแล้วจ้องลงมาที่ริมฝีปากของแม่สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับฉีกยิ้มโปรยเสน่ห์ให้เธอไปอีกหนึ่งกรุบ จนคนที่ถูกมองด้วยสายตาที่อ่อยใจเกือบละลายอยู่ดีแทบจะไม่ได้แล้ว
"อ้อ!!...คือว่า คือพวกเราก็แค่คุยกันไปเรื่อยเปื่อยไม่มีอะไรสำคัญหรอกค่ะรุ่นพี่(ชาดา)"
ชาดายิ้มแห้งพร้อมกับกระพริบตาปริบๆแล้วรีบเอียงตัวและหน้าออกจากระยะประชิดนั่นอย่างเหนียมอาย เธอรู้ดีว่าเป็นเธอเองที่ไม่กล้าที่จะสู้สายตานั้นของเขาได้หรอกเพราะสายตาที่สุดแสนที่จะขี้อ่อยของรุ่นพี่นั้นอาจจะทำให้ใจของเธอตกที่นั่งลำบากได้เพราะเขาสำหรับเธอนั้นมีดาเมจที่รุนแรงมากถ้าขืนเธอปล่อยให้เขาเข้ามาจ้องตาใกล้ๆบ่อยๆแบบนี้เธออาจจะช็อคไปเลยก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
"รุ่นพี่คะมันยังไงกันแน่คะเนี่ย รุ่นพี่เล่นเช้าถึงเที่ยงถึงเย็นถึงยัยชาดาของเราแบบนี้คิดอะไรกับมันรึเปล่าคะเนี่ยรุ่นพี่(ยูเน่)"
"แล้วคิดว่าไงล่ะครับน้องยูเน่ ที่น้องยูเน่พูดมาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นี่ครับ(ซอฟ)"
ซอฟพูดพลางหันไปมองหน้าชาดาแล้วก็ส่งยิ้มหวานเหมือนจะแอบๆเขินให้กับชาดา ยิ่งชาดาเห็นและได้ยินแบบนั้นเธอก็ยิ่งมั่นใจว่ารุ่นพี่คนนี้บางทีแล้วเขาก็อาจจะมีใจตรงกันกับเธอก็เป็นได้
"ดูพูดเข้า!! พูดจากำกวมแบบนี้จะให้คิดยังไงกันคะถ้าจะจีบก็พูดมาตรงๆเลยสิหรือว่ารุ่นพี่มีปัญหาในการใช้ศัพท์ภาษาไทย ทำไมคะ!!!!ถ้าพูดตรงๆมันจะทำให้ความเท่ความหล่อของพี่มันลดน้อยลงรึไง ผู้ชายแบบนี้น่าเบื่อนะ(ตั้ล)"
ตั้ลเปิดปากพูดเสียงดังกับซอฟอย่างตรงไปตรงมาจนเพื่อนๆแทบจะเอามือปิดปากหมาๆของเธอแทบจะไม่ทัน ซอฟสีหน้าเปลี่ยนในทันทีเมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านั้นคำพูดที่ทั้งเสียดทั้งแทงเข้าเป้ากลางใจเขาจนเกือบกระอักเลือดตาย
ซอฟหุบยิ้มทันทีแล้วพูดว่าขอตัวเพียงสั้นๆแล้วเขาก็รีบเดินจากไปด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะสบอารมณ์สักเท่าไหร่นัก แต่เมื่อซอฟเดินหันหลังจากไปตั้ลก็เปลี่ยนท่าทีทันทีเธอหันกลับมาหยิบห่อขนมขึ้นมาแกะๆแงะๆแล้วจับขนมหย่อนเข้าปากอยู่ดี
เธอตีเนียนทำสีหน้าท่าทางตีมึนกินขนมต่อไปจนชาดาจำต้องรีบลุกเดินตามหลังซอฟไปเพื่อที่จะขอโทษขอโพยแทนเพื่อนเธอ
"นี่อีตั้ล!!! กูรู้นะว่าที่เมื่อกี้มึงพูดกันท่ารุ่นพี่ไปแบบนั้นเป็นเพราะมึงหึงไอ้ชาดามันอ่ะ แต่มึงก็ต้องเข้าใจมันนะเว้ยว่ามันไม่ได้ชอบผู้หญิงอ่ะคนที่มันชอบก็คือเขาคนนั้น กูรู้ว่าตัวมึงเองก็พอที่จะดูออกว่ามันแคร์รุ่นพี่มากแค่ไหนแล้วมึงเองก็แคร์มันมากเหมือนกัน ถ้ามึงชอบมันจริงๆมึงควรจะบอกมันว่ามึงชอบมันแล้วให้มันตัดสินใจของมันเองไม่ใช่มึงจะไปพูดหยาบๆกับพี่เขาแบบนั้น แบบนั้นเขาเรียกหมาหวงของไม่มีสิทธิ์หรอกแต่หวงไปงั้น(มิริน)"
"เดี๋ยวๆ!!!มิรินมึงหมายความว่าไงนี่สรุปคือว่าอีตั้ลมึงแอบชอบอีชาดาหรอ ชอบตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วชอบมานานแค่ไหนแล้วเนี่ยนี่ ถ้ามิรินมันไม่หลุดปากพูดออกมาพวกกูจะถูกพวกมึงปิดหูปิดตาไปอีกนานแค่ไหน รีบๆอธิบายมาให้ละเอียดเลยนะนังตัวดีถึงว่าล่ะชอบชวนนังชะนีน้อยชาดาไปเที่ยวไหนต่อไหนอยู่บ่อยๆที่แท้เป็นแบบนี้นี่เองหรอกหรอ เข้าใจแล้ว(ยูเน่)"
"ปิดพวกกูซะมิดชิดเลยนะมึงอีตั้ล ถ้าพวกกูไม่รู้วันนี้ถ้าต่อไปเกิดอีนังชะนีน้อยนั่นมันเล่นด้วยกับมึง มึงไม่พามันไปล้วงลับตับไตลับหลังพวกกูนานแล้วหรอเนี่ยฮะอีตั้ล หวังแดกเพื่อนเงียบๆเลยนะคะมึงอีดอก(แอเรียล)"
"อีดอกไม่พูดแปลได้ว่ามึงยอมรับนะคะอีห่า นี่มึงหวังแอบอยากกินตับมันจริงๆหรอเนี่ยฮะอีเพื่อนเลว!!! อย่างอีชะนีน้อยนั่นน่ะมันไม่เอามึงหรอกแต่ถ้าเป็นพวกกูก็ไม่แน่นะจะเอาแก้ขัดก่อนป่ะล่ะพวกกูก็แซ่บนะคะมึง(ยูเน่)"
ยูเน่พูดจาหลอกล่อยียวนกวนประสาทตั้ลหวังว่าตั้ลจะขำแล้วเลิกคิดมากเรื่องเพื่อนแต่ตั้ลกลับเอาจริง ตั้ลหลี่ตาลงแล้วยื่นหน้าสวยเข้มๆเข้าไปหายูเน่พร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแอบดุดันตั้ลเอ่ยเชิงกระซิบที่ข้างหูของยูเน่พร้อมกับทำหน้าทำตาขิงข่าตะไคร้ใส่อีกเป็นเข่งเป็นตะกร้า
"อีเน่เพื่อนร้าย!!! กูไม่ได้เก่งแค่ใช้มือล้วงนะเว้ยลิ้นกูก็ไม่เคยด้อยไปกว่านิ้วกูเลยนะมึง อยากจะลองดูสักครั้งสองครั้งหน่อยมั้ยล่ะแต่บอกไว้ก่อนเลยนะ กูกลัวว่าถ้ามึงได้ลองแล้วอาจจะติดใจจนลืมอะไรๆของแฟนมึงไปเลย(ตั้ล)"
ยูเน่เมื่อถูกตั้ลพูดเชิงเย้ยปนขู่จู่ๆเธอก็รู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาในทันที ยูเน่หน้าแดงก่ำขึ้นมาทันควันพร้อมกับมีท่าทางที่เลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูกเลยจนมิรินกับแอเรียลต้องรีบพูดตัดบทสวนขึ้นมาก่อนที่เพื่อนของพวกเธอทั้งสองจะเปิดฉากหยุมหัวกันจนตายไปข้างหนึ่ง
"เอาเถอะๆพอได้แล้วจะล้อเล่นกันก็มีขอบเขตด้วยนะพวกมึงอ่ะ เรามาคุยกันเรื่องของขวัญวันเกิดของยัยชะนีน้อยดีกว่านะ อีกสามวันเองไม่ใช่หรอวันเกิดนัยชะนีน้อย พวกแกจะเอาอะไรเป็นของขวัญให้มันกูคิดไม่ออกว่ะว่าจะให้อะไรมันดี(แอเรียล)"
"พูดถึงเรื่องนี้กูก็ลืมไปเลย เมื่อวานพอดีกูได้มีโอกาสได้คุยกับแม่ของยัยชะนีน้อย ท่านบอกว่าวันเกิดของยัยชะนีน้อยปีนี้พวกท่านอยากจะทำเซอร์ไพรส์สักหน่อยแต่พวกท่านยังไม่มีไอเดียอะไร ท่านเลยอยากขอไอเดียจากพวกเรา(มิริน)"
ทั้งสี่สาวต่างพากันช่วยกันคิดช่วยกันกันปรึกษาหาลือเรื่องที่แม่บัวแม่ของชาดาขอร้องมาว่าปีนี้อยากจะทำเซอร์ไพรส์งานวันเกิดให้ชาดาโดยที่ลืมไปเลยว่าชาดาได้หายไปนานพอสมควรแล้ว ชาดาเดินตามหลังเพื่อที่จะไปขอโทษรุ่นพี่แล้วพูดคุยกันจนเข้าใจกันดีแล้วและอีกฝ่ายก็ให้อภัยเพื่อนของเธอแล้วชาดาจึงเดินจะกลับมาหาเพื่อน
แต่ทว่าเธอกลับเดินมาไม่ถึงเพราะในระหว่างทางที่กำลังเดินมาเธอกลับล้มสลบลงระหว่างทางมา
~~~~~ตุ๊บ!!!!!!!!!~~~~
"โอ๊ย!!!!!!!!"
จบตอน