เมื่อเด็กสาวที่ป่วยใกล้ตายวิงวอนขอพรต่อสวรรค์ขอให้เธอได้มีชีวิตอยู่ต่อไปแต่สุดท้ายสวรรค์ก็ไม่ฟังเสียงร้องจากเธอ เธอตายจากไปจากโลกนี้ไปแต่จู่ๆเธอกลับได้ไปพบเจอกับโลกใหม่อีกใบที่แสนประหลาด

บันทึกรักนายซุป'ตาร์ - ตอนที่ 2 อาคาเดรก็คือเป้าหมาย โดย เจ้าก้อนแก้ว. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,แฟนตาซี,ข้ามเวลา,ไทย,จูบเก่งจูบฉ่ำ,หึงหวงเก่ง,พระเอกขี้หวง,พระเอกเป็นซุปตาร์,คลั่งรัก,เกิดใหม่ ,เกิดใหม่ในร่างคนอื่น,นิยายเกิดใหม่,ต่างโลก,แฟนตาซี,LN,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

บันทึกรักนายซุป'ตาร์

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,แฟนตาซี,ข้ามเวลา,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

จูบเก่งจูบฉ่ำ,หึงหวงเก่ง,พระเอกขี้หวง,พระเอกเป็นซุปตาร์,คลั่งรัก,เกิดใหม่ ,เกิดใหม่ในร่างคนอื่น,นิยายเกิดใหม่,ต่างโลก,แฟนตาซี,LN,ทะลุมิติ

รายละเอียด

บันทึกรักนายซุป'ตาร์ โดย เจ้าก้อนแก้ว. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เมื่อเด็กสาวที่ป่วยใกล้ตายวิงวอนขอพรต่อสวรรค์ขอให้เธอได้มีชีวิตอยู่ต่อไปแต่สุดท้ายสวรรค์ก็ไม่ฟังเสียงร้องจากเธอ เธอตายจากไปจากโลกนี้ไปแต่จู่ๆเธอกลับได้ไปพบเจอกับโลกใหม่อีกใบที่แสนประหลาด

ผู้แต่ง

เจ้าก้อนแก้ว.

เรื่องย่อ

       สุชาดาเด็กสาววัยสิบเก้าปีบริบูรณ์จู่ๆในคืนวันเกิดของเธอก็เกิดเรื่องราวเลวร้ายบางอย่างขึ้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว วันที่13-3-2023 คือวันคล้ายวันเกิดของเธอในอายุครบสิบเก้าปีบริบูรณ์

       ในตอนนั้นที่เกิดเรื่องคือเวลาจากห้าทุ่มห้าสิบห้าไปจนถึงเที่ยงคืนห้านาทีซึ่งเป็นเวลาของการที่เวลาของดาราจักรกำลังจะปรับเปลี่ยนดวงพอดีตอนนั้นสุชาดากำลังจะเข้านอนหลังจากที่เธอและครอบครัวและเพื่อนพ้องฉลองวันเกิดเธอเสร็จ 

       วินาทีที่เธอกำลังจะขึ้นไปนั่งบนเตียงจู่ๆเธอก็รู้สึกหน้ามืดแล้วก็ล้มลงสู่พื้นในทันทีแล้วก็สลบไปในที่สุดโดยที่เธอยังคุยสายค้างอยู่กับใครคนหนึ่งอย่างมีความสุข

"พรุ่งนี้ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะไปสารภาพรักกับพี่เขา ฉันจะใจกล้าหน้าด้านขอพี่เขาเป็นแฟนฉันช่วยเป็นกำลังใจให้ฉันด้วยนะ"

"............…............"

"หมายความว่าไง!!!!!!"

       ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคนปลายสายพูดอะไรกับเธอหรือเป็นเพราะสาเหตุอะไรกันแน่ที่จู่ๆก็ทำให้เธอล้มลงไปกองอยู่กับพื้นพร้อมกับการหมดสติไปแบบไม่ทันได้ตั้งตัว พอรุ่งเช้าเธอตื่นขึ้นมา

       เธอก็ได้พบว่าตัวเองได้นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยที่โรงพยาบาลที่ไหนสักแห่ง หลังจากที่ลืมตาขึ้นมาเธอก็เห็นพ่อแม่พี่น้องญาติคนสนิทและเพื่อนๆของเธอยืนล้อมข้างเตียงของเธอเต็มไปหมดและสีหน้าของแต่ละคนก็ไม่ค่อยจะสู้ดีนักโดยเฉพาะคุณยายและคุณแม่ของเธอที่บนใบหน้าเห็นมีแต่คราบน้ำตาเปื้อนหน้าเต็มไปหมด 

       ทั้งสองคนต่างนั่งกุมมือสวยๆของเธออยู่อย่างไม่ห่างวางตาเลยเหมือนภายในกำลังมีเรื่องให้กลุ้มใจอย่างหนักสุชาดาค่อยๆตื่นลืมตาขึ้นมาช้าๆเพราะรู้สึกว่าตอนนี้ร่างกายของเธอนั้นเหนือการควบคุมมากจากสมองของเธอ ทันทีที่เธอมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจนเธอก็รีบฉีกยิ้มส่งให้กับทุกคนเพื่ออยากตะบอกว่าตอนนี้เธอสบายดีแล้ว

"แม่คะแม่เป็นอะไรทำไมถึงร้องไห้ล่ะเกิดอะไรขึ้นหรอทำไมทุกคนถึงได้กลับมาอีกล่ะไม่ใช่ว่าเมื่อกี้ทุกคนกลับบ้านไปนอนกันหมดแล้วหรอหรือว่ามีเซอร์ไพรส์วันเกิดอะไรให้หนูอีกหรอกนะคะคุณแม่คุณยาย"

"ชาดาลูก!!! อย่าพึ่งพูดอะไรมากเลยนะคนดีของยายตอนนี้หลานสาวคนดีของยายหิวมั้ยอยากกินน้ำหรือหิวข้าวหรือเปล่าลูก"

"คุณยายคะคุณยายเป็นอะไรคะร้องไห้ทำไมเจ้านันตามันทำอะไรให้ยายโมโหอีกแล้วใช่มั้ยคะเนี่ย คุณยายไม่ร้องนะเดี๋ยวหนูจะตัดการมันให้คุณยายนะโอเคมั้ย ไม่ร้องนะคะไม่ร้อง"

       สุชาดายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่เปื้อนใบหน้าให้กัคุณยายสมรของเธอพร้อมกับเอ่ยปลอบใจโดยที่เธอก็ยังไม่ได้คิดเอะใจอะไรกับพฤติกรรมที่แปลกไปของทุกคนที่อยู่ตรงนั้น พอเธอฟื้นขึ้นมาได้เพียงไม่นานเหล่าคุณหมอและพยาบาลก็ต่างพากันได้วิ่งวุ่นเข้ามาในห้องของเธออีกครั้งเพราะเมื่อเธอฟื้นขึ้นมาได้ไม่นานเธอก็เกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลันช็อกหมดสติไปอีกครั้งโดยที่ครั้งนี้อาการเธอนั้นหนักลงกว่าเดิมมาก

"คุณหมอคะลูกของฉันเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอทำไมแกที่เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาก็กลับไปเป็นแบบนี้ได้อีกบอกเราเถอะค่ะคุณหมอ"

"หมอต้องบอกแบบนี้ครับ ผู้ป่วยตอนนี้หลังจากที่ช่วยกลับมาได้อาการก็ยังคงทรงตัวอยู่ครับแต่หมอก็ยังคงยืนยันคำเดิมครับว่าให้ญาติเริ่มเตรียมใจไว้เลยเพราะเธอเป็นระยะสุดท้ายแล้วที่ผ่านมาโรคไม่ส่ออาการให้เห็นอาจเป็นเพราร่างกายของคนไข้แข็งแรงและมีจิตใจที่เข้มแข็งตอนนี้ก็ทำได้แค่พยุงอากาศไม่ให้ทรุดลงกว่านี้หมอจะจัดยาเพื่อไม่ให้เธอเจ็บปวดมากก่อนเธอจะจากไป"

"ลูกของฉันจะไม่รอดแล้วหรอคะไม่มีทางรักษาได้เลยงั้นหรอคะคุณหมอ ช่วยเธอหน่อยเถอะนะคะเธออายุเพิ่งจะสิบเก้าปีเองได้โปรดเถอะค่ะหาทางช่วยเธอที"

"ญาติคนไข้ครับ หมอเองก็รู้ดีแล้วในใจก็เห็นใจคนไข้มากเหมือนกันแต่ในสามเดือนที่ผ่านมานี้เราหาทางและปรึกษากับหลายๆโรงพยาบาลแม้กระทั่งหมอผู้เชี่ยวชาญที่ต่างประเทศแล้วทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเคสนี้หาได้ยากมากๆปกติแล้วคนไข้ส่วนมากถ้ามีเนื้องอกที่มีก้อนใหญ่มากขนาดนี้เกิดขึ้นในร่างกาย ร่ายกายน่าจะมีปฏิกิริยาอะไรบ่งบอกออกมาบ้างแต่นี่เธอเป็นมานานมากแล้วจนเข้าขั้นระยะสุดท้ายของโรคแล้วเธอจะมามีอาการก็ตอนที่หนักแล้วไม่สามารถที่จะรักษาได้แล้ว ผมไม่อยากจะพูดคำนี้หรอกนะครับแต่ไม่มีทางรักษาได้แล้วจริงๆหมอเสียใจด้วยจริงๆนะครับเธออาจจะอยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งเดือนแล้วในระหว่างนี้ถ้าเกิดคนไข้ฟื้นขึ้นมาญาติก็ควรใช้เวลากับคนไข้ให้ได้มากที่สุดอยู่กับเธอเป็นกำลังแรงใจให้เธอเผื่อเธอจะอยู่กับเราให้ได้นานที่สุด"

"ไม่เกินเดือน!!!! ยัยหนูของยาย"

       สุชาดาหลังจากช็อกแล้วถูกยื้อชีวิตกลับคืนมาได้อีกครั้งพอหลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมาสีโลกของเธอก็เปลี่ยนไป เธอเมื่อได้สติกลับคืนมาแต่ยังไม่ทันจะได้ลืมตามองดูหน้าใครๆหูของเธอก็พลันได้ยินคำพูดของคนในครอบครัวของตัวเองจนหมดแล้วว่าเธออาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่ถึงหนึ่งเดือนสาเหตุเป็นเพราะเธอมีเนื้องอกในก้านสมองซีกซ้ายขนาดใหญ่อีกทั้งเจ้าเนื้องอกตัวนี้ก็ได้ก่อเป็นมะเร็งที่ร้ายแรงไปแล้วทั่วสมอง

       ถึงแม้นว่าถ้าผ่าก็ใช่ว่าจะมีทางรอดโอกาสที่จะรอดนั้นเป็นศูนย์ เนื้อก้านสมองถูกมะเร็งกัดกินลามเป็นวงกว้างไปทั่วทุกที่ของสมองเพราะฉะนั้นหมอจึงแนะนำให้ญาติคนไข้ทำใจ และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆสุชาดาอยู่ได้ไม่ถึงเดือนเธอก็พลันจากโลกใบนี้ไปอย่างสงบ

"ถ้านรกหรือสวรรค์มีจริงได้โปรดท่านช่วยรับฟังคำขอจากหนู นางสาวสุชาดา พิเศษโสณี คนนี้สักครั้งจะได้มั้ยคะปีนี้หนูเพิ่งจะอายุแค่สิบเก้าปีเองนะคะท่าน ท่านใจดีให้หนูได้เกิดมาแล้วทำไมท่านไม่ปล่อยให้หนูได้อยู่สร้างความดีให้โลกใบนี้อีกสักหน่อยล่ะคะท่าน หนูยังไม่มีโอกาสได้เรียนมหาลัยให้จบเลยหนูยังไม่มีโอกาสที่จะหาเงินมาตอบแทนคุณพ่อแม่ปู่ย่าตายายเลยหนูยังไม่ได้มีโอกาสพาครอบครัวของหนูไปเที่ยวที่ไหนสวยๆสักที่เลยหนูยังไม่มีโอกาสได้คุยกับน้องชายดีๆเลย เราสองคนพี่น้องส่วนมากก็เอาแต่ทะเลาะกันตลอดจนพ่อแม่ต้องไม่ค่อยสบายใจ หนูเป็นพี่สาวโตจนถึงป่านนี้ก็ยังไม่เคยได้สอนน้องทำการบ้านเลยสักครั้งแล้วอีกอย่างหนูโตมาจนถึงป่านนี้หนูยังไม่เคยมีแฟนเลยสักคนเมื่อหลายเดือนก่อนนี้หนูเพิ่งจะไปแอบชอบรุ่นพี่คนนึงมากะว่าจะได้ไปสารภาพรักกับพี่เขาอยู่แล้วแท้ๆแต่ท่านก็จะมาพรากหนูไปเสียก่อน แบบนี้หนูจะพูดว่าท่านทำกับหนูแบบไม่ค่อยจะยุติธรรมเลยหนูพูดได้มั้ยคะ

หนูอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อถึงจะให้ได้ไม่นานอย่าน้อยๆก็น่าจะให้หนูได้เตรียมใจก่อนสักนิดนะคะหนูขอสักปีสองปีก็ได้ถ้าปีสองปีมันมากไปหนูขอแค่ปีเดียวก็ได้สิบเดือนก็ได้ห้าวันก็ยังดีให้หนูได้มีโอกาสได้ทำใจได้บอกลาครอบครัวหนูอีกสักหน่อยจะได้รึเปล่า ขอร้องล่ะค่ะท่านอย่าใจร้ายกับเด็กน้อยอย่างหนูนักเลยได้โปรดเถอะนะคะได้โปรดให้หนูได้ร่ำลาพวกเขาอีกสักนิดก่อนไปได้มั้ยคะได้โปรดล่ะหนูขอร้องนะคะท่าน"

------ตี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด------

       เสียงเครื่องวัดชีพจรร้องดังขึ้นยาวๆเพื่อแจ้งเตือนว่าคนไข้ได้เสียชีวิตแล้ว ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของสุชาดาถูกพ้นออกมาใส่หน้ากากเครื่องช่วยหายใจเพียงเสี้ยววินาทีแล้วก็หมดลงไปหลังจากนั้นในห้องก็มีแต่เสียงร้องไห้โดยความโศกเศร้าและเสียใจกับการจากไปของผู้เป็นที่รักคนหนึ่งของครอบครัวพิเศษโสณี สุชาดาหลั่งน้ำตาหยดสุดท้ายออกมาแล้วจากไปอย่างกายสงบแต่ภายในจิตใจกลับมีแต่ความหม่นหมองจิตใต้สำนึกของใจกลับเต็มไปด้วยคำขอร้องจากสวรรค์หรือคนที่กุมอำนาจอยู่เบื้องบนฟ้าที่แสนไกล

       อีกหนึ่งซีกของมิติจักรวาลแสนไกล

          ​​​​​​​ณ.กรุงบีดีมัลล์ แห่งฟลอเทียร์

"ท่านคะได้โปรดให้โอกาสหนูได้มีชีวิตอีกครั้งเถอะนะคะ ท่านคะหนูขอร้อง!!!!!"

       เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มสดใสนอนหลับอยู่บนเตียงเธอดิ้นไปดิ้นมาพร้อมกับพูดพร่ำเพ้อละเมออะไรออกมาโดยที่คนเป็นแม่ก็ฟังไม่ค่อยได้ความมากดีลิสเดรียเดินเข้าห้องมาปลุกผู้เป็นลูกสาวอย่างเช่นทุกๆวันเพื่อไปทำงานให้ทันเวลา

"อิสซี!!! อิสซี!!!! ตื่นได้แล้วนะลูกรักสายแล้วอิสซีจ๊ะอิสซี!!!"

"แม่คะ!!!! หนูยังไม่อยากตายพ่อคะช่วยหนูที"

               คำเตือน

       ตัวละคร พฤติกรรม สถานที่ หน่วยงาวิชาชีพต่างๆ และเหตุการณ์ที่มีการใช้ความรุนแรงในนิยายเป็นแค่เรื่องสมมุตินิยายเรื่องนี้ถูกแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงและความสนุกสนานเท่านั้นโดยไม่มีเจตนาชี้นำหรือส่งเสริมการกระทำใดๆที่เกิดขึ้นในนิยาย ตัวละครหรือเนื้อหาอาจจะมีการใช้ความรุนแรงทางเพศและตัวละครอาจมีการใช้คำพูดที่ค่อนข้างจะหยาบคายแต่เพื่อความสมจริงและเพิ่มอรรถรสให้กับนิยายได้สมจริงมากขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ ขอขอบคุณพระคุณไว้ล่วงหน้าหากท่านจะมาเป็นผู้ใหญ่ใจดีอุดหนุนsupportนิยายเรา🙏🙏🙏















สารบัญ

บันทึกรักนายซุป'ตาร์-ตอนที่ 1 จะจีบหรืออะไร,บันทึกรักนายซุป'ตาร์-ตอนที่ 2 อาคาเดรก็คือเป้าหมาย,บันทึกรักนายซุป'ตาร์-ตอนที่ 3 หนูมีสายเลือดที่เป็นกลุ่มพิเศษ,บันทึกรักนายซุป'ตาร์-ตอนที่ 4 ลาแล้วโลกเดิมที่เคยอยู่

เนื้อหา

ตอนที่ 2 อาคาเดรก็คือเป้าหมาย

07:34 นาที

บ้านพิเศษโสณี

"แม่คะ!! ยัยชะดาหลานสาวคนสวยของคุณแม่ยังไม่ตื่นเสด็จลงมากินข้าวอีกหรอคะเนี่ยตายจริงสายตะวันโด่งขนาดนี้แล้วยังจะไม่ตื่นอีก ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปไม่มีใครเอาไปเป็นเมียแน่นอนเลยเด็กคนนี้นี่ชอบให้บ่นจริง(แม่บัว)"

      เสียงเจื้อยแจ้วเป็นแม่นกแก้วจอมขี้บ่นนั่นก็คือคุณบัวคำแสนคุณแม่ที่มีฝีปากแจ๋วไม่แพ้พวกแม่ค้าปากตลาดในเมืองที่กำลังบ่นให้แม่ลูกสาวตัวดีที่ชอบตื่นสายอยู่เป็นประจำคนนั้นก็คือชาดา แม่บัวบ่นงึมงำไปเรื่อยจนคุณยายสมรจำจะต้องคอยพูดห้ามปรามให้เงียบปาก

"เมื่อคืนเห็นว่าปวดหัวแม่เลยเอายาให้กินสงสัยว่าจะตื่นสายเพราะฤทธิ์ของยาล่ะมั้งแม่บัวคำ อย่าชอบบ่นนักเลยถึงเวลาเดี๋ยวเขาก็คงจะตื่นขึ้นมาเองนั่นแหละนะ เขาโตแล้วปล่อยๆเขาไปบ้างเถอะนะแม่บัว(ยายสมร)"

"คุณนายสายสมรคะก็ให้ท้ายกันแบบนี้ไงคะยัยเด็กคนนั้นถึงได้โตมาเป็นแบบนี้ เอาแต่ใจจนเคยตัวอะไรๆก็ทำไม่เป็น(แม่บัว)"

"เอาเถอะๆเป็นความผิดฉันเองพอใจเธอรึยังเดี๋ยวฉันคนนี้จะขึ้นไปปลุกเขาเองพอใจมั้ยแม่บัว(ยายสมร)"

       ว่าแล้วคุณยายสายสมรวัยเจ็ดสิบสองปีก็ลุกขึ้นพยุงตัวเองเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองเพื่อที่จะไปปลุกแม่สาวขี้เซาให้ตื่นลงไปกินข้าวเช้าพอเดินไปถึงหน้าห้องคุณยายก็ใช้มือเคาะไปที่บานประตูเบาๆพร้อมกับร้องเรียกชื่อชาดาหลานสาวคนโปรดของเธอ 

       แต่ไม่ว่าคุณยายจะเรียกปานใดสุชาดาก็ไม่ตอบกลับ จนคนที่ขึ้นมาเรียกจำต้องถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปเพื่อดู พอบานประตูเปิดสายตาที่พร่ามัวก็มองไปทั่วห้องก่อนจะไปหยุดที่เตียง สายตานั้นมองเห็นผู้เป็นหลานสาวนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มหลับสนิทอย่างสบายใจ

"ชะดาลูก ตื่นได้แล้วกำลังจะสายแล้วนะชะดา"

       เสียงเรียกสั่นเครือบวกกับการเขย่าตัวสักพักจึงทำให้คนที่นอนอยู่สะดุ้งตื่นได้สติขึ้นมาเลย ชาดาลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองมองหน้าของคุณยายของเธอไม่ค่อยชัดแต่พอผ่านไปสักพักก็กลับมามองเห็นชัดเจนเหมือนเดิม แบบนั้นเธอจึงไม่ได้คิดอะไร คิดแว๊บนึงในหัวแค่ว่าจู่ๆทำไมตัวเองถึงมองเห็นไม่ชัดเจนแต่ความคิดนั้นก็พลันมลายหายไปเมื่อเธอกลับมาเห็นภาพนั้นชัดเจนเหมือนเดิมแล้วปกติแล้ว

"คุณยาย!! ทำไมถึงได้ขึ้นมาชั้นสองคนเดียวอีกล่ะคะหนูก็พูดไปตั้งหลายครั้งแล้วนี่คะว่าคุณหมอห้ามไม่ให้คุณยายปีนบันไดสูงๆ ทำแบบนี้คุณยายอยากจะทำให้ชะดาเป็นห่วงใช่มั้ยคะเนี่ย"

"จะให้ยายทำไงล่ะ ก็ยายเรียกเราแล้วแต่เราไม่ยอมตื่นสักทียายก็เลยขึ้นมาปลุกเองซะเลยแม่เราจะได้เลิกบ่นสักที"

"คุณแม่บ่นหนูอีกแล้วหรอคะ บ่นเรื่องเดิมๆอีกแล้วใช่มั้ยคะคุณยาย งั้นคุณยายรอหนูชะดาแป๊บเดียวหนูขอไปล้างหน้าแปลงฟันสักครู่นะคะ เดี๋ยวเรายายหลานค่อยเดินลงไปพร้อมกัน"

       ชาดาพอพูดจบก็รีบวิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำไปเพื่อจะรีบไปล้างหน้าแปลงฟังแล้วลงไปกินข้าว ก่อนที่ระเบิดเวลาจะทำงาน คุณยายสายสมรฉีกยิ้มกรุ่มกริ่มพร้อมกับสายหน้าเบาๆเพราะรู้สึกว่าหลานสาวของคนนี้เจ้าแผนการสุดจริงๆ

       เธอคงคิดไว้แล้วว่าถ้าเธอให้ยายของเธอลงไปก่อนเธอคงจะต้องถูกแม่ของเธอด่ายับแน่ๆ ก่อนไปเธอจึงขอให้คุณยายอยู่ต่อเพื่อที่เธอจะได้ใช้คุณยายช่วยเป็นโล่กำบังภัยอันตรายจากแม่บัวขาโหดของเธอ

"เฮ้ย!!! เจ้าเด็กแสบคนนี้นี่จริงๆเลยนิสัยแสบขนาดนี้อนาคตต่อไปใครนะจะเป็นคนมาปราบพยศ คงต้องลำบากมากแน่ๆเลย"

       เมื่อภารกิจทุกอย่างเสร็จสิ้นเจ้าตัวแสบก็ไปมหาลัยแล้วทั้งพ่อแม่และคุณยายสมรก็ต่างพากันสุมหัวออกไอเดียเรื่องเซอร์ไพรส์งานวันเกิดของชาดา ส่วนชาดาที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรวันนี้เธอก็ยังไปเรียนตามปกติ แต่ที่ไม่ค่อยจะปกติก็คือร่างกายเพราะเมื่อวันก่อนตอนที่เธอเดินตามหลังจะไปอธิบายกับรุ่นพี่พอกลับมาสุชาดาก็ถูกคนรอบทำร้าย ชาดาเธอถูกคนตีท้ายทอยจนสลบแต่เมื่อจะหาหลักฐานเอาผิดก็ไม่มีเพราะในที่ๆเธอถูกคนดักตีหัวเป็นมุมอับ กล้องวงจรปิดส่องไปไม่ถึงเธอจึงไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเป็นใครกันแน่ที่ทำร้ายเธอและเขาทำร้ายเธอด้วยจุดประสงค์ใดกันแน่

"เป็นใครกันนะที่ทำร้ายเราแล้วทำไมถึงได้ทำเราล่ะ เราก็ไม่เคยไปมีปัญหากับใครสักหน่อยนี่นาเอะ!!!! จะเป็นไปได้มั้ยว่าเขาตีกบาลผิดคน"

       ชาดาพูดไปพูดมาจู่ๆเธอก็พบว่าตัวเองเดินมาถึงที่หน้าตึกเรียนแล้ว ชาดาเดินใจลอยคิดอะไรไปเรื่อยจนเพื่อนสาวทั้งสี่ของเธอพบเห็นพิรุธ

"ไงจ้ะเด็กน้อย!!! เมื่อวานหายหน้าไปเลยนะคะบอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าตามไปอธิบายกับรุ่นพี่ซอฟไปถึงไหนไปทำอะไรอย่าบอกนะว่า แกคงไม่ได้ถูกพี่เขาหิ้วไปต้มยำทำแกงตั้งแต่เมื่อวานหรอกนะใช่มั้ยนังชะนีน้อย(แอเรียล)"

"ต้มยำทำแกงบ้าอะไรล่ะยัยแอเรียล เมื่อวานนี้พวกแกฉันถูกคนทำร้ายนอนสลบไม่ได้สติอยู่ข้างตึกขาวหลังเก่าเกือบตายแล้วรู้เปล่า(ชาดา)"

"ว่าไงนะชะดา!!! ถูกทำร้ายแล้วเป็นไงบ้างอ่ะเจ็บตรงไหนมั้ยเป็นอะไรมากหรือเปล่า(ตั้ล)

     ตั้ลรีบวิ่งแจ้นโผเข้าไปหาชาดาอย่างรวดเร็วพร้อมกับยิ่งคำถามใส่ชาดาแบบรัวยับโดยที่ไม่ได้รอฟังคำตอบอะไรจากชาดาเลย ตั้ลทั้งจับตัวชาดาหมุนไปมาเพื่อดูว่าเพื่อนรักของเธอมีตรงไหนที่สึกหรอบ้างมั้ยหรือได้รับบาดแผลอะไรหนักหนาหรือเปล่า

"แกไปทำอีท่าไหนถึงได้ถูกคนทำร้ายได้ล่ะชะดา อย่าบอกนะว่าคนที่ทำร้ายแกเป็นรุ่นพี่ซอฟอ่ะแก ถ้าเป็นแบบนั้นจริงฉันจะพาแกไปแจ้งตำรวจแกบอกมาว่าใครทำไอ้อีคนนั้นมันเป็นใครกันถึงได้ใจกล้าขนาดนี้(ยูเน่)"

       ทั้งสี่สาว ยูเน่ ตั้ล แอเรียล มิริน ต่างพากันรีบลากตัวชาดาเพื่อนรักไปสอบสืบสวนเพื่อจะพาเพื่อนไปแจ้งตำรวจให้ตามหาคนร้ายมารับผิด

       ณ.อีกฟากฝั่งของจักรวาลอันแสนไกลโพ้นปัจจุบันยังมีดาวเคราะห์น้อยอีกดวงหนึ่งที่มีอะไรหลายๆอย่างที่คล้ายคลึงกับดาวโลกของเราที่ชื่อฟลอเทียร์

     ฟลอเทียร์เป็นอีกหนึ่งดาวเคราะห์น้อยที่มีอะไรหลายๆอย่างเหมือนกับโลกของเรา บนดาวดวงนี้ก็มีมนุษย์อาศัยอยู่มากกว่า 30,985,909 ชีวิตสภาพแวดล้อมคล้ายคลึงกับโลกของเราอยู่มากที่นั่นมีแค่สามฤดูกาล ฤดูหิมะ ฤดูฝน และฤดูร้อนที่ฟลอเทียร์หิมะจะตกเกือบทั้งปีถ้าให้นับเป็นสัดส่วนก็คงจะมีมากถึงเจ็ดในสิบส่วน ฝนก็จะตกแค่เพียงสองส่วนและอีกหนึ่งที่เหลือส่วนก็คือฤดูร้อน แต่ฤดูร้อนของที่นั่นอากาศร้อนที่สุดจะถึงเพียงแค่10องศาเท่านั้นนอกจากนั้นอุณหภูมิเกือบทั้งปีก็จะติดลบตลอดและหนาวสุดของที่นั่นก็น่าจะเป็นติดลบเกือบ-70 องศาเซลเซียส บนดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ถูกแบ่งดินแดนปกครองเป็นสี่กรุงนั่นคือ บีดีมัลล์ มีเตฟาส อุรุกมัลล์ และพาโจล ถึงจะมีสี่กรุงใหญ่แต่ก็มีเจ้าฟ้าเพียงพระองค์เดียวคือ ทาเรนเดรส ราชวงศ์เจ้าฟ้ากษัตริย์แห่งฟลอเทียร์ 

       ชาวฟลอเทียร์กินแป้งและผลไม้เป็นอาหารหลักแป้งได้มาจากแกนต้นอาคะรี ต้นอาคะรีเป็นพืชที่มหัศจรรย์เมื่อมันโตเต็มวัยชาวฟลอเทียร์จะตัดต้นของมันลงมากระเทาะเปลือกออกแล้วเอาแกนกลางของต้นมาย่างไฟ เมื่ออาคะรีสุกก็นำเอามาตัดเป็นชิ้นแล้วเข้าเครื่องบดแล้วจะออกมาเป็นผงแป้งไว้ใช้ทำอาหาร ส่วนผลไม้ที่ชาวฟลอเทียร์นิยมชอบเอามากินก็จะมี ปิจัว=กล้วย พูดีรา=องุ่น อังคัส=เลม่อน เมคบัล=อะโวคาโด บูคอัล=แตงหรือแคนตาลูปและทึรัง=น้ำผึ้ง สำหรับราดผลไม้

          ~~~~~ปึ๊ก ปึ๊ก ปึ๊ก ปึ๊ก~~~~~

       เสียงรี้ดังกึกก้องขึ้นมาจากประตูห้องนอนของอีสซีสาวน้อยวัยยี่สิบปีลูกสาวคนเดียวของบ้านที่ไม่ว่าจะฝนตกแดดออกหิมะตกเธอก็จะตื่นสายและชอบหมกตัวอยู่แต่ในห้องนอนของเธอ คอยชื่นชมไอดอลสุดหล่อของเธออยู่ในห้องอีสซีเธอเป็นเด็กสาวที่หน้าตาสะสวยหุ่นผอมบางเอวเล็กคอดกิ่วที่สำคัญคือเธอบ้าดาราขั้นสุดเรียกได้ว่าทุกอณูรูขุมขนยันเงาหรือจิตวิญญาณของเธอคือหลงไหลดารามากๆ 

       มากซะจนเธอหาทุกวิถีทางไปสมัครเป็นคนทำงานในบริษัทสรรสร้างดาราเพื่อที่จะได้เห็นหน้าค่าตากับดาราไอดอลคนนั้นของเธอได้ทุกวัน และวันนี้ก็คือวันที่เธอจะไปสอบสัมภาษณ์งานของเธอกับบริษัทอาคาเดรซึ่งเป็นบริษัทที่ บีดีสเวล ไอดอลศิลปินดาราที่เธอชื่นชอบสังกัดอยู่ เธอปฏิญาณกับตัวเองไว้แล้วว่าไม่ว่าจะได้ทำงานในแผนกใดก็ช่างขอแค่เธอได้เข้าทำงานที่นั่นได้และได้เห็นหน้าหล่อๆของเขาไม่ว่าจะต้องทำอะไรยังไงเธอก็จะรับทำหมดเลย

"อีสซี!!! ลูกตื่นแล้วรึยังไหนบอกว่าวันนี้มีนัดไปสัมภาษณ์งานพิเศษไงจ้ะ ตื่นเถอะองค์หญิงของแม่ตื่นได้แล้วนะลูกจะสายแล้วนะรู้มั้ย(แม่ดีลีส)"

"ค่ะแม่หนูตื่นแล้วค่ะ พอดีเมื่อคืนหนูนอนดึกหนูหาข้อมูลการสัมภาษณ์(อีสซี)"

"ถ้าลูกสายอีกนิดก็อาจจะไม่ทันการณ์แล้วจริงๆแม่เตรียมมื้อเช้าไว้ให้บนโต๊ะนะลูกรัก อีกเดี๋ยวถ้าลูกแต่งตัวเสร็จก็ออกมาทานอะไรก่อนไปล่ะแล้วก็ห้ามบอกว่าจะไม่กินนะ(แม่ดีลีส)"

       สองแม่ลูกถึงบางวันจะหยุมหัวกันอยู่บ้างแต่พอเอาเข้าจริงๆทั้งคู่ก็ร่วมมือร่วมใจกันในการฝ่าฟันอุปสรรคนาๆ อีสซีทำธุระส่วนตัวเสร็จก็รีบหอบหิ้วตัวเองที่ผอมบางออกมาจากห้องแล้วรีบสาวเท้าวิ่งตรงมาที่โต๊ะอาหารที่คุณแม่ที่แสนดีจัดเตรียมไว้รอตั้งแต่เช้าตรู่

"คราวนี้จะไปสัมภาษณ์งานเกี่ยวกับอะไรเหรอลูก คงไม่ได้จะไปทำงานที่อาคาเดรจริงๆใช่มั้ยลูกก็รู้ว่าถ้าแฟนคลับของเด็กหนุ่มคนนั้นรู้เข้าพวกหล่อนคงไม่เอาลูกไว้แน่นอนนะอีสซี"

"แม่คะแม่วางใจเถอะค่ะหนูจะสงบเสงี่ยมแล้วก็เจียมตัว หนูจะทำตัวเนียนกลมกลืนกับคนอื่นจนพวกเขาจับหนูไม่ได้ไล่ตามหนูไม่ทันเลยล่ะ หนูรับรองว่าพวกเขาจะไม่รู้แน่นอนว่าหนูเป็นใครหนูมีไอดอลในใจชื่อว่าอะไร"

       อีสซีเธอถูกเลี้ยงตามใจมาตลอด ตั้งแต่เด็กๆเธอก็เป็นตัวป่วนกวนสำนักอยู่ไม่เคยขาด ถึงเธอจะมีใบหน้าที่ใสซื่อผุดผ่องก็จริงแต่ภายในจิตใจของเธอกลับตรงกันข้ามเธอมีความคิดที่ค่อนข้างจะลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนและยากที่จะคาดเดา

"จ้าๆจ้า!!! แม่คนเก่งยิ่ง!!! แม่คนรอบคอบของแม่จะทำอะไรก็ให้นึกถึงอนาคตของตัวเองไว้เป็นหลักนะลูก อย่ามัวแต่ห่วงเล่นสนุกไปวันๆเพราะอีกไม่กี่ปีลูกก็ควรแต่งงานมีครอบครัวได้แล้วนะ"

"รับทราบค่ะท่านหญิงดีลีสเดรีย พระองค์หญิงน้อยผู้นี้จะไปตามหารักแท้แล้วนะคะเจอกันเย็นนี้นะคะท่านหญิง...บ๊าย!!!"


                        จบตอน




​​​​​​