เมื่อเด็กสาวที่ป่วยใกล้ตายวิงวอนขอพรต่อสวรรค์ขอให้เธอได้มีชีวิตอยู่ต่อไปแต่สุดท้ายสวรรค์ก็ไม่ฟังเสียงร้องจากเธอ เธอตายจากไปจากโลกนี้ไปแต่จู่ๆเธอกลับได้ไปพบเจอกับโลกใหม่อีกใบที่แสนประหลาด

บันทึกรักนายซุป'ตาร์ - ตอนที่ 3 หนูมีสายเลือดที่เป็นกลุ่มพิเศษ โดย เจ้าก้อนแก้ว. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,แฟนตาซี,ข้ามเวลา,ไทย,จูบเก่งจูบฉ่ำ,หึงหวงเก่ง,พระเอกขี้หวง,พระเอกเป็นซุปตาร์,คลั่งรัก,เกิดใหม่ ,เกิดใหม่ในร่างคนอื่น,นิยายเกิดใหม่,ต่างโลก,แฟนตาซี,LN,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

บันทึกรักนายซุป'ตาร์

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,แฟนตาซี,ข้ามเวลา,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

จูบเก่งจูบฉ่ำ,หึงหวงเก่ง,พระเอกขี้หวง,พระเอกเป็นซุปตาร์,คลั่งรัก,เกิดใหม่ ,เกิดใหม่ในร่างคนอื่น,นิยายเกิดใหม่,ต่างโลก,แฟนตาซี,LN,ทะลุมิติ

รายละเอียด

บันทึกรักนายซุป'ตาร์ โดย เจ้าก้อนแก้ว. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เมื่อเด็กสาวที่ป่วยใกล้ตายวิงวอนขอพรต่อสวรรค์ขอให้เธอได้มีชีวิตอยู่ต่อไปแต่สุดท้ายสวรรค์ก็ไม่ฟังเสียงร้องจากเธอ เธอตายจากไปจากโลกนี้ไปแต่จู่ๆเธอกลับได้ไปพบเจอกับโลกใหม่อีกใบที่แสนประหลาด

ผู้แต่ง

เจ้าก้อนแก้ว.

เรื่องย่อ

       สุชาดาเด็กสาววัยสิบเก้าปีบริบูรณ์จู่ๆในคืนวันเกิดของเธอก็เกิดเรื่องราวเลวร้ายบางอย่างขึ้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว วันที่13-3-2023 คือวันคล้ายวันเกิดของเธอในอายุครบสิบเก้าปีบริบูรณ์

       ในตอนนั้นที่เกิดเรื่องคือเวลาจากห้าทุ่มห้าสิบห้าไปจนถึงเที่ยงคืนห้านาทีซึ่งเป็นเวลาของการที่เวลาของดาราจักรกำลังจะปรับเปลี่ยนดวงพอดีตอนนั้นสุชาดากำลังจะเข้านอนหลังจากที่เธอและครอบครัวและเพื่อนพ้องฉลองวันเกิดเธอเสร็จ 

       วินาทีที่เธอกำลังจะขึ้นไปนั่งบนเตียงจู่ๆเธอก็รู้สึกหน้ามืดแล้วก็ล้มลงสู่พื้นในทันทีแล้วก็สลบไปในที่สุดโดยที่เธอยังคุยสายค้างอยู่กับใครคนหนึ่งอย่างมีความสุข

"พรุ่งนี้ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะไปสารภาพรักกับพี่เขา ฉันจะใจกล้าหน้าด้านขอพี่เขาเป็นแฟนฉันช่วยเป็นกำลังใจให้ฉันด้วยนะ"

"............…............"

"หมายความว่าไง!!!!!!"

       ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคนปลายสายพูดอะไรกับเธอหรือเป็นเพราะสาเหตุอะไรกันแน่ที่จู่ๆก็ทำให้เธอล้มลงไปกองอยู่กับพื้นพร้อมกับการหมดสติไปแบบไม่ทันได้ตั้งตัว พอรุ่งเช้าเธอตื่นขึ้นมา

       เธอก็ได้พบว่าตัวเองได้นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยที่โรงพยาบาลที่ไหนสักแห่ง หลังจากที่ลืมตาขึ้นมาเธอก็เห็นพ่อแม่พี่น้องญาติคนสนิทและเพื่อนๆของเธอยืนล้อมข้างเตียงของเธอเต็มไปหมดและสีหน้าของแต่ละคนก็ไม่ค่อยจะสู้ดีนักโดยเฉพาะคุณยายและคุณแม่ของเธอที่บนใบหน้าเห็นมีแต่คราบน้ำตาเปื้อนหน้าเต็มไปหมด 

       ทั้งสองคนต่างนั่งกุมมือสวยๆของเธออยู่อย่างไม่ห่างวางตาเลยเหมือนภายในกำลังมีเรื่องให้กลุ้มใจอย่างหนักสุชาดาค่อยๆตื่นลืมตาขึ้นมาช้าๆเพราะรู้สึกว่าตอนนี้ร่างกายของเธอนั้นเหนือการควบคุมมากจากสมองของเธอ ทันทีที่เธอมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจนเธอก็รีบฉีกยิ้มส่งให้กับทุกคนเพื่ออยากตะบอกว่าตอนนี้เธอสบายดีแล้ว

"แม่คะแม่เป็นอะไรทำไมถึงร้องไห้ล่ะเกิดอะไรขึ้นหรอทำไมทุกคนถึงได้กลับมาอีกล่ะไม่ใช่ว่าเมื่อกี้ทุกคนกลับบ้านไปนอนกันหมดแล้วหรอหรือว่ามีเซอร์ไพรส์วันเกิดอะไรให้หนูอีกหรอกนะคะคุณแม่คุณยาย"

"ชาดาลูก!!! อย่าพึ่งพูดอะไรมากเลยนะคนดีของยายตอนนี้หลานสาวคนดีของยายหิวมั้ยอยากกินน้ำหรือหิวข้าวหรือเปล่าลูก"

"คุณยายคะคุณยายเป็นอะไรคะร้องไห้ทำไมเจ้านันตามันทำอะไรให้ยายโมโหอีกแล้วใช่มั้ยคะเนี่ย คุณยายไม่ร้องนะเดี๋ยวหนูจะตัดการมันให้คุณยายนะโอเคมั้ย ไม่ร้องนะคะไม่ร้อง"

       สุชาดายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่เปื้อนใบหน้าให้กัคุณยายสมรของเธอพร้อมกับเอ่ยปลอบใจโดยที่เธอก็ยังไม่ได้คิดเอะใจอะไรกับพฤติกรรมที่แปลกไปของทุกคนที่อยู่ตรงนั้น พอเธอฟื้นขึ้นมาได้เพียงไม่นานเหล่าคุณหมอและพยาบาลก็ต่างพากันได้วิ่งวุ่นเข้ามาในห้องของเธออีกครั้งเพราะเมื่อเธอฟื้นขึ้นมาได้ไม่นานเธอก็เกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลันช็อกหมดสติไปอีกครั้งโดยที่ครั้งนี้อาการเธอนั้นหนักลงกว่าเดิมมาก

"คุณหมอคะลูกของฉันเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอทำไมแกที่เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาก็กลับไปเป็นแบบนี้ได้อีกบอกเราเถอะค่ะคุณหมอ"

"หมอต้องบอกแบบนี้ครับ ผู้ป่วยตอนนี้หลังจากที่ช่วยกลับมาได้อาการก็ยังคงทรงตัวอยู่ครับแต่หมอก็ยังคงยืนยันคำเดิมครับว่าให้ญาติเริ่มเตรียมใจไว้เลยเพราะเธอเป็นระยะสุดท้ายแล้วที่ผ่านมาโรคไม่ส่ออาการให้เห็นอาจเป็นเพราร่างกายของคนไข้แข็งแรงและมีจิตใจที่เข้มแข็งตอนนี้ก็ทำได้แค่พยุงอากาศไม่ให้ทรุดลงกว่านี้หมอจะจัดยาเพื่อไม่ให้เธอเจ็บปวดมากก่อนเธอจะจากไป"

"ลูกของฉันจะไม่รอดแล้วหรอคะไม่มีทางรักษาได้เลยงั้นหรอคะคุณหมอ ช่วยเธอหน่อยเถอะนะคะเธออายุเพิ่งจะสิบเก้าปีเองได้โปรดเถอะค่ะหาทางช่วยเธอที"

"ญาติคนไข้ครับ หมอเองก็รู้ดีแล้วในใจก็เห็นใจคนไข้มากเหมือนกันแต่ในสามเดือนที่ผ่านมานี้เราหาทางและปรึกษากับหลายๆโรงพยาบาลแม้กระทั่งหมอผู้เชี่ยวชาญที่ต่างประเทศแล้วทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเคสนี้หาได้ยากมากๆปกติแล้วคนไข้ส่วนมากถ้ามีเนื้องอกที่มีก้อนใหญ่มากขนาดนี้เกิดขึ้นในร่างกาย ร่ายกายน่าจะมีปฏิกิริยาอะไรบ่งบอกออกมาบ้างแต่นี่เธอเป็นมานานมากแล้วจนเข้าขั้นระยะสุดท้ายของโรคแล้วเธอจะมามีอาการก็ตอนที่หนักแล้วไม่สามารถที่จะรักษาได้แล้ว ผมไม่อยากจะพูดคำนี้หรอกนะครับแต่ไม่มีทางรักษาได้แล้วจริงๆหมอเสียใจด้วยจริงๆนะครับเธออาจจะอยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งเดือนแล้วในระหว่างนี้ถ้าเกิดคนไข้ฟื้นขึ้นมาญาติก็ควรใช้เวลากับคนไข้ให้ได้มากที่สุดอยู่กับเธอเป็นกำลังแรงใจให้เธอเผื่อเธอจะอยู่กับเราให้ได้นานที่สุด"

"ไม่เกินเดือน!!!! ยัยหนูของยาย"

       สุชาดาหลังจากช็อกแล้วถูกยื้อชีวิตกลับคืนมาได้อีกครั้งพอหลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมาสีโลกของเธอก็เปลี่ยนไป เธอเมื่อได้สติกลับคืนมาแต่ยังไม่ทันจะได้ลืมตามองดูหน้าใครๆหูของเธอก็พลันได้ยินคำพูดของคนในครอบครัวของตัวเองจนหมดแล้วว่าเธออาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่ถึงหนึ่งเดือนสาเหตุเป็นเพราะเธอมีเนื้องอกในก้านสมองซีกซ้ายขนาดใหญ่อีกทั้งเจ้าเนื้องอกตัวนี้ก็ได้ก่อเป็นมะเร็งที่ร้ายแรงไปแล้วทั่วสมอง

       ถึงแม้นว่าถ้าผ่าก็ใช่ว่าจะมีทางรอดโอกาสที่จะรอดนั้นเป็นศูนย์ เนื้อก้านสมองถูกมะเร็งกัดกินลามเป็นวงกว้างไปทั่วทุกที่ของสมองเพราะฉะนั้นหมอจึงแนะนำให้ญาติคนไข้ทำใจ และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆสุชาดาอยู่ได้ไม่ถึงเดือนเธอก็พลันจากโลกใบนี้ไปอย่างสงบ

"ถ้านรกหรือสวรรค์มีจริงได้โปรดท่านช่วยรับฟังคำขอจากหนู นางสาวสุชาดา พิเศษโสณี คนนี้สักครั้งจะได้มั้ยคะปีนี้หนูเพิ่งจะอายุแค่สิบเก้าปีเองนะคะท่าน ท่านใจดีให้หนูได้เกิดมาแล้วทำไมท่านไม่ปล่อยให้หนูได้อยู่สร้างความดีให้โลกใบนี้อีกสักหน่อยล่ะคะท่าน หนูยังไม่มีโอกาสได้เรียนมหาลัยให้จบเลยหนูยังไม่มีโอกาสที่จะหาเงินมาตอบแทนคุณพ่อแม่ปู่ย่าตายายเลยหนูยังไม่ได้มีโอกาสพาครอบครัวของหนูไปเที่ยวที่ไหนสวยๆสักที่เลยหนูยังไม่มีโอกาสได้คุยกับน้องชายดีๆเลย เราสองคนพี่น้องส่วนมากก็เอาแต่ทะเลาะกันตลอดจนพ่อแม่ต้องไม่ค่อยสบายใจ หนูเป็นพี่สาวโตจนถึงป่านนี้ก็ยังไม่เคยได้สอนน้องทำการบ้านเลยสักครั้งแล้วอีกอย่างหนูโตมาจนถึงป่านนี้หนูยังไม่เคยมีแฟนเลยสักคนเมื่อหลายเดือนก่อนนี้หนูเพิ่งจะไปแอบชอบรุ่นพี่คนนึงมากะว่าจะได้ไปสารภาพรักกับพี่เขาอยู่แล้วแท้ๆแต่ท่านก็จะมาพรากหนูไปเสียก่อน แบบนี้หนูจะพูดว่าท่านทำกับหนูแบบไม่ค่อยจะยุติธรรมเลยหนูพูดได้มั้ยคะ

หนูอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อถึงจะให้ได้ไม่นานอย่าน้อยๆก็น่าจะให้หนูได้เตรียมใจก่อนสักนิดนะคะหนูขอสักปีสองปีก็ได้ถ้าปีสองปีมันมากไปหนูขอแค่ปีเดียวก็ได้สิบเดือนก็ได้ห้าวันก็ยังดีให้หนูได้มีโอกาสได้ทำใจได้บอกลาครอบครัวหนูอีกสักหน่อยจะได้รึเปล่า ขอร้องล่ะค่ะท่านอย่าใจร้ายกับเด็กน้อยอย่างหนูนักเลยได้โปรดเถอะนะคะได้โปรดให้หนูได้ร่ำลาพวกเขาอีกสักนิดก่อนไปได้มั้ยคะได้โปรดล่ะหนูขอร้องนะคะท่าน"

------ตี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด------

       เสียงเครื่องวัดชีพจรร้องดังขึ้นยาวๆเพื่อแจ้งเตือนว่าคนไข้ได้เสียชีวิตแล้ว ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของสุชาดาถูกพ้นออกมาใส่หน้ากากเครื่องช่วยหายใจเพียงเสี้ยววินาทีแล้วก็หมดลงไปหลังจากนั้นในห้องก็มีแต่เสียงร้องไห้โดยความโศกเศร้าและเสียใจกับการจากไปของผู้เป็นที่รักคนหนึ่งของครอบครัวพิเศษโสณี สุชาดาหลั่งน้ำตาหยดสุดท้ายออกมาแล้วจากไปอย่างกายสงบแต่ภายในจิตใจกลับมีแต่ความหม่นหมองจิตใต้สำนึกของใจกลับเต็มไปด้วยคำขอร้องจากสวรรค์หรือคนที่กุมอำนาจอยู่เบื้องบนฟ้าที่แสนไกล

       อีกหนึ่งซีกของมิติจักรวาลแสนไกล

          ​​​​​​​ณ.กรุงบีดีมัลล์ แห่งฟลอเทียร์

"ท่านคะได้โปรดให้โอกาสหนูได้มีชีวิตอีกครั้งเถอะนะคะ ท่านคะหนูขอร้อง!!!!!"

       เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มสดใสนอนหลับอยู่บนเตียงเธอดิ้นไปดิ้นมาพร้อมกับพูดพร่ำเพ้อละเมออะไรออกมาโดยที่คนเป็นแม่ก็ฟังไม่ค่อยได้ความมากดีลิสเดรียเดินเข้าห้องมาปลุกผู้เป็นลูกสาวอย่างเช่นทุกๆวันเพื่อไปทำงานให้ทันเวลา

"อิสซี!!! อิสซี!!!! ตื่นได้แล้วนะลูกรักสายแล้วอิสซีจ๊ะอิสซี!!!"

"แม่คะ!!!! หนูยังไม่อยากตายพ่อคะช่วยหนูที"

               คำเตือน

       ตัวละคร พฤติกรรม สถานที่ หน่วยงาวิชาชีพต่างๆ และเหตุการณ์ที่มีการใช้ความรุนแรงในนิยายเป็นแค่เรื่องสมมุตินิยายเรื่องนี้ถูกแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงและความสนุกสนานเท่านั้นโดยไม่มีเจตนาชี้นำหรือส่งเสริมการกระทำใดๆที่เกิดขึ้นในนิยาย ตัวละครหรือเนื้อหาอาจจะมีการใช้ความรุนแรงทางเพศและตัวละครอาจมีการใช้คำพูดที่ค่อนข้างจะหยาบคายแต่เพื่อความสมจริงและเพิ่มอรรถรสให้กับนิยายได้สมจริงมากขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ ขอขอบคุณพระคุณไว้ล่วงหน้าหากท่านจะมาเป็นผู้ใหญ่ใจดีอุดหนุนsupportนิยายเรา🙏🙏🙏















สารบัญ

บันทึกรักนายซุป'ตาร์-ตอนที่ 1 จะจีบหรืออะไร,บันทึกรักนายซุป'ตาร์-ตอนที่ 2 อาคาเดรก็คือเป้าหมาย,บันทึกรักนายซุป'ตาร์-ตอนที่ 3 หนูมีสายเลือดที่เป็นกลุ่มพิเศษ,บันทึกรักนายซุป'ตาร์-ตอนที่ 4 ลาแล้วโลกเดิมที่เคยอยู่

เนื้อหา

ตอนที่ 3 หนูมีสายเลือดที่เป็นกลุ่มพิเศษ

13-03-2023

"แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูยู"

       เสียงผู้คนมากหน้าหลายตาร้องเพลงวันเกิดร่วมฉลองสังสรรค์ให้กับเจ้าของวันเกิดดังขึ้นต่อเนื่องอยู่สักประมาณห้าถึงหกนาที เมื่อเสียงร้องจบลงไฟก็ถูกเปิดให้สว่างจ้าอีกครั้ง

"สุขสันต์วันเกิดนะลูกรักของพ่อกับแม่ ปีนี้อายุสิบเก้าแล้วนะโตเป็นสาวแล้วตอนนี้เป็นนักศึกษาสาวของมหาลัยแล้ว ต่อจากนี้ไปทำตัวให้ดีกว่าเดิมรู้ความให้มากๆเป็นคนดีของสังคมด้วย แล้วก็เป็นเด็กน้อยที่รู้ความของพ่อแม่และคุณยายด้วยนะพ่อแม่ขอให้ลูกสาวแม่ในวันเกิดและอนาคตในภายภาคหน้าต่อไปพบเจอแต่ความสุขและความเจริญอย่าได้เจ็บป่วย เป็นสาวสวยที่มีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงต่อปีตลอดไปนะลูกรัก"

       แม่บัวคำแสนกับพ่อสุมาหรันเอ่ยกล่าวคำอวยพรที่ดีที่สุดให้แก่ผู้เป็นลูกสาวอย่างจริงใจ สุชาดาพนมมือรับคำอวยพรจากพ่อกับแม่พร้อมน้ำตาที่คลอเบ้าเพราะปลื้มใจในความเซอร์ไพรส์นี้และเธอก็ไม่ลืมที่จะโผเข้าไปโอบกอดพ่อกับแม่อย่างดีใจอย่างสุดซึ้ง 

"ถึงทียายจะอวยพรบ้างแล้ว มานั่งลงใกล้ๆยายนี่มายายก็ขอให้เจ้าหญิงตัวน้อยของยายจากนี้ต่อไปให้หนูพบเจอแต่ความโชคดีไม่ว่าหนูคิดจะทำอะไรหรือต้องการจะทำอะไรก็ขอให้หลานยายสมพรด้วยทุกประการที่ปราถนา ถ้าต่อไปในวันข้างหน้าหากอยากจะมีคู่ครองก็ให้ลูกได้พบเจอกับคนที่ดีๆนะ ถึงต่อให้ในภายภาคหน้าหลานยายจะไปตกระกำลำบากอยู่ที่ไหนก็ขอให้มีคนคอยดูแลอุ้มชูให้หนูพ้นภัยนะคะสุชาดาของยาย"

       คุณยายสายสมรอวยพรสุดลึกล้ำแต่คำอวยพรแปลกๆตอนสุดท้ายมันกลับไปสะกิดต่อมความกังวลใจให้กับใครหลายๆคน รวมไปถึงพ่อแม่ของเจ้าของวันเกิดด้วย คืนนี้เป็นคืนวันเกิดที่ชาดานั้นมีความสุขมากๆเธอนั่งคุยเล่นกับเพื่อนๆอยู่นานค่อยตัดใจปล่อยเพื่อนๆของเธอกลับบ้านไปนอน

    23:55นาที

       หลังจากที่เพื่อนๆและแขกเหรื่อกลับไปจนหมดสุชาดาก็ได้รับสายหนึ่งด้วยรอยยิ้มปลื้มปริ่มที่สุดของหัวใจเพราะซอฟยกหูต่อสายโทรมาเพื่ออวยพรวันเกิดให้กับเธอและเมื่อวางสายจากซอฟก็มีอีกหนึ่งสายโทรมาหาเธอ

"ว่าไงทำไมวันนี้ถึงไม่มางานวันเกิดฉันล่ะจ้ะ"

"โทษทีนะที่ไม่ได้ไปพอดีมีธุระด่วน แต่ก็ยังทันโทรมาอวยพรนะ"

"อย่าพึ่งๆ..เรื่องอวยพรเอาไว้ก่อนนะเพราะฉันมีเรื่องจะปรึกษาเธออ่ะ...คือว่าฉัน..แบบว่านะคือ..พรุ่งนี้ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะไปสารภาพรักกับพี่เขา ฉันจะใจกล้าหน้าด้านขอพี่เขาเป็นแฟนฉันช่วยเป็นกำลังใจให้ฉันด้วยนะ"

"ชะดา!!! คือว่าพี่เขา...พี่ซอฟเขาพึ่งจะขอฉันเป็นแฟนก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วันเอง เธอ.."

"หมายความว่าไง!!!!!!"

"ฉันกับพี่ซอฟเราสองคนตกลงคบกันแล้ว"

"ไม่มีทาง!!!..ถ้าคบกับเธอแล้วฉันจะทำยังไงทำไมเธอทำกับฉันแบบนี้เราเป็นเพื่อนรักกันเลยนะเธอ...เธอ...เธอทำไมถึงได้ทำ..."

       ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคนปลายสายพูดเรื่องสะเทือนใจกับเธอหรือเป็นเพราะสาเหตุอะไรกันแน่ที่จู่ๆ ก็ทำให้เธอล้มตึงหงายหลังลงไปนอนกองอยู่กับพื้นพร้อมกับการหมดสติไปแบบไม่ทันได้ตั้งตัว

       แอสตั้ลทาวน์ กรุงพาโจลแห่งฟลอเทียร์

"ผมรู้ว่าเป็นเพราะความหวังดีของพี่แต่ผมไม่ต้องการผู้ช่วยอีกแล้วจริงๆนะ ทาเทียพี่ช่วยฟังคำขอของผมบ้างเถอะนะได้โปรดยกเลือกการคัดเลือกหาผู้ช่วยคนนี้ของผมเถอะนะพี่"

       น้ำ​เสียงที่ทุ้มนุ่มละมุนหูที่​ยิ่งฟังไปเท่าไหร่ก็ยิ่งน่าลุ่มหลงของบีดีสเวล​​​​​ ซุปตาร์ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตาบุคลิกท่าทางอันทรงสง่านั่งพูดเจื้อยแจ้วด้วยเสียงสองเหมือนจะอ้อนวอนขอร้องผู้จัดการส่วนตัวถึงเรื่องที่ทาเทียเปิดรับสมัครหาผู้ช่วยคนที่ห้าให้กับบีดีสเวลซุปตาร์ตัวท็อปในสังกัดของเขา

"ดีสเวลยอดรักของพี่นายยังไม่เข้าใจอีกเหรอเดือนนี้นายไล่ผู้ออกไปกี่รายแล้ว นายไม่รู้ตัวหรือไงว่าตัวเองเป็นคนที่เอาใจยากมากแค่ไหน เรื่องเยอะเรื่องแยะเป็นที่หนึ่งฉันเลยต้องหาคนที่จะเอานายอยู่หมัดมารับมือกับนายไง"

"ผมไม่เคยเรื่องมากพี่เองก็รู้ แล้วพวกผู้ช่วยที่ผ่านๆมาพวกเขาถูกผมไล่ออกก็เป็นเพราะตัวของพวกเขาเองล้วนๆ มันไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับผมเลยสักนิดนะ แล้วที่ผมมีอยู่ก็เพียงพอแล้ว ไหนจะบอดี้การ์ดอีกเป็นโขยงนั่นอีกผมไม่มีเวลาเป็นส่วนตัวเลยด้วยซ้ำตอนเนี้ย เอ๊ะ!!! หรือผมจะตัดปัญหาง่ายๆโดยการอำลาวงการเลยดีมั้ยแบบนี้ง่ายกว่าเยอะ"

"หยุดๆ!!!! หยุดความคิดบ้าๆพวกนั้นไปเลยนะดีสเวลรู้มั้ยว่าถ้านายออกจากวงการไปปัญหาใหญ่มันจะตามมาอีกบานเบอะเลย จะมีคนอีกไม่น้อยที่จะอดตายเพราะนายเป็นร้อยเป็นพันชีวิตเพราะฉะนั้นห้ามคิดเด็ดขาดเพราะฉันไม่มีทางยอมแน่นอน"

"งั้นพี่ก็ให้พื้นที่ส่วนตัวกับผมบ้างสิครับ นี่อะไรพี่เล่นรับงานให้ผมตลอดทั้งปีแบบนี้ผมเหนื่อยมากนะรู้มั้ยพี่ นี่แล้วเรื่องหน้าที่ใกล้จะถ่ายทำนั่นอีกนะ ผมได้อ่านบทคร่าวๆแล้วฉากเลิฟซีนนี่ก็ฉากจูบจะเยอะไปไหน นี่ถ้าถ่ายจบมีหวังผมได้ปากเปื่อยแน่ถ้าจะให้จูบกันเกือบทุกซีนแบบนั้น พูดแล้วก็น่าปวดหัวเอาเป็นว่าเรื่องผู้ช่วยคนที่ห้าคนที่หกปัดตกไปไม่ต้องรับสมัครมาอีก"

"ไม่ได้หรอกเพราะพี่ได้รับเขาเข้ามาทำงานแล้ว แล้ววันพรุ่งนี้เธอคนนั้นก็จะมาทำงานแล้วด้วย คนนี้เป็นเด็กพึ่งจะเรียนจบมาหน้าตาก็ดีใช้ได้เลยด้วย ตัวเล็กๆหุ่นอรชรอ้อนแอ้นเอวบางๆปากนิดจมูกหน่อยผิวนี่ขาวเนียนเชียวล่ะ เห็นว่าเธอเป็นแฟนคลับของนายด้วยนะไม่แน่เธออาจจะเข้าใจนายได้ดีก็ได้นะดีสเวล เปิดใจหน่อยเถอะนะที่รัก"

"พี่รับมาพี่ก็รับผิดชอบเองก็แล้วกันนะเพราะผมจะขอปฏิเสธไม่เอาผู้ช่วยอีก ได้โปรดเข้าใจตรงกันด้วยนะครับพี่"

       ดีสเวลเขาพูดปฏิเสธด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉยพร้อมกับเดินไปหาอะไรกินในครัวโดยที่ไม่สนใจทาเทียที่เอ่ยวาจาตามหลังของเขาเลยแม้แต่น้อยนิด

"พี่ครับ.. พี่จะกินอะไรก่อนแล้วค่อยกลับมั้ยพี่ผมจะทำสลัดกินพี่จะเอาด้วยมั้ย"

"ไม่ล่ะ!! พี่มีนัดต้องไปคุยเรื่องสัญญาพรีเซ็นเตอร์ของนายอีกสองตัว นายก็รีบกินรีบนอนพักผ่อนนะเพราะพรุ่งนี้นายต้องเข้าไปบริษัทเพื่อไปดูผู้ช่วยคนใหม่ เด็กดีฟังคำพี่แล้วนายจะได้ดีนะที่รัก"

"พี่ก็รู้ว่าผมน่ะรวยอยู่แล้วไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินต่อให้ชาตินี้ผมไม่ทำงานผมก็มีกินมีใช้ทั้งชาติ เรื่องนี้พี่น่าจะรู้ดีที่สุดนะครับเพราะฉะนั้นพี่ไม่จำเป็นที่จะต้องเอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาต่อรองกับผมซะให้ยากผมไม่ไปก็คือไม่ไปและไม่เอาก็คือไม่เอาครับ"

"จ้ะพ่อคนรวย พ่อคนมีอันจะกินทั้งชาติแต่พี่ขอถามนายหน่อยนะ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่นายจะรอดมาถึงปัจจุบันนี้มั้ยจริงอยู่ที่บ้านนายรวยมีเงินกองท่วมหัวแต่แล้วมันยังไงล่ะ นายก็ไม่เป็นตัวเองได้ตามใจชอบอยู่ดีถ้าไม่ใช่เพราะนายเป็นดาราเป็นซุปตาร์ป่านนี้ครอบครัวนายคงจะบีบบังคับให้นายแต่งงานมีลูกหลานทายาทตระกูลดรอเทร์นัลเป็นห้าคนสิบคนไปนานแล้วมั้ง พูดแบบนี้นายว่าฉันพูดถูกมั้ย รีบใช้ชีวิตในยามที่ยังเป็นของตัวเองอยู่เถอะนะเด็กน้อยของพี่เพราะดาราก็มีขาลง สักวันหนึ่งนายก็ต้องมีคนที่หล่อและแสดงเก่งมากฝีมือขึ้นมาแทนที่นาย พอถึงตอนนั้นนายค่อยมาต่อต้านฉันดีมั้ย"

"พี่ก็พูดซะไม่ให้ผมมีทางลงเลยเนี่ย ก็ไ​ด้ๆผมจะเข้าบริษัทตามคำที่พี่บอกแบบนี้คงจะพอใจแล้วใช่มั้ยครับท่านราชินีผู้​ทรงเกียรติ"

"ก็แค่นั้น!!! รีบกินรีบโตนะเด็กดีพี่ต้องไปทำงานต่อล่ะ"

       ​​ทาเทียเดินออกจากบ้านไปพร้อมกับรอยยิ้มร้ายๆรอยยิ้มแห่งราชินีรอยยิ้มของแม่มดอหังการรอยยิ้มแห่งปีศาจเป็นเธอคนเดียวในตอนนี้ที่สยบฝีปากที่แสนจะร้ายกาจของบีดีสเวลได้อย่างอยู่หมัดและเธอเองก็ยังหวังว่าบนจักรวาลนี้จะมีผู้หญิงอีกสักคนที่มาคอยช่วยเธอปราบพยศดีสเวลช่วยเธออีกสักคน

       เช้าของวันต่อมาอีสซีรีบตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างก็ด้วยเพราะความตื่นเต้นดีใจที่ในที่สุดเธอก็จะได้ไปเจอกับไอดอลคนโปรดอย่างที่ใจเธอเฝ้าใฝ่ฝัน

       เธอเฝ้ารอคอยปราถนานี้มาตลอดสิบกว่าปี อีสซีตื่นขึ้นมาจัดเตรียมชุดสวยๆน่ารักๆแต่งหน้าทำผมเพื่อความประทับใจแรกกับการเจอกับคนที่เธออยากจะเจอที่สุดในชีวิต อีสซีตื่นเช้ามากทั้งเช้าเธอก็วุ่นวี่วุ่นวายอยู่แต่กับการแต่งตัวจนผู้เป็นแม่ต้องห้ามปรามคอยบอกคอยเตือนให้เธอคุมสติให้ได้เพราะมองแล้วคุณแม่กลัวว่าลูกสาวของเธออาจจะตกงานตั้งแต่ยังไม่ได้ทำงานเพราะเสียอาการมากเกินไป

"อีสซีลูกรัก ลูกจงตอบแม่มาตามความเป็นจริงเมื่อคืนลูกได้นอนบ้างมั้ย ไม่ใช่ว่าลูกตื่นเต้นจนเมื่อคืนไม่ยอมหลับยอมนอนหรอกนะใช่มั้ย"

       ดีลีสเดรียเอ่ยวาจาเสียงนุ่มละมุนหูถามไถ่ลูกสาวด้วยความเป็นห่วงและเป็นกังวลกลัวทุกอย่างจะต้องพังทลายลงเพราะความตื่นเต้นเกินเหตุของเธอเอง อีสซีเมื่อเห็นแล้วว่าคนเป็นแม่นั้นดูออก เธอจึงยิ้มแห้งๆแต่คนเป็นแม่ตั้งแต่เช้าตรู่เพราะเธอเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฎิเสธเพราะทุกคำที่แม่ของเธอพูดมามันคือเรื่องจริงทั้งหมด

"คุณแม่ขาาาา อีสซีขอโทษที่ทำตัวให้คุณแม่ต้องคอยเป็นห่วงอยู่เรื่อยอีสซีไม่ปิดบังและไม่ขอปฎิเสธว่าเมื่อคืนลูกไม่ได้นอนจริงๆค่ะ แต่คุณแม่ก็ต้องเข้าใจลูกนะคะลูกผ่านการสมัครมาได้และลูกจะได้ไปเจอพี่เขาแล้วมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ลูกจะตื่นเต้นไม่ใช่เหรอคะคุณแม่ คุณแม่เองก็รู้ว่าลูกชอบพี่เขามากแค่ไหน วันนี้เป็นการเริ่มต้นทำงานที่สำคัญของลูกวอนคุณแม่อย่าดุอย่าว่าลูกเลยนะคะต่อไปลูกสัญญาว่าจะไม่อดหลับอดนอนทำให้คุณแม่ต้องเป็นวังวลอีก"

       หนูน้อยอีสซีทำเสียงเล็กเสียงน้อยออดอ้อนแม่

ของเธอด้วยท่าทางที่น่ารักน่าชังจนผู้เป็นแม่ต้องยอมให้เหมือนดั่งเช่นทุกๆครั้งไป

10:12 นาที ที่บริษัทอาคาเดร

        อีสซีตื่นเต้นมากๆเธอสัมผัสและรู้สึกได้ถึงเสียงของหัวใจเธอที่ตอนนี้มีนเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆและแทบจับจังหวะไม่ได้เลย ยิ่งวินาทีนี้ที่ดวงตาคู่สวยของเธอได้เห็นชายอันเป็นที่รักของเธอกำลังนั่งเจิดจรัสอยู่ตรงหน้าเธอก็ยิ่งรู้สึกว่าเธออาจจะช็อกตายตอนไหนก็ได้เพราะหัวใจเธอมันเต้นเร็วเกินกว่าคนปกติจะรับไหว

"หนูขอแนะนำตัวนะคะพี่ๆทุกคน หนูชื่ออีสซีเดรียอายุยี่สิบปีบริบูรณ์หนูมีสายเลือดเมเตพีคีนีค่ะพี่ แต่หนูจะพิเศษอยู่สักหน่อยคือพ่อของหนูเป็นสายเลือดเมเตดุสวีแบบเลือดผสมส่วนแม่ของหนูเป็นเมเตพีคีนีสายเลือดบริสุทธิ์ฉะนั้นหนูก็เลยถูกบันทึกให้เป็นเมเตมิโนกันสายเลือดเฉพาะกลุ่ม"

     (เมเตดุสวีคือสายเลือดของบุคคลชั้งสูงที่สุดส่วนเมเตพีคีนีเป็นสายเลือดบุคคลชนชั้นต่ำแบบรากหญ้าธรรมดาบ้านๆเบๆ ส่วนมิโนกันคือสายเลือดบริสุทธิ์พิเศษหาได้ยากถูกจัดให้เป็นสายเลือดชนชั้น1+ หรือเรียกกันในหมู่กลุ่มคือสายเลือดสีเทาที่หาพบได้ยากจะมีแค่หนึ่งในแสนหรือในล้าน)

"ถ้าเป็นแบบนั้นก็แสดงว่าฉันยังคงมีสายตาที่เฉียบแหลมอยู่สินะ ควาวนี้หาผู้ช่วยให้ซุปตาร์ได้สายเลือดมิโนกันซะด้วยถือได้ว่าล้ำค่ามาก"

       ทาเทียเอ่ยชมตัวเองกับความสามารถที่สุดแสนที่จะบรรเจิดเลิศล้ำนี้ ทาเทียยิ้มร่าเริงดี๊ด๊าแต่พอเธอหันไปหาซุปตาร์คนโปรดของเธอเขากลับไม่เห็นด้วยที่จะรับเธอมาทำงานนี้ บีดีสเวลที่นั่งฟังเด็กใหม่แนะนำตัวอยู่จู่ๆเมื่อเขาได้รู้ว่าเธอมีสายเลือดสีเทาเขาก็พลันส่ายหน้าทันทีและยังพูดสั้นๆห้วนๆออกมาเพื่อเตือนสติผู้จัดการของเขา

"ผมไม่เห็นด้วยที่จะรับเอาคนที่มีสายเลือดของกุสติมา(ก็คล้ายกับพระเจ้า)มาทำงานกับเราผมต้องขอโทษด้วยที่จำเป็นที่จะต้องบอกว่าคุณไม่ผ่านเกณฑ์"

"ทำไมล่ะคะหนูขอคำอธิบายหนูขอเหตุผลค่ะ"

"เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าสายเลือดอย่างพวกคุณเป็นสายเลือดที่เป็นลูกรักของกุสติมา ถ้าเกิดต่อไปในภายภาคหน้าหากคุณมีการได้ทำผิดกฎอะไรพวกเราจะไม่สามารถลงโทษพวกคุณได้เลยผมพูดแบบนี้คุณคงจะพอเข้าใจใช่มั้ย"

"แต่หนูยังไม่ได้เข้าร่วมพิธีกรรมอัคสะเลยนะคะหนูเป็นแค่ลูกหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาทั่วๆไปก็โปรดเห็นใจหนูด้วยเถอะนะคะหนูต้องการงานนี้มากจริงๆ ได้โปรดเถอะค่ะพี่ทาเทียหนูของร้อง"

"ถึงตอนนี้คุณจะยังไม่ได้เข้าร่วมพิธีอัคสะแต่พอคุณอายุยี่สิบห้าปีถ้าคุณยังไม่มีคนรักคุณก็ต้องเข้าร่วมพิธีกรรมนั้นอยู่ดีนั่นก็แปลว่าคุณไม่ผ่านเกณฑ์เชิญกลับบ้านไปเถอะครับผมก็ขอร้องคุณเหมือนกันผมไม่อยากมีปัญหาตามมาทีหลัง"

"อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจนักสิดีสเวล ยังไงๆพี่ก็ยังคิดว่าน้องเขาน่าจะทำงานกับพวกเราได้อยู่นะให้โอกาสน้องเขาหน่อยเถอะนะ เอาล่ะเอาเป็นว่าพี่รับเธอเข้าทำงานแต่พี่ขอเพียงแค่อย่างเดียวอย่าทำอะไรที่มันเสี่ยงต่อการผิดกฎเด็ดขาดนะเพราะพี่กลัวจะรับผิดชอบเธอไม่ไหว"

"ขอบคุณค่ะพี่ทาเทีย ขอบคุณในความมีน้ำใจของพี่นะคะหนูจะไม่ทำให้พี่ผิดหวังเลยค่ะ"

"ดีจ้ะ ถ้างั้นเราก็ไปเรียนรู้งานและหน้าที่ของเธอกันดีกว่าเนาะไปเลยจ้ะตามรุ่นพี่ของเธอไปเรียนรู้งานก่อนลงสนามจริง ขอให้โชคดีนะอีสซี"

       ทาเทียเอ่ยส่งอีสซีไปทำงานเสร็จ จู่ๆดีสเวลก็พูดตัดบทออกมาอย่างหน้าตาเฉยโดยที่เขาก็ไม่ได้รีรอให้อีสซีเดินออกไปพ้นขอบประตูออฟฟิศ

"ผมว่าทางที่ดีพี่เตรียมใจไว้บ้างก็ดีนะเพราะพี่เลือกสายเลือดสีเทามาทำงานให้ พี่เชื่อผมสิว่าต่อไปในวันข้างหน้าเธอจะนำเรื่องร้ายแรงมาสู่พวกเราแน่นอน"

 

                       จบตอน