เมื่อชายหนุ่มได้มาเกิดใหม่ในโลกแห่งเวทมนตร์ โดยเขาตายเพราะช่วยคุณยายข้ามถนนแล้วถูกรถชน เขาจะใช้ชีวิตในโลกใบใหม่ต่อไปอย่างไร!

เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2] - บทที่ 55 ราชันจอมเวทอาวุโส? โดย MIN-G @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ผจญภัย,แอคชั่น,เวทมนตร์,เกิดใหม่ ,แฟนตาซี,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ผจญภัย,แอคชั่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

เวทมนตร์,เกิดใหม่ ,แฟนตาซี,ต่างโลก

รายละเอียด

เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2] โดย MIN-G @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เมื่อชายหนุ่มได้มาเกิดใหม่ในโลกแห่งเวทมนตร์ โดยเขาตายเพราะช่วยคุณยายข้ามถนนแล้วถูกรถชน เขาจะใช้ชีวิตในโลกใบใหม่ต่อไปอย่างไร!

ผู้แต่ง

MIN-G

เรื่องย่อ

จะเป็นอย่างไร... เมื่อความตายนั้นยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิต?


ชายวัย 31 ปีที่ทำแต่ความดีมาโดยตลอดเพราะเชื่อในเรื่องของสวรรค์และนรก แต่กลับต้องมาจบชีวิตลงเพราะการทำความดี ซึ่งดวงวิญญาณของเขากลับไม่ไปบนสวรรค์ดั่งหวัง แต่ได้ไปเกิดใหม่ยังโลกแห่งเวทมนตร์และพลังเหนือธรรมชาติในชื่อ “คาอิดะ อาคุมุ” ลูกคนสุดท้ายของตระกูลคาอิดะ เขาจะทำอย่างไรเมื่อได้มาเกิดใหม่อีกครั้งในโลกใหม่และชีวิตใหม่!!

“ถ้าเป็นคนดีแล้วไม่ได้ไปสวรรค์…” 

“...แสดงว่าสวรรค์ไม่มีอยู่จริง”

“แล้วฉันจะทำความดีทำไมกันเล่า!!!” 



---------------------------------------------------

หมายเหตุ : นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่ง มิได้เจตนาพาดพิงถึงผู้ใดและไม่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่

หมายเหตุ 2 : ชื่อสิ่งต่าง ๆ ในนิยายเรื่องนี้เช่น สถานที่ เป็นชื่อที่เกิดจากจินตนาการของผู้แต่ง ไม่ได้มีจริงแต่อย่างใด

หมายเหตุ 3 : เครื่องหมายคำพูด (“ ”) คือการพูดปกติ 
เครื่องหมายคำพูด (‘ ’) คือการคิดในใจ

----------------------------------------------


ระดับของนักเวท
นักเวทระดับ 1
นักเวทระดับ 2
นักเวทระดับ 3
จอมเวทระดับ 1
จอมเวทระดับ 2
จอมเวทระดับ 3
ราชันจอมเวทระดับ 1 ดาว
ราชันจอมเวทระดับ 2 ดาว
ราชันจอมเวทระดับ 3 ดาว


ระดับของปีศาจเวทมนตร์
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 1
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 2
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 3
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 4
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 5
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 6
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 1 ดาว
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 2 ดาว
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 3 ดาว

สารบัญ

เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 31 เบาะแส?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 32 นายน้อย?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 33 ผู้แข็งแกร่ง,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 34 เปิดฉากการต่อสู้,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 35 การต่อสู้ระดับสูง,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 36 “นายน้อยต้องมีชีวิตต่อไปนะครับ...”,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 37 เรื่องราวที่เกิดขึ้น,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 38 เริ่มต้นการฝึกฝนจากมือขวา,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 39 ความแปลกใหม่ของทักษะ,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 40 ผลประโยชน์อันมหาศาล,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 41 สิ้นสุดการฝึกฝนจากมือขวา,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 42 กลไกในสนามประลอง?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 43 สู่สนามประลอง,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 44 เริ่มต้นการประลอง,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 45 เล่นเป็นนักยิงธนู,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 46 เล่ห์เหลี่ยม,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 47 เพื่อชัยชนะย่อมไม่เลือกวิธีการ?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 48 เหลี่ยมเหนือเหลี่ยม,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 49 การประลองเพียงครั้งเดียว?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 50 ดาบแห่งราชัน?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 51 ผู้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 52 พลังที่แท้จริง?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 53 คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 54 รอบ 8 คนสุดท้าย,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 55 ราชันจอมเวทอาวุโส?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 56 เริ่มการประลองแบบกลุ่ม,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 57 ความได้เปรียบเป็นศูนย์,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 58 ผู้ที่ถูกคัดออกคนแรก,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 59 หนึ่งรุมหก,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 60 มอบรางวัลด้วยเลือด [จบเล่ม 2]

เนื้อหา

บทที่ 55 ราชันจอมเวทอาวุโส?

บทที่ 55 : ราชันจอมเวทอาวุโส?

กฎและกติกาการแข่งขันในรอบ 8 คนสุดท้ายนั้น ได้ถูกเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันโดยไม่ได้มีการประกาศล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้ารอบหรือผู้ชมทั่วทั้งสนามประลอง ไม่เคยมีใครคิดไว้ว่าจะถูกเปลี่ยนเป็นการประลองแบบกลุ่ม

“เริ่มจากการจัดกลุ่ม กลุ่มที่ 1 จะมีผู้ชนะจากสายการต่อสู้เดิมก็คือสาย A, B, C และ D ส่วนกลุ่มที่ 2 ก็จะมีผู้ชนะจากสายการต่อสู้เดิมคือสาย E, F, G และ H ครับ”

พิธีกรได้ประกาศวิธีการแบ่งกลุ่มให้กับทั้ง 8 คน

‘ฉันพอเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงแบ่งกลุ่มง่าย ๆ แบบนี้...’

‘...เพราะรินอยู่ในกลุ่มที่ 2 สินะ? การคาดเดาของฉันถูกต้องอย่างแน่นอน!’

สิ่งที่อาคุมุคิดไว้นั้นมีเพียงความได้เปรียบของฝั่งตรงข้าม ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด และในสถานการณ์ตรงหน้านี้ ความได้เปรียบที่ว่าก็คงจะหนีไม่พ้นการที่กลุ่มนั้นมีคนอย่างรินอยู่ด้วยนั่นเอง

“ก่อนที่จะเข้าสู่ลำดับถัดไป...” พิธีกรพูดยังไม่ทันจบประโยค เสียงจากแท่นด้านบนก็ดังขึ้นมาในทันที

ตึ้ง!!

ซึ่งเป็นเสียงขององค์จักรพรรดิที่ใส่พลังเวทเข้าไปในแท่นข้าง ๆ ตัว สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ทำให้ทุกคนต่างก็ตกใจกันไปตาม ๆ กัน

“องค์จักรพรรดิของเราทรงให้สัญญาณในการเริ่มเข้าสู่ลำดับถัดไปแล้วครับ! ซึ่งต่อจากนี้สนามประลองที่ทุกท่านเห็นอยู่จะมีขนาดที่ใหญ่และกว้างขึ้นครับ!!”

ผู้เป็นพิธีกรพูดจบ เสียงตอบรับจากผู้ชมรอบทิศทางก็ดังขึ้นมาในทันที เพราะการที่สนามประลองมีขนาดใหญ่ขึ้นนี้คือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นและไม่เคยมีใครเห็นหรือได้ยินมาก่อน

“สนามประลองของจักรวรรดิทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?!”
“การประลองในปีนี้มีอะไรเยอะแยะเต็มไปหมดเลย”
“ที่ผ่านมาก็รักษามาตรฐานมาโดยตลอด ครั้งนี้กลับเปลี่ยนแปลงกติกาเป็นว่าเล่น”
“สิ่งที่ฉันรู้สึกได้มีอยู่อย่างเดียวคืออาคุมุจะต้องเจอศึกหนัก!”
...

“จะมาในรูปแบบไหนล่ะเนี่ย? เดิมทีสนามก็ค่อนข้างที่จะกว้าง แต่สำหรับ 8 คนก็คงจะไม่พอ... หรือสู้กันแบบตะลุมบอนเหรอ? มันดูธรรมดาเกินไปแฮะ ไม่สมกับเป็นคนเจ้าเล่ห์” อาคุมุบ่นพึมพำอยู่คนเดียว

“นายน้อยดูข้างบนนั้นสิครับ” คาเอเกะโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูอาคุมุ พร้อมกับชี้นิ้วขึ้นไปในตำแหน่งขององค์จักรพรรดิ

ซึ่งตรงนั้นมีคนที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เนื่องจากการที่ใส่ชุดคลุมไว้อย่างมิดชิด ไม่เห็นใบหน้าเพราะใส่หมวกของเสื้อคลุมไว้ อีกทั้งยังไม่สามารถรับรู้ถึงความแข็งแกร่งได้ เขาซ่อนออร่าพลังเวทไว้เสียจนหมดจึงมองไม่เห็นเลยแม้แต่น้อย

“เอ๋? ลุงคาเอเกะหมายถึงคนที่ใส่ชุดดำนั่นหรือเปล่าครับ?” อาคุมุถามกลับไป

“ใช่ครับ เขาคือคนที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนเลยล่ะครับ แต่กลับยืนอยู่ในตำแหน่งนั้น”

“ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาสินะ... ยศใหญ่สิท่า หรือเขาจะมาเป็นกรรมการแทนล่ะนั่น? อาจจะเป็นผู้ควบคุมการแข่งขันในครั้งนี้ก็ได้นะเนี่ย” อาคุมุบ่นพึมพำอยู่คนเดียวเช่นเดิม

“ลำดับต่อไป... ขอเชิญผู้เข้าแข่งขันทั้งสองทีมมารวมกันที่สนามประลองครับ!!!” พิธีกรประกาศด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง

“ผมไปก่อนนะครับ” อาคุมุหันไปบอกกับคาเอเกะ ก่อนที่เขาจะเดินลงไป

“ระวังตัวด้วยนะครับนายน้อย”

‘อืม... ครั้งที่แล้วก็ประลองข้ามสาย จะหาผู้ชนะของแต่ละสายยังไงเนี่ย? ฉันล่ะไม่เข้าใจเลยจริง ๆ แฮะ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ทุกคนที่แพ้ฉันจะไม่ได้มาปรากฏตัวในรอบนี้แน่นอน’

นั่นคือสิ่งที่อาคุมุคิด เพราะถ้าหากว่าผู้ชนะในสาย E นั้นยังเป็นดาอิหรือก็คือผู้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ที่เขาเพิ่งเอาชนะไปได้ล่ะก็... การประลองในครั้งนี้คงยากที่อาคุมุจะผ่านไปได้

‘เป็นไปตามที่คิดเลย’

อาคุมุและผู้ชนะจากทั้งสามสายการประลองมายืนอยู่ด้วยกัน ซึ่งไม่มีคนที่เขาคุ้นเคยเลยสักคน ส่วนทางด้านของฝั่งตรงข้าม...

‘เป็นไปตามที่คิดไว้เลย แต่ทำไมถึงไม่มีนักเวทชุดขาวล่ะ?’

กลุ่มที่สองนั้นนำโดยรินและคนอื่น ๆ อีกสามคน แน่นอนว่าไม่มีดาอิอยู่ด้วย สมาชิกทั้งสองทีมนอกจากรินนั้นคือคนที่อาคุมุไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง สาเหตุมาจากการที่เขาไม่ดูการประลองเลยหลังจากสู้จบ แต่สิ่งที่แปลกไปก็คือการที่กลุ่มของรินนั้นไม่มีนักเวทชุดขาวเลยสักคน

‘หรือเจ้าพวกนั้นจะเปลี่ยนชุด? ฮ่า ฮ่า’

“เมื่อทั้งสองกลุ่มพร้อมแล้ว... กระผมจะขออธิบายกฎและกติกาการประลองในรอบ 8 คนสุดท้ายครับ” พิธีกรพูดขึ้นมา

“หนึ่ง... เราจะทำการสร้างสนามประลองขึ้นมาใหม่ ซึ่งเรียกว่าสนามประลองแบบจำลองครับ พร้อมกับสร้างพลังชีวิตแบบจำลองให้กับผู้เข้าแข่งขันทุกคน”

“สอง... ผู้เข้าแข่งขันที่ถูกโจมตีจนพลังชีวิตหมดลงจะตกรอบและถูกย้ายออกจากสนามประลองในทันที”

“สาม... ผู้ที่ตกรอบจะมีทั้งหมด 3 คนในแต่ละกลุ่ม ซึ่งทั้งสองกลุ่มจะเหลือผู้เข้าแข่งขันเพียงกลุ่มละ 1 คนเท่านั้น และทั้งคู่จะได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศครับ”

“สี่... ภายในสนามประลองแบบจำลองนั้น ทุกคนจะสามารถใช้พลังได้โดยไม่ต้องกลัวว่าที่แห่งนี้จะพังหรือระเบิดออก”

“ข้อห้ามในการประลองนี้... ไม่มีครับ”

ผู้เป็นพิธีกรพูดจบลง เสียงตอบรับพูดคุยดังขึ้นมาทุกทิศทางรอบตัวอาคุมุ จนตัวเขาเองก็แยกไม่ออกว่าที่คนดูพูดนั้นคืออะไรบ้าง

‘นี่มันอะไรกันเนี่ย? จำลองขึ้นมางั้นเหรอ? ใครจะมีความสามารถที่ทำให้มันสมจริงได้ขนาดนั้นกันล่ะ? ผู้แข็งแกร่งในจักรวรรดิแห่งนี้... หรือจะเป็นคนสวมชุดดำนั่นเหรอ?’ อาคุมุได้แต่คิดอยู่ในใจและมองขึ้นไปยังบุคคลปริศนานั้น

‘แล้วก็วิธีการแบบนั้นมันใช่แบบกลุ่มจริงเหรอ? นี่มันบีบให้สู้กันเองในตอนท้ายเลยนะ’

‘สำหรับสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คงจะเป็น... การที่ไม่มีข้อห้ามเนี่ยสิ’

“กระผมขอเชิญท่านราชันจอมเวทอาวุโสครับ...” พิธีกรพูดขึ้นมาเพียงเท่านั้น บุคคลปริศนาคนนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นกลางสนามประลองโดยที่อาคุมุไม่ทันสัมผัสได้

‘ราชันจอมเวทอาวุโส?!! แล้วก็ความเร็วขนาดนี้นี่มัน... เร็วจนมองตามไม่ทันเลย’

“ข้าจะเป็นตัวแทนเริ่มการประลองในครั้งนี้... ขอใช้ชื่อเป็นผู้คุมสนามก็แล้วกัน” เสียงที่คล้ายกับชายชราได้ดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนามประลองแห่งนี้ แต่เป็นน้ำเสียงที่เรียบและชวนให้ขนลุกเป็นอย่างมาก

‘เป็นชายแก่สินะ แต่เป็นราชันจอมเวทอาวุโสงั้นเหรอ? บ้าจริง! คนที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดินี้ควรจะเป็นตาแก่ซาบาราชิไม่ใช่หรือไง?’

“ทั้งสองฝ่ายเดินเข้ามาในสนามประลอง” ผู้คุมสนามพูดขึ้นมา อาคุมุและทุกคนที่ได้ยินอย่างนั้นก็เดินเข้าสู่สนามประลอง

“ทักษะที่หนึ่ง สร้างภาพลวงตา!!!” ชายคนนั้นใช้ทักษะพลังเวทของเขา ซึ่งไม่มีแม้แต่วงแหวนเวทปรากฏขึ้นมาให้เห็น แต่ในสายตาของอาคุมุตอนนี้นั้นมีเพียงความมืดมิด

‘ความมืด? มืดอีกแล้ว... มืดจนเบื่อเลยแฮะ’

“ตอนนี้พวกเจ้ากำลังหลับตาอยู่ ลืมตาขึ้นสิ” ในความมืดมิดนั้น เสียงของผู้คุมสนามก็ดังขึ้นมา

“น... นี่มันอะไรกันเนี่ย?!” อาคุมุที่ลืมตาขึ้นมาก็เห็นสมาชิกในกลุ่มของเขาอยู่ครบ และเมื่อมองออกไปรอบ ๆ นั้น...

“นี่มัน... เมืองชิโตเสะ... เหรอ?”