เมื่อชายหนุ่มได้มาเกิดใหม่ในโลกแห่งเวทมนตร์ โดยเขาตายเพราะช่วยคุณยายข้ามถนนแล้วถูกรถชน เขาจะใช้ชีวิตในโลกใบใหม่ต่อไปอย่างไร!

เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2] - บทที่ 58 ผู้ที่ถูกคัดออกคนแรก โดย MIN-G @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ผจญภัย,แอคชั่น,เวทมนตร์,เกิดใหม่ ,แฟนตาซี,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ผจญภัย,แอคชั่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

เวทมนตร์,เกิดใหม่ ,แฟนตาซี,ต่างโลก

รายละเอียด

เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2] โดย MIN-G @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เมื่อชายหนุ่มได้มาเกิดใหม่ในโลกแห่งเวทมนตร์ โดยเขาตายเพราะช่วยคุณยายข้ามถนนแล้วถูกรถชน เขาจะใช้ชีวิตในโลกใบใหม่ต่อไปอย่างไร!

ผู้แต่ง

MIN-G

เรื่องย่อ

จะเป็นอย่างไร... เมื่อความตายนั้นยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิต?


ชายวัย 31 ปีที่ทำแต่ความดีมาโดยตลอดเพราะเชื่อในเรื่องของสวรรค์และนรก แต่กลับต้องมาจบชีวิตลงเพราะการทำความดี ซึ่งดวงวิญญาณของเขากลับไม่ไปบนสวรรค์ดั่งหวัง แต่ได้ไปเกิดใหม่ยังโลกแห่งเวทมนตร์และพลังเหนือธรรมชาติในชื่อ “คาอิดะ อาคุมุ” ลูกคนสุดท้ายของตระกูลคาอิดะ เขาจะทำอย่างไรเมื่อได้มาเกิดใหม่อีกครั้งในโลกใหม่และชีวิตใหม่!!

“ถ้าเป็นคนดีแล้วไม่ได้ไปสวรรค์…” 

“...แสดงว่าสวรรค์ไม่มีอยู่จริง”

“แล้วฉันจะทำความดีทำไมกันเล่า!!!” 



---------------------------------------------------

หมายเหตุ : นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่ง มิได้เจตนาพาดพิงถึงผู้ใดและไม่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่

หมายเหตุ 2 : ชื่อสิ่งต่าง ๆ ในนิยายเรื่องนี้เช่น สถานที่ เป็นชื่อที่เกิดจากจินตนาการของผู้แต่ง ไม่ได้มีจริงแต่อย่างใด

หมายเหตุ 3 : เครื่องหมายคำพูด (“ ”) คือการพูดปกติ 
เครื่องหมายคำพูด (‘ ’) คือการคิดในใจ

----------------------------------------------


ระดับของนักเวท
นักเวทระดับ 1
นักเวทระดับ 2
นักเวทระดับ 3
จอมเวทระดับ 1
จอมเวทระดับ 2
จอมเวทระดับ 3
ราชันจอมเวทระดับ 1 ดาว
ราชันจอมเวทระดับ 2 ดาว
ราชันจอมเวทระดับ 3 ดาว


ระดับของปีศาจเวทมนตร์
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 1
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 2
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 3
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 4
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 5
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 6
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 1 ดาว
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 2 ดาว
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 3 ดาว

สารบัญ

เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 31 เบาะแส?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 32 นายน้อย?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 33 ผู้แข็งแกร่ง,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 34 เปิดฉากการต่อสู้,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 35 การต่อสู้ระดับสูง,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 36 “นายน้อยต้องมีชีวิตต่อไปนะครับ...”,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 37 เรื่องราวที่เกิดขึ้น,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 38 เริ่มต้นการฝึกฝนจากมือขวา,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 39 ความแปลกใหม่ของทักษะ,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 40 ผลประโยชน์อันมหาศาล,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 41 สิ้นสุดการฝึกฝนจากมือขวา,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 42 กลไกในสนามประลอง?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 43 สู่สนามประลอง,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 44 เริ่มต้นการประลอง,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 45 เล่นเป็นนักยิงธนู,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 46 เล่ห์เหลี่ยม,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 47 เพื่อชัยชนะย่อมไม่เลือกวิธีการ?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 48 เหลี่ยมเหนือเหลี่ยม,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 49 การประลองเพียงครั้งเดียว?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 50 ดาบแห่งราชัน?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 51 ผู้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 52 พลังที่แท้จริง?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 53 คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 54 รอบ 8 คนสุดท้าย,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 55 ราชันจอมเวทอาวุโส?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 56 เริ่มการประลองแบบกลุ่ม,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 57 ความได้เปรียบเป็นศูนย์,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 58 ผู้ที่ถูกคัดออกคนแรก,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 59 หนึ่งรุมหก,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 60 มอบรางวัลด้วยเลือด [จบเล่ม 2]

เนื้อหา

บทที่ 58 ผู้ที่ถูกคัดออกคนแรก

บทที่ 58 : ผู้ที่ถูกคัดออกคนแรก

ในตอนนี้ สถานการณ์ของอาคุมุและฮิบารินั้นไม่สู้ดีนัก พวกเขาถูกปิดล้อมไปด้วยทักษะหมอกเพลิงสีชาดของริน อีกทั้งยังถูกล้อมไปด้วยสมาชิกคนอื่น ๆ ในกลุ่มของรินจากภายนอก ซึ่งสามารถโจมตีเข้ามาได้โดยตรง เรียกได้ว่าถูกบีบให้จนมุมทั้งอย่างนั้น

‘ซวยจริง ๆ แล้วไง’

“ออกไปเฉย ๆ ไม่ได้เลย!” ฮิบาริกำลังพยายามจะดันตัวเองออกไปจากทักษะของริน

‘ไอ้บ้านี่มันแกล้งทำเป็นไม่รู้เหรอ?’

“ถ้าออกไปได้ง่าย ๆ เขาจะสร้างขึ้นมาทำไมล่ะครับคุณฮิบาริ?” อาคุมุถามกลับไป

“พวกนายฟังฉันนะ! ทักษะหมอกเพลิงสีชาดนี้จะสามารถใช้ได้ 30 นาที หลังจากนั้นจะสามารถใช้ทักษะนี้ได้อีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปอีก 30 นาที” รินพูดขึ้นมา

“แล้ว... บอกทำไมเหรอครับ?” อาคุมุที่ได้ยินอย่างนั้นจึงถามกลับไป

“เพราะว่า... ฉันสามารถเอาชนะพวกนายได้ใน 30 นาทีนี้ไงล่ะ!! กระสุนเพลิงสีชาด!!!” รินตอบกลับมาพร้อมกับยิงกระสุนเพลิงเข้าใส่อาคุมุและฮิบาริด้วยความเร็ว

“ตาข่ายอัสนี!”

ตู้มมมม!!!

“อึ่ก! บ้าจริง”

ถึงแม้อาคุมุจะใช้ทักษะป้องกันไว้ได้ทัน แต่ความเสียเปรียบนั้นปรากฏขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจน เพราะตาข่ายอัสนีของอาคุมุนั้นถูกทำลายได้โดยการโจมตีของรินเพียงครั้งเดียว

‘ที่แคบแบบนี้ โจมตีด้วยทักษะใหญ่ก็มีแต่จะเจ็บตัว ฉันจะใช้ได้แค่ดาบแห่งราชันและทักษะแสงอัสนีบาตใช่ไหมเนี่ย?’

ด้วยพื้นที่ที่จำกัด ทำให้อาคุมุต้องรอบคอบในการที่จะโจมตีแต่ละครั้ง เพราะถ้าพลาดไปอาจถึงชีวิตของตัวเขาเองและฮิบาริได้เช่นกัน

“กระสุนเพลิงสีชาด!!!” ฮิบาริใช้ทักษะกระสุนเพลิงสีชาดเช่นกัน ซึ่งได้รับมาจากการโจมตีของรินเอง

“น… นั่นมันอะไรกัน?! แกขโมยพลังของฉันเหรอ?” รินถามกลับมาด้วยความตกใจ

‘บาทาไร้เงา’ ในขณะที่รินกำลังให้ความสนใจกับทักษะของฮิบาริอยู่นั้น อาคุมุก็เคลื่อนที่ไปยังข้างหลังของรินในทันที

“ดาบมังกรอัสนี!!!” เขาใช้ทักษะแสงอัสนีบาตขณะที่ฟาดฟันดาบแห่งราชันลงไปยังหลังของรินโดยตรง เกิดเป็นทักษะใหม่ของอาคุมุขึ้นมา

ตู้มมมม!!!

“อั่ก! ไอ้เด็กบ้านี่?!” รินนั้นกระเด็นไปทางฮิบาริที่ยืนอยู่

“มัวแต่ตกใจกับสิ่งที่เห็นก็ระวังตายแล้วกันครับ!! แสงอัสนีบาต!!” อาคุมุใช้ทักษะแสงอัสนีบาตตามไปอีกครั้ง ซึ่งนั่นเป็นตำแหน่งที่ตรงกับฮิบาริพอดี

“ช้าก่อนอาคุมุฉันจะโดนลูกหลงไปด้วย!”

“โทษทีนะครับแต่ช่วยหลบหน่อยนะ!!”

ตู้มมม!!!

การโจมตีของอาคุมุปะทะเข้ากับร่างของรินโดยตรง หลังจากนั้นฮิบาริก็กระโดดออกมาจากตำแหน่งเดิมอย่างไร้รอยขีดข่วน

“เวทกับดักทำงาน ระเบิดน้ำแข็ง!!”

เมื่อฮิบาริอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กับอาคุมุ เขาก็ใช้ทักษะของเวทกับดักในทันที ได้มีวงแหวนเวทสีส้มปรากฏขึ้นมาบริเวณใต้เท้าของรินและแช่แข็งรินเอาไว้ รวมไปถึงในตำแหน่งข้างล่างก็ระเบิดทำให้แช่แข็งสมาชิกกลุ่มของรินไปได้ถึงสองคน ข้างล่างนั้นปรากฏให้เห็นวงแหวนเวทสีส้มเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็คือสิ่งที่ฮิบาริเตรียมการเอาไว้

ตู้มมมม!!!

การระเบิดจากทักษะได้เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากทั่วทุกทิศทาง ทำให้เสียงจากในป่านี้นั้นดังกระหึ่มขึ้นมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ถึงจะอย่างนั้น ทักษะหมอกเพลิงสีชาดของรินที่จำกัดการเคลื่อนไหวของอาคุมุและฮิบาริเอาไว้ก็ยังคงอยู่เช่นเดิม

‘ถึงนิสัยจะดูแปลกพิลึก แต่ต้องยอมรับว่าพลังเวทการลอกเลียนแบบของเขาไม่ธรรมดาเลย

“คุณสู้ไหวอยู่ใช่ไหมครับ?” อาคุมุหันไปถามกับฮิบาริ

“แน่นอน…” ฮิบาริได้พูดเพียงเท่านั้น เสียงของรินก็ดังขึ้นมาในทันที

“ถือว่าพวกนายทำได้ไม่เลว! เป็นการเข้าขากันที่ดีมาก ๆ เลยล่ะ” รินสามารถออกมาจากการแช่แข็งด้วยทักษะของฮิบาริได้อย่างง่ายดาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเผยให้พวกอาคุมุได้เห็นแล้ว

‘70k/120k (70,000/120,000) เหรอ? หรือว่านั่นคือพลังชีวิตแบบจำลองสินะ’

พลังชีวิตแบบจำลองของรินนั้นปรากฏให้เห็นแล้ว ซึ่งเป็นตัวเลข 70k/120k (70,000/120,000) อยู่บนหัวของเธอ นั่นคือการโจมตีของอาคุมุและฮิบารินั้นทำให้พลังชีวิตของรินลดลงไปทั้งหมด 50k (50,000)

‘พลังชีวิตของฉันและคุณฮิบาริยังไม่ขึ้นมา เพราะว่าพวกเรายังไม่ถูกโจมตีจนทำให้มันลดได้สินะ’ อาคุมุมองขึ้นไปเหนือหัวของตัวเขาเองและฮิบาริ

“พลังชีวิตของนายมันอาจจะลดไปแล้วก็ได้ อย่าเพิ่งได้ใจไปล่ะ!” รินพูดขึ้นมาหลังจากที่อาคุมุมองเหนือหัวเมื่อครู่นี้

“หมายความว่ายังไงครับ?” อาคุมุถามกลับไปและยังไม่ทันได้คำตอบแต่อย่างใด รินก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขาในทันที

“ก็ไม่รู้สินะ”

“ไวมาก… อ่อก!”

รินเพียงแค่ต่อยไปที่หน้าท้องของอาคุมุด้วยหมัดที่อัดแน่นไปด้วยเปลวเพลิง หลังจากนั้นจึงพุ่งไปตรงหน้าฮิบาริด้วยความเร็วและโจมตีแบบเดิมเช่นกัน

ตู้มมมม!!!

อาคุมุและฮิบาริกระเด็นไปในทิศทางเดียวกันและชนเข้ากับโดมที่ล้อมเอาไว้

“ท… ทำไมถึงได้เร็วขึ้นขนาดนี้เนี่ย บ้าจริง” อาคุมุบ่นพึมพำอยู่คนเดียว

“เอ๋?! นี่ฉันลืมบอกไปหรอกเหรอ? ว่ายิ่งเวลาค่อย ๆ ผ่านไป พลังโจมตีและความเร็วของฉันก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นน่ะ อืม… อาจจะลืมบอกจริง ๆ ก็ได้ ขอโทษทีนะ หุหุ”

“ผู้หญิงคนนี้… เป็นบ้าไปแล้วเหรอ?” ฮิบาริพูดขึ้นมา

“เฮ้ย! ไอ้พวกไม่เจียมตัว พวกนายช่วยแหกตาดูบนหัวก่อนได้ไหมว่าพลังชีวิตของพวกนายมันเป็นยังไง?” รินพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ

“ด… เดี๋ยวนะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้?!”

อาคุมุมองไปยังพลังชีวิตแบบจำลองของตนเองและของฮิบาริที่ปรากฏขึ้นมาให้เห็น ซึ่งนั่นทำให้เขาตกใจและโกรธไปพร้อม ๆ กัน

“บ้าน่า?! นี่มันไม่ใช่แล้ว” ฮิบาริพูดออกมา

เพราะตัวเลขที่ทั้งสองคนนั้นเห็น คือ 40k/50k (40,000/50,000) นั่นเป็นตัวเลขที่เดิมทีแล้วยังมีไม่ถึงครึ่งของรินเลยต่างหาก

“พลังชีวิตของพวกนายนี่มันต่ำจัง แต้ม B ของพวกนายคงมีแค่นั้นสินะ ก็คิดอยู่ว่าทำไม… ถึงได้กระจอกขนาดนี้” รินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ดูถูกโดยไม่คิดอะไรเลยแม้แต่น้อย

“แต้ม B เหรอ? นี่คุณหมายความว่าอะไร?” อาคุมุถามกลับไป

“เรื่องนี้ก็ไม่รู้เหรอ? เฮ้อ! พลังชีวิตแบบจำลองที่พวกนายเห็นนั้นอิงมาจากจำนวนแต้ม B ของพวกนายเอง ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไร พลังชีวิตแบบจำลองก็มากขึ้นเท่านั้นล่ะนะ”

“อืม… เดิมทีแล้วแต้ม B ของผมควรจะมีอย่างต่ำก็ 100k น่ะสิ” อาคุมุจับดาบแห่งราชันไว้แน่นพร้อมกับลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ

“นายพูดว่าอะไรนะ?!” รินถามกลับมาด้วยความตกใจ

“ผมบอกว่าแต้ม B ของผมมีมากกว่าแสนไงครับ!!” อาคุมุพูดพร้อมกับพลังเวทของเขาที่ปะทุออกมาจากทั่วทั้งร่างกาย เกิดเป็นแรงกดดันที่พุ่งเข้าใส่รินอย่างรุนแรง

“ไม่จริง?! นายจะแข็งแกร่งเทียบเท่ากับฉันคนนี้งั้นเหรอ? ฉันคนนี้ที่มีพลังจากตระกูลที่แข็งแกร่งงั้นเหรอ? มันเป็นไปไม่ได้!!” รินพูดพร้อมกับเปลวเพลิงที่ปะทุออกมารอบตัวเช่นกัน

“พลังจากตระกูลที่แข็งแกร่ง? เดี๋ยวนะ! หรือว่า…”

“ใช่แล้ว ปู่ของฉันชื่อซาบาราชิไงล่ะ!!” รินพูดและหยิบปืนพกทั้งสองออกมา หลังจากนั้นจึงรัวยิงใส่อาคุมุและฮิบาริ

“กระสุนเพลิงสีชาด!!! ถ้าฉันยิงออกไปนับร้อยนัดแบบนี้พวกนายจะหลบยังไง เอาไปกินซะ!!”

“ตาข่ายอัสนี!!”

ตู้ม!
ตู้มม!!
ตู้มมม!!!

รินนั้นยิงกระสุนเพลิงใส่อาคุมุและฮิบาริโดยไม่หยุดยั้ง เสียงระเบิดจากการโจมตีดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

‘ถ้าไม่ใช่กระสุนพลังเวทคงยิงไม่ได้ขนาดนี้หรอก ฉันจะวางตาข่ายอัสนีถึงตำแหน่งของคุณฮิบาริไหมนะ? เขาหลบไปทางไหนในตอนนี้ก็ไม่รู้ เพลิงนี่น่ากลัวเป็นบ้า’

“โอ๊ะ! น่าสงสารจังเลยนะเจ้าหนูอาคุมุ ดูเหมือนว่าเพื่อนของนายกำลังจะไปซะแล้วสิ” รินหยุดการโจมตีก่อนจะเว้นช่องว่างให้อาคุมุได้เห็นฮิบาริในตำแหน่งที่ห่างออกไปเล็กน้อย

“หรือว่า…”

“เหมือนว่าฉันจะจบแล้วล่ะ ไว้มีโอกาสเราคงได้เจอกันอีก” ฮิบาริหันมาหาอาคุมุและพูดขึ้นมา ก่อนที่การโจมตีสุดท้ายจะเข้าถึงตัวเขา พลังชีวิตแบบจำลองเป็นศูนย์ รวมถึงการโจมตีของรินก็หยุดลงแล้วเช่นกัน

‘บ้าจริง’

หลังจากนั้น แสงสีม่วงเข้มก็ได้ปกคลุมไปทั่วร่างของฮิบาริ ทั้งตัวฮิบาริและแสงสีม่วงนั้นก็หายไปจากตรงนั้นในทันที… ถูกคัดออกจากการต่อสู้แบบกลุ่มเป็นคนแรก

‘ผมจะแก้แค้นแทนคุณฮิบาริเองครับ!’