เมื่อชายหนุ่มได้มาเกิดใหม่ในโลกแห่งเวทมนตร์ โดยเขาตายเพราะช่วยคุณยายข้ามถนนแล้วถูกรถชน เขาจะใช้ชีวิตในโลกใบใหม่ต่อไปอย่างไร!
แฟนตาซี,ผจญภัย,แอคชั่น,เวทมนตร์,เกิดใหม่ ,แฟนตาซี,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เมื่อชายหนุ่มได้มาเกิดใหม่ในโลกแห่งเวทมนตร์ โดยเขาตายเพราะช่วยคุณยายข้ามถนนแล้วถูกรถชน เขาจะใช้ชีวิตในโลกใบใหม่ต่อไปอย่างไร!
ผู้แต่ง
MIN-G
เรื่องย่อ
จะเป็นอย่างไร... เมื่อความตายนั้นยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิต?
ชายวัย 31 ปีที่ทำแต่ความดีมาโดยตลอดเพราะเชื่อในเรื่องของสวรรค์และนรก แต่กลับต้องมาจบชีวิตลงเพราะการทำความดี ซึ่งดวงวิญญาณของเขากลับไม่ไปบนสวรรค์ดั่งหวัง แต่ได้ไปเกิดใหม่ยังโลกแห่งเวทมนตร์และพลังเหนือธรรมชาติในชื่อ “คาอิดะ อาคุมุ” ลูกคนสุดท้ายของตระกูลคาอิดะ เขาจะทำอย่างไรเมื่อได้มาเกิดใหม่อีกครั้งในโลกใหม่และชีวิตใหม่!!
“ถ้าเป็นคนดีแล้วไม่ได้ไปสวรรค์…”
“...แสดงว่าสวรรค์ไม่มีอยู่จริง”
“แล้วฉันจะทำความดีทำไมกันเล่า!!!”
---------------------------------------------------
หมายเหตุ : นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่ง มิได้เจตนาพาดพิงถึงผู้ใดและไม่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่
หมายเหตุ 2 : ชื่อสิ่งต่าง ๆ ในนิยายเรื่องนี้เช่น สถานที่ เป็นชื่อที่เกิดจากจินตนาการของผู้แต่ง ไม่ได้มีจริงแต่อย่างใด
หมายเหตุ 3 : เครื่องหมายคำพูด (“ ”) คือการพูดปกติ
เครื่องหมายคำพูด (‘ ’) คือการคิดในใจ
----------------------------------------------
ระดับของนักเวท
นักเวทระดับ 1
นักเวทระดับ 2
นักเวทระดับ 3
จอมเวทระดับ 1
จอมเวทระดับ 2
จอมเวทระดับ 3
ราชันจอมเวทระดับ 1 ดาว
ราชันจอมเวทระดับ 2 ดาว
ราชันจอมเวทระดับ 3 ดาว
ระดับของปีศาจเวทมนตร์
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 1
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 2
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 3
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 4
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 5
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 6
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 1 ดาว
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 2 ดาว
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 3 ดาว
บทที่ 59 : หนึ่งรุมหก
การโจมตีที่รุนแรงและรวดเร็วของรินนั้นทำให้ฮิบาริไม่สามารถหลบหลีกหรือป้องกันได้ทั้งหมด ทำให้เขาต้องรับการโจมตีไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งพลังชีวิตแบบจำลองเป็นศูนย์
ในตอนนี้ฮิบาริได้ถูกคัดออกจากการประลองแบบกลุ่มแล้ว ซึ่งทำให้กลุ่มของอาคุมุนั้นเหลือเพียงสามคน และภายในทักษะหมอกเพลิงสีชาดของรินนี้… เหลือเพียงอาคุมุและรินเท่านั้น
“นายจะทำยังไงดีล่ะเจ้าหนูอาคุมุ? สู้กับฉันตัวต่อตัวไหวไหมนะ? อืม… ฉันมีสมาชิกอยู่ข้างล่างทั้งหมด 5 คนเนี่ยสิ คงจะเอาชนะฉันได้ไม่ง่ายหรอกมั้ง” รินพูดขึ้นมา ซึ่งนั่นทำให้อาคุมุแปลกใจในทันที
“ว่าไงนะ? ทั้งหมดห้าคนนี่หมายความว่าอะไร?” อาคุมุถามกลับไป
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! นายนี่น่าขำจริง ๆ เลย คิดว่าเจ้าพวกที่เหลืออยู่จะมั่นใจในตัวนายแล้วไม่สนผลประโยชน์หรือไงกัน?” รินตอบกลับมา
“หรือว่านั่นคือ…”
“ใช่แล้วล่ะ! ฉันแค่เสนอให้พวกมันมาร่วมมือกับฉัน ข้อแลกเปลี่ยนคือการเข้าร่วมกลุ่มจันทราแดง ถึงจะถูกคัดออกและไม่ชนะเลิศในการประลอง แต่มีเงินใช้ง่าย ๆ ต่อจากนี้… ใครจะไม่ชอบกันล่ะ ลองดูนั่นสิ” รินพูดจนจบและชี้ลงไปยังข้างล่าง ซึ่งสิ่งที่เห็นนั้นคือสมาชิกกลุ่มของอาคุมุที่ยืนอยู่กับสมาชิกกลุ่มของริน
“โอ้! สุดท้ายผมก็เหลือคนเดียวสินะครับ นี่มันการต่อสู้แบบ 6 รุม 1 ใช่ไหมนะ?” อาคุมุพูดพร้อมกับเตรียมการโจมตี
‘เวลาของโดมนี้คงใกล้ครบ 30 นาทีแล้ว ถึงตอนนั้นฉันอาจโดนล้อมทุกทิศทางจากคนที่อยู่ข้างล่าง แต่ในตอนนี้คงต้องจัดการกับตัวปัญหาเสียก่อน’
“โอ๊ะ! ในเมื่อนายเลือกอย่างนั้น ฉันจะเล่นด้วยก็แล้วกัน” รินพูดออกมาเมื่อเห็นท่าทีของอาคุมุ หลังจากนั้นจึงถอยหลังออกไปชิดขอบของโดมนี้
“นี่คุณคิดจะทำอะไร?”
“ตอนนี้ทักษะหมอกเพลิงสีชาดยังคงอยู่ได้อีกนิดหน่อย เรามาวัดกันหนึ่งทักษะ ถ้าทักษะของนายสามารถเอาชนะทักษะของฉันได้ ฉันจะเก็บพลังนี้ไปก่อนที่มันจะถึงเวลาหายไป แล้วให้เวลานายลงไปเตรียมตัวรับมือกับการต่อสู้แบบ 6 ต่อ 1 ฟังดูน่าสนใจไหมล่ะ?” รินตอบกลับมา
“ก็เข้าท่าดี แล้วถ้าผมแพ้ล่ะครับ?” อาคุมุที่ฟังจนจบก็ถามกลับไป
“ถ้านายแพ้ นายก็ต้องยอมให้ฉันชนะเลิศการประลองแต่โดยดี”
“อะไรนะ?!” อาคุมุที่ได้ยินคำตอบของรินก็ตกใจไปในทันที
‘ผู้หญิงคนนี้ เล่ห์เหลี่ยมมากนักนะ ทำให้ฉันอยู่ในสถานการณ์คับขันแล้วยื่นข้อเสนอ แต่ถ้ามองโดยรวมจริง ๆ แล้วล่ะก็ ถ้าขาดทักษะอย่างหมอกเพลิงสีชาดไป ทุกคนในที่นี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันเลยด้วยซ้ำ… ต้องลองเสี่ยงหน่อยแล้ว’
“ทำไม? นายเกิดปอดแหกขึ้นมาล่ะสิ ถ้าไม่กล้า…” รินพูดยังไม่จบแต่อย่างใด อาคุมุก็ตอบกลับไปในทันที
“ตกลงครับ”
“นายตอบว่าตกลงงั้นเหรอ?” รินซึ่งไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินจึงถามกลับมา
“มาเริ่มกันสักที!” อาคุมุยกดาบแห่งราชันขึ้นมาชี้ไปยังรินที่ยืนอยู่
‘ถ้าเป็นแข่งพลังเวทล่ะก็ ฉันที่ถือดาบแห่งราชันอยู่ต้องชนะอย่างแน่นอน!’
“ถ้าอย่างนั้นอย่าหาว่าฉันรังแกก็แล้วกัน!! เตรียมพร้อมนะ… เพลิงสีชาดคำราม!!!” วงแหวนเวทสีส้มได้ปรากฏขึ้นรอบข้อมือของรินและรอบ ๆ ปลายกระบอกปืนทั้งสอง เพลิงสีชาดได้ปะทุออกมาจากทั่วร่างกายค่อนข้างรุนแรง รินนั้นยิงกระสุนเพลิงออกมากระบอกละหนึ่งนัด หลังจากนั้นจึงเกิดเป็นรูปร่างคล้ายเสือตัวใหญ่ พุ่งตรงมายังอาคุมุ
“ดาบมังกรอัสนี!!!” วงแหวนเวทสีแดงปรากฏขึ้นรอบข้อมือของอาคุมุ เขาฟันอากาศไปทั้งหมดสองครั้งจึงเกิดเป็นคลื่นดาบสายฟ้าทั้งสองนำหน้า หลังจากนั้นจึงปล่อยทักษะแสงอัสนีบาตด้วยดาบแห่งราชันออกไปเป็นเส้นตรง จากสายฟ้าที่พุ่งตรงไปได้เปลี่ยนรูปร่างเป็นมังกรสายฟ้าในที่สุด พลังโจมตีของอาคุมุนั้นมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“น… นี่มันเป็นไปไม่ได้?!!”
ทั้งสองทักษะเข้าปะทะกันในที่สุด
ตู้มมมมม!!!
แรงระเบิดจากทักษะทั้งสองนี้มีมากจนหมอกเพลิงสีชาดของรินนั้นระเบิดออก อาคุมุนั้นต้านลมที่แรงไม่ไหวจึงทำให้ร่างกายของเขานั้นลอยไปตามแรงของลมและไปหลบอยู่บนกิ่งไม่ใหญ่อีกต้นหนึ่ง ส่วนรินนั้นรับทักษะโจมตีของอาคุมุไปไม่น้อย เนื่องจากทักษะเพลิงสีชาดคำรามที่พ่ายแพ้ไปอย่างค่อนข้างห่างชั้น
ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีนี้ไม่ได้มีแค่ริน แต่ทุกคนที่อยู่ข้างล่างนั้นถูกความรุนแรงจากการปะทะของทั้งสองทักษะไปด้วยเช่นกัน โชคเข้าข้างอาคุมุที่ข้างล่างนั้นอยู่ครบทั้งห้าคน
“แบบนี้จะเป็นการต่อสู้แบบ 6 รุม 1 … หรือว่า 1 รุม 6 กันล่ะครับ?” อาคุมุกระโดดลงจากต้นไม้ไปยังท่ามกลางสมาชิกกลุ่มของริน
‘ความได้เปรียบกลับมาทางฉันมากโขเลยล่ะ! คาดไม่ถึงเลยว่าถ้าใช้พลังจริง ๆ แล้วจะแข็งแกร่งขนาดนี้’
“สภาพแต่ละคนดูไม่สู้ดีเลยนะ… คิดว่าจะไหวไหมล่ะครับ?”
ขณะที่อาคุมุพูดก็มองไปยังพลังชีวิตแบบจำลองของแต่ละคน ซึ่งเดิมทีทุกคนนั้นมีเพียง 30k (30,000) เท่านั้น และพลังชีวิตแบบจำลองของทุกคนในตอนนี้นั้นเหลือเพียง 5k/30k (5,000/30,000) ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่ไม่ใช่เรื่องปกติ
‘ทำทุกวิถีทางเลยอย่างนั้นเหรอ? ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็คือการช่วยรินอย่างชัดเจน โกงอย่างโจ่งแจ้ง!’
“บ… บ้าจริง พวกเราแค่โดนลมจากการปะทะ เข้าเนื้อได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ?” หนึ่งในนักเวทซึ่งนอนบาดเจ็บอยู่ที่พื้นได้พูดขึ้นมา
“ฉันล่ะยอมใจนายจริง ๆ เลย” รินพูดและกระโดดลงมาจากบนต้นไม้ด้วยสภาพที่สะบักสะบอม
รินมายืนอยู่ต่อหน้าอาคุมุพร้อมกับปืนพกทั้งสองที่ยังคงอยู่ในมือ
‘บ้าน่า รุนแรงในระดับนี้เลยเหรอเนี่ย?’ อาคุมุมองไปยังพลังชีวิตแบบจำลองของริน ซึ่งสิ่งที่ปรากฏให้เห็นนั้นทำให้อาคุมุตกใจอยู่พอสมควร เพราะตัวเลขนั้นคือ 3k/120k (3,000/120,000) อาคุมุโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียวสามารถทำให้ทุกคนในที่แห่งนี้พ่ายแพ้ได้พร้อม ๆ กันทั้งหมด เป็นภาพที่เรียกได้ว่านี่คือการต่อสู้แบบหนึ่งรุมหกโดยไร้ข้อกังขา
“เจ้าเด็กนี่แข็งแกร่งเกินไปก็จริง แต่เรายังไม่หายไปสักคนก็สู้ได้ไม่ใช่หรือไง โจมตีพร้อมกัน!!” รินตะโกนบอกสมาชิกกลุ่มกับทุกคน
“จริงด้วย! เจ้าหนูนั่นอยู่คนเดียว เราก็รุมโจมตีมันซะเลย!!”
ทุกคนที่ได้ยินอย่างนั้นต่างก็ใช้ทักษะของตัวเองและพุ่งเข้าโจมตีอาคุมุในทันที ไม่ว่าจะเป็นทักษะที่โจมตีจากระยะไกลหรือระยะใกล้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนพุ่งตรงเข้ามาหาอาคุมุทั้งสิ้น
“ไม่เจียมตัวกันเลยนะครับ!!” อาคุมุตะโกนออกไปพร้อมกับสายฟ้าที่ปะทุออกมาจากร่างกายของเขา มากไปกว่านั้นคือสายฟ้าที่พุ่งขึ้นมาจากพื้นดินเป็นเส้นตรง ทำให้ทุกคนต้องถอยร่นออกไปทั้งหมด
“บ้าจริง?! พลังมันเหลือเยอะขนาดไหนกันเนี่ย?!!”
“ไม่เยอะหรอกครับ แต่ก็พอสำหรับการที่จะส่งพวกคุณออกไปจากที่นี่! กรงเล็บมังกรสายฟ้า!!” วงแหวนเวทสีแดงปรากฏขึ้นรอบข้อมือข้างขวาของอาคุมุ กรงเล็บมังกรสายฟ้าจำนวนมากได้ลอยอยู่รอบ ๆ ตัวเขา ซึ่งเขาไม่ต้องใช้คู่กับวงแหวนเวทขนาดใหญ่ก็สามารถใช้ทักษะนี้ได้แล้ว
‘นี่เป็นพัฒนาการหรือเปล่านะ?’
“แล้วพบกันข้างนอกนะครับ!!” อาคุมุชี้นิ้วไปข้างหน้า กรงเล็บมังกรสายฟ้าได้พุ่งตรงไปยังคู่ต่อสู้ของเขาทุกคน เสียงดังจากการระเบิดครั้งใหญ่จึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตู้ม!
ตู้มม!!
ตู้มมม!!!
กลุ่มของรินค่อย ๆ ถูกโจมตีจนพลังชีวิตแบบจำลองเป็นศูนย์ทีละคน… ทีละคน… ทีละคน…
จนกระทั่งคนสุดท้ายที่สกัดการโจมตีของอาคุมุอย่างสุดชีวิตซึ่งก็คือริน… พลังชีวิตแบบจำลองเป็นศูนย์
เมื่อรินนั้นพ่ายแพ้ไป สิ่งรอบด้านที่อาคุมุเห็นนั้นมีแค่เพียงความมืดมิดอีกครั้ง
‘มืดอีกแล้ว? ไอ้บ้าเอ๊ย นึกจะมืดก็มืดหรือไง?’
“ลืมตาขึ้นได้แล้วล่ะ” เสียงของราชันจอมเวทอาวุโสหรือก็คือผู้คุมสนามประลองพูดขึ้นมา
“เอ๊ะ?” อาคุมุลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเขาอยู่ที่สนามประลองของจักรวรรดิไดจิเสียแล้ว เขามองไปรอบ ๆ ขณะเดียวกันกับเสียงเฮที่ดังมาจากผู้ชมทั่วทั้งสนามประลองอย่างครึกครื้น
“ในรอบนี้เราสามารถหาผู้ชนะเลิศได้เลยล่ะครับทุกท่าน! ผู้ชนะการประลองของจักรวรรดิไดจิในครั้งนี้คือ… คาอิคะ อาคุมุ!!!”