เมื่อชายหนุ่มได้มาเกิดใหม่ในโลกแห่งเวทมนตร์ โดยเขาตายเพราะช่วยคุณยายข้ามถนนแล้วถูกรถชน เขาจะใช้ชีวิตในโลกใบใหม่ต่อไปอย่างไร!

เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2] - บทที่ 59 หนึ่งรุมหก โดย MIN-G @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ผจญภัย,แอคชั่น,เวทมนตร์,เกิดใหม่ ,แฟนตาซี,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ผจญภัย,แอคชั่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

เวทมนตร์,เกิดใหม่ ,แฟนตาซี,ต่างโลก

รายละเอียด

เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2] โดย MIN-G @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เมื่อชายหนุ่มได้มาเกิดใหม่ในโลกแห่งเวทมนตร์ โดยเขาตายเพราะช่วยคุณยายข้ามถนนแล้วถูกรถชน เขาจะใช้ชีวิตในโลกใบใหม่ต่อไปอย่างไร!

ผู้แต่ง

MIN-G

เรื่องย่อ

จะเป็นอย่างไร... เมื่อความตายนั้นยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิต?


ชายวัย 31 ปีที่ทำแต่ความดีมาโดยตลอดเพราะเชื่อในเรื่องของสวรรค์และนรก แต่กลับต้องมาจบชีวิตลงเพราะการทำความดี ซึ่งดวงวิญญาณของเขากลับไม่ไปบนสวรรค์ดั่งหวัง แต่ได้ไปเกิดใหม่ยังโลกแห่งเวทมนตร์และพลังเหนือธรรมชาติในชื่อ “คาอิดะ อาคุมุ” ลูกคนสุดท้ายของตระกูลคาอิดะ เขาจะทำอย่างไรเมื่อได้มาเกิดใหม่อีกครั้งในโลกใหม่และชีวิตใหม่!!

“ถ้าเป็นคนดีแล้วไม่ได้ไปสวรรค์…” 

“...แสดงว่าสวรรค์ไม่มีอยู่จริง”

“แล้วฉันจะทำความดีทำไมกันเล่า!!!” 



---------------------------------------------------

หมายเหตุ : นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่ง มิได้เจตนาพาดพิงถึงผู้ใดและไม่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่

หมายเหตุ 2 : ชื่อสิ่งต่าง ๆ ในนิยายเรื่องนี้เช่น สถานที่ เป็นชื่อที่เกิดจากจินตนาการของผู้แต่ง ไม่ได้มีจริงแต่อย่างใด

หมายเหตุ 3 : เครื่องหมายคำพูด (“ ”) คือการพูดปกติ 
เครื่องหมายคำพูด (‘ ’) คือการคิดในใจ

----------------------------------------------


ระดับของนักเวท
นักเวทระดับ 1
นักเวทระดับ 2
นักเวทระดับ 3
จอมเวทระดับ 1
จอมเวทระดับ 2
จอมเวทระดับ 3
ราชันจอมเวทระดับ 1 ดาว
ราชันจอมเวทระดับ 2 ดาว
ราชันจอมเวทระดับ 3 ดาว


ระดับของปีศาจเวทมนตร์
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 1
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 2
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 3
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 4
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 5
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 6
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 1 ดาว
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 2 ดาว
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 3 ดาว

สารบัญ

เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 31 เบาะแส?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 32 นายน้อย?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 33 ผู้แข็งแกร่ง,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 34 เปิดฉากการต่อสู้,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 35 การต่อสู้ระดับสูง,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 36 “นายน้อยต้องมีชีวิตต่อไปนะครับ...”,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 37 เรื่องราวที่เกิดขึ้น,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 38 เริ่มต้นการฝึกฝนจากมือขวา,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 39 ความแปลกใหม่ของทักษะ,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 40 ผลประโยชน์อันมหาศาล,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 41 สิ้นสุดการฝึกฝนจากมือขวา,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 42 กลไกในสนามประลอง?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 43 สู่สนามประลอง,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 44 เริ่มต้นการประลอง,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 45 เล่นเป็นนักยิงธนู,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 46 เล่ห์เหลี่ยม,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 47 เพื่อชัยชนะย่อมไม่เลือกวิธีการ?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 48 เหลี่ยมเหนือเหลี่ยม,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 49 การประลองเพียงครั้งเดียว?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 50 ดาบแห่งราชัน?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 51 ผู้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 52 พลังที่แท้จริง?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 53 คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 54 รอบ 8 คนสุดท้าย,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 55 ราชันจอมเวทอาวุโส?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 56 เริ่มการประลองแบบกลุ่ม,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 57 ความได้เปรียบเป็นศูนย์,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 58 ผู้ที่ถูกคัดออกคนแรก,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 59 หนึ่งรุมหก,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! [เล่ม 2]-บทที่ 60 มอบรางวัลด้วยเลือด [จบเล่ม 2]

เนื้อหา

บทที่ 59 หนึ่งรุมหก

บทที่ 59 : หนึ่งรุมหก

การโจมตีที่รุนแรงและรวดเร็วของรินนั้นทำให้ฮิบาริไม่สามารถหลบหลีกหรือป้องกันได้ทั้งหมด ทำให้เขาต้องรับการโจมตีไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งพลังชีวิตแบบจำลองเป็นศูนย์

ในตอนนี้ฮิบาริได้ถูกคัดออกจากการประลองแบบกลุ่มแล้ว ซึ่งทำให้กลุ่มของอาคุมุนั้นเหลือเพียงสามคน และภายในทักษะหมอกเพลิงสีชาดของรินนี้… เหลือเพียงอาคุมุและรินเท่านั้น

“นายจะทำยังไงดีล่ะเจ้าหนูอาคุมุ? สู้กับฉันตัวต่อตัวไหวไหมนะ? อืม… ฉันมีสมาชิกอยู่ข้างล่างทั้งหมด 5 คนเนี่ยสิ คงจะเอาชนะฉันได้ไม่ง่ายหรอกมั้ง” รินพูดขึ้นมา ซึ่งนั่นทำให้อาคุมุแปลกใจในทันที

“ว่าไงนะ? ทั้งหมดห้าคนนี่หมายความว่าอะไร?” อาคุมุถามกลับไป

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! นายนี่น่าขำจริง ๆ เลย คิดว่าเจ้าพวกที่เหลืออยู่จะมั่นใจในตัวนายแล้วไม่สนผลประโยชน์หรือไงกัน?” รินตอบกลับมา

“หรือว่านั่นคือ…”

“ใช่แล้วล่ะ! ฉันแค่เสนอให้พวกมันมาร่วมมือกับฉัน ข้อแลกเปลี่ยนคือการเข้าร่วมกลุ่มจันทราแดง ถึงจะถูกคัดออกและไม่ชนะเลิศในการประลอง แต่มีเงินใช้ง่าย ๆ ต่อจากนี้… ใครจะไม่ชอบกันล่ะ ลองดูนั่นสิ” รินพูดจนจบและชี้ลงไปยังข้างล่าง ซึ่งสิ่งที่เห็นนั้นคือสมาชิกกลุ่มของอาคุมุที่ยืนอยู่กับสมาชิกกลุ่มของริน

“โอ้! สุดท้ายผมก็เหลือคนเดียวสินะครับ นี่มันการต่อสู้แบบ 6 รุม 1 ใช่ไหมนะ?” อาคุมุพูดพร้อมกับเตรียมการโจมตี

‘เวลาของโดมนี้คงใกล้ครบ 30 นาทีแล้ว ถึงตอนนั้นฉันอาจโดนล้อมทุกทิศทางจากคนที่อยู่ข้างล่าง แต่ในตอนนี้คงต้องจัดการกับตัวปัญหาเสียก่อน’

“โอ๊ะ! ในเมื่อนายเลือกอย่างนั้น ฉันจะเล่นด้วยก็แล้วกัน” รินพูดออกมาเมื่อเห็นท่าทีของอาคุมุ หลังจากนั้นจึงถอยหลังออกไปชิดขอบของโดมนี้

“นี่คุณคิดจะทำอะไร?”

“ตอนนี้ทักษะหมอกเพลิงสีชาดยังคงอยู่ได้อีกนิดหน่อย เรามาวัดกันหนึ่งทักษะ ถ้าทักษะของนายสามารถเอาชนะทักษะของฉันได้ ฉันจะเก็บพลังนี้ไปก่อนที่มันจะถึงเวลาหายไป แล้วให้เวลานายลงไปเตรียมตัวรับมือกับการต่อสู้แบบ 6 ต่อ 1 ฟังดูน่าสนใจไหมล่ะ?” รินตอบกลับมา

“ก็เข้าท่าดี แล้วถ้าผมแพ้ล่ะครับ?” อาคุมุที่ฟังจนจบก็ถามกลับไป

“ถ้านายแพ้ นายก็ต้องยอมให้ฉันชนะเลิศการประลองแต่โดยดี”

“อะไรนะ?!” อาคุมุที่ได้ยินคำตอบของรินก็ตกใจไปในทันที

‘ผู้หญิงคนนี้ เล่ห์เหลี่ยมมากนักนะ ทำให้ฉันอยู่ในสถานการณ์คับขันแล้วยื่นข้อเสนอ แต่ถ้ามองโดยรวมจริง ๆ แล้วล่ะก็ ถ้าขาดทักษะอย่างหมอกเพลิงสีชาดไป ทุกคนในที่นี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันเลยด้วยซ้ำ… ต้องลองเสี่ยงหน่อยแล้ว’

“ทำไม? นายเกิดปอดแหกขึ้นมาล่ะสิ ถ้าไม่กล้า…” รินพูดยังไม่จบแต่อย่างใด อาคุมุก็ตอบกลับไปในทันที

“ตกลงครับ”

“นายตอบว่าตกลงงั้นเหรอ?” รินซึ่งไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินจึงถามกลับมา

“มาเริ่มกันสักที!” อาคุมุยกดาบแห่งราชันขึ้นมาชี้ไปยังรินที่ยืนอยู่

‘ถ้าเป็นแข่งพลังเวทล่ะก็ ฉันที่ถือดาบแห่งราชันอยู่ต้องชนะอย่างแน่นอน!’

“ถ้าอย่างนั้นอย่าหาว่าฉันรังแกก็แล้วกัน!! เตรียมพร้อมนะ… เพลิงสีชาดคำราม!!!” วงแหวนเวทสีส้มได้ปรากฏขึ้นรอบข้อมือของรินและรอบ ๆ ปลายกระบอกปืนทั้งสอง เพลิงสีชาดได้ปะทุออกมาจากทั่วร่างกายค่อนข้างรุนแรง รินนั้นยิงกระสุนเพลิงออกมากระบอกละหนึ่งนัด หลังจากนั้นจึงเกิดเป็นรูปร่างคล้ายเสือตัวใหญ่ พุ่งตรงมายังอาคุมุ

“ดาบมังกรอัสนี!!!” วงแหวนเวทสีแดงปรากฏขึ้นรอบข้อมือของอาคุมุ เขาฟันอากาศไปทั้งหมดสองครั้งจึงเกิดเป็นคลื่นดาบสายฟ้าทั้งสองนำหน้า หลังจากนั้นจึงปล่อยทักษะแสงอัสนีบาตด้วยดาบแห่งราชันออกไปเป็นเส้นตรง จากสายฟ้าที่พุ่งตรงไปได้เปลี่ยนรูปร่างเป็นมังกรสายฟ้าในที่สุด พลังโจมตีของอาคุมุนั้นมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด

“น… นี่มันเป็นไปไม่ได้?!!”

ทั้งสองทักษะเข้าปะทะกันในที่สุด

ตู้มมมมม!!!

แรงระเบิดจากทักษะทั้งสองนี้มีมากจนหมอกเพลิงสีชาดของรินนั้นระเบิดออก อาคุมุนั้นต้านลมที่แรงไม่ไหวจึงทำให้ร่างกายของเขานั้นลอยไปตามแรงของลมและไปหลบอยู่บนกิ่งไม่ใหญ่อีกต้นหนึ่ง ส่วนรินนั้นรับทักษะโจมตีของอาคุมุไปไม่น้อย เนื่องจากทักษะเพลิงสีชาดคำรามที่พ่ายแพ้ไปอย่างค่อนข้างห่างชั้น

ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีนี้ไม่ได้มีแค่ริน แต่ทุกคนที่อยู่ข้างล่างนั้นถูกความรุนแรงจากการปะทะของทั้งสองทักษะไปด้วยเช่นกัน โชคเข้าข้างอาคุมุที่ข้างล่างนั้นอยู่ครบทั้งห้าคน

“แบบนี้จะเป็นการต่อสู้แบบ 6 รุม 1 … หรือว่า 1 รุม 6 กันล่ะครับ?” อาคุมุกระโดดลงจากต้นไม้ไปยังท่ามกลางสมาชิกกลุ่มของริน

‘ความได้เปรียบกลับมาทางฉันมากโขเลยล่ะ! คาดไม่ถึงเลยว่าถ้าใช้พลังจริง ๆ แล้วจะแข็งแกร่งขนาดนี้’

“สภาพแต่ละคนดูไม่สู้ดีเลยนะ… คิดว่าจะไหวไหมล่ะครับ?”

ขณะที่อาคุมุพูดก็มองไปยังพลังชีวิตแบบจำลองของแต่ละคน ซึ่งเดิมทีทุกคนนั้นมีเพียง 30k (30,000) เท่านั้น และพลังชีวิตแบบจำลองของทุกคนในตอนนี้นั้นเหลือเพียง 5k/30k (5,000/30,000) ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่ไม่ใช่เรื่องปกติ

‘ทำทุกวิถีทางเลยอย่างนั้นเหรอ? ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็คือการช่วยรินอย่างชัดเจน โกงอย่างโจ่งแจ้ง!’

“บ… บ้าจริง พวกเราแค่โดนลมจากการปะทะ เข้าเนื้อได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ?” หนึ่งในนักเวทซึ่งนอนบาดเจ็บอยู่ที่พื้นได้พูดขึ้นมา

“ฉันล่ะยอมใจนายจริง ๆ เลย” รินพูดและกระโดดลงมาจากบนต้นไม้ด้วยสภาพที่สะบักสะบอม

รินมายืนอยู่ต่อหน้าอาคุมุพร้อมกับปืนพกทั้งสองที่ยังคงอยู่ในมือ

‘บ้าน่า รุนแรงในระดับนี้เลยเหรอเนี่ย?’ อาคุมุมองไปยังพลังชีวิตแบบจำลองของริน ซึ่งสิ่งที่ปรากฏให้เห็นนั้นทำให้อาคุมุตกใจอยู่พอสมควร เพราะตัวเลขนั้นคือ 3k/120k (3,000/120,000) อาคุมุโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียวสามารถทำให้ทุกคนในที่แห่งนี้พ่ายแพ้ได้พร้อม ๆ กันทั้งหมด เป็นภาพที่เรียกได้ว่านี่คือการต่อสู้แบบหนึ่งรุมหกโดยไร้ข้อกังขา

“เจ้าเด็กนี่แข็งแกร่งเกินไปก็จริง แต่เรายังไม่หายไปสักคนก็สู้ได้ไม่ใช่หรือไง โจมตีพร้อมกัน!!” รินตะโกนบอกสมาชิกกลุ่มกับทุกคน

“จริงด้วย! เจ้าหนูนั่นอยู่คนเดียว เราก็รุมโจมตีมันซะเลย!!”

ทุกคนที่ได้ยินอย่างนั้นต่างก็ใช้ทักษะของตัวเองและพุ่งเข้าโจมตีอาคุมุในทันที ไม่ว่าจะเป็นทักษะที่โจมตีจากระยะไกลหรือระยะใกล้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนพุ่งตรงเข้ามาหาอาคุมุทั้งสิ้น

“ไม่เจียมตัวกันเลยนะครับ!!” อาคุมุตะโกนออกไปพร้อมกับสายฟ้าที่ปะทุออกมาจากร่างกายของเขา มากไปกว่านั้นคือสายฟ้าที่พุ่งขึ้นมาจากพื้นดินเป็นเส้นตรง ทำให้ทุกคนต้องถอยร่นออกไปทั้งหมด

“บ้าจริง?! พลังมันเหลือเยอะขนาดไหนกันเนี่ย?!!”

“ไม่เยอะหรอกครับ แต่ก็พอสำหรับการที่จะส่งพวกคุณออกไปจากที่นี่! กรงเล็บมังกรสายฟ้า!!” วงแหวนเวทสีแดงปรากฏขึ้นรอบข้อมือข้างขวาของอาคุมุ กรงเล็บมังกรสายฟ้าจำนวนมากได้ลอยอยู่รอบ ๆ ตัวเขา ซึ่งเขาไม่ต้องใช้คู่กับวงแหวนเวทขนาดใหญ่ก็สามารถใช้ทักษะนี้ได้แล้ว

‘นี่เป็นพัฒนาการหรือเปล่านะ?’

“แล้วพบกันข้างนอกนะครับ!!” อาคุมุชี้นิ้วไปข้างหน้า กรงเล็บมังกรสายฟ้าได้พุ่งตรงไปยังคู่ต่อสู้ของเขาทุกคน เสียงดังจากการระเบิดครั้งใหญ่จึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ตู้ม!
ตู้มม!!
ตู้มมม!!!

กลุ่มของรินค่อย ๆ ถูกโจมตีจนพลังชีวิตแบบจำลองเป็นศูนย์ทีละคน… ทีละคน… ทีละคน…

จนกระทั่งคนสุดท้ายที่สกัดการโจมตีของอาคุมุอย่างสุดชีวิตซึ่งก็คือริน… พลังชีวิตแบบจำลองเป็นศูนย์

เมื่อรินนั้นพ่ายแพ้ไป สิ่งรอบด้านที่อาคุมุเห็นนั้นมีแค่เพียงความมืดมิดอีกครั้ง

‘มืดอีกแล้ว? ไอ้บ้าเอ๊ย นึกจะมืดก็มืดหรือไง?’

“ลืมตาขึ้นได้แล้วล่ะ” เสียงของราชันจอมเวทอาวุโสหรือก็คือผู้คุมสนามประลองพูดขึ้นมา

“เอ๊ะ?” อาคุมุลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเขาอยู่ที่สนามประลองของจักรวรรดิไดจิเสียแล้ว เขามองไปรอบ ๆ ขณะเดียวกันกับเสียงเฮที่ดังมาจากผู้ชมทั่วทั้งสนามประลองอย่างครึกครื้น

“ในรอบนี้เราสามารถหาผู้ชนะเลิศได้เลยล่ะครับทุกท่าน! ผู้ชนะการประลองของจักรวรรดิไดจิในครั้งนี้คือ… คาอิคะ อาคุมุ!!!”