"เมื่อฉันต้องทะลุเข้าไปในนิยาย ได้เป็นถึงนางเอกของเรื่อง การจะกลับออกไปคือต้องให้นิยายเรื่องนี้จบ แบบ happy ending แค่นี้ง่ายจะตาย ฉันเป็นนางเอกนะ แต่ทำไม๊ ทำไมพระเอกกลับบอกว่าฉันจีดชืด ไร้รสนิยม ไม่ต้องตาเขาเลย แต่เขากลับไปต้องใจยัยตัวร้ายของเรื่องซะงั้น อ๋ออออออ ได้สิ อยากให้ร้ายใช่มะ แม่จะร้ายให้ร้องขอชีวิตเลย"

ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ - บทที่ 10 หลีกไป...แม่จะเดิน โดย ผิงผิงชอบกินปลา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,จีน,ข้ามเวลา,รัก,ตลก,รัก,จีน ,จีนโบราณ,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,จีน,ข้ามเวลา,รัก,ตลก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รัก,จีน ,จีนโบราณ,ทะลุมิติ,แฟนตาซี

รายละเอียด

"เมื่อฉันต้องทะลุเข้าไปในนิยาย ได้เป็นถึงนางเอกของเรื่อง การจะกลับออกไปคือต้องให้นิยายเรื่องนี้จบ แบบ happy ending แค่นี้ง่ายจะตาย ฉันเป็นนางเอกนะ แต่ทำไม๊ ทำไมพระเอกกลับบอกว่าฉันจีดชืด ไร้รสนิยม ไม่ต้องตาเขาเลย แต่เขากลับไปต้องใจยัยตัวร้ายของเรื่องซะงั้น อ๋ออออออ ได้สิ อยากให้ร้ายใช่มะ แม่จะร้ายให้ร้องขอชีวิตเลย"

ผู้แต่ง

ผิงผิงชอบกินปลา

เรื่องย่อ

สารบัญ

ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทนำ อารัมภบท,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 1 นักอ่านตัวยงผู้ทะลุมิติมาเปลี่ยนโลก,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 2 การพบกันของคุณหนูหลินและพระเอกจอมซึน,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 3 การปรากฏตัวของหยางเฟยฮุ่ย,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 4 สมุนไพรแสนลับกับ 'สูตรของตระกูลข้า',ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 5 ท่านโหวและแม่ทัพหนุ่มผู้เย็นชา,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 6 ปรับตัว,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 7 ผู้หญิงแซ่บทรงเสน่ห์ เขาทำกันยังไงนะ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 8 สองตระกูลเชื่อมสัมพันธ์,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 9 เหตุการณ์ไม่คาดฝัน,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 10 หลีกไป...แม่จะเดิน,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 11 แผนร้ายของหยางเฟยฮุ่ย,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 12 ครอบครัว,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 13 ปัญหา,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 14 ตระกูลหยาง,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 15 เดินหน้าตามแผน,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 16 ภัยพิบัติ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 16 ภัยพิบัติ (1),ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 17 นี่มันคือ ...เดตมั้ยนะ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 18 ประทานรางวัล,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 19 ใครดีใครได้,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 20 วันชิงหมิง,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 21 รั้นจนได้เรื่อง,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 22 ปลอดภัยแล้วนะ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 23 เป็นตัวเองนั้นดีที่สุด,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 24 ข่าวลือ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 25 สยบข่าวลือ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 26 พบปะพูดคุย,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 27 เทศกาลลี่เซี่ย,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 28 ข้าอ่อนโยนกับเจ้าคนเดียว,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 29 เลี้ยงกองทัพ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 30 ช่วงต้าสู่,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 31 ขบวนสินสอดที่ยาวที่สุด

เนื้อหา

บทที่ 10 หลีกไป...แม่จะเดิน

สองสัปดาห์ต่อมา หลินเข่อซิงได้รับเทียบเชิญไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนป๋อโดยลูกสาวคนโตของภริยาเอก ตลอดทั้งวัน เธอรู้สึกได้ถึงความกดดันที่จะต้องไปเผชิญหน้ากับคนมากมายในงาน แต่วันนี้ไม่เหมือนวันอื่นๆ เพราะเธอเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่กับชุดกี่เพ้าสีแดงเพลิงที่เธอตั้งใจตัดขึ้นมาเพื่อแสดงความเป็นตัวตนใหม่ของเธอ
เถ้าแก่ร้านผ้าทำงานไวมาก นางจึงให้เงินเพิ่มไปอีกมาก เขาโค้งตัวแล้วโค้งตัวอีก ยิ้มรับหน้าบานแถมยังบอกนางอีกว่า หากคราวหน้าจะให้ตัดชุดอะไรสามารถมาหาเขาได้ เขาจะรีบทำให้นางก่อนใคร
“ท่านพร้อมไหมเจ้าคะ คุณหนู?” หลิงเฉินถามขณะช่วยปรับชุดให้
หลินเข่อซิงยิ้มบางๆ มองตัวเองในกระจก ชุดกี่เพ้ารัดรูปที่ทำให้เธอดูสง่างามและทรงพลัง ไม่ใช่แค่สีแดงที่ดึงดูดสายตา แต่ความมั่นใจที่แสดงออกทางท่าทางและบุคลิกของเธอทำให้เธอดูโดดเด่น
“พร้อมสิ! วันนี้ข้าจะไม่ใช่คุณหนูหลินคนเดิมอีกต่อไป” เธอตอบอย่างมั่นใจ ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
ที่จวนป๋อ งานเลี้ยงเต็มไปด้วยผู้คนจากตระกูลสูงศักดิ์มากมาย เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะเบาๆ แว่วมาเป็นระยะๆ ท่ามกลางบรรยากาศหรูหรานั้น หยางเฟยฮุ่ยก้าวเข้ามาในงานด้วยความสง่างาม ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่เธออย่างชื่นชมในความงดงามไร้ที่ติ ชุดผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มของนางสะท้อนแสงโคมอย่างหรูหรา รอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของเฟยฮุ่ยทำให้ทุกคนต่างพูดถึง
“งดงามราวกับเทพธิดา นางช่างเหมาะสมกับตระกูลอวิ๋นเหลือเกิน” เสียงคนในงานเริ่มซุบซิบ
"ดูสิ ใครจะมาแข่งกับความงามของเฟยฮุ่ยได้?"
คุณหนูใหญ่จวนป๋อและกลุ่มสหายของนางยืนกันเป็นกลุ่มด้านหนึ่งของงาน ท่ามกลางเสียงหัวเราะเบาๆ พวกเธอก็เริ่มขยับใบหน้าใกล้กันมากขึ้น
“คุณหนูหลินจะมาร่วมงานวันนี้ด้วยหรือ? ข้าไม่คาดหวังสักนิด นางคงแต่งตัวจืดชืดเหมือนเดิมแน่ๆ” คุณหนูใหญ่หัวเราะคิกคัก สายตาชำเลืองไปที่เฟยฮุ่ยผู้สง่างาม
“นั่นสิ สู้เฟยฮุ่ยก็ไม่ได้” อีกคนเสริม “อย่างหลินเข่อซิงจะเอามาเทียบนางได้อย่างไร”
หยางเฟยฮุ่ยได้ยินคำพูดเหล่านั้นและยิ้มอย่างลำพองใจ ก่อนจะก้าวเดินอย่างสง่างามไปยังกลางงาน ทำให้ผู้คนต่างหันมามองด้วยความหลงใหล ทุกคนในงานดูเหมือนจะยอมรับว่าวันนี้ ไม่มีใครสวยงามและโดดเด่นเท่านางอีกแล้ว
แต่แล้ว ทันใดนั้น ประตูใหญ่ของห้องโถงก็เปิดออก พร้อมกับการปรากฏตัวของหลินเข่อซิงที่ยืนอยู่ในชุดกี่เพ้าสีแดงเพลิง ทุกสายตาในงานเลี้ยงหันไปมองเธอพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ปากของผู้คนต่างอ้าค้างไปตามๆ กัน
“นั่นใครกัน...?” เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นในงาน ทุกคนจ้องมองด้วยความตกตะลึง ไม่คาดคิดว่าผู้หญิงที่มักแต่งตัวจืดชืดทุกครั้งจะปรากฏตัวในลุคที่โดดเด่นและดึงดูดสายตาเช่นนี้
หลินเข่อซิงเดินเข้ามาด้วยท่าทีที่สง่างาม ชุดกี่เพ้าสีแดงของเธอรัดรูปและเผยให้เห็นรูปร่างที่งดงาม เส้นผมถูกรวบขึ้นอย่างเรียบร้อย เผยให้เห็นลำคอที่เรียวระหง ชุดของเธอสะท้อนแสงโคมไฟในงานอย่างเจิดจ้า ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นศูนย์กลางของงานนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
หยางเฟยฮุ่ยที่กำลังยิ้มอย่างลำพองถึงกับหยุดนิ่ง เมื่อเห็นหลินเข่อซิงเข้ามา นางไม่เคยคาดคิดว่าหลินเข่อซิงจะปรากฏตัวในลุคเช่นนี้ สีหน้าของเฟยฮุ่ยเปลี่ยนไปทันที รอยยิ้มที่เคยมั่นใจเลือนหายไปขณะที่นางมองหลินเข่อซิงเดินเข้ามา
“นี่มัน... หลินเข่อซิงจริงหรือ?” คุณหนูใหญ่จวนป๋ออ้าปากค้าง มองหลินเข่อซิงด้วยความไม่เชื่อสายตา
“ข้าไม่เคยเห็นนางในชุดเช่นนี้มาก่อน! นาง...นางช่างงดงามเหลือเกิน” อีกคนกระซิบด้วยน้ำเสียงตกตะลึง
หลินเข่อซิงเดินตรงเข้าไปกลางงานอย่างไม่สนใจสายตาของใคร เธอแสดงออกถึงความมั่นใจและความสง่างามในทุกย่างก้าว เมื่อเธอมาถึงที่นั่งที่จัดเตรียมไว้ หลิงเฉินเดินตามเธออย่างภาคภูมิใจ
“สายตาแต่ละคนต่างมองท่านเป็นตาเดียวเลยเจ้าค่ะ คุณหนู!” หลิงเฉินกระซิบเบาๆ ด้วยความตื่นเต้น
หลินเข่อซิงยิ้มบางๆ พลางมองไปรอบๆ ห้องโถงใหญ่ที่เต็มไปด้วยสายตาที่จับจ้องมาที่เธอ
‘วันนี้ข้าไม่ใช่หลินเข่อซิงคนเดิมอีกแล้ว’ เธอคิดในใจ พร้อมรอยยิ้มมั่นใจที่มุมปาก
ภายในงานเลี้ยงใหญ่ที่จวนป๋อ แขกผู้สูงศักดิ์ต่างมารวมตัวกันอย่างพร้อมหน้า ท่านพ่อและท่านแม่ของหลินเข่อซิงกำลังทักทายสนทนากับเหล่าขุนนางและแขกผู้มีเกียรติในมุมหนึ่งของงาน ขณะที่หลินเข่อซิงเองก็อยู่กับหลิงเฉินสาวใช้คนสนิท เธอยืนนิ่งสงบ แต่แววตากลับบ่งบอกถึงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม หลังจากการปรากฏตัวที่น่าทึ่งในชุดกี่เพ้าสีแดงเพลิง สายตาหลายคู่ยังคงจับจ้องมาที่เธอ
ในขณะที่หลินเข่อซิงกำลังยืนพูดคุยกับหลิงเฉินอย่างสบายใจ หยางเฟยฮุ่ยก็เดินเข้ามา ใบหน้ายังคงยิ้มอย่างสง่างาม แต่แฝงด้วยความเย้ยหยัน เธอกวาดสายตามองหลินเข่อซิงจากศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนจะเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสุภาพ แต่เต็มไปด้วยความถากถาง
“วันนี้เจ้ากล้าหาญไม่น้อยเลยนะคุณหนูหลิน ใส่ชุดสีแดงเพลิงแบบนี้ กลัวหรือไม่ว่าคนอื่นจะเข้าใจผิดคิดว่าเจ้าเป็นนักแสดงในโรงงิ้ว” หยางเฟยฮุ่ยกล่าวพร้อมกับยิ้มเย็น ดวงตาเปล่งประกายของนางเต็มไปด้วยความท้าทายยั่วยุ
หลินเข่อซิงไม่ได้สะทกสะท้าน เธอยิ้มรับเล็กน้อยและหันมามองหยางเฟยฮุ่ยตรงๆ “ข้าก็ไม่แปลกใจหรอกที่ท่านจะคิดเช่นนั้น ท่านอาจจะไม่ชินกับอะไรที่มันดูสดใสเกินไป แต่สำหรับข้า สีแดงคือสีแห่งความมั่นใจ และถ้าการเป็นตัวของตัวเองทำให้ท่านไม่สบายใจ...ก็คงต้องขออภัยด้วย”
ใบหน้าของหยางเฟยฮุ่ยกระตุกเล็กน้อย แต่ยังคงรักษาท่าทางมั่นใจไว้ “เจ้าอาจจะมีความมั่นใจ แต่ความมั่นใจที่มากเกินไปอาจทำให้คนอื่นมองว่าเจ้า...ไร้ยางอาย” เธอพูดพร้อมจ้องเข่อซิงอย่างเยาะเย้ย “การแสดงออกแบบนี้ อาจทำให้ใครๆ เข้าใจผิดว่าเจ้าอยากเป็นจุดสนใจจนถึงกับต้องใช้วิธีเช่นนี้”
หลินเข่อซิงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่หนักแน่น “การเป็นจุดสนใจ...ข้าไม่จำเป็นต้องพยายามเลย คุณหนูหยาง การแต่งตัวแบบไหนก็ไม่สำคัญเท่าความมั่นใจในตัวเอง แต่ดูเหมือนบางคนจะรู้สึกว่าข้ากำลังแย่งชิงความโดดเด่นไป ท่านคิดว่าอย่างนั้นหรือไม่?”
หยางเฟยฮุ่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย รอยยิ้มที่เคยแฝงความมั่นใจเลือนหายไป “เจ้าพูดเหมือนคิดว่าตัวเองเหนือกว่าข้า... หรือเจ้าคิดอย่างนั้นจริงๆ?”
“ไม่เลย ข้าไม่ได้คิดว่าตัวเองเหนือกว่าใคร” หลินเข่อซิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “ข้าแค่มั่นใจว่าข้าเป็นตัวของข้า และข้าไม่จำเป็นต้องแข่งขันกับใคร ข้าเพียงอยู่ในที่ของข้า หากมีใครรู้สึกว่าข้ากำลังท้าทาย นั่นก็เป็นเพราะเขารู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองก็เท่านั้น”
คำพูดของหลินเข่อซิงทำให้หยางเฟยฮุ่ยเริ่มรู้สึกไม่พอใจ นางกัดริมฝีปากเล็กน้อย “เจ้านี่ช่างกล้าพูดนัก... แต่ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเข้าใจสถานการณ์ที่ตัวเองอยู่ เจ้าอาจจะคิดว่าแค่พูดดีๆ หรือแต่งตัวสวยๆ ก็จะทำให้เจ้าดูมีคุณค่าได้ แต่ในความเป็นจริง...” นางหยุดเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มเยาะ “เจ้าก็ยังเป็นเพียงเป็ดที่พยายามจะชูคอเป็นหงส์”
หลินเข่อซิงมองหยางเฟยฮุ่ยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความท้าทาย “ข้าคิดว่าการฝันสูงไม่ใช่เรื่องผิด หากข้ามีความสามารถที่จะไปให้ถึง และข้าก็ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาตัดสินคุณค่าของข้า โดยเฉพาะคนที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการดูถูกคนอื่นเพื่อยกระดับตัวเองขึ้นมา”
เสียงรอบๆ เริ่มเงียบลง ผู้คนต่างหันมามองการปะทะคารมระหว่างสองสาวอย่างสนใจ ไม่มีใครคาดคิดว่าหลินเข่อซิงจะกล้าโต้กลับหยางเฟยฮุ่ยอย่างรุนแรงเช่นนี้
หยางเฟยฮุ่ยหรี่ตามองหลินเข่อซิง รู้สึกว่าตนเองถูกท้าทายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ข้าคงต้องรอดูว่า ความมั่นใจที่เจ้ามีนั้นจะพาเจ้าไปได้ไกลแค่ไหน แต่ขอเตือนเจ้าสักอย่าง การอยู่ในที่สูงอาจทำให้เจ้าล้มได้ง่ายขึ้น”
“ข้าขอบคุณสำหรับคำเตือน” หลินเข่อซิงตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่แฝงความสงบ “แต่ข้าก็ไม่กลัวที่จะล้ม เพราะข้ารู้ว่าข้าสามารถลุกขึ้นได้เสมอ ที่สำคัญ...ข้าไม่ได้ใช้การเหยียบย่ำคนอื่นเพื่อปีนขึ้นไป ดังนั้นข้าจึงไม่กลัวที่จะตกลงมา!”
หยางเฟยฮุ่ยจ้องมองหลินเข่อซิงด้วยความโกรธที่เริ่มปรากฏออกมาบนใบหน้า แต่เธอกลับเลือกที่จะหันหลังเดินจากไป โดยไม่ได้ตอบโต้อีก เพราะรู้ว่าการโต้เถียงต่อไปอาจทำให้นางเสียหน้า
เมื่อหยางเฟยฮุ่ยจากไป หลิงเฉินที่ยืนอยู่ข้างๆ มาตลอดอดไม่ได้ที่จะหันมามองหลินเข่อซิงด้วยดวงตาที่เปล่งประกายด้วยความชื่นชม “ท่านช่างกล้าหาญจริงๆเจ้าค่ะ คุณหนู เมื่อครู่ข้าลุ้นจนเกือบลืมหายใจแน่ะเจ้าค่ะ”
หลินเข่อซิงหันมายิ้มให้หลิงเฉิน “ข้าแค่คิดว่า...บางที การตอบโต้คนที่คิดว่าตัวเองเหนือกว่าเรา มันไม่ใช่การสู้รบ แต่เป็นการยืนยันว่าเรารู้คุณค่าของตัวเอง”
เธอยิ้มบางๆ แล้วหันกลับไปมองบรรยากาศในงานอีกครั้ง ใจของเธอรู้สึกโล่งและมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม