"เมื่อฉันต้องทะลุเข้าไปในนิยาย ได้เป็นถึงนางเอกของเรื่อง การจะกลับออกไปคือต้องให้นิยายเรื่องนี้จบ แบบ happy ending แค่นี้ง่ายจะตาย ฉันเป็นนางเอกนะ แต่ทำไม๊ ทำไมพระเอกกลับบอกว่าฉันจีดชืด ไร้รสนิยม ไม่ต้องตาเขาเลย แต่เขากลับไปต้องใจยัยตัวร้ายของเรื่องซะงั้น อ๋ออออออ ได้สิ อยากให้ร้ายใช่มะ แม่จะร้ายให้ร้องขอชีวิตเลย"

ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ - บทที่ 11 แผนร้ายของหยางเฟยฮุ่ย โดย ผิงผิงชอบกินปลา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,จีน,ข้ามเวลา,รัก,ตลก,รัก,จีน ,จีนโบราณ,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,จีน,ข้ามเวลา,รัก,ตลก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รัก,จีน ,จีนโบราณ,ทะลุมิติ,แฟนตาซี

รายละเอียด

"เมื่อฉันต้องทะลุเข้าไปในนิยาย ได้เป็นถึงนางเอกของเรื่อง การจะกลับออกไปคือต้องให้นิยายเรื่องนี้จบ แบบ happy ending แค่นี้ง่ายจะตาย ฉันเป็นนางเอกนะ แต่ทำไม๊ ทำไมพระเอกกลับบอกว่าฉันจีดชืด ไร้รสนิยม ไม่ต้องตาเขาเลย แต่เขากลับไปต้องใจยัยตัวร้ายของเรื่องซะงั้น อ๋ออออออ ได้สิ อยากให้ร้ายใช่มะ แม่จะร้ายให้ร้องขอชีวิตเลย"

ผู้แต่ง

ผิงผิงชอบกินปลา

เรื่องย่อ

สารบัญ

ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทนำ อารัมภบท,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 1 นักอ่านตัวยงผู้ทะลุมิติมาเปลี่ยนโลก,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 2 การพบกันของคุณหนูหลินและพระเอกจอมซึน,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 3 การปรากฏตัวของหยางเฟยฮุ่ย,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 4 สมุนไพรแสนลับกับ 'สูตรของตระกูลข้า',ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 5 ท่านโหวและแม่ทัพหนุ่มผู้เย็นชา,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 6 ปรับตัว,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 7 ผู้หญิงแซ่บทรงเสน่ห์ เขาทำกันยังไงนะ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 8 สองตระกูลเชื่อมสัมพันธ์,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 9 เหตุการณ์ไม่คาดฝัน,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 10 หลีกไป...แม่จะเดิน,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 11 แผนร้ายของหยางเฟยฮุ่ย,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 12 ครอบครัว,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 13 ปัญหา,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 14 ตระกูลหยาง,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 15 เดินหน้าตามแผน,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 16 ภัยพิบัติ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 16 ภัยพิบัติ (1),ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 17 นี่มันคือ ...เดตมั้ยนะ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 18 ประทานรางวัล,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 19 ใครดีใครได้,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 20 วันชิงหมิง,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 21 รั้นจนได้เรื่อง,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 22 ปลอดภัยแล้วนะ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 23 เป็นตัวเองนั้นดีที่สุด,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 24 ข่าวลือ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 25 สยบข่าวลือ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 26 พบปะพูดคุย,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 27 เทศกาลลี่เซี่ย,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 28 ข้าอ่อนโยนกับเจ้าคนเดียว,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 29 เลี้ยงกองทัพ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 30 ช่วงต้าสู่,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 31 ขบวนสินสอดที่ยาวที่สุด

เนื้อหา

บทที่ 11 แผนร้ายของหยางเฟยฮุ่ย

หลังจากการปะทะคารมกับหลินเข่อซิง หยางเฟยฮุ่ยเดินจากไปด้วยความโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ความพ่ายแพ้ในการปะทะคารมกันทำให้นางยิ่งรู้สึกเสียหน้า นางจะไม่ยอมปล่อยให้หลินเข่อซิงเดินลอยนวลไปโดยไม่ได้รับบทเรียน นางคิดแผนการร้ายในหัวทันที
นางกระซิบสั่งการกับสาวใช้คนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆ “ไปจัดการตามที่ข้าบอก แล้วทำให้แนบเนียนที่สุด อย่าให้ใครสงสัย ข้าไม่ต้องการความผิดพลาด เข้าใจหรือไม่?”
สาวใช้พยักหน้ารับคำสั่ง ก่อนจะรีบเดินออกไปเตรียมการตามแผน หยางเฟยฮุ่ยมองตามด้วยรอยยิ้มเย็น นางรู้ดีว่าแผนนี้จะทำให้หลินเข่อซิงต้องอับอายขายหน้าแน่ๆ
ในขณะที่หลินเข่อซิงกำลังพูดคุยกับหลิงเฉิน สาวใช้จากจวนป๋อก็เข้ามาหาพร้อมกับรอยยิ้มสุภาพ “คุณหนูหลินเจ้าคะ คุณหนูใหญ่จวนป๋ออยากเชิญท่านไปดูสมบัติล้ำค่าที่เก็บไว้ในห้องลับเจ้าค่ะ ของพวกนี้มีเพียงคนพิเศษเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ดู”
หลินเข่อซิงเลิกคิ้วด้วยความสงสัย แต่ความอยากรู้อยากเห็นทำให้เธอตอบรับคำเชิญนั้น “สมบัติล้ำค่า? ข้าสนใจนะ พาข้าไปสิ”
“ข้าจะไปกับท่านเจ้าค่ะ คุณหนู” หลิงเฉินรีบเสนอตัว แต่สาวใช้กลับโบกมืออย่างสุภาพ “ต้องขออภัยเจ้าค่ะ ห้องนั้นมีเพียงคุณหนูหลินที่ได้รับเชิญให้เข้าไป”
หลินเข่อซิงรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ แต่เธอก็อยากจะรู้นักว่า ใครจะเล่นลูกไม้อะไรกับนางอีก นางจะเล่นตามเกมส์ของคนผู้นั้นดูเสียหน่อย ว่าจะมีฝีมือสักแค่ไหน นางจึงหันไปพยักหน้าให้หลิงเฉิน “ไม่เป็นไร ข้าไปไม่นาน เดี๋ยวกลับมา”
สาวใช้พาหลินเข่อซิงมายังห้องลับที่อยู่ลึกเข้าไปในจวนป๋อ เมื่อประตูห้องเปิดออก สิ่งแรกที่เธอเห็นคือเครื่องประดับและวัตถุโบราณมากมายวางเรียงรายอยู่ในตู้แก้ว หลอดไฟอ่อนสลัวสะท้อนแสงจากทองคำและอัญมณีต่างๆ ทำให้ห้องนี้ดูหรูหราและลึกลับในเวลาเดียวกัน
“เชิญท่านชมตามสบายเจ้าค่ะ” สาวใช้ยิ้ม ก่อนจะเดินออกไปเงียบๆ หลินเข่อซิงไม่ทันสังเกตว่าเมื่อเธอเข้ามาแล้ว ประตูก็ถูกล็อกจากด้านนอกอย่างเงียบเชียบ
ขณะที่หลินเข่อซิงกำลังเดินสำรวจห้อง รู้สึกถึงบรรยากาศที่เริ่มหนักอึ้งขึ้น เธอเริ่มสังเกตเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติ เมื่อเดินกลับไปที่ประตูแล้วพบว่ามันถูกล็อก เธอพยายามเปิดมันอย่างเบามือแต่ไม่สำเร็จ
“นี่มันกับดักชัดๆ” หลินเข่อซิงพึมพำกับตัวเอง ดวงตาของเธอเริ่มสอดส่องหาทางออกอื่น แต่ห้องนี้มีเพียงประตูเดียว ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าหลายคู่ก็ดังขึ้นด้านนอก พร้อมกับเสียงของหยางเฟยฮุ่ยที่คุ้นเคย
ประตูถูกเปิดออกอย่างแรง และหยางเฟยฮุ่ยก็ก้าวเข้ามาด้วยรอยยิ้มเยาะ ด้านหลังของเธอมีคนในจวนรวมถึงคุณหนูหลายคนที่ยืนมองหลินเข่อซิงด้วยสายตาสงสัย
“เจ้ามาทำอะไรในห้องนี้ หลินเข่อซิง?” หยางเฟยฮุ่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ห้องนี้มีเพียงคนในตระกูลป๋อเท่านั้นที่ได้รับอนุญาต เจ้า...หรือว่าเจ้าเข้ามาขโมยของล้ำค่าเหล่านี้?”
เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นท่ามกลางคนที่ยืนมอง หลายคนเริ่มวิจารณ์กันว่า ทำไมหลินเข่อซิงถึงอยู่ในห้องลับนี้ได้
“ข้าไม่ได้ขโมยอะไร” หลินเข่อซิงตอบกลับอย่างมั่นคง “ข้าถูกพามาที่นี่โดยสาวใช้คนหนึ่ง และนางบอกว่าข้าได้รับเชิญให้มาดูของล้ำค่าพวกนี้”
หยางเฟยฮุ่ยหัวเราะเยาะ “สาวใช้ที่เจ้าพูดถึงล่ะ? ข้าไม่เห็นมีใครสักคน...หรือว่าเจ้าแต่งเรื่องขึ้นมาเพื่อปกปิดความผิดของตัวเอง?”
หลินเข่อซิงหันมองไปรอบๆ แต่สาวใช้คนนั้นกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ทำให้เธอไม่มีพยานบุคคลที่จะยืนยันเรื่องที่เธอพูด
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นเรื่อยๆ “หรือคุณหนูหลินจะขโมยจริงๆ?”
“นั่นน่ะสิ ไม่นึกเลยว่านางจะเป็นคนเช่นนี้”
“เฮอะ คุณหนูตระกูลผู้ดีอะไร นี่มันนางบ้านนอกชัดๆ ทำราวกับไม่เคยเห็นของล้ำค่า”
เสียงซุบซิบนินทามีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
หลินเข่อซิงรู้สึกถึงความกดดันที่มากขึ้นทุกที เธอถูกล้อมรอบด้วยสายตาที่สงสัยและการกล่าวหาที่ไม่มีหลักฐาน แต่เธอยังคงรักษาความสงบไว้ในใจ เธอรู้ว่าการปล่อยให้อารมณ์พาไปจะทำให้สถานการณ์แย่ลง
ทันใดนั้นเอง แววตาของเธอเป็นประกายขึ้น หลินเข่อซิงมองไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะใช้ความเฉลียวฉลาดของตัวเองเพื่อหาทางออกจากสถานการณ์นี้
“เจ้าบอกว่าข้ามีเจตนาจะขโมยของล้ำค่าเหล่านี้ใช่ไหม?” หลินเข่อซิงถามหยางเฟยฮุ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “งั้นข้าจะให้ทุกคนตรวจสอบดูว่าของในห้องนี้มีสิ่งใดหายไปหรือไม่ ตรวจสอบเดี๋ยวนี้เลย”
คำพูดของหลินเข่อซิงทำให้ทุกคนชะงัก หยางเฟยฮุ่ยหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางไม่ได้คาดหวังว่าหลินเข่อซิงจะมีท่าทีเยือกเย็นเช่นนี้
“ตรวจสอบเลยๆ”
“นั่นสิ นางแค่ทำท่ามั่นใจไปอย่างนั้นเอง ตรวจดูเลย”
หลายเสียงสนับสนุน
“ใช่... ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าของในห้องนี้หายไปหรือไม่” หลินเข่อซิงพูดต่อ “ถ้าทุกอย่างอยู่ครบ ไม่มีอะไรหายไป นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าข้าไม่มีเจตนาขโมย หรือแม้แต่แตะต้องของพวกนี้”
คนในจวนเริ่มพยักหน้าเห็นด้วย คุณหนูใหญ่จวนป๋อจึงเรียกคนในจวนมาทำการตรวจสอบของในห้องอย่างละเอียด
ในขณะที่ทุกคนกำลังรอการตรวจสอบ หลินเข่อซิงยิ้มมุมปากเล็กน้อย ดวงตาของเธอสบกับหยางเฟยฮุ่ยที่ยืนนิ่งอยู่ นางรู้ดีว่าหยางเฟยฮุ่ยไม่สามารถทำอะไรได้หากไม่มีหลักฐานสนับสนุนข้อกล่าวหา
ไม่ช้า คนที่ตรวจสอบเสร็จก็ประกาศออกมา “ไม่มีสิ่งใดหายไป ของทุกชิ้นอยู่ครบเจ้าค่ะ”
เสียงซุบซิบเงียบลงทันที สายตาของคนในจวนเริ่มหันไปทางหยางเฟยฮุ่ยแทน ใบหน้าของนางเริ่มซีดลงเล็กน้อย
หลินเข่อซิงยิ้มบางๆ “ดูเหมือนว่าข้าจะพูดความจริงมาตลอด ข้าไม่เคยคิดจะขโมยอะไร ข้าแค่ถูกพามาที่นี่เพื่อชมของล้ำค่าเท่านั้น... แต่ถ้าใครคิดจะใส่ร้ายข้า ก็คงต้องหาวิธีที่ดีกว่านี้”
แม้ว่าคนในจวนจะตรวจสอบของในห้องแล้วและไม่พบว่ามีอะไรหายไป แต่หยางเฟยฮุ่ยก็ยังไม่ยอมแพ้ นางกัดฟันแน่นและยิ้มเย็นออกมา “ก็แน่อยู่แล้ว... ของยังอยู่ครบ เพราะเจ้าโดนจับได้ก่อนน่ะสิ! หากไม่มีใครมาพบ เจ้าคงฉวยโอกาสขโมยไปแล้ว ถึงตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรหายไปบ้าง” หยางเฟยฮุ่ยกล่าวจบพลางยิ้มเย้ย ดูซิว่านางจะแก้ตัวยังไง ถึงจะผิดคาดที่ตอนแรกนางกล้าเถียงก็เถอะ
คำพูดของหยางเฟยฮุ่ยทำให้ผู้คนรอบข้างเริ่มพยักหน้าเห็นด้วย เสียงกระซิบกระซาบเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง หลายคนมองไปทางหลินเข่อซิงด้วยสายตาที่สงสัย สถานการณ์เริ่มกลับมากดดันอีกครั้ง
หลินเข่อซิงรู้สึกถึงความกดดันจากสายตาของผู้คนรอบตัวที่จับจ้องมาที่เธอ แต่เธอพยายามไม่แสดงความวิตกกังวลออกมา แม้หยางเฟยฮุ่ยจะพยายามสร้างข้อกล่าวหาเพิ่ม เธอรู้ดีว่ายังมีวิธีที่จะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้
เธอสูดหายใจลึกๆ และตอบด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง “คุณหนูหยางพูดเช่นนี้แปลว่าท่านไม่มีหลักฐานอื่นนอกจากข้อสันนิษฐานของท่านเองใช่ไหม? ข้าถูกพามาที่นี่ ไม่ได้พยายามขโมยอะไรเลย และถ้าท่านไม่มีหลักฐานว่าข้ามีเจตนาร้าย ท่านจะกล่าวหาข้าได้อย่างไร?”
หยางเฟยฮุ่ยกัดฟันเล็กน้อย นางพยายามหาทางทำให้หลินเข่อซิงต้องจนมุม แต่หลินเข่อซิงยังคงรักษาท่าทีสงบเหมือนเดิม นางจึงตอบกลับอย่างเย้ยหยัน “เจ้าบอกว่าเจ้าไม่มีเจตนาขโมยก็ได้ แต่ทุกคนในงานนี้รู้ว่าเจ้าถูกจับได้ในห้องนี้ เจ้าเข้าไปทำอะไรในนั้นกันแน่?”
หลินเข่อซิงหันมองไปรอบๆ และสังเกตเห็นว่าคนในงานเริ่มหันกลับมาจับตามองเธออีกครั้ง สถานการณ์กำลังกลับมาเป็นทางลบอีกครั้ง เธอต้องคิดหาทางออกที่แนบเนียนและใช้สติปัญญาเพื่อพลิกสถานการณ์นี้ให้ได้
ทันใดนั้นเอง แววตาของหลินเข่อซิงเป็นประกายขึ้นเมื่อคิดแผนบางอย่างได้ เธอยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูผ่อนคลาย “คุณหนูหยาง ข้าต้องขอขอบคุณที่เจ้าช่างเป็นห่วงความปลอดภัยของสมบัติล้ำค่าเหล่านี้นัก แต่ในเมื่อตอนนี้ของยังอยู่ครบไม่มีอะไรหายไป ข้าคิดว่าควรให้ทุกคนได้รู้ว่าคนที่ถูกใส่ความควรได้รับโอกาสอธิบายตัวเอง”
เธอหันไปหาคุณหนูใหญ่จวนป๋อด้วยสีหน้ามั่นใจ “คุณหนูใหญ่ ข้าขอเรียนถามท่านว่า หากข้ามีเจตนาร้ายอย่างที่ถูกกล่าวหา ทำไมข้าถึงยังอยู่ในห้องนี้นานจนถูกพบ? หากข้ารู้ดีว่านี่เป็นห้องลับ และหากข้าคิดจะขโมยจริง ข้าย่อมมีเวลาเพียงพอที่จะออกไปก่อนถูกจับได้ ท่านว่าไหม? อีกอย่างข้าคงหาอะไรมาอำพรางใบหน้า หรือเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย แต่ว่า ข้ากลับเปิดเผย และตอนพวกท่านเปิดประตูเข้ามา ไม่สังเกตหรือว่าประตูล็อคจากภายนอก”
คุณหนูใหญ่จวนป๋อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามนั้น นางพยักหน้าเบาๆ “นั่นก็จริง หากเจ้ามีเจตนาร้าย เจ้าคงไม่มีท่าทีเช่นนี้ จริงสิ! เรื่องประตูเฟยฮุ่ยเป็นคนเปิด ข้าเลยไม่ได้สังเกต”
หลินเข่อซิงหันไปหาคนในงานด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “และถ้าข้าคิดจะขโมยของจริง ข้าจะเลือกขโมยจากสถานที่ที่มีคนเฝ้ามองอยู่ตลอดเช่นนี้ไปเพื่ออะไร? ข้ามีสติพอที่จะไม่ทำเรื่องโง่เขลาแบบนั้น”
คำพูดของหลินเข่อซิงเริ่มทำให้คนในงานเลี้ยงลังเล พวกเขาเริ่มเห็นถึงความสมเหตุสมผลในคำอธิบายของเธอ ขณะเดียวกัน หยางเฟยฮุ่ยเองก็เริ่มรู้สึกว่าคำกล่าวหาของเธอไม่มีน้ำหนักเอาเสียเลย
แต่หลินเข่อซิงยังไม่หยุด เธอยิ้มอย่างมั่นใจและพูดต่อ “และเพื่อให้ทุกอย่างกระจ่าง ข้าขอเสนอให้ตรวจค้นตัวข้าและห้องนี้อีกครั้งหนึ่ง หากพบสิ่งใดที่บ่งชี้ว่าข้ามีเจตนาขโมยของ ข้ายินดีที่จะรับโทษ แต่หากไม่มี หยางเฟยฮุ่ยก็ควรจะรับผิดชอบต่อคำกล่าวหาที่ไม่มีหลักฐาน!”
คนในงานเริ่มกระซิบกันเสียงดังขึ้น คุณหนูใหญ่จวนป๋อหันไปมองหยางเฟยฮุ่ยด้วยแววตาสงสัย “เจ้าเห็นด้วยหรือไม่ หยางเฟยฮุ่ย? ถ้าเราตรวจค้นอย่างละเอียดอีกครั้ง แล้วไม่พบหลักฐานใด เจ้าจะยอมรับความผิดพลาดของเจ้าเองหรือไม่?”
หยางเฟยฮุ่ยเริ่มหน้าซีด เธอไม่คิดว่าหลินเข่อซิงจะตอบโต้กลับมาได้อย่างเฉียบขาดเช่นนี้ หากยอมให้ตรวจค้นอีกครั้ง เธอจะไม่มีข้ออ้างใดๆ ที่จะกล่าวหาหลินเข่อซิงอีกต่อไป นางรู้ว่าถ้าปล่อยให้เรื่องดำเนินไปเช่นนี้ นางจะต้องเสียหน้าอย่างหนัก
หยางเฟยฮุ่ยพยายามเก็บอาการก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เริ่มสั่น “ไม่จำเป็นหรอก... ข้าคิดว่าเราควรปล่อยเรื่องนี้ไป ข้าไม่ต้องการยืดเยื้อเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้อีกแล้ว”
หลินเข่อซิงยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นหยางเฟยฮุ่ยพยายามหลบเลี่ยง แต่เธอก็ยังคงตอบกลับอย่างสุภาพ “เช่นนั้นก็ดี ข้าก็ไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวายไปมากกว่านี้ ข้าเพียงแต่หวังว่า...ในอนาคต ทุกคนจะระวังคำกล่าวหาที่ไม่มีหลักฐานให้มากขึ้น”
คำพูดของหลินเข่อซิงทำให้ทุกคนในงานพยักหน้าเห็นด้วย หยางเฟยฮุ่ยได้แต่ยืนนิ่ง ไม่สามารถตอบโต้กลับได้อีก นางกัดฟันแน่นก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องด้วยความโกรธเคือง ส่วนหลินเข่อซิงก็ยืนอยู่ท่ามกลางสายตาที่เริ่มชื่นชมในความเฉลียวฉลาดและความมั่นใจของเธอ