"เมื่อฉันต้องทะลุเข้าไปในนิยาย ได้เป็นถึงนางเอกของเรื่อง การจะกลับออกไปคือต้องให้นิยายเรื่องนี้จบ แบบ happy ending แค่นี้ง่ายจะตาย ฉันเป็นนางเอกนะ แต่ทำไม๊ ทำไมพระเอกกลับบอกว่าฉันจีดชืด ไร้รสนิยม ไม่ต้องตาเขาเลย แต่เขากลับไปต้องใจยัยตัวร้ายของเรื่องซะงั้น อ๋ออออออ ได้สิ อยากให้ร้ายใช่มะ แม่จะร้ายให้ร้องขอชีวิตเลย"

ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ - บทที่ 12 ครอบครัว โดย ผิงผิงชอบกินปลา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,จีน,ข้ามเวลา,รัก,ตลก,รัก,จีน ,จีนโบราณ,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,จีน,ข้ามเวลา,รัก,ตลก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รัก,จีน ,จีนโบราณ,ทะลุมิติ,แฟนตาซี

รายละเอียด

"เมื่อฉันต้องทะลุเข้าไปในนิยาย ได้เป็นถึงนางเอกของเรื่อง การจะกลับออกไปคือต้องให้นิยายเรื่องนี้จบ แบบ happy ending แค่นี้ง่ายจะตาย ฉันเป็นนางเอกนะ แต่ทำไม๊ ทำไมพระเอกกลับบอกว่าฉันจีดชืด ไร้รสนิยม ไม่ต้องตาเขาเลย แต่เขากลับไปต้องใจยัยตัวร้ายของเรื่องซะงั้น อ๋ออออออ ได้สิ อยากให้ร้ายใช่มะ แม่จะร้ายให้ร้องขอชีวิตเลย"

ผู้แต่ง

ผิงผิงชอบกินปลา

เรื่องย่อ

สารบัญ

ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทนำ อารัมภบท,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 1 นักอ่านตัวยงผู้ทะลุมิติมาเปลี่ยนโลก,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 2 การพบกันของคุณหนูหลินและพระเอกจอมซึน,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 3 การปรากฏตัวของหยางเฟยฮุ่ย,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 4 สมุนไพรแสนลับกับ 'สูตรของตระกูลข้า',ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 5 ท่านโหวและแม่ทัพหนุ่มผู้เย็นชา,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 6 ปรับตัว,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 7 ผู้หญิงแซ่บทรงเสน่ห์ เขาทำกันยังไงนะ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 8 สองตระกูลเชื่อมสัมพันธ์,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 9 เหตุการณ์ไม่คาดฝัน,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 10 หลีกไป...แม่จะเดิน,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 11 แผนร้ายของหยางเฟยฮุ่ย,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 12 ครอบครัว,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 13 ปัญหา,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 14 ตระกูลหยาง,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 15 เดินหน้าตามแผน,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 16 ภัยพิบัติ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 16 ภัยพิบัติ (1),ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 17 นี่มันคือ ...เดตมั้ยนะ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 18 ประทานรางวัล,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 19 ใครดีใครได้,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 20 วันชิงหมิง,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 21 รั้นจนได้เรื่อง,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 22 ปลอดภัยแล้วนะ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 23 เป็นตัวเองนั้นดีที่สุด,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 24 ข่าวลือ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 25 สยบข่าวลือ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 26 พบปะพูดคุย,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 27 เทศกาลลี่เซี่ย,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 28 ข้าอ่อนโยนกับเจ้าคนเดียว,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 29 เลี้ยงกองทัพ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 30 ช่วงต้าสู่,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 31 ขบวนสินสอดที่ยาวที่สุด

เนื้อหา

บทที่ 12 ครอบครัว

ค่ำวันนั้น ภายในเรือนของตระกูลหลิน กลิ่นหอมของอาหารจานโปรดลอยอบอวลไปทั่ว หลินเข่อซิงนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารกับท่านพ่อและท่านแม่ ทั้งสองท่านยิ้มแย้มและดูผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัดในบรรยากาศอันอบอุ่นนี้
อาหารที่ถูกจัดวางบนโต๊ะเต็มไปด้วยเมนูโปรดของครอบครัวหลิน ทั้งซุปไก่ตุ๋นโสม ผัดผักน้ำมันหอย และขนมเปี๊ยะไส้ถั่วที่หลินเข่อซิงชอบที่สุด
“วันนี้เจ้าดูสดใสจังนะซิงเอ๋อร์” ท่านแม่เอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยน ขณะตักซุปไก่ตุ๋นโสมใส่ถ้วยให้หลินเข่อซิง “ตั้งแต่เจ้าฟื้นจากเหตุการณ์ตกน้ำมา ข้าเห็นว่าเจ้าดูเปลี่ยนไปมาก ทั้งบุคลิก ความมั่นใจ ดูเจ้ามีความสุขและพูดเก่งขึ้นมากเลย”
หลินเข่อซิงหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงสดใส “ข้าแค่รู้สึกว่าชีวิตมันควรจะมีความสนุกและความตื่นเต้นมากกว่านี้เจ้าค่ะท่านแม่ ก่อนหน้านี้ข้าอาจจะกังวลและคิดมากเกินไป แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่า...บางทีชีวิตก็ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้น เราควรมีความสุขในทุกๆ วันใช่ไหมเจ้าคะ?”
ท่านแม่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ขณะที่ท่านพ่อของหลินเข่อซิงก็นั่งมองลูกสาวด้วยแววตาภาคภูมิใจ เขาวางตะเกียบลงก่อนจะเอ่ยขึ้น “ซิงเอ็อร์ ข้าก็รู้สึกเหมือนแม่เจ้า เจ้าเปลี่ยนไปมากจริงๆ จากเด็กสาวที่เคยเงียบๆ สุภาพเรียบร้อย แต่ตอนนี้เจ้าดูมั่นใจมากขึ้น มีความกล้าที่จะพูดและแสดงความคิดของตัวเอง” เขายิ้มให้ลูกสาวด้วยความอบอุ่น “ข้าภูมิใจในตัวเจ้ามากนะ ต่อไปก็ไม่ต้องกลัวใครจะมารังแกลูกสาวข้าแล้ว”
“ขอบคุณท่านพ่อ” หลินเข่อซิงตอบพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น เธอตักขนมเปี๊ยะไส้ถั่วขึ้นมากินอย่างมีความสุข “ข้ารู้สึกว่าได้ค้นพบตัวเองใหม่อีกครั้ง ข้ารู้ว่าท่านพ่อและท่านแม่อาจจะกังวลว่าข้าจะเปลี่ยนไปมากเกินไป แต่ข้าก็ยังเป็นข้าคนเดิม...แค่มีมุมมองใหม่เท่านั้นเอง”
ท่านพ่อพยักหน้าอย่างชื่นชม “การที่เจ้ากล้าเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตัวเองเป็นสิ่งที่ดี ข้าหวังเพียวงว่าเจ้าจะใช้ความกล้านี้ทำสิ่งที่ดีให้กับตัวเจ้าเองและคนรอบข้างไปเรื่อยๆ นะ”
“ใช่แล้ว” ท่านแม่เสริม “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พ่อกับแม่จะอยู่ข้างเจ้าเสมอ ไม่ว่าทางที่เจ้าเลือกจะยากหรือง่ายเพียงใด”
หลินเข่อซิงรู้สึกถึงความอบอุ่นที่เอ่อล้นขึ้นมาในใจ หยาดน้ำอุ่นๆคลอที่หน่วยตา เธอมองหน้าพ่อกับแม่ด้วยความรักและซาบซึ้ง ทุกครั้งที่เธอต้องเผชิญกับอุปสรรคหรือความท้าทาย การที่มีพ่อแม่คอยสนับสนุนอย่างนี้ ทำให้เธอมั่นใจว่าตัวเองจะสามารถผ่านทุกอย่างไปได้
“ข้ารู้เจ้าค่ะ ข้าจะทำให้ดีที่สุด ไม่ใช่แค่เพื่อตัวข้าเอง แต่เพื่อท่านพ่อท่านแม่ด้วย” หลินเข่อซิงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ขณะตักอาหารเข้าปากด้วยความสุข
คนเป็นแม่มองลูกสาวก่อนจะหัวเราะเบาๆ “ดูเจ้าเพลิดเพลินกับอาหารมากเช่นนี้ แสดงว่าเจ้าคงไม่มีเรื่องกังวลใจอะไรแล้วสินะ?”
หลินเข่อซิงยิ้มกว้าง “ใช่เจ้าค่ะ! อาหารที่บ้านนี้อร่อยที่สุดในโลกแล้ว ข้าจะเครียดได้ยังไง?”
เสียงหัวเราะของทุกคนในครอบครัวดังขึ้นเบาๆ มื้ออาหารของพวกเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสุข
หลังรับประทานอาหารกับครอบครัว นางกลับเข้ามาในห้องนอน สายลมยามค่ำคืนพัดโชยเข้ามาในห้อง ทำนางสั่นระริกด้วยความหนาว นางซุกตัวเข้ากับผ้าห่มผืนหนาเพื่อหาความอบอุ่น
“คิดถึงพ่อกับแม่จัง ป่านนี้ที่นั่นจะเป็นยังไงบ้างนะ พวกเขาคงเป็นห่วงฉันมากแน่ๆ เฮ้อ ทำยังไงอีตาพระเอกนั่นจะรีบๆรักนางเอกซักที จะได้จบเรื่อง”
หลินเข่อซิงถอนหายใจเฮือกๆแล้วซุกหน้าเข้ากับผ้าห่มนุ่ม ไม่นานก็โผล่หน้าออกมาอีก
“มีวิธีติดต่อยัยนักเขียนมั้ย ขอทางลัดด่วนจี๋ให้ฉันคนนี้ได้ออกไปไวๆ” แล้วก็กลับมาถอนหายใจอีกเฮือก
นอกหน้าต่างจวนตระกูลหลิน
อวิ๋นเฟยหลงในชุดพรางตัวสีดำสนิท กลืนไปกับความมืดรอบตัว มองเข้าไปยังห้องนอนของสาวน้อยแก้มใส เขาเห็นนางทำปากขมุบขมิบ ด้วยความอยากรู้ว่านางพูดอะไร เขาจึงปีนไปเกาะข้างหน้าต่าง เท้าเหยียบอย่างหมิ่นเหม่จะตกแหล่มิตกแหล่ ดีที่เขามีวรยุทธ์ ไม่อย่างนั้นคงตกไปแข้งขาหักเป็นแน่
“…เขาคงเป็นห่วงฉันมากแน่ๆ เฮ้อ ทำยังไงอีตาพระเอกนั่นจะรีบๆรักนางเอกซักที จะได้จบเรื่อง มีวิธีติดต่อยัยนักเขียนมั้ย ขอทางลัดด่วนจี๋ให้ฉันคนนี้ได้ออกไปไวๆ”
สิ่งที่เขาได้ยิน เขาไม่เข้าใจเอาเสียเลย แต่กลับรู้สึกว่ามันแปลกประหลาดอย่างที่สุด เขาตัดสินใจทำสิ่งที่น่าประหลาดใจสำหรับตัวเอง บุกเข้าไปเผชิญหน้ากับเธอ
เพียงพริบตา อวิ๋นเฟยหลงก็กระโดดเข้ามาในห้องนอนของหลินเข่อซิง เสียงรองเท้าบูท กระทบเบาๆกับพื้นทำให้หลินเข่อซิงสะดุ้งสุดตัว
“เฮ้ย!” เธอร้องออกมา แล้วคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวด้วยความตกใจ “ท่าน! เข้ามาในห้องข้าได้ยังไงเนี่ย!?”
อวิ๋นเฟยหลงยืดตัวตรง สายตาคมกริบจ้องมองเธออย่างจับผิด “ข้าต่างหากที่ควรจะถามเจ้าว่าเจ้าเป็นใครกันแน่ และเมื่อครู่นี้เจ้ากำลังพูดอะไร? ใครคือ ‘พระเอก’? แล้ว ‘นักเขียน’ ที่เจ้าพูดถึงนั้นหมายถึงใคร?”
หลินเข่อซิงอ้าปากค้าง หัวใจเธอเต้นรัวพลัน ไม่คิดเลยว่าเขาจะได้ยินเรื่องที่ไม่ควรได้ยิน “เอ่อ... ท่าน...ท่านได้ยินด้วยเหรอ?” เธอพูดตะกุกตะกัก พยายามหาข้ออ้างที่ดูสมเหตุสมผลมาแก้ไขสถานการณ์
“ใช่ ข้าได้ยินทุกคำ” อวิ๋นเฟยหลงตอบด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบ แต่แฝงความสงสัยอย่างจริงจัง “ข้าต้องการคำอธิบาย...เดี๋ยวนี้!”
หลินเข่อซิงกระพริบตาเร็วๆ สมองเธอเริ่มคิดหาทางเอาตัวรอดอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความตื่นตระหนก เธอพยายามสงบใจแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจมากที่สุด “โอ๊ย! ท่านนี่...แค่นั้นเองเหรอ? เรื่องเล็กๆ เท่านั้น ข้าก็แค่...อืม...คุยเล่นกับตัวเองไงเจ้าคะ!”
“คุยเล่น?” อวิ๋นเฟยหลงเลิกคิ้วไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน “เจ้าบอกว่าเจ้ากำลังพูดกับตัวเองเรื่องพระเอกและนักเขียน? แล้วทำไมเจ้าถึงพูดเหมือนว่าเจ้าไม่ใช่คนของบ้านนี้?”
“อืม...ก็...” หลินเข่อซิงทำหน้าเหมือนคิดหนัก แล้วจู่ๆ ไอเดียก็ผุดขึ้นในหัว เธอยิ้มเล็กๆ ก่อนจะพูดต่อ “ข้ากำลัง...ซ้อมบทละครเจ้าค่ะ!”
“ละคร?” อวิ๋นเฟยหลงขมวดคิ้วอีกครั้ง “ละครอะไร?”
“ก็...ละครงิ้วที่ข้าจะเขียนเองไง! ข้ากำลังคิดจะเขียนบทละครงิ้ว แล้วบทที่ท่านได้ยินคือข้ากำลังลองใส่บทสนทนาของตัวละครในใจออกมาเจ้าค่ะ!” หลินเข่อซิงรีบสร้างเรื่องขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข้ากำลังฝึกให้ตัวเองเป็นนักเขียนบทละครงิ้ว...แบบในยุคนี้! ท่านไม่รู้หรอกว่าการเขียนบทนี่เป็นเรื่องใหญ่ในโลกข้า...เอ๊ย ในเมืองข้าเจ้าค่ะ!”
“บทละครงิ้ว...” อวิ๋นเฟยหลงมองเธอด้วยสายตาที่แสดงถึงความไม่แน่ใจ “ข้าไม่เคยได้ยินเจ้าพูดถึงเรื่องการเขียนบทละครงิ้วมาก่อน เจ้าชื่นชอบเรื่องเหล่านี้ด้วยหรือ”
“อ้าว! ท่านก็ไม่เคยถามข้านี่เจ้าคะ” หลินเข่อซิงพูดพลางยิ้มกว้าง “ข้ามีความลับเยอะเจ้าค่ะ ข้าคงเล่าให้ท่านฟังไม่หมดภายในวันเดียวแน่ๆ”
อวิ๋นเฟยหลงนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาคมกริบของเขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของหลินเข่อซิง เหมือนพยายามอ่านความจริงจากสายตาเธอ หลินเข่อซิงเริ่มใจเต้นแรง แต่ยังคงยิ้มสู้และทำหน้าใสซื่อที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในที่สุด อวิ๋นเฟยหลงก็ถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดขึ้น “ถ้าเจ้าไม่มีอะไรต้องปิดบัง ข้าก็ไม่อยากจะถามซ้ำอีก แต่ข้าบอกไว้ก่อน...อย่าทำอะไรที่ทำให้ข้าต้องสงสัยเจ้าอีก เข้าใจหรือไม่?”
หลินเข่อซิงพยักหน้ารัวๆ “เข้าใจเจ้าค่ะ ข้าจะไม่ทำให้ท่านสงสัยอีกแล้ว!” เธอยิ้มแห้งๆ แต่ในใจรู้สึกโล่งอกที่สามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ได้
อวิ๋นเฟยหลงจ้องเธออีกครั้ง ก่อนจะหันหลังเตรียมออกจากห้อง แต่ขณะที่เขากำลังก้าวเท้าออกไป เขาก็หันกลับมาเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นเบาๆ “บางครั้ง...ข้ารู้สึกว่าเจ้าดูเปลี่ยนไปจริงๆ ไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งทำ แต่เป็น...อะไรบางอย่างในตัวเจ้า”
หลินเข่อซิงชะงัก นิ่งไปเล็กน้อยแต่พยายามเก็บสีหน้า “ข้าก็เป็นตัวข้าเหมือนเดิมเจ้าค่ะท่านอวิ๋น ข้ารับรอง”
เขาเพียงแต่พยักหน้าเบาๆ แล้วกระโดดออกไปทางหน้าต่าง หายลับไปในความมืดอย่างเงียบเชียบ
หลินเข่อซิงมองตามหลังเขา หัวใจเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง “โอย...เกือบไม่รอดแล้วเรา” เธอพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะซุกตัวลงในผ้าห่มอีกครั้ง หวังว่าคืนนี้จะไม่มีใครบุกเข้ามาอีกแล้ว...
ด้านอวิ๋ยเฟยหลง
“หรือจะไม่ใช่นางจริงๆ ถ้าเช่นนั้นจะเป็นใคร แล้วตัวนางจริงๆแล้วคือใครกันแน่นะ” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองในลานกว้างของจวนตระกูลอวิ๋น
คืนนี้ลมแรงเสียจนใบไม้เสียดสีกันเสียงดังซ่าๆ อวิ๋นเฟยหลงมองไปยังเงามืดรอบตำหนัก เขาป้องปากส่งเสียงคล้ายนกกลางคืน ไม่นานกลุ่มคนในชุดดำจำนวนกว่ายี่สิบคนพุ่งมาจากในเงามืดรอบจวน
“แบ่งกันออกเป็นสองกลุ่ม ไปสืบหาข้อมูลทุกอย่างของจวนตระกูลหลิน โดยเฉพาะลูกสาวอย่างหลินเข่อซิง ส่วนอีกกลุ่มติดต่อสายของเราในวังว่าช่วงนี้หานเจี๋ยทำอะไรที่ผิดสังเกตหรือไม่”
“ขอรับ นายน้อย” ทั้งหมดตอบรับด้วยเสียงไม่ดังมากนัก และพริบตาต่อมาลานกว้างก็เรียบโล่ง ราวกับไม่เคยมีใครยืนอยู่ตรงนั้นมาก่อน