"เมื่อฉันต้องทะลุเข้าไปในนิยาย ได้เป็นถึงนางเอกของเรื่อง การจะกลับออกไปคือต้องให้นิยายเรื่องนี้จบ แบบ happy ending แค่นี้ง่ายจะตาย ฉันเป็นนางเอกนะ แต่ทำไม๊ ทำไมพระเอกกลับบอกว่าฉันจีดชืด ไร้รสนิยม ไม่ต้องตาเขาเลย แต่เขากลับไปต้องใจยัยตัวร้ายของเรื่องซะงั้น อ๋ออออออ ได้สิ อยากให้ร้ายใช่มะ แม่จะร้ายให้ร้องขอชีวิตเลย"

ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ - บทที่ 25 สยบข่าวลือ โดย ผิงผิงชอบกินปลา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,จีน,ข้ามเวลา,รัก,ตลก,รัก,จีน ,จีนโบราณ,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,จีน,ข้ามเวลา,รัก,ตลก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รัก,จีน ,จีนโบราณ,ทะลุมิติ,แฟนตาซี

รายละเอียด

"เมื่อฉันต้องทะลุเข้าไปในนิยาย ได้เป็นถึงนางเอกของเรื่อง การจะกลับออกไปคือต้องให้นิยายเรื่องนี้จบ แบบ happy ending แค่นี้ง่ายจะตาย ฉันเป็นนางเอกนะ แต่ทำไม๊ ทำไมพระเอกกลับบอกว่าฉันจีดชืด ไร้รสนิยม ไม่ต้องตาเขาเลย แต่เขากลับไปต้องใจยัยตัวร้ายของเรื่องซะงั้น อ๋ออออออ ได้สิ อยากให้ร้ายใช่มะ แม่จะร้ายให้ร้องขอชีวิตเลย"

ผู้แต่ง

ผิงผิงชอบกินปลา

เรื่องย่อ

สารบัญ

ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทนำ อารัมภบท,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 1 นักอ่านตัวยงผู้ทะลุมิติมาเปลี่ยนโลก,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 2 การพบกันของคุณหนูหลินและพระเอกจอมซึน,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 3 การปรากฏตัวของหยางเฟยฮุ่ย,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 4 สมุนไพรแสนลับกับ 'สูตรของตระกูลข้า',ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 5 ท่านโหวและแม่ทัพหนุ่มผู้เย็นชา,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 6 ปรับตัว,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 7 ผู้หญิงแซ่บทรงเสน่ห์ เขาทำกันยังไงนะ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 8 สองตระกูลเชื่อมสัมพันธ์,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 9 เหตุการณ์ไม่คาดฝัน,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 10 หลีกไป...แม่จะเดิน,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 11 แผนร้ายของหยางเฟยฮุ่ย,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 12 ครอบครัว,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 13 ปัญหา,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 14 ตระกูลหยาง,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 15 เดินหน้าตามแผน,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 16 ภัยพิบัติ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 16 ภัยพิบัติ (1),ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 17 นี่มันคือ ...เดตมั้ยนะ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 18 ประทานรางวัล,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 19 ใครดีใครได้,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 20 วันชิงหมิง,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 21 รั้นจนได้เรื่อง,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 22 ปลอดภัยแล้วนะ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 23 เป็นตัวเองนั้นดีที่สุด,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 24 ข่าวลือ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 25 สยบข่าวลือ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 26 พบปะพูดคุย,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 27 เทศกาลลี่เซี่ย,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 28 ข้าอ่อนโยนกับเจ้าคนเดียว,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 29 เลี้ยงกองทัพ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 30 ช่วงต้าสู่,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 31 ขบวนสินสอดที่ยาวที่สุด

เนื้อหา

บทที่ 25 สยบข่าวลือ

หลังจากที่ข่าวลือเกี่ยวกับหลินเข่อซิงแพร่กระจายไปทั่วเมือง ความเงียบสงบในจวนท่านโหวก็เต็มไปด้วยความกังวล อวิ๋นเฟยหลงเดินวนไปวนมาในห้องทำงาน หน้านิ่วคิวขมวด บรรดาทหารในสังกัดต่างรู้สึกว่าแม่ทัพของพวกเขาช่วงนี้หงุดหงิดง่ายเสียเหลือเกิน
รวมถึงบรรดาบ่าวไพร่ต่างทำงานด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง
อวิ๋นเฟยหลงรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่สามารถปล่อยให้ดำเนินต่อไปได้โดยที่เขาไม่ทำอะไร
ในห้องหนังสือ หลินเข่อซิงนั่งสงบอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง นางจ้องมองหนังสือที่เปิดอยู่บนตัก แต่ความคิดล่องลอยไปไกล ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าของอวิ๋นเฟยหลงดังขึ้น ทำให้นางเงยหน้ามอง
"ข้ามีเรื่องที่ต้องพูดกับเจ้า" อวิ๋นเฟยหลงพูดขึ้น "ข้าจะจัดงานเลี้ยงที่จวน เพื่อให้ทุกคนมาเห็นด้วยตาตัวเองว่าเจ้าไม่ได้เป็นอย่างที่ข่าวลือกล่าวอ้าง"
หลินเข่อซิงมองหน้าเขาด้วยความประหลาดใจ “งานเลี้ยงงั้นหรือ?”
อวิ๋นเฟยหลงพยักหน้า "ใช่ ข้าจะเชิญบรรดาคุณหนูและผู้มีอำนาจในเมือง รวมถึงเหล่าขุนนางที่มีชื่อเสียงให้มาเข้าร่วมงานนี้ เจ้าจะมีโอกาสแสดงตัวต่อหน้าพวกเขา ให้พวกเขาเห็นว่าเจ้าเป็นใครจริงๆ ไม่ใช่ตามที่ข่าวลือพูดถึง"
หลินเข่อซิงคิดตามแล้วพยักหน้าเห็นด้วย "ฟังดูดีมาก ข้าเองก็ไม่อยากให้ข่าวลือนี้ดำเนินต่อไปแบบนี้" นางยิ้มบางๆ "ข้าต้องแสดงให้พวกเขาเห็นด้วยตนเอง ข้าจะไม่ปล่อยให้ข่าวลือนี้ทำลายข้าได้"
อวิ๋นเฟยหลงมองนางด้วยความพึงพอใจ "ข้าจะเตรียมการทุกอย่างเอง ส่วนเจ้าก็แค่เตรียมตัวให้พร้อม"
ในที่สุดวันจัดงานเลี้ยงก็มาถึง จวนของอวิ๋นเฟยหลงเต็มไปด้วยความคึกคัก ประดับประดาด้วยผ้าสีทองและแดง มีการจัดโต๊ะเลี้ยงอาหารอย่างประณีตตามริมสวน แขกที่ได้รับเชิญเริ่มทยอยเดินทางมาถึง ไม่ว่าจะเป็นขุนนางหรือคุณหนูจากตระกูลสูงศักดิ์ต่างๆ ผู้คนในงานต่างสวมใส่ชุดที่ดีที่สุดของตน เพื่อแสดงสถานะและความสำคัญของตนเองในสังคม
อวิ๋นเฟยหลงยืนอยู่หน้าประตูจวน พร้อมต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ ท่าทางสง่างามของเขาเต็มไปด้วยความเด็ดขาดและน่าเกรงขาม ขณะที่หลินเข่อซิงนั่งรออยู่ภายในห้องโถง นางเตรียมตัวเต็มที่ด้วยชุดที่เรียบง่ายแต่สง่างาม สีขาวผสมทองที่สะท้อนถึงความบริสุทธิ์และสูงส่งในตัวนาง
บรรยากาศในงานเริ่มเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยคึกคัก เหล่าคุณหนูและขุนนางเริ่มจับกลุ่มสนทนากัน หลายคนยังคงซุบซิบพูดถึงข่าวลือเกี่ยวกับหลินเข่อซิง
“นี่ เจ้าว่านางใช่หน้าหนาเกินไปรึไม่ หากเป็นข้านะ คงไม่มีหน้ามาในงานเลี้ยง เสนอหน้าต่อหน้าท่านอวิ๋นเป็นแน่” หนึ่งในนั้นกล่าวขึ้นด้วยเสียงเล็กๆกระซิบกับกลุ่มเพื่อน
“ข้าก็เห็นตามเจ้า แล้วดูซิ ยังทำวางท่าหน้าเชิดอยู่ได้ เห็นแล้วรำคาญลูกตา”อีกคนหนึ่งพูดขึ้น
หลินเข่อซิงเดินเข้าไปหาอวิ๋นเฟยหลงซึ่งยืนอยู่ตรงกลางลานกว้าง นางยิ้มบางๆ และก้มหัวน้อยๆ แสดงความเคารพ
อวิ๋นเฟยหลงมองหลินเข่อซิงด้วยความชื่นชมเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวเสียงดังเพื่อให้ทุกคนในงานได้ยิน “วันนี้ข้าได้เชิญทุกท่านมาร่วมงานเลี้ยงที่จวน เพื่อเฉลิมฉลองและยืนยันสถานะความสัมพันธ์ของข้าและคุณหนูหลิน”
ทุกคนในงานเงียบลงทันที หันมามองเขาด้วยความสนใจ อวิ๋นเฟยหลงพูดต่อ “หลินเข่อซิงเป็นคนที่ข้ามีความไว้วางใจ และข้าเชื่อมั่นในตัวนางอย่างเต็มที่”
เสียงกระซิบกระซาบเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่การนินทาแบบเดิมอีกต่อไป
หลินเข่อซิงมองไปรอบๆ แล้วกล่าวอย่างสงบนิ่ง “ข้าขอขอบคุณทุกท่านที่มาในวันนี้ และข้าอยากจะบอกให้ทุกท่านรู้ว่า ข่าวลือที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเรื่องที่ไม่มีมูลความจริง ข้ามีเกียรติและศักดิ์ศรีในตัวข้าเอง ข้าไม่จำเป็นต้องอธิบายมากนัก เพราะสิ่งใดจริงหรือเท็จ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกอย่าง”
คำพูดของหลินเข่อซิงเต็มไปด้วยความมั่นใจและสง่างาม ผู้คนเริ่มมองนางด้วยความเคารพมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นการแสดงออกอย่างเข้มแข็งของนาง
อวิ๋นเฟยหลงยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวปิดท้าย “ทุกคนที่นี่ต่างรู้ดีว่าข้าเป็นคนเช่นไร ข้าจะไม่ปล่อยให้ข่าวลือใดๆ ทำลายชื่อเสียงของคนที่ข้าให้ความสำคัญ ข้าหวังว่าทุกท่านจะเข้าใจและเลิกพูดถึงเรื่องไร้สาระนี้เสียที”
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นในกลุ่มขุนนางและคุณหนูที่ยืนอยู่รอบๆ พวกเขาต่างรู้ว่าเมื่อแม่ทัพอวิ๋นเฟยหลงพูดเช่นนี้ ข่าวลือเหล่านั้นก็จะจบลงทันที
หลังจากพวกเขาพูดจบแล้ว หลินเข่อซิงก็ขอออกไปสูดอากาศในสวน ซึ่งอวิ๋นเฟยหลงเพียงพยักหน้ารับเบาๆและหันไปคุยกับแขกเหรื่อต่อ หลินเข่อซิงเดินออกมาจากงานเลี้ยงอย่างช้าๆ โดยมีสายตาของ หยางเฟยฮุ่ย จับจ้องอยู่ตลอดเวลา หยางเฟยฮุ่ยแอบกัดฟันด้วยความโกรธ ทั้งงานเต็มไปด้วยการยกย่องและชื่นชมหลินเข่อซิง ไม่มีใครเลยจะคิดถึงข่าวลือที่นางปล่อยออกไป
"ข้าคงต้องจัดการเองเสียแล้ว" หยางเฟยฮุ่ยคิดในใจ นางเดินตามหลินเข่อซิงออกมาอย่างเงียบๆ ในใจนึกแผนการที่จะเอาคืน
ขณะที่หลินเข่อซิงเดินเข้าไปในสวนที่เงียบสงบ แต่ลับตาผู้คน นางหยุดและหันกลับมามองเห็นหยางเฟยฮุ่ยที่เดินตามมาทัน นางแสร้งยิ้มออกมา "เจ้ามีธุระอะไรกับข้าหรือ คุณหนูหยาง?"
หยางเฟยฮุ่ยยิ้มเย็นๆ เดินเข้าใกล้หลินเข่อซิง “ข้าแค่อยากคุยกับเจ้าเป็นการส่วนตัวเท่านั้นเอง... ข้าเห็นเจ้ายังไม่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองเท่าไหร่”
หลินเข่อซิงหัวเราะเบาๆ “ไม่เข้าใจสถานการณ์? ข้าคิดว่าเจ้าเป็นฝ่ายที่ควรเข้าใจมากกว่านะ ว่าความพยายามของเจ้ามันไร้ค่า”
หยางเฟยฮุ่ยขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด แต่ยังคงความเยือกเย็น "เจ้าคิดว่าแค่ชนะใจคนบางคนในงานเลี้ยง แล้วเจ้าจะสามารถอยู่รอดได้หรือ?" นางพูดพลางเดินวนไปรอบๆ หลินเข่อซิง
ในขณะเดียวกันที่ห่างออกไปไม่ไกล อวิ๋นเฟยหลง ยืนอยู่พร้อมกับขุนนางและเหล่าคุณหนูที่เขาได้เชิญมาเป็นการส่วนตัว พวกเขากำลังจะเดินไปดูสัตว์เลี้ยงของอวิ๋นเฟยหลงตามคำชวน แต่แท้จริงแล้วมันเป็นแผนของอวิ๋นเฟยหลงเพื่อพาทุกคนมาเป็นพยาน
"ท่านแม่ทัพ พวกเราจะไปเดินดูสัตว์เลี้ยงของท่านกันใช่หรือไม่?" คุณหนูคนหนึ่งเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น
อวิ๋นเฟยหลงยิ้มเล็กน้อย "ใช่ ข้าคิดว่าทุกคนคงจะเพลิดเพลินกับการเดินชมสวนของข้า...และบางที อาจจะได้ยินอะไรบางอย่างที่น่าสนใจก็ได้"
คุณหนูเหล่านั้นต่างหัวเราะคิกคักตามคำพูดของเขา และพากันเดินไปตามเส้นทางในสวน ซึ่งตรงกับตำแหน่งที่หลินเข่อซิงและหยางเฟยฮุ่ยยืนอยู่
“เจ้าคิดจริงๆ เหรอว่าอวิ๋นเฟยหลงจะสนใจผู้หญิงที่จืดชืดและไม่มีอะไรน่าสนใจแบบเจ้า?” หยางเฟยฮุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “เจ้ามันก็แค่เงาของคนอื่น เขาไม่มีวันรักเจ้า ข้าเป็นคนเดียวที่เหมาะสมกับเขา”
หลินเข่อซิงหัวเราะออกมาด้วยความเย็นชา “ข้าคงไม่ต้องบอกเจ้าให้หยุดทำอะไรโง่ๆ แบบนี้ใช่ไหม? ข่าวลือที่เจ้าแพร่กระจายไป มันทำให้ทุกคนเห็นความริษยาในตัวเจ้าเองมากกว่าที่จะทำลายข้า”
หยางเฟยฮุ่ยหน้าแดงก่ำ กำหมัดแน่น “เจ้ามันก็แค่คนที่ไม่มีวันอยู่ในระดับเดียวกับข้า ข้าเพียงแค่ต้องการทำให้ทุกคนเห็นความจริง ว่าเจ้าไม่เหมาะสมกับตำแหน่งภรรยาแม่ทัพ!”
หลินเข่อซิงก้าวเข้าไปใกล้หยางเฟยฮุ่ย พลางกระซิบเบาๆ “แผนไร้สมองของเจ้า มันไม่มีผลหรอก ข้าจะแสดงให้ดู ว่าเขาจะเลือกใคร”
หลินเข่อซิงแสร้งล้มลงไปอย่างแรง โดยไม่ลืมที่จะดึงเอาหยางเฟยฮุ่ยลงมาด้วย
ทันใดนั้นเอง อวิ๋นเฟยหลงพร้อมเหล่าขุนนางและคุณหนูทั้งหลายก็ปรากฏตัวขึ้นมาจากเงามืดของสวน ทุกคนหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงสนทนาของหยางเฟยฮุ่ยที่กำลังสารภาพถึงการกระทำของตนเอง
หยางเฟยฮุ่ยหันไปเห็นทุกคนที่ยืนอยู่ นางหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ อวิ๋นเฟยหลงเดินเข้ามาหยุดตรงหน้านาง ดวงตาคมของเขามองนางด้วยความเฉยชา
ภาพที่ปรากฏแก่สายตาผู้คนจึงกลายเป็นว่า หยางเฟยฮุ่ยขึ้นคร่อมบนตัวหลินเข่อซิง มือหนึ่งยันไว้กับพื้นอีกมือเหวี่ยงไปด้านหลัง ด้วยว่านางเตรียมจะลุกขึ้น แต่สายตาคนนอกกลับมองว่านางกำลังจะตบหลินเข่อซิง
"ข้าได้ยินทุกคำพูดของเจ้า" อวิ๋นเฟยหลงพูดเสียงเรียบ แต่เต็มไปด้วยความเยือกเย็น “การกระทำของเจ้าแสดงให้เห็นว่าเจ้าไม่คู่ควรกับตำแหน่งใดๆ ในใจข้า”
หยางเฟยฮุ่ยพูดไม่ออก ร่างของนางสั่นด้วยความโกรธและอับอาย นางพยายามหาข้อแก้ตัว แต่คำพูดไม่อาจหลุดออกจากปากได้
คุณหนูและขุนนางที่ยืนอยู่ต่างซุบซิบกันอย่างแผ่วเบา หลายคนมองหยางเฟยฮุ่ยด้วยสายตาดูถูก หลายคนหัวเราะเบาๆ ด้วยความสะใจในความพ่ายแพ้ของนาง
“ข้านึกไม่ถึงจริงๆ นี่ครอบครัวนางสอนกันมาอย่างไร ให้ลูกสาวมีพฤติกรรมแบบนี้ น่าผิดหวังจริงๆ” คุณหญิงท่านหนึ่งพูดขึ้น
“สู้น้องสาวอีกคนของนางไม่ได้ รายนั้นได้ยินว่ารูปโฉมและความสามารถยังเหนือกว่าเสียด้วยซ้ำ”
“เช่นนั้นข้าก็คิดถูกแล้ว ที่ให้แม่สื่อไปทาบทามคุณหนูรองหยางให้ลูกชายคนโตของข้า”
เหล่าฮูหยินของผู้มีบรรดาศักดิ์ที่ได้รู้เห็นเหตุการณ์ต่างพากันส่ายหน้ากับการกระทำของหยางเฟยฮุ่ย
หลินเข่อซิงยืนอยู่ข้างอวิ๋นเฟยหลง นางหันมาสบตากับเขาและยิ้มเล็กๆ อย่างพอใจ ก่อนที่จะแกล้งแลบลิ้นใส่หยางเฟยฮุ่ยอย่างขี้เล่น เมื่อหยางเฟยฮุ่ยมองมาที่นาง นางทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ ทำให้นางยิ่งโมโหมากขึ้น
หยางเฟยฮุ่ยกัดฟันแน่น น้ำตาแห่งความคับแค้นใจไหลรินออกมา แต่ทำอะไรไม่ได้ นางรู้ว่านี่คือจุดจบของแผนการที่นางวางไว้ นางไม่สามารถแก้ตัวอะไรได้แล้วในตอนนี้
"ข้า...ข้าจะจำวันนี้ไว้" หยางเฟยฮุ่ยกล่าวด้วยเสียงสั่น “ข้าจะไม่ยอมแพ้เพียงเท่านี้แน่”
หลินเข่อซิงทำเพียงหัวเราะเบาๆ อวิ๋นเฟยหลงหันไปสั่งการอย่างเฉียบขาด “ส่งแขก” เขาพูดกับข้ารับใช้ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ข้ารับใช้รีบเข้ามาและพาหยางเฟยฮุ่ยออกจากสวนไป
เมื่อทุกอย่างสงบลง หลินเข่อซิงหันมามองอวิ๋นเฟยหลง นางพูดเบาๆ "ท่านอวิ๋น ข้าคิดว่าท่านควรจะให้ข้าจัดการเองแต่แรกนะ ข้าก็มีแผนของข้า"
อวิ๋นเฟยหลงยิ้มเล็กน้อย "ข้าเชื่อว่าเจ้าเก่งพอ...แต่บางทีข้าก็ต้องการสนุกกับการแสดงของเจ้าเช่นกัน"
ทั้งสองหัวเราะเบาๆ ขณะที่บรรยากาศรอบตัวเริ่มกลับมาสงบอีกครั้ง
ข่าวลือเรื่องแผนการใส่ร้ายหลินเข่อซิงของ หยางเฟยฮุ่ย แพร่กระจายไปทั่วเมืองอย่างรวดเร็ว ขุนนางและชนชั้นสูงต่างวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้กันอย่างเผ็ดร้อน ทุกคนต่างรู้ดีว่าหยางเฟยฮุ่ยพยายามทำลายชื่อเสียงของหลินเข่อซิงเพื่อขัดขวางการแต่งงาน
ในจวนตระกูลหยาง บรรยากาศเงียบสงบจนเกือบอึดอัด หยางอวี่ถง ผู้เป็นพ่อของหยางเฟยฮุ่ยกำลังนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ ชายวัยกลางคนนั่งทำหน้าถมึงทึง เขาได้รับข่าวเรื่องการกระทำของลูกสาว และมันทำให้ชื่อเสียงของตระกูลหยางเสียหายอย่างหนัก ขณะที่เขารอหยางเฟยฮุ่ยมาพบ ใจของเขาก็เต้นรัวด้วยความโกรธที่ยากจะระงับ
ประตูห้องโถงเปิดออก หยางเฟยฮุ่ย เดินเข้ามาด้วยใบหน้าซีดเผือด นางรู้ดีว่าคำตำหนิและการลงโทษกำลังรอนางอยู่ เมื่อก้าวเข้ามา นางเห็นสายตาเย็นชาของพ่อที่จับจ้องมา นางก็รู้ว่าครั้งนี้หนีไม่พ้นแน่
"เจ้ากล้าดียังไง! เจ้าทำให้ชื่อเสียงของตระกูลหยางป่นปี้จนข้าต้องอับอายขายหน้าเพราะความริษยาของเจ้า!" หยางอวี่ถงตะคอกเสียงดังลั่น
หยางเฟยฮุ่ยกลืนน้ำลาย หัวใจของนางสั่นระรัวด้วยความกลัว นางพยายามจะอธิบาย "ท่านพ่อ ข้าเพียงแต่...ข้าแค่ต้องการ...อวิ๋นเฟยหลง ข้า...รักเขา ข้าอยากได้เขาเป็นสามี..."
หยางอวี่ถงยิ่งโกรธมากขึ้น เขายืนขึ้นแล้วตบหน้าลูกสาวอย่างแรงจนเสียงดังสนั่น นางเซถอยไปข้างหลังทันทีด้วยความตกใจ ใบหน้าของนางร้อนผ่าวจากแรงตบ แต่สิ่งที่เจ็บยิ่งกว่าคือก้อนเนื้อในอกซ้ายที่เต้นราวกับจะกระโจนออกมา มันเจ็บร้าวเสียยิ่งกว่าความเจ็บบนใบหน้า
"เจ้าไม่ใช่ลูกสาวข้าอีกต่อไป!" หยางอวี่ถงตะโกนลั่น ขณะที่ ภรรยารอง และ น้องสาวต่างมารดาของหยางเฟยฮุ่ย สองคนยืนมองอยู่ที่มุมห้อง พวกนางไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ยิ้มเยาะในใจ
ภรรยารองยกถ้วยชาอย่างไม่เร่งรีบ พลางมองดูเหตุการณ์อย่างไม่สนใจนัก นางเห็นหยางเฟยฮุ่ยพ่ายแพ้มาแล้วหลายครั้ง การตบหน้าของหยางอวี่ถงในครั้งนี้เป็นเพียงอีกหนึ่งบทของการลงโทษที่หยางเฟยฮุ่ยควรได้รับ แต่คราวนี้มันยิ่งกว่าทุกครั้ง เพราะชื่อเสียงของตระกูลหยางต้องมัวหมองไปพร้อมกับความพ่ายแพ้ของนาง
"เจ้ามันโง่เขลา" หยางอวี่ถงพูดเสียงต่ำ ขณะที่หยางเฟยฮุ่ยยังคงกุมหน้าด้วยความเจ็บปวดและอับอาย "ข้าคิดว่าข้าเลี้ยงเจ้ามาดีแล้ว แต่เจ้ากลับทำให้ข้าและตระกูลอับอายเพราะเรื่องไร้สาระอย่างนี้ เจ้าคิดว่าข้าจะทนได้หรือ?"
หยางเฟยฮุ่ยกล้ำกลืนน้ำตา นางรู้ดีว่าการตอบโต้จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก นางทำได้เพียงยืนนิ่ง ทนความเจ็บปวดทั้งกายและใจ นางเหลือบมองภรรยารองและน้องสาวต่างมารดาที่จ้องมองมาอย่างไม่ปิดบังความสะใจ
“ท่านพ่อ ข้า...” นางพยายามจะพูด แต่หยางอวี่ถงตัดบททันที
“อย่ามาพูดอะไรอีก! เจ้าคิดว่าการทำลายชื่อเสียงของคนอื่นจะทำให้อวิ๋นเฟยหลงรักเจ้างั้นหรือ? เจ้ามันไม่ต่างอะไรจากคนโง่ที่คิดเพ้อเจ้อ!” หยางอวี่ถงโบกมือไล่ “ออกไปให้พ้นหน้าข้า อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก!”
หยางเฟยฮุ่ยสะดุ้งด้วยความตกใจ นางถอยหลังออกจากห้องโถง รู้ดีว่านางได้ทำผิดพลาดใหญ่หลวง นางเหลือบมองไปที่หยางลี่เฟย และหยางเหมยหลินซึ่งส่งสายตาเยาะเย้ยมาให้นาง นางรู้ดีว่าทุกคนในตระกูลนี้ไม่มีใครอยู่ข้างนาง ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของนาง
เมื่อออกจากห้องโถง หยางเฟยฮุ่ยก็เดินอย่างอ่อนแรงไปที่ห้องของตนเอง นางนั่งลงบนเตียง น้ำตาที่กล้ำกลืนเอาไว้ไหลออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน นางรู้ดีว่าตนเองได้สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง ความรักที่นางมีต่ออวิ๋นเฟยหลง ความหวังที่จะได้ครองคู่กับเขา ทุกอย่างมันพังทลายลงไม่เหลือชิ้นดี
“ข้า...ข้าจะไม่ยอมแพ้...” หยางเฟยฮุ่ยกระซิบเบาๆ นางเช็ดน้ำตาด้วยความโกรธ นางจะไม่ยอมให้ชีวิตของนางจบลงเพียงเท่านี้ แม้ว่าต้องใช้วิธีใดก็ตาม นางก็จะหาทางกลับมาให้ได้