"เมื่อฉันต้องทะลุเข้าไปในนิยาย ได้เป็นถึงนางเอกของเรื่อง การจะกลับออกไปคือต้องให้นิยายเรื่องนี้จบ แบบ happy ending แค่นี้ง่ายจะตาย ฉันเป็นนางเอกนะ แต่ทำไม๊ ทำไมพระเอกกลับบอกว่าฉันจีดชืด ไร้รสนิยม ไม่ต้องตาเขาเลย แต่เขากลับไปต้องใจยัยตัวร้ายของเรื่องซะงั้น อ๋ออออออ ได้สิ อยากให้ร้ายใช่มะ แม่จะร้ายให้ร้องขอชีวิตเลย"

ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ - บทที่ 27 เทศกาลลี่เซี่ย โดย ผิงผิงชอบกินปลา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,จีน,ข้ามเวลา,รัก,ตลก,รัก,จีน ,จีนโบราณ,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,จีน,ข้ามเวลา,รัก,ตลก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รัก,จีน ,จีนโบราณ,ทะลุมิติ,แฟนตาซี

รายละเอียด

"เมื่อฉันต้องทะลุเข้าไปในนิยาย ได้เป็นถึงนางเอกของเรื่อง การจะกลับออกไปคือต้องให้นิยายเรื่องนี้จบ แบบ happy ending แค่นี้ง่ายจะตาย ฉันเป็นนางเอกนะ แต่ทำไม๊ ทำไมพระเอกกลับบอกว่าฉันจีดชืด ไร้รสนิยม ไม่ต้องตาเขาเลย แต่เขากลับไปต้องใจยัยตัวร้ายของเรื่องซะงั้น อ๋ออออออ ได้สิ อยากให้ร้ายใช่มะ แม่จะร้ายให้ร้องขอชีวิตเลย"

ผู้แต่ง

ผิงผิงชอบกินปลา

เรื่องย่อ

สารบัญ

ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทนำ อารัมภบท,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 1 นักอ่านตัวยงผู้ทะลุมิติมาเปลี่ยนโลก,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 2 การพบกันของคุณหนูหลินและพระเอกจอมซึน,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 3 การปรากฏตัวของหยางเฟยฮุ่ย,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 4 สมุนไพรแสนลับกับ 'สูตรของตระกูลข้า',ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 5 ท่านโหวและแม่ทัพหนุ่มผู้เย็นชา,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 6 ปรับตัว,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 7 ผู้หญิงแซ่บทรงเสน่ห์ เขาทำกันยังไงนะ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 8 สองตระกูลเชื่อมสัมพันธ์,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 9 เหตุการณ์ไม่คาดฝัน,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 10 หลีกไป...แม่จะเดิน,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 11 แผนร้ายของหยางเฟยฮุ่ย,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 12 ครอบครัว,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 13 ปัญหา,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 14 ตระกูลหยาง,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 15 เดินหน้าตามแผน,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 16 ภัยพิบัติ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 16 ภัยพิบัติ (1),ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 17 นี่มันคือ ...เดตมั้ยนะ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 18 ประทานรางวัล,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 19 ใครดีใครได้,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 20 วันชิงหมิง,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 21 รั้นจนได้เรื่อง,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 22 ปลอดภัยแล้วนะ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 23 เป็นตัวเองนั้นดีที่สุด,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 24 ข่าวลือ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 25 สยบข่าวลือ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 26 พบปะพูดคุย,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 27 เทศกาลลี่เซี่ย,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 28 ข้าอ่อนโยนกับเจ้าคนเดียว,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 29 เลี้ยงกองทัพ,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 30 ช่วงต้าสู่,ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ-บทที่ 31 ขบวนสินสอดที่ยาวที่สุด

เนื้อหา

บทที่ 27 เทศกาลลี่เซี่ย

วันลี่เซี่ย หรือวันเริ่มต้นฤดูร้อน เป็นหนึ่งในเทศกาลสำคัญที่ชาวบ้านต่างตั้งตารอคอย เมื่อดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูง ท้องฟ้าโปร่งใสไร้เมฆ เหล่านกน้อยเริ่มส่งเสียงขับขานไปทั่ว เมืองก็เต็มไปด้วยความคึกคักอีกครั้ง ผู้คนพากันออกมาตระเตรียมสิ่งของเพื่อบูชาเทพเจ้าและบรรพบุรุษตามธรรมเนียมเดิม ขณะที่บรรยากาศก็อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของอาหารที่ชาวบ้านต่างพากันเตรียมไว้
หลินเข่อซิง ตื่นเช้าขึ้นมาพร้อมกับความตื่นเต้น เมื่อยืนอยู่หน้ากระจก นางก็มองตัวเองในชุดผ้าไหมเบาบางสีฟ้าอ่อนที่เข้ากับบรรยากาศฤดูร้อน "วันนี้เราจะได้ออกไปเที่ยวกับท่านอวิ๋นอีกแล้ว" นางพึมพำกับตัวเองพร้อมรอยยิ้ม
ในขณะที่นางออกมาที่ลานหน้าจวน หลิงเฉิน สาวใช้คนสนิทของนางก็เดินเข้ามาพร้อมกับหอบหิ้วไข่ต้มใส่ถุงที่ทำจากผ้าไหมหลากสี "คุณหนูเจ้าคะ ข้าเตรียมไข่ลี่เซี่ยมาให้แล้วเจ้าค่ะ ต้มด้วยใบชาและเปลือกวอลนัทตามธรรมเนียม ข้าจะผูกติดเอวท่านให้เป็นเครื่องราง"
"โอ้โห! ดูน่ากินจริงๆเลย ข้าล่ะชอบกลิ่นชาและวอลนัทนี่จัง" หลินเข่อซิงยิ้มอย่างสดใส พลางยื่นมือรับไข่ลี่เซี่ยมาแขวนไว้ที่เอว นางหยิบไข่ต้มออกมาดูก่อนจะหัวเราะเบาๆ “ในโลกปัจจุบัน ไข่ต้มมันธรรมดา แต่ที่นี่กลับมีพิธีรีตองใหญ่โตเสียจริง” นางพึมพำกับตนเองเสียงเบา
หลังจากนั้นไม่นาน อวิ๋นเฟยหลง ก็มาถึง "วันนี้เจ้าพร้อมไปเที่ยวแล้วหรือยัง?" เขาถามเสียงเรียบ แต่ดวงตากลับฉายแววอบอุ่นปนเอ็นดูอย่างชัดเจน
“พร้อมแล้วเจ้าค่ะ” หลินเข่อซิงตอบกลับด้วยรอยยิ้มสดใส “ข้าอยากเห็นเทศกาลลี่เซี่ยเต็มทีแล้ว”
อวิ๋นเฟยหลงยิ้มเล็กๆ "งั้นก็ไปกันเถอะ"
เมื่อเดินเข้ามาถึงในเมือง หลินเข่อซิงรู้สึกตื่นเต้นไปกับบรรยากาศที่คึกคักของตลาด ผู้คนต่างออกมาขายของ ในงานเทศกาลมีทั้งข้าวของและอาหารจากการเก็บเกี่ยวใหม่ที่ถูกนำมาจัดเรียงไว้เต็มแผงร้านค้า กลิ่นของอาหารต่างๆ โชยหอมไปทั่ว ขณะที่ดวงอาทิตย์เริ่มสาดแสงแรงขึ้นในตอนสาย
“ข้าไม่เคยเห็นเชอร์รี่และลูกพลัมมากมายขนาดนี้เลย ดูนั่นสิ!” หลินเข่อซิงชี้ไปที่แผงผลไม้ที่ขายผลผลิตจากการเก็บเกี่ยวใหม่ ซึ่งถือเป็นของสำคัญที่ใช้บูชาในวันนี้ “นี่คือของใหม่สามอย่างที่ชาวบ้านนำมาเซ่นไหว้เทพเจ้าและบรรพบุรุษใช่ไหม?”
หลิงเฉินพยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ แต่ของใหม่ที่ใช้เซ่นไหว้นั้นจะแตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่บางแห่งใช้ผลไม้ บางแห่งอาจใช้หอยโข่งหรือผักจี้ไช่ แล้วแต่ประเพณีของแต่ละเมืองเจ้าค่ะ”
"น่าสนใจจัง ข้าว่ามันแปลกดีนะ" หลินเข่อซิงพึมพำเบาๆ
อวิ๋นเฟยหลงซึ่งเดินข้างๆ เหลือบมองนางและยิ้มเล็กน้อย “เจ้าดูจะตื่นตาตื่นใจไปกับทุกสิ่ง ราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน”
"แหม ก็ข้าเพิ่งมาอยู่ที่นี่ไม่เท่าไหร่ เอ่อ…หมายถึงว่า ข้าต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะน่ะ" หลินเข่อซิงตอบกลับพร้อมหลบสายตาของชายหนุ่มที่มองมา
"ข้าคิดว่าเจ้าเรียนรู้ได้ไวมากทีเดียว" อวิ๋นเฟยหลงพูดพร้อมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะชี้ไปที่แผงร้านค้าอีกแห่ง “นั่นคือไข่ลี่เซี่ยที่เจ้าเคยพูดถึงเมื่อเช้าใช่ไหม?”
"ใช่แล้ว! พวกเขาต้มไข่ด้วยใบชาและเปลือกวอลนัท ข้าชอบกลิ่นหอมของมันมาก” หลินเข่อซิงยิ้ม
เมื่อเดินต่อไปอีกหน่อย ทั้งสามคนก็หยุดอยู่ที่บริเวณการชั่งน้ำหนัก ผู้คนต่างพากันขึ้นไปยืนบนตาชั่งขนาดใหญ่เพื่อรับพรจากผู้เฒ่า "นั่นมันอะไรน่ะ?" หลินเข่อซิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
หลิงเฉินอธิบาย “เป็นธรรมเนียมที่เรียกว่าการชั่งน้ำหนักเจ้าค่ะ ในช่วงเทศกาลลี่เซี่ย การชั่งน้ำหนักถือเป็นการทำนายดวงชะตา ผู้เฒ่าที่นี่จะให้พรเมื่อชั่งน้ำหนัก และเชื่อว่ามันจะทำให้มีโชคดีตลอดฤดูร้อน”
"อืม..." หลินเข่อซิงครุ่นคิด “ฟังดูน่าสนใจ ข้าอยากลองดูบ้าง ท่านแม่ทัพคิดว่าอย่างไร?”
อวิ๋นเฟยหลงพยักหน้า “ถ้าเจ้าอยากลอง ข้าก็ไม่ขัด”
เมื่อถึงคิวของหลินเข่อซิง นางขึ้นไปยืนบนตาชั่ง ผู้เฒ่ามองดูตัวเลขแล้วเอ่ยให้พรอย่างอบอุ่น “ขอให้เจ้ามีสุขภาพแข็งแรงและมีโชคลาภตลอดปีนี้นะ”
หลินเข่อซิงยิ้มกว้าง “ขอบคุณท่านยายเจ้าค่ะ” นางหันมามองอวิ๋นเฟยหลง “ท่านแม่ทัพ ท่านจะลองบ้างไหม?”
อวิ๋นเฟยหลงส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่ล่ะ”
หลินเข่อซิงหัวเราะเบาๆ “ท่านนี่ล่ะก็!”
เมื่อออกจากบริเวณชั่งน้ำหนัก ทั้งสามก็เดินเล่นต่อในตลาด หลินเข่อซิงหยุดมองสิ่งของที่ขายอยู่ตามร้านค้า ทั้งเสื้อผ้า ของเล่น และอาหารต่างๆ นางตื่นเต้นไปกับทุกสิ่งรอบตัว
"ท่านอวิ๋น ข้าขอถามอะไรหน่อยสิ" หลินเข่อซิงหันไปถามอวิ๋นเฟยหลง
"ถามมาได้เลย" เขาตอบเสียงเรียบ
“ท่านเคยคิดบ้างไหมว่าทำไมชาวบ้านถึงให้ความสำคัญกับเทศกาลพวกนี้มากนัก?”
อวิ๋นเฟยหลงนิ่งคิดก่อนตอบ “ข้าคิดว่าเทศกาลเหล่านี้เป็นการเชื่อมโยงระหว่างผู้คนกับธรรมชาติและบรรพบุรุษ พวกเขาเชื่อว่ามันจะนำโชคดีมาให้ และยังเป็นการแสดงความเคารพต่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว”
“อืม...ฟังดูสมเหตุสมผลนะ ข้าว่ามันทำให้ผู้คนรู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น” หลินเข่อซิงพูดอย่างครุ่นคิด "บางที...ข้าก็ควรหาทางเชื่อมโยงกับสถานที่นี้ให้มากขึ้นเช่นกัน"
อวิ๋นเฟยหลงเหลือบมองนางเล็กน้อย "เจ้าทำได้ดีอยู่แล้ว ข้าเห็นเจ้าเข้ากับชาวบ้านได้ดี และเจ้าก็เรียนรู้ทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว"
หลินเข่อซิงยิ้ม “ขอบคุณนะ ข้าก็พยายามให้ดีที่สุด แต่บางทีก็ยังรู้สึกว่าข้าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของที่นี่อยู่ดี” หญิงสาวมองเหม่อไปไกล ในขณะที่อวิ๋นเฟยหลงมองใบหน้าด้านข้างของนางพลางครุ่นคิด
หลินเข่อซิง เดินเคียงข้าง อวิ๋นเฟยหลง ท่ามกลางบรรยากาศครึกครื้นในตลาด ผู้คนพลุกพล่านไปด้วยชาวบ้านที่มาเฉลิมฉลองเทศกาลลี่เซี่ย มีเสียงตะโกนเรียกลูกค้าจากพ่อค้าแม่ขายตลอดทาง กลิ่นหอมของอาหารหลากหลายชนิดลอยมาแตะจมูก หลินเข่อซิงรู้สึกเพลิดเพลินกับบรรยากาศรอบตัว แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อได้เดินเคียงข้างอวิ๋นเฟยหลง
“ท่านอวิ๋น ข้าขอลองนั่นหน่อยได้ไหมเจ้าคะ?” หลินเข่อซิงเอ่ยขึ้นด้วยดวงตาเป็นประกาย ขณะที่ชี้ไปยังร้านขายขนมที่มีไข่ลี่เซี่ยแบบพิเศษเรียงรายอยู่
“เจ้าอยากกินไข่ลี่เซี่ยเพิ่มอีกหรือ?” อวิ๋นเฟยหลงเลิกคิ้วอย่างสงสัย “เมื่อเช้าเจ้าเพิ่งกินไปไม่ใช่หรือ?”
“แต่ครั้งนี้มันเป็นไข่ลี่เซี่ยผสมชาแบบเฉพาะนี่นา” หลินเข่อซิงพูดพลางยิ้มกว้าง “มันต้องอร่อยกว่าเดิมแน่ๆ ข้าอยากลองชิมน่ะ นะเจ้าคะ นะๆๆๆ” ว่าแล้วสาวน้อยก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ พร้อมกระพริบตาถี่รัว
อวิ๋นเฟยหลงพยักหน้าอย่างเรียบเฉย แต่เขาก็พานางไปที่ร้านขายขนมนั้น “ถ้าเจ้าชอบ ข้าจะซื้อให้” เขากล่าวเสียงนิ่ง แต่ใบหูกลับแดงก่ำ
“โอ้! ท่านแม่ทัพท่านใจดีจัง” หลินเข่อซิงแกล้งทำเป็นประหลาดใจ “ข้านึกแล้วว่าท่านใจดีกับข้าที่สุด”
อวิ๋นเฟยหลงเหลือบมองนางก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูขรึมแต่แฝงด้วยความอบอุ่น “ข้าก็แค่คิดว่าเจ้าน่าจะได้ลองทุกอย่างที่เจ้าต้องการ นั่นอาจทำให้เจ้าหยุดพูดมากเสียที” ชายหนุ่มว่าพลางเกาจมูก แล้วเสมองไปทางอื่น
หลินเข่อซิงหลุดหัวเราะ “ท่านพูดอย่างกับข้าเป็นคนพูดไม่หยุด ข้าแค่อยากสร้างบรรยากาศดีๆระหว่างเรานะ”
หลังจากได้ขนมไข่ลี่เซี่ยสูตรพิเศษมาในมือ หลินเข่อซิงก็กัดชิมอย่างตื่นเต้น “อร่อยมาก! ท่านอวิ๋นท่านต้องลองบ้าง!”
อวิ๋นเฟยหลงมองหลินเข่อซิงอย่างลังเลก่อนจะพูด “ข้าไม่ค่อยชอบกินของหวานสักเท่าไหร่”
“โอ๊ยย ท่านลองหน่อยสิ” หลินเข่อซิงเอาไข่ลี่เซี่ยมาตรงหน้าพระเอก พร้อมกับยิ้มกวนๆ “ถ้าไม่อร่อยข้าจะยอมให้ท่านว่าเลย!”
อวิ๋นเฟยหลงถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะรับขนมจากมือหลินเข่อซิงมากัดเล็กน้อย “อืม...ไม่เลว” เขาพูดเรียบๆ แต่ก็ยังมีรอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
“เห็นไหม ข้าบอกแล้วว่าอร่อย!” หลินเข่อซิงยิ้มแฉ่ง
ทั้งสองเดินต่อไปเรื่อยๆ ท่ามกลางผู้คนในตลาด หลินเข่อซิงกวาดตามองไปที่แผงร้านค้าต่างๆ แล้วก็หยุดชะงักเมื่อเห็นบางสิ่งที่ทำให้นางนึกสนุกขึ้นมา
“ท่านแม่ทัพ!” นางเรียกเสียงดังขณะที่วิ่งไปยังร้านขายเครื่องประดับที่มีพัดจีนอันงดงามตั้งโชว์อยู่ “ข้าว่าท่านต้องถือพัดนี้แล้วมันจะต้องดูดีมากแน่ๆ!”
อวิ๋นเฟยหลงเลิกคิ้วพลางเดินเข้ามาดูพัดในมือนาง “ข้าต้องถือพัดเพื่ออะไร?”
“เพื่อความเท่ไงล่ะ!” หลินเข่อซิงตอบอย่างตื่นเต้น นางหยิบพัดขึ้นมากางต่อหน้าอวิ๋นเฟยหลง “ท่านนึกภาพตามข้าสิ ท่านยืนถือพัดแบบนี้ แล้วก็กวาดสายตาไปทั่ว ข้าว่าทุกคนต้องมองท่านไม่ละสายตาเลยแหละ”
อวิ๋นเฟยหลงมองพัดในมือหลินเข่อซิงก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความอ่อนโยน “ข้าไม่คิดว่าข้าต้องการพัดเพื่อให้คนมองหรอกนะ”
หลินเข่อซิงหัวเราะ “ท่านนี่ช่างไม่สนุกเอาเสียเลย ข้าคิดว่าพัดมันเหมาะกับท่านจริงๆ นะ ท่านต้องลองบ้าง คงดูราวกับคุณชายเจ้าสำราญนะเจ้าคะ”
“ถ้าเจ้าชอบพัด เจ้าก็เอาไปใช้เองเถอะ ข้าไม่ต้องการและไม่ทำด้วย” อวิ๋นเฟยหลงตอบอย่างนิ่งๆ แต่ดวงตาของเขามีแววขำอยู่
“เอาล่ะ ข้าจะถือพัดนี้ให้ท่านเอง!” หลินเข่อซิงกางพัดแล้วหมุนไปรอบๆ อย่างสนุกสนาน “นี่คือพัดของท่านแม่ทัพอวิ๋น เจ้าพ่อพัดของกองทัพ!”
อวิ๋นเฟยหลงยืนดูนางอย่างอับอายปนขำ “ข้าคิดว่าถ้าพวกทหารเห็นเจ้าทำแบบนี้คงได้หัวเราะจนท้องแข็งแน่ๆ”
หลินเข่อซิงหยุดหมุนแล้วทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย “ท่านอวิ๋น! ท่านช่างไม่เข้าใจศิลปะการใช้พัดเสียเลย” นางหัวเราะขำออกมาในที่สุด
อวิ๋นเฟยหลงมองนางด้วยรอยยิ้มบางๆ "ข้าคงไม่เข้าใจเหมือนที่เจ้าเข้าใจ แต่ข้าเห็นเจ้ายิ้มได้เช่นนี้ก็ดีแล้ว"
คำพูดนั้นทำให้หลินเข่อซิงนิ่งไปครู่หนึ่ง นางรู้สึกถึงความอุ่นซ่านขึ้นมาในใจ แต่นางก็พยายามกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มขี้เล่น “ข้าคงทำให้ท่านแม่ทัพเริ่มเข้าใจบ้างแล้วสินะ”
ทั้งสองเดินเล่นในตลาดต่อไปพร้อมเสียงหัวเราะและบทสนทนาเบาๆ ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน บรรยากาศรอบตัวช่างผ่อนคลาย ท่ามกลางความวุ่นวายของตลาด หลินเข่อซิงรู้สึกได้ว่าทุกย่างก้าวของนางและอวิ๋นเฟยหลงกำลังนำพาทั้งคู่ใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อยๆ
ยามค่ำคืนที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว รถม้าคันงามที่มี อวิ๋นเฟยหลง นั่งอยู่ก็มาถึงหน้าจวนตระกูลหลินในที่สุด ตลอดการเดินทางกลับมาที่จวน หลินเข่อซิงยังคงหัวเราะคิกคักไปกับเรื่องราวขำขันที่ทั้งสองได้พบเจอระหว่างเดินเที่ยวตลาด นางชอบบรรยากาศที่ผ่อนคลายและการได้พูดคุยกับอวิ๋นเฟยหลง ที่ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนเงียบๆ แต่ก็มีความน่ารักในแบบที่นางไม่คาดคิด
รถม้าหยุดลงหน้าประตูจวน หลินเข่อซิง เงยหน้าขึ้นมองจวนตระกูลหลิน นางหันมามอง อวิ๋นเฟยหลง ที่ยังคงนั่งขรึมอยู่ แต่สายตากลับมองมาที่นางนิ่งนาน
“ขอบคุณท่านแม่ทัพมากเจ้าค่ะ ที่พาข้าไปเที่ยวและมาส่งถึงบ้าน ข้าสนุกมาก” นางยิ้มอย่างสดใส
อวิ๋นเฟยหลงพยักหน้ารับนิ่งๆ “ข้าก็รู้สึกดีที่ได้เห็นเจ้ามีความสุข” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ก็แฝงความอบอุ่นที่ปิดไม่มิด
“งั้น...ข้าขอตัวเข้าไปก่อนนะเจ้าคะ” หลินเข่อซิงพูดพร้อมกับทำท่าจะเดินลงจากรถม้า แต่แล้วนางก็หยุดนิ่ง ขณะที่ใจของนางก็ผุดความคิดสนุกขึ้นมา
อวิ๋นเฟยหลง ยังไม่ทันจะตั้งตัว หลินเข่อซิงก็เอียงตัวเข้ามาใกล้ ก่อนจะขโมยจูบแก้มของเขาอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากอ่อนนุ่มแตะลงบนแก้มของเขาแค่เพียงครู่เดียว แต่กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนเวลาหยุดหมุน
“ขอบคุณนะเจ้าค่ะ ท่านอวิ๋น” นางพูดเบาๆ ด้วยน้ำเสียงสดใส ก่อนจะรีบก้าวลงจากรถม้าโดยไม่หันกลับมามอง
อวิ๋นเฟยหลงนิ่งงันไปชั่วขณะ ใบหน้าที่ปกติเคร่งขรึมเย็นชาเริ่มร้อนผ่าว แก้มของเขาแดงระเรื่อทันทีตั้งแต่ที่ริมฝีปากของหลินเข่อซิงแตะลงไป หูของเขาก็ร้อนตามไปด้วย เขาอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่กลับโวยวายไม่ออก
“เ-เจ้ากล้า…” เขาอุทานออกมาทั้งที่เสียงติดขัด แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว หลินเข่อซิงวิ่งยิ้มแฉ่งหายเข้าไปในจวนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อวิ๋นเฟยหลงนั่งนิ่งค้างอยู่ในรถม้า สะบัดหน้าเล็กน้อย พยายามทำใจให้เย็นลง แต่ก็ทำไม่สำเร็จ ในใจเขายังเต้นแรงไม่หยุด
“บ้าจริง!” เขาบ่นพึมพำกับตัวเอง แต่อีกใจก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างเผลอตัว ใบหน้าแดงๆ ของเขาทำให้เขาดูเหมือนคนที่เพิ่งถูกเด็กแกล้ง
สุดท้ายเขาก็หันไปสั่งคนบังคับรถม้า “กลับจวนได้”
แต่รอยยิ้มบางๆ ที่ติดอยู่บนใบหน้าของเขานั้นก็ยังคงไม่หายไป...