หากจะต้องประจานความผิดของคุณที่ได้ก่อเอาไว้ ฉันเขียนหนังสือหนึ่งเล่มอุทิศแก่ความชั่วช้าของคุณยังดีกว่า
อาชญากรรม,สืบสวนสอบสวน,ดาร์ค,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
SOMEONE LIKE YOU คลั่งฝังแค้นหากจะต้องประจานความผิดของคุณที่ได้ก่อเอาไว้ ฉันเขียนหนังสือหนึ่งเล่มอุทิศแก่ความชั่วช้าของคุณยังดีกว่า
“นักโทษชาย 987627!! มีพัสดุมาส่ง!!”
ผู้คุมประจำทัณฑสถานซิทาเดลตะเบ็งเสียงแข็งกร้าวเรียกนักโทษชายเพื่อรับพัสดุบรรจุซองเอกสารสีกาแฟ เขาพลิกซองไปมาเพื่อมองหาชื่อผู้ส่งเพราะเป็นเวลาหลายเดือนแล้วที่ไม่มีใครติดต่อหาเขา ไม่แม้แต่พ่อแม่บังเกิดเกล้าของเขา ผู้ส่งพัสดุชิ้นนี้ไม่ใช่ใครเลย นอกจากโซล วินเดอร์เมียร์ เพื่อนเก่าของเขาจากโรงเรียนเอดจ์วูดไฮสคูล (Edgewood Highschool) ดังนั้นเขาจึงตื้นตันและดีใจที่มีคนนึกถึงตนเอง ไม่รอช้าเขาฉีกซองเอกสารพบกับจดหมายหนึ่งฉบับเต็มไปด้วยตัวหนังสือว่า
“
ฉันไม่อยากเกี่ยวข้องกับคุณอีก แต่หวังว่าคุณจะได้รับพัสดุชิ้นนี้ที่เปี่ยมด้วยความตั้งใจจากฉัน อยากให้คุณได้รับรู้ว่า หากจะต้องประจานความผิดของคุณที่ได้ก่อเอาไว้ ฉันเขียนหนังสือหนึ่งเล่มอุทิศแก่ความชั่วช้าของคุณยังดีกว่า ซึ่งคุณจะไม่ได้อะไรเลย แม้แต่ชื่อ... เพราะแม้แต่ข่าวยังไม่เอ่ยชื่อคุณเลย
เจตนาของจดหมายฉบับนี้ ฉันไม่หวังอะไรมากเลยนอกจากเห็นคุณแตกสลาย ไม่จำเป็นต้องตาย ความตายมันดูรวดเร็วและมักง่ายเกินไปสำหรับคนเห็นแก่ตัว ฉันจึงขอแค่ได้เห็นคุณแพ้พ่ายต่ออีโก้สูงใหญ่เต็มประดา ต่อละครปาหี่ที่ทุกคนคือคนร้าย และต่อตัวคุณเอง
เรื่องจะไม่ใหญ่บานปลายขนาดนี้ หากคุณรู้จักสำนึกบ้างหรือขอโทษอย่างจริงใจ ซึ่งน่าสมเพชดีที่คุณไม่เลือกทำอะไรสักอย่าง ทำให้ทุกอย่างจบลงแบบนี้ ทั้งที่เราประณีประณอมกันได้แท้ ๆ ขอให้อ่านนิยายเล่มนี้อย่างมีความสุขเท่าที่คนเห็นแก่ตัวหนึ่งคนสามารถมีได้และมีชีวิตอันยืนยาวทบทวนความน่าสมเพชของตัวเองกับเงาในกระจกแล้วกันนะ
โซล วินเดอร์เมียร์
“
เมื่อข้อความในแผ่นกระดาษไม่ใช่ความรัก ความคิดถึงอย่างที่คาดหวังเอาไว้ เขากัดฟันแน่น ฝืนกลั้นน้ำตาจากแววตาแดงก่ำ ความรู้สึกโกรธแค้นปะทุออกจากอกด้วยความคิดที่หลอกตัวเองทุกเมื่อเชื่อวันว่า ‘ฉันไม่ผิด พวกแกต่างหาก’ โซลหยามเหยียดศักดิ์ศรีของเขาด้วยการส่งจดหมายมาเย้ยหยัน มันเจ็บปวดเกินการให้อภัยจนกระทั่งเขาได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาข้างหู
“ฉันด่าแค่นี้ก็สะเทือนแล้วเหรอ”
เสียงพูดของโซลเป็นดั่งผีสาง คุกฝั่งที่เขาถูกจองจำไม่มีหญิงสาวสักคน ชายหนุ่มผิวเข้มขนลุกเกลียว เหงื่อไหลท่วมหน้าและลำคอ จนกระทั่งได้ยินเสียงแค่นหัวเราะอีกครั้ง ทำให้เขาวิ่งแจ้นกลับเข้าห้องขังหลังลูกกรงของตัวเอง ซ่อนตัวใต้ผ้าห่มผืนบางแข็งกระด้าง โซลกำลังโจมตีฉัน โซลกำลังโจมตีฉัน โซลกำลังโจมตีฉัน โซลกำลังโจมตีฉัน โซลกำลังโจมตีฉัน โซลกำลังโจมตีฉัน นักโทษชายพูดกับตัวเอง ริมฝีปากปากแห้งและซี่ฟันกระทบกันด้วยความกลัว เขาแง้มผ้ามองว่าต้นเสียงอันตรธานหายไปหรือยังและพบคำตอบตรงหน้าเป็นหญิงสาวร่างผอมบางอันคุ้นเคยยืนเอียงคอมองเขาพร้อมแสยะยิ้มหวานแต่โหดร้าย “เฮลโล ไอ้ขี้ขลาด ไปหลบในนั้นทำไมล่ะ”
“อย่ามายุ่งกับฉัน!”
“หึ!!” หญิงสาวแสดงความคับแค้นอย่างเปิดเผยผ่านเสียงหัวเราะในลำคอกับแววตาสีน้ำตาลจ้องเขม็งเอ่อคั่งด้วยเลือดสีแดงข้น แม้ริมฝีปากยังคงเผยยิ้มร้ายราวกับรอคอยเวลานี้มาเนิ่นนาน เธอสามารถปลิดชีวิตของเขาได้โดยง่ายเพียงปลายนิ้วแต่เธอต้องการทรมานเขาต่อ เช่นเดียวกับใจความในจดหมายที่ความตายเป็นเรื่องมักง่ายเกินไปสำหรับเขา “มันไม่จบง่าย ๆ อย่างที่เธอคิดหรอก เฮ็นดริก”
“ฉันต้องทำยังไงให้เธอหายไป ฮะ!? บอกฉันสิ โซล!” นักโทษชายร้องโวยวายทั้งน้ำตา
“ลองใช้สมองคิดดูสิ... ฉลาดนักไม่ใช่เหรอ” โซลยังไม่หยุดถากถาง กดเสียงต่ำคำรามต่อร่างใต้ผ้าห่มอย่างอาฆาต เธอถอยหลังชิดผนังปูนเปลือยโดยขยับแขนกอดอกมองการกระทำของนักโทษชายหมายเลข 987627 “ไม่เห็นเก่งเหมือนตอนอยู่ต่อหน้าฉันเลย”
“หุบปาก!!หุบปาก!!หุบปาก!!”
“ยังไม่สำนึกอีกเหรอหรือยังไม่นานพอกันนะ... หรือเธอหน้าด้านเกินกว่าจะสำนึกได้”
“บอกให้หุบปากไง!!”
“มึงสิหุบปาก!!”
เมื่อไม่อาจต่อสู้กับคำพูดที่ตอกหน้าของหญิงสาว เขาโยนผ้าห่มลงกับเตียงแล้วพุ่งไปบีบคอของบุคคลที่ประจันหน้าเขาด้วยมือทั้งสองข้าง ปลายหัวแม่โป้งกดย้ำที่จุดหลอดลมหวังให้เจ้าหล่อนหยุดพูดและไม่สามารถพูดได้อีก เขาคำรามออกแรงและเข้าใกล้มากขึ้นจนปลายจมูกไล้สัมผัสกัน แต่เมื่อริมฝีปากสองคู่กำลังแนบชิด โซลกลับแสยะยิ้มกว้างชวนสยองจนเขาขนลุกเกลียว
“เบาเสียงหน่อย!!” เสียงตะโกนของผู้คุมผ่านลูกกรงมาถึงห้องขัง
ทว่าเขากำลังจู่โจมความว่างเปล่าของผนังปูนเปลือยต่างหาก ในมือของเขาไม่ได้อยู่ที่ลำคอของโซลและเธอกำลังนั่งเอกเขนกบนเตียงแข็งกระด้างของเขา เขาหันมองตามประชันสายตากับเจ้าหล่อนด้วยความโกรธแค้นและหวาดกลัว เธอไม่ใช่มนุษย์
“อยากให้หายไปเหรอ... มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับฉันน่ะสิ” นักโทษชายไม่เข้าใจสิ่งที่โซลพูดราวกับสมองทึบบอดไปแล้วหลังจากถูกแดกดันชุดหนึ่ง แต่เขารู้แก่ใจว่าวิญญาณร้ายไม่หยุดแค่นั้นแน่จนกว่าจะต้องแลกเปลี่ยนด้วยอะไรบางอย่างที่ตอนนี้เขายังคิดไม่ออก เขาเกาผมทึ้งหัวของตัวเองขณะเดินวนไปมาในห้องขังของตัวเอง
ชีวิตในกรงขังที่ทัณฑสถานซิทาเดลของนักโทษชายหมายเลข 987627 ยังคงวนเวียนจนกระทั่งพระอาทิตย์อัสดง เขาไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวอะไรเท่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้และตอนนี้ผีร้ายก็ไม่ได้อยู่เคียงข้างเขาแล้ว แต่ความคิดก็ไม่ได้เงียบสงบตามไปด้วย เพราะโซลไม่มีทางส่งจดหมายให้กับเขาเฉย ๆ แน่นอน เธอเป็นผู้หญิงที่มีจุดมุ่งหมายในทุกการกระทำ
เฮ็นดริกหมกมุ่นอยู่กับจดหมายฉบับเดียวจากโซลด้วยสารพัดวิธีการไขปริศนา ทั้งใช้ดินสอแรเงาลงบนกระดาษเพื่อหาข้อความลับ ส่องจดหมายกับแสงสีเหลืองส้มของหลอดไฟเพื่อหาตัวหนังสือที่ซ่อนอยู่ แม้แต่เทียบตัวอักษรและคำแรกของแต่ละบรรทัดเพื่อให้เกิดเป็นคำหนึ่งคำ ทว่าเปล่าประโยชน์... จนเช้า นักโทษชายถูกสั่งให้ออกจากห้องขังเพื่อบำเพ็ญประโยชน์ภายในทัณฑสถานตามเดิม
เสียงหัวเราะในลำคอของวิญญาณสาวยังคงดังก้องในโสตประสาท เขายังไม่ได้นอนด้วยซ้ำซึ่งไม่ต่างจากชะตากรรมปกติในเรือนจำเลย ขอบตาคล้ำเหนื่อยล้าและใบหน้าโทรมย่นทักทายเหล่าผู้คุม วันนี้เป็นเวรของเขาในการทำความสะอาดภายในโรงอาหารเรือนจำร่วมกับนักโทษชายคนอื่นอีกห้าคน ที่แห่งนี้กักกันนักโทษคดีอาชญากรรมร้ายแรง แม้บางคนหน้าตาดูไม่มีพิษภัยแต่พวกเขาเคยฆ่าคนมาไม่ต่ำกว่าห้าคน เฮ็นดริกดูเป็นเด็กน้อยที่สุดเมื่อเจอกับคนเหล่านั้น วันนี้เขารับหน้าที่ถูพื้นด้วยไม้ม๊อบคุณภาพปานกลาง น้ำยาราคาถูกซึ่งกลิ่นไม่ช่วยกลบความเหม็นเท่าไรนัก
“เธอทำแบบนี้ทำไม โซล…”
เฮ็นดริกเอ่ยปากพูดเสียงเบา เมื่อเขาเห็นเงาสะท้อนของโซลบนผิวน้ำในถังพลาสติกสีเหลือง
“หมายถึงอะไร ที่ทำให้เธอเข้าคุกเหรอ หรือที่ทำให้เธอเป็นบ้า” คำพูดเปี่ยมด้วยรอยยิ้มไร้ซึ่งความรู้สึกผิดหรือโศกเศร้าต่อเฮ็นดริก ไม่มีแม้แต่ความอาลัยอาวรณ์
“ทั้งหมดนี้ เธอทำไปทำไม...”
“ถ้าหมายถึงเป็นบ้าล่ะก็... เธอน่าจะคิดไปเองมากกว่า ส่วนเรื่องคุกนี่... ฉันไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย เธอทำตัวเอง ส่วนใหญ่อะนะ เธอทำตัวเอง ไม่มีใครสั่งให้เธอทำอะไรสักอย่าง ยกเว้นเลือดชั่วในตัวของเธอ นั่นแหละ สิ่งที่ทำให้เธอติดคุก”
“เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ” นักโทษชายเงยหน้าสบตามองคู่สนทนาที่ตนมองเห็นคนเดียว ทำหน้าตาน่าสงสาร ส่งเสียงเว้าวอนคล้ายการแสดง
“เพื่อนกันทำแบบที่เธอทำรึไงล่ะ!?”
โซลตวาดใส่อีกฝ่ายที่กล่าวอ้างแบบนั้น นัยน์ตาแดงก่ำถลึงและเบิกกว้าง เสียงพูดแผดร้องคล้ายคำราม บัดนี้ร่างโปร่งแสงของเธอกลายเป็นกายเนื้อต่อหน้าเฮ็นดริก ดูเหมือนเขากระตุ้มต่อมอารมณ์ขุ่นเคืองของวิญญาณเข้าให้แล้ว... เขาได้ยินเสียงของเธอดังลั่นทั่วโรงอาหาร เขาสะดุ้งจนไม้ถูพื้นตกพื้น ขนลุกชูชันทั้งตัวและกำลังถูกมองเป็นตัวประหลาดในกลุ่มนักโทษและสายตาของผู้คุม
“อ้าก! ไม่นะ ใจเย็นก่อน!”
“ใจเย็นเหี้ยอะไร!!”
ความขลาดกลัวต่อสิ่งเหล่านั้นกระตุ้นสัญชาตญาณให้วิ่งหนี วิ่งไปสิ!! วิ่ง!! วิ่งไปเลย!! วิ่งเหมือนตอนหนีตำรวจพวกนั้น!! เสียงของโซลสั่งการในหัวของเขาพร้อมกับล่องลอยตามด้วยความเร็ว… เร็วยิ่งกว่าสายลม
“อ้ากกกกกก!!"
“ใครที่ไหนเขาฆ่าเพื่อนวะ!! เอช!!”
เฮ็นดริกยังคงวิ่งต่อโดยมีผู้คุมมากกว่าห้าคนตามหลังพร้อมกับกระบองในมือ ตะโกนให้หยุดเช่นเดียวกับที่เขาขอให้โซลหยุดทรมานเขาเสียที และเธอหยุดเมื่อเขาถูกฟาดเข้าที่ท้ายทอยเต็มแรง
#คลั่งฝังแค้น