หากจะต้องประจานความผิดของคุณที่ได้ก่อเอาไว้ ฉันเขียนหนังสือหนึ่งเล่มอุทิศแก่ความชั่วช้าของคุณยังดีกว่า

SOMEONE LIKE YOU คลั่งฝังแค้น - 2 PLANTING SEEDS โดย Galene Cyrus @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อาชญากรรม,สืบสวนสอบสวน,ดาร์ค,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

SOMEONE LIKE YOU คลั่งฝังแค้น

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

อาชญากรรม,สืบสวนสอบสวน,ดาร์ค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

SOMEONE LIKE YOU คลั่งฝังแค้น โดย Galene Cyrus @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หากจะต้องประจานความผิดของคุณที่ได้ก่อเอาไว้ ฉันเขียนหนังสือหนึ่งเล่มอุทิศแก่ความชั่วช้าของคุณยังดีกว่า

ผู้แต่ง

Galene Cyrus

เรื่องย่อ

สารบัญ

SOMEONE LIKE YOU คลั่งฝังแค้น-1 THE LETTER,SOMEONE LIKE YOU คลั่งฝังแค้น-2 PLANTING SEEDS,SOMEONE LIKE YOU คลั่งฝังแค้น-3 FAIRY ISLAND,SOMEONE LIKE YOU คลั่งฝังแค้น-4 CONSTANT NIGHTMARE (NC),SOMEONE LIKE YOU คลั่งฝังแค้น-5 DIG DEEPER,SOMEONE LIKE YOU คลั่งฝังแค้น-6 LAST CHANCE,SOMEONE LIKE YOU คลั่งฝังแค้น-7 GRETCHEN JARVIS (NC)

เนื้อหา

2 PLANTING SEEDS

 

นักโทษหมายเลข 987627 ยังไม่ได้สติอยู่ในห้องรักษาพยาบาลของเรือนจำซิทาเดล เขาได้รับการกระแทกอย่างแรงจากการล้มหัวฟาดพื้นและถูกกระบองตี แต่การพักฟื้นครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับเขาเพราะหลังม่านตากำลังมองดูภาพเคลื่อนไหวชุดหนึ่งที่ไม่ติดต่อกันของใครบางคน โซลยังคงหลอกหลอนยามหลับใหลในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งยามมีชีวิตและเป็นวิญญาณ เขาบอกไม่ได้ว่าอะไรคือความจริงเช่นเดียวกับที่บอกไม่ได้ว่าอาชญากรรมอะไรที่ทำให้ชีวิตของเขาจบลงในคุกแบบนี้ รู้เพียงว่าความทรงจำที่เขามีต่อโซลล้วนเป็นสิ่งดี ๆ ในชีวิต

“ถ้ายังจำไม่ได้ เดี๋ยวฉันช่วยสงเคราะห์ให้แล้วกัน” เสียงพูดคล้ายกระซิบเยือกเย็นข้างหูของหญิงสาวร่ายมนต์พาเฮ็นดริกหวนคืนสู่อดีต “เผื่อจะรู้ว่าพังอะไรไปแล้วบ้าง”

 

หกเดือนที่แล้ว…

14 กุมภาพันธ์ 2025

 

มหาวิทยาลัยศิลปะเวลกอล์ช (Whale Gulch School of Art) สถาบันอันดับที่ 15 ของประเทศ มีวิสัยทัศน์เพื่อฟูมฟักนักศึกษาสู่ความเป็นเลิศด้านศิลปะใจกลางเซาท์วาร์กทางตอนใต้ของลอนดอน มีศิษย์เก่ามากมายในสายงานดนตรีและการแสดง เช่น พาเมลา จูลส์ ศิลปินเพลงป๊อปหน้าใหม่ผู้ติดท็อปชาร์ต 50 เพลงฮิตภายในสัปดาห์แรกหลังจากปล่อยซิงเกิ้ล, คาไลร์ มอร์ทิเมอร์ โปรดิวเซอร์เบื้องหลังโฆษณาและเจ้าของธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์กลางลอนดอน และ ลูซินา เกรฟส์ นักประมูลงานศิลปะและนักวิจารณ์ชื่อดัง แม้แต่คณะอาจารย์ยังเป็นหัวกะทิเต็มเปี่ยมด้วยแพชชั่นและความภูมิใจของมหาวิทยาลัย

โซล นักศึกษาปริญญาโทกำลังจะสำเร็จการศึกษาในไม่กี่เดือนต่อจากนี้ ทันทีที่เธอเรียนจบ เธอจะกลับไปดูแลธุรกิจแอพพลิเคชั่นอาร์ทูร่า (A.R.T.U.R.A หรือ Artists, Retailers, and Treasure Hunters, United for Art) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างศิลปินและนักสะสมงานศิลปะที่เธอร่วมหุ้นกับเพื่อน ๆ ได้ประมาณสี่ปีแล้วนับตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรีในตำแหน่งของคอมมูนิตี้เมเนเจอร์เพื่อจัดระเบียบ ออกแบบกิจกรรมเวิร์คชอปออนไลน์ ออฟไลน์และมีส่วนร่วมกับผู้ใช้แอพพลิเคชั่น

“สรุปว่าหัวข้อธีสิสของคุณคืออะไรนะ คุณวินเดอร์เมียร์”

“หนูว่าจะทำหัวข้อจิตใต้สำนึกและการสร้างภาพยนตร์ค่ะ อาจารย์ไรเกอร์” นักศึกษาสาวตอบกลับพลางทัดผมยาวสีดำดั่งอีกาไว้ข้างหูขวา “นี่ค่ะ หนูกำลังสนใจงานภาพยนตร์ของผู้กำกับคนนี้ เขาสร้างปรากฏการณ์ภาพยนตร์ของปีนี้เลย” เธอนำเสนอหัวข้อและสรุปโดยย่อของเป้าหมายการทำวิทยานิพนธ์ให้อาจารย์ที่ปรึกษาผ่านหน้าจอแท็ปเลตขนาดกว้าง 15 นิ้ว “การสัมภาษณ์และเข้าถึงจิตใจของเขา นอกจากจะช่วยให้ผู้ชมมีความเข้าใจขั้นตอน วิธีการทำงานของผู้กำกับแล้ว ยังช่วยตีความองค์ประกอบต่าง ๆ ของภาพยนตร์ได้ด้วยค่ะ”

“แปลว่าคุณต้องการเน้นด้านจิตวิทยาในโลกศิลปะสินะครับ แล้วทำไมถึงเลือกคนนี้ล่ะ”

“เฮ็นดริกเป็นเพื่อนเก่าสมัยไฮสคูลของหนูค่ะ เป็นเพื่อนร่วมห้อง เขาเป็นแหล่งข้อมูลที่สามารถติดต่อสื่อสารด้วยง่าย” อาจารย์เกเบรียล ไรเกอร์ ที่ปรึกษาวิชาวิจัยพยักหน้าฟังคำอธิบายของโซลอย่างพินิจพิเคราะห์ เธอเป็นหนึ่งในนักศึกษาผลการเรียนปานกลาง ไม่ได้โดดเด่นไปกว่าใครแต่ชอบสร้างความประหลาดใจในห้องเรียนเสมอด้วยความลึกซึ้งของเธอ นั่นคือการประเมินที่เธอได้รับจากอาจารย์หลายท่าน “พวกเราไม่สนิทกันดังนั้นการสัมภาษณ์นี้จะมีความเป็นกลางแน่นอนค่ะ อาจารย์”

“แล้วคุณคิดว่าจะสามารถเขียนวิจัยทันกำหนดการใช่มั้ย”

“คิดว่าทันค่ะ สัมภาษณ์แหล่งข้อมูลไม่เกินหนึ่งเดือน เขียนวิจัยอีกหนึ่งเดือน รวมระยะเวลาแก้วิจัยด้วย... น่าจะสามเดือนพอดีค่ะ อาจารย์”

“เดี๋ยวนะ เธอจะสัมภาษณ์เฮ็นดริกเหมือนกันเหรอ” เรย์น ชาร์นลี่ เพื่อนร่วมคณะชะเง้อมองพรีเซนเทชั่นในแท็บเลตของโซล น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความดีใจที่ทั้งคู่สนใจเรื่องคล้ายกัน “อาจารย์ครับ ของผมเป็นหัวข้อเรื่องคอมมูนิตี้แฟนคลับที่มีผลต่อผู้กำกับครับ ไม่ซ้ำกับโซลแน่นอน”

“พวกคุณจะสัมภาษณ์พร้อมกันเลยมั้ยล่ะ”

“คิดว่างั้นค่ะ อาจารย์”

สองเพื่อนซี้ปรึกษากับอาจารย์เพื่อให้ช่วยตรวจสอบคำถามสำหรับสัมภาษณ์แหล่งข้อมูลอย่างละเอียดจนกว่าจะมั่นใจว่าหัวข้อและคำถามของพวกเขาไม่มีปัญหา ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น บางคำถามมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย โซลจึงส่งข้อความหาแฟนหนุ่มระหว่างทางเดินทางกลับบ้านเกี่ยวกับการทำวิทยานิพนธ์จบการศึกษา เขาจะได้รับทราบตารางของเธอต่อจากนี้ แล้วติดต่อหาเฮ็นดริก ควิเบลเพื่อนัดหมายสัมภาษณ์

 

<ห้องแชทระหว่าง Sol Windermere – Hendrick Quibell: 14-02-2025: 15:09>

 

Sol_W: เฮ้ ยินดีด้วยนะสำหรับหนังเดบิวต์

Hendrick_Q: ขอบใจนะ โซลใช่มั้ย เป็นไงบ้าง สบายดีมั้ย

Sol_W: ก็ดีนะ วุ่น ๆ ฤดูทำธีสิสน่ะ

Hendrick_Q: อ่า หัวหมุนเลยสิ

Sol_W: ใช่ เพิ่งจะสรุปหัวข้อได้ ว่าจะสัมภาษณ์เธอสำหรับธีสิสน่ะ เพื่อนอีกคนจะสัมภาษณ์ด้วย

Hendrick_Q: โทรคุยมั้ย ยังใช้เบอร์เดิมรึเปล่า

 

การคุยโทรศัพท์กับเพื่อนเก่ากินเวลาเกือบชั่วโมง โซลไม่ได้เข้าประเด็นทันทีที่อีกฝ่ายโทรหาแต่เป็นการพูดคุยสารทุกข์สุขดิบนานเกินจำเป็นสำหรับเวลาเร่งด่วน แต่อย่างน้อยโซลและเรย์นก็ได้รับการยืนยันเพื่อสัมภาษณ์ประกอบการเขียนวิทยานิพนธ์ในวันมะรืนนี้ เฮ็นดริกส่งพิกัดให้กับทั้งคู่ผ่านข้อความแชท เขาอาศัยอยู่ในแมริวโบนซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางร่วมชั่วโมงจากวอลเวิร์ธ

“เรย์น เฮ็นดริกคอนเฟิร์มมาแล้วนะ มะรืนนี้ สิบเอ็ดโมงเช้าถึงบ่ายโมง ส่วนรอบของนายเป็นบ่ายสามถึงห้าโมงเย็น”

“วู้วว!!จะได้จบสักที!” เรย์นดีใจได้สักพักก็หุบยิ้ม สีหน้าเปลี่ยนเป็นความสงสัย “แฟนเธอรู้แล้วใช่มั้ย เขาจะไปด้วยรึเปล่าหรือเราควรไปด้วยกันดีมั้ย” แม้โซลกับเรย์นเพิ่งรู้จักกันช่วงเช้าเรียนปริญญาโทแต่เขารู้จักเธอดีพอ ๆ กับเพื่อนสนิทไฮสคูล นั่นทำให้เธอรู้สึกสบายใจที่จะพูดคุยเรื่องต่าง ๆ ให้ฟัง “ถึงเฮ็นดริกจะเป็นเพื่อนเก่าของเธอ แต่การสัมภาษณ์ครั้งนี้ เขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง”

“นายไปด้วยกันดีกว่า ปล่อยให้เวสต์ทำงานไปเถอะ ช่วงนี้เขามีข่าวต้องเขียนเยอะเลย ไม่อยากรบกวนเขาเท่าไหร่”

โซลหมุนแหวนหมั้นสีเงินสลักตัวหนังสือ S และ W ที่นิ้วนางข้างซ้ายด้วยความคิดถึง เวสต์เพิ่งขอหมั้นกับเธอเมื่อวันปีใหม่ปีที่แล้วหลังจากคบกันนานกว่าห้าปีตั้งแต่เรียนจบระดับปริญญาตรี เวสต์ วิทล็อกอายุมากกว่าเธอถึงห้าปี เขาเป็นนักเขียนข่าวอาชญากรรมประจำสำนักข่าวสไตน์แมนที่ขึ้นชื่อเรื่องการสืบเสาะหาความจริงอย่างมีจรรยาบรรณ ความรักของพวกเขากำลังสุกงอมและผลิบานพร้อมลั่นระฆังวิวาห์ทันทีที่ธีสิสของโซลจบ นั่นคือภาพฝันที่ทั้งสองวางแผนไว้

“แล้วนี่เธอจะกลับบ้านเลยมั้ย”

“ใช่ เดี๋ยวกลับเลย”

“โอเค เจอกันวันมะรืนนะ เดินทางดี ๆ ฝากทักทายเวสต์ด้วย”

“บายยยยยย”

สองหนุ่มสาวโบกมือลากันแล้วแยกย้ายขึ้นรถของตัวเองที่จอดเอาไว้หน้าตึกคณะศิลปศาสตร์ โซลขับรถอีวีสีดำประกายน้ำเงินมุ่งหน้าออกจากมหาวิทยาลัยเวลกอล์ชไปยังถนนวอลเวิร์ธที่เธอเช่าบ้านร่วมกับคู่หมั้น แต่แล้วระหว่างการขับรถก็มีข้อความแชทมากมายเด้งมาจากเฮ็นดริก เขาอดใจรอถึงวันมะรืนไม่ไหว

บ้านเดี่ยวสองชั้นสไตล์คลาสสิคมีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวางประมาณ 86 ตารางเมตร เพียงพอสำหรับคู่รักที่วางแผนสร้างครอบครัวในอนาคต โซลถอยรถจอดที่หน้าบ้านพร้อมหยิบกระเป๋าและอุปกรณ์ทำงานเข้ามาด้วย เธอฮัมเพลงเป็นทำนองขณะไล่เปิดไฟในห้องนั่งเล่นสีเอิร์ธโทนเพื่อเตรียมทำงานต่อ แต่แล้วก็ได้กลิ่นอาหารหอมฉุยจากครัว เธอเหลือบเห็นแผ่นหลังกว้างอันคุ้นเคยผูกผ้ากันเปื้อน ชายหนุ่มวัยสามสิบปีสวมหูฟังไร้สายฟังอะไรบางอย่าง ขณะใช้ตะหลิวผัดเมนูเนื้ออย่างคล่องแคล่ว มือซ้ายหยิบจับเครื่องปรุงมาโรยส่งกลิ่นยั่วยวนหญิงสาวที่เพิ่งถึงบ้านไม่ถึงนาที

“หอมจัง มื้อนี้ทำอะไรกินคะ” โซลโอบกอดคู่หมั้นจากข้างหลัง ฝังปลายจมูกบนหัวไหล่ของเขาอย่างออดอ้อน เวสต์สะดุ้งเล็กน้อยเพราะตนไม่ได้ยินอะไรเลยนอกจากเสียงเพลงในหู เขาทักทายโซลด้วยจุมพิตอ่อนโยนและรอยยิ้ม

“อืมม... คิดถึงคุณที่สุด ส่วนมื้อนี้เป็นทาโกเนื้อกับกวาโคโมเล พอดีนั่งทำงานแล้วรู้สึกเปรี้ยวปากอยากกินอาหารเม็กซิกันขึ้นมา”

“โอ๊ย หิวเลยค่ะ ให้ช่วยมั้ยคะ”

“ไม่ต้องช่วยหรอก อีกสิบนาทีก็เสร็จแล้ว คุณไปรอก่อนเลย” เวสต์ยืนกรานไม่ให้โซลเป็นลูกมือในครัวเพื่อให้เธอได้พักผ่อนหลังจากเรียนมาเหนื่อย ๆ “จริงสิ... แล้วไอ้งานสัมภาษณ์ทำธีสิสของคุณติดต่อผู้กำกับคนนั้นได้รึยัง เผื่อวันไหนผมเคลียร์ตารางงานได้จะได้ขับรถไปรับส่ง” เขาถามพลางบรรจงตักเนื้อบดที่ผัดจนสุกใส่แป้งตอร์ติย่าไปด้วย โซลนั่งเอนหลังกับโซฟาหน้าโทรทัศน์โดยเปิดแล็ปท็อปเพื่อดูความเคลื่อนไหวภายในชุมชนอาร์ทูร่าระหว่างรอคนรักทำอาหารเสร็จ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและเลื่อนปิดข้อความแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นแล้วจดจ่อกับการทำงานต่อ

“นัดได้แล้วค่ะ เป็นวันมะรืนนี้ตั้งแต่สิบเอ็ดโมงถึงบ่ายโมง เดี๋ยวเรย์นจะไปด้วย เขาทำคนละหัวข้อแต่สัมภาษณ์แหล่งข้อมูลคนเดียวกัน”

“แล้วคุณคิดว่าใช้เวลาสัมภาษณ์สำหรับทำธีสิสนานแค่ไหนอะ กี่วัน กี่สัปดาห์...” นักเขียนข่าวถามซักแฟนสาวด้วยความสงสัยปนเป็นห่วงเพราะเขารู้ว่าเฮ็นดริก ควิเบลเป็นใคร “ผมเป็นห่วงคุณนะ ถึงได้อยากรู้ไว้ จะได้ไม่ต้องกังวลมาก ถึงแม้จะรู้ว่าคุณดูแลตัวเองได้ดีขนาดไหน”

“เข้าใจค่ะ เวสต์... ฉันตั้งใจจะสัมภาษณ์เขาไม่เกิน 4 สัปดาห์ มันอาจจะไม่ถึงก็ได้แต่แพลนแบบเผื่อ ๆ ก็หนึ่งเดือน ส่วนเรื่องตารางเวลา... ฉันน่าจะบอกคุณชัด ๆ ได้หลังจากสัมภาษณ์ครั้งแรกมะรืนนี้”

“โอเคครับ ถ้าอยากให้ช่วยอะไรหรือต้องการอุปกรณ์อะไร บอกได้เสมอนะ” เวสต์ก้าวเดินออกมาจากครัวพร้อมกับจานทาโก้เนื้อในมือทั้งสองข้าง วางลงกับโต๊ะกินข้าวแล้วกลับเข้าครัวอีกครั้งเพื่อหยิบกระทะที่ยังมีเนื้อผัดอีกจำนวนหนึ่งและแผ่นแป้ง โซลพับฝาหน้าจอแล็ปท็อปวางลงกับโซฟาและเดินตามกลิ่นไปยังห้องกินข้าวและมอบจูบบนแก้มทั้งสองข้างของคู่หมั้น

“ขอบคุณค่ะ สำหรับแรงซัพพอร์ตและอาหารมื้อนี้ด้วย แต่พรุ่งนี้ฉันขอทำอาหารบ้างนะ”

“เอาเลย!”

ทั้งสองกินมื้อเย็นโปรตีนแน่นด้วยกัน พูดคุยแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างพบเจอก่อนกลับเข้ามาที่บ้าน อีกหนึ่งในหัวข้อสนทนาคือการแพลนงานแต่งงานของพวกเขา การเงินไม่ใช่ปัญหาหลักของทั้งคู่เพราะพวกเขาเก็บออมร่วมกันจากงานจนได้เงินก้อนใหญ่ที่มากพอสำหรับงานแต่งแบบส่วนตัวขนาดเล็ก ปัญหาหลักคือเวลาของพวกเขาที่ไม่ค่อยแน่นอนนักเพราะต้องจัดการหลายอย่าง ทั้งคู่ได้แต่ภาวนาให้หลังจากนี้ทุกอย่างจะราบรื่นมากขึ้นโดยเฉพาะวิทยานิพนธ์ของโซล

กว่าหนุ่มสาวทั้งสองจะได้ขึ้นนอนก็ดึกมากแล้ว พวกเขาง่วนกับการทำงานของตัวเองตั้งแต่หกโมงเย็นถึงเที่ยงคืน ภายในห้องทำงานกว้าง 40 ตารางเมตรมีเพียงเสียงฮีตเตอร์ เสียงเคาะแป้นพิมพ์และเสียงถอนหายใจเป็นระยะของทั้งคู่ เวสต์วุ่นวายกับการเขียนข่าวอาชญากรรมไซเบอร์ คดีมิจฉาชีพในโซเชียลมีเดียที่อ้างตัวเป็นองค์กรเปิดรับสมัครงานเพื่อหลอกเอาข้อมูลส่วนตัวไปขายในตลาดมืด ตอนนี้ยังไม่มีการจับกุมตัวผู้ก่อเหตุแต่ทางรัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการหาต้นตอโดยเร็ว ขณะที่โซลประสานงานกับเพื่อน ๆ เกี่ยวกับแอพอาร์ทูร่าที่ได้รับแจ้งจากผู้ใช้ว่ามีศิลปินบางส่วนร้องเรียนถึงพฤติกรรมของลูกค้าหลายคนที่ขอต่อราคาจนขาดทุน สิ่งที่เธอทำคือการค้นหาราคากลางของตลาดซื้อขายงานศิลปะและตั้งกฎระเบียบเพื่อความเป็นธรรมของศิลปินและลูกค้า เมื่อเธอจัดการปัญหาได้หนึ่งอย่างจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบกับแจ้งเตือนข้อความเข้าจากเฮ็นดริก

 

<ห้องแชทระหว่าง Sol Windermere – Hendrick Quibell: 14-02-2025: 21:42>

 

Hendrick_Q: มะรืนนี้เธอจะเดินทางมายังไงอะ

Hendrick_Q: ให้ส่งคนไปรับมั้ย

Hendrick_Q: ถ้าเธอเดินทางไม่สะดวก บอกได้นะ

Hendrick_Q: หรือถ้าอยากให้ปรับเวลาก็ไม่เป็นไร

Hendrick_Q: เพื่อเธอ ฉันจัดตารางเวลาให้ได้

 

โซลพิจารณาอ่านข้อความเหล่านั้นอย่างไตร่ตรอง ทว่าคิ้วของเธอขมวดแน่นจนติดกันโดยไม่รู้ตัวและไหล่เกร็งทั้งสองข้าง ก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบไปเพียงว่า

 

Sol_W: ไม่เป็นไร วันเวลาตามนั้นแหละ เจอกันมะรืนนี้นะ

Hendrick_W: โอเค!เจอกันน!!

 

วันที่ 16 กุมภาพันธ์คือวันเริ่มต้นทำวิทยานิพนธ์ของโซลและเรย์นอย่างเป็นทางการ ทั้งคู่เจอกันที่ขับรถออกจากละแวกถนนวอลเวิร์ธตั้งแต่เก้าโมงเช้าเพื่อให้มั่นใจว่าไปถึงสถานที่นัดหมาย – บ้านของเฮ็นดริก ควิเบล ทันเวลา ตลอดทางที่โซลเป็นคนขับรถและเรย์นนั่งเบาะข้าง เขาตรวจสอบอุปกรณ์อัดเสียงที่ขอยืมจากเวสต์อย่างระมัดระวัง เมื่อเดินทางถึงแมริวโบนเข้าสู่ละแวกคอนโดมีเนียมหรูที่เฮ็นดริกอาศัยอยู่ โซลจึงสัมผัสหน้าจอดิจิตอลเพื่อโทรหาให้อีกฝ่ายทราบว่าเธอจะถึงในเร็ว ๆ นี้

และตามคาด... เฮ็นดริก ควิเบลได้รอเธออยู่แล้วที่หน้าล็อบบี้ดับเบิ้ลสเปซสีขาวทอง แต่สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปและประหลาดใจเล็กน้อยที่โซลไม่ได้มาหาเขาคนเดียว ทั้งที่เขานัดหมายว่าจะให้เธอสัมภาษณ์คนเดียวรอบสิบเอ็ดโมงเช้า ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจออกมานอกจากเลิกคิ้ว

ห้องพักอาศัยของผู้กำกับหนุ่มหน้าใหม่อยู่ที่ชั้น 34 ซึ่งเป็นชั้นบนสุด และชั้นนี้ทั้งชั้นเป็นของเขาเพียงคนเดียว

 

#คลั่งฝังแค้น