หากจะต้องประจานความผิดของคุณที่ได้ก่อเอาไว้ ฉันเขียนหนังสือหนึ่งเล่มอุทิศแก่ความชั่วช้าของคุณยังดีกว่า
อาชญากรรม,สืบสวนสอบสวน,ดาร์ค,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
SOMEONE LIKE YOU คลั่งฝังแค้นหากจะต้องประจานความผิดของคุณที่ได้ก่อเอาไว้ ฉันเขียนหนังสือหนึ่งเล่มอุทิศแก่ความชั่วช้าของคุณยังดีกว่า
นักโทษชายหมายเลข 987627 สะดุ้งตื่นจากความฝันที่เห็นเพื่อนของเขาพูดคุยกับโซล เฮ็นดริกไม่รู้มาก่อนว่าซัมเมอร์ได้เจอกับโซลจนกระทั่งได้เห็นผ่านความฝันนั้น เขางีบไปเพียงยี่สิบนาทีเท่านั้นและอาการปวดหัวดีขึ้นด้วยฤทธิ์ยาแต่ปริศนายังคงอยู่ สิ่งที่เห็นในฝันล้วนไม่ใช่ความทรงจำของเขาทั้งนั้นเพราะเขาไม่เคยอยู่ในเหตุการณ์เหล่านั้นเลย ไม่ว่าจะมีคำถามอะไร คนที่สามารถให้คำตอบได้ก็ปรากฏต่อหน้าแล้ว
โซลยืนพิงกำแพงสูบบุหรี่จนหมดมวน เธอยังสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวคอลึกชุดเดียวกับวันแรกที่เธอเปิดเผยตัวตนต่อหน้าเขาในเรือนจำ ครั้งนี้เธอดูเป็นมนุษย์มากขึ้นแต่เหนื่อยล้าสังเกตได้จากใต้ตาหมองคล้ำและความไม่มีชีวิตชีวาผิดกับที่ผ่านมา นอกจากโซลแล้วยังมีชายหนุ่มสวมสูทผู้ทำงานรับใช้ความตายอยู่เคียงข้างด้วย การมีอยู่ของทั้งสองทำให้ห้องพยาบาลเย็นเฉียบไปถึงกระดูกราวกับยืนอยู่กลางพายุหิมะ
“เธอเลือกใช้วิธีนี้ในการทรมานฉันงั้นเหรอ” เฮ็นดริกตกตะกอนการกระทำของวิญญาณสาวได้เสียที เขากำหมัดแน่นทั้งสองข้างพร้อมกับกัดฟัน “ด้วยการยัดเยียดความทรงจำของตัวเองใส่ฉันเนี่ยนะ!!เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความจริงคืออะไร นอกจากปาความเห็นฝั่งเดียวใส่แล้วไม่ฟังอะไรเลย!!”
“งั้นพูดสิว่าความจริงคืออะไร ขอแต่เนื้อนะ ไม่เอาน้ำ...” โซลขยำก้นกรองแหลกสลายในมือแล้วมองตาคู่สนทนาอย่างเรียบนิ่ง ใบหน้าไร้การแสดงออกของโซลน่าสะพรึงกว่าการยิ้มแสยะเสียอีก “อยากพูดประเด็นไหนก่อนล่ะ”
“ก่อนอื่นเลย ฉันไม่ได้คุกคามใครทั้งนั้น พวกเธอต่างหากที่สมยอม ตั้งแต่แรก!”
“งั้นเหรอ ทำไมถึงมั่นใจแบบนั้นล่ะ” วิญญาณสาวแค่นหัวเราะ วางสายตาเลือดเย็นประชันกับเฮ็นดริกที่จ้องเขม็ง แม้แต่ตอนนี้เขายังโกหกทุกคนโดยเฉพาะตัวเอง ไม่ต่างจากวันไต่สวนที่ศาลยุติธรรมกลางกรุงลอนดอน “ลืมเหรอว่าฉันไม่ได้สมยอมอะไรกับเธอเลยด้วยซ้ำ ลืมเหรอว่าฉันตบหน้าเธอด้วย ลืมเหรอว่าฉันกำลังจะแต่งงาน เธอพูดอีกต่างหากว่าไม่สนใจว่าฉันจะแต่งงานกับใคร มันต้องเงี่ยนขึ้นสมองขนาดไหนถึงทำตัวทุเรศขนาดนี้ หืม?”
“แต่ซัมเมอร์กับเกรทเชนไม่หักหลังฉันแบบที่เธอ เรย์นกับโอลเซนทำไง! เธอตั้งใจทำลายฉัน ชื่อเสียงของฉัน! ชีวิตของฉัน!”
“ก็อาจใช่ เป็นการแก้แค้นที่สาสมและสะใจมากเลยล่ะ” โซลยกยิ้มมุมปาก ขณะมองดูเล็บมือยาวแหลมสีซีดจางอย่างไม่ยี่หระใส่ใจคู่สนทนา อีกสองวัน เธอจะไม่มาปรากฏกายที่คุกแห่งนี้อีก ยังมีชีวิตอีกยาวนานรอเธออยู่ข้างนอกที่สว่างและมีชีวิตชีวากว่านี้ “แล้ว...มีความจริงอะไรจะพูดอีกรึเปล่า เพราะนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะเสียเวลาฟังเธอแล้ว”
“ฉันขอแก้ต่างเรื่องเกรทเชน...”
“หืม? โอเค ได้สิ ฉันจะฟัง... หวังว่าจะไม่โกหกนะ”
เฮ็นดริกเค้นความทรงจำถึงช่วงเวลาก่อนการหายไปของเพื่อนสาวในคณะ เขามั่นใจเต็มอกว่าการกระทำของเขาเต็มไปด้วยความรัก ความห่วงใยเพราะเขาทุ่มเททั้งหัวใจให้กับเกรทเชน ไม่มีผู้หญิงคนไหนแทนที่ได้ เฮ็นดริกเข้าใจพฤติกรรมและนิสัยของตัวเองดีว่าบางครั้งอาจหุนหันพลันแล่นไปหน่อย การกระทำของเขาไวยิ่งกว่าความคิดเสียอีก
“ย้อนกลับไปช่วงปีสาม พวกเรามีโปรเจกต์ถ่ายมิวสิควิดีโอด้วยกัน ในกลุ่ม 8 คน ตอนนั้นโอลเซนรับหน้าที่ผู้กำกับ ส่วนฉันเป็นคนเขียนบท นอกนั้นคนอื่นเป็นทีมจัดไฟ เช็คเสียง ตัดต่อกับนักแสดง เอ็มวีที่พวกเราทำด้วยกันเกี่ยวกับการก้าวข้ามความเป็นเพื่อนที่ฉันตั้งใจสื่อสารกับเกรทเชนโดยเฉพาะ” นักโทษชายพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความเศร้ากึ่งเจ็บใจ เขาเก็บความรู้สึกนี้มานานและในที่สุดก็มีคนยอมฟังจริง ๆ เสียที “เกรทเชนแสดงคู่กับเอ็ดวาร์โด พวกเขาเคมีเข้ากันได้ดีมากจนฉันแอบอิจฉา... ไม่... ฉันอิจฉาเลยแหละ ทำไมเธอดูชอบหนุ่มสเปนนั่นมากกว่าฉัน ฉันคิดด้วยซ้ำว่าทำไมไม่เสนอตัวเป็นนักแสดง ตลอดการออกกองถ่ายทำทั้งสัปดาห์ เกรทเชนเป็นคนที่มาถึงกองเร็วที่สุดแต่ก็รีบปลีกตัวกลับบ้านก่อนใครด้วย”
“แล้วคุณทำยังไงต่อ หลังจากเห็นท่าทีแบบนั้นเหรอ” เชสร่วมวงสนทนาด้วย
“ผมพยายามชวนเกรทเชนไปเดต หลังจากจบโปรเจกต์ตัวนี้แล้ว แต่เธอมักตอบเลี่ยงสารพัดอย่างเหมือนกลัวผมเสียใจ ทั้งที่ผมรับได้นะ ถ้าเธอพูดกับผมตามตรงว่าเธอชอบคนอื่น...”
หึ!
“อ้าว แล้วทำไมกับคุณวินเดอร์เมียร์ คุณไม่เห็นปฏิบัติกับเธอแบบนี้เลยนี่ครับ พวกเธอเป็นผู้หญิงเหมือนกัน เป็นเพื่อนคุณเหมือนกัน พวกเธอต่างกันยังไงเหรอ”
“เกรทเชนเป็นรักแท้รักแรกพบของผมครับ ส่วนโซล... ตอนนั้นผมแค่...” เฮ็นดริกปลดปล่อยน้ำตาไหลอาบแก้มเพราะไม่อาจหาคำอธิบายได้ว่าเขาทำทั้งหมดไปทำไม เขาแน่ใจเพียงว่าสิ่งที่เขามอบให้เกรทเชนเป็นความรักบริสุทธิ์ โซลและเชสได้ยินแบบนั้นแล้วส่ายหน้าสมเพชต่อความไม่ละอายของอีกฝ่าย “อารมณ์ชั่ววูบ”
“จะเรียกว่าวู่วามก็คงไม่ได้ เธอส่งข้อความก่อกวนคุกคามประมาณสองเดือนเลย นับตั้งแต่วันนั้นเธอ ‘วู่วาม’ พุ่งเข้ามาจูบไม่เกรงใจแหวนหมั้นที่นิ้วนางข้างซ้ายของฉัน โอ้ ฉันยังไม่ได้พูดถึงตอนเธอโทรมาทดลองเซ็กส์โฟนอีกนะ” โทรศัพท์เครื่องบางหน้าจอสัมผัสปรากฏในมือของโซล เธอเลื่อนหน้าจอให้เฮ็นดริกดูสารพัดข้อความที่เขาส่งหาเธอทุกสามชั่วโมง ตลอดสองเดือน “เดาว่าเธอก็คงทำแบบนั้นกับเกรทเชนมาก่อน ถึงได้กล้าทำกับฉันเหมือนกัน...”
“ไม่... เธอไม่ได้ฟัง... ฉันไม่ได้ทำอะไรเกรทเชนทั้งนั้น โอเค๊ ไม่ได้แตะต้องแม้แต่ปลายเล็บด้วย”
“แล้วทำไมเกรทเชนถึงได้หนีไปล่ะ” เฮ็นดริกชะงักกับคำถามของโซล แม้แต่ยมทูตยังแยกยิ้ม เขามองดูเส้นเวลาการใช้ชีวิตของหญิงสาวชื่อ เกรทเชน จาร์วิส ตลอดการสนทนากับเฮ็นดริก ด้วยสายตาที่เป็นกลางของเชส เขาไม่สงสารอาวรณ์การแสดงของเฮ็นดริกเลย “ฉันใช้เวลากับเธอมากเกินไปแล้ว ไม่มีความจริงสักอย่างจากปากของเธอ ไม่มีคำพูดไหนของเธอที่ไม่ใช่การโทษคนอื่นเลย ตั้งแต่วินาทีแรกของการสัมภาษณ์ วินาทีแรกที่หมายศาลไปถึง และวินาทีแรกที่เธอได้รับจดหมายจากฉัน รวมถึงเมื่อกี้นี้ด้วย”
“...”
“ฉันจะให้เธอได้พักสักวัน กลับไปคิดว่าความจริงคืออะไรกันแน่ ฉันขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับคนอีโก้อย่างเธอแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะกลับมาใหม่พร้อมกับบทลงโทษสุดท้าย” โซลทิ้งท้ายแล้วออกจากห้อง หายไปเป็นอากาศที่มองไม่เห็น มีเพียงเชสที่ยังอยู่ห้องพยาบาลกับเฮ็นดริก
“บทลงโทษอะไรครับ แค่ติดคุกก็แย่พอแล้วนะ!” นักโทษชายลุกรี้รุกลนเพราะความกลัว เขาเช็ดคราบน้ำตาเต็มแก้มออกด้วยหลังมือ ที่ผ่านมามันแย่พอแล้วกับการเห็นโซลทุกที่ที่ไปในเรือนจำและฝันร้ายทุกครั้งที่หลับตา
“ผมก็คงบอกไม่ได้ว่าคืออะไร แต่สบายใจได้ครับ บทลงโทษของโซลไม่ทำให้คุณตายหรอก”
“คุณจะไม่ห้ามเธอหน่อยเหรอ!” เฮ็นดริกรั้งแขนของยมทูตเอาไว้พร้อมกระแทกเสียงใส่ เชสปัดมือของอีกฝ่ายออกพร้อมกับส่งยิ้มให้ขณะเก็บเครื่องมือทำงานของตัวเองเข้ากระเป๋าโค้ท ตอนนั้นเองที่นักโทษหมายเลข 987627 รับรู้ได้ถึงความเยือกเย็นแสนน่ากลัวที่ตนไม่ควรแส่หาเรื่อง
“เธอไม่ได้รบกวนเวลาตายของคุณ ทุกอย่างอยู่ใต้การสังเกตการณ์ของผม... ที่สำคัญนะ ถ้าผมเป็นโซล คุณอาจจะตายตั้งแต่ก่อนถูกส่งตัวเข้าเรือนจำด้วยซ้ำครับ” เชสหุบยิ้ม เลื่อนสายตามองเฮ็นดริกตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างหยามเหยียด คิดเพียงนักโทษคนนี้สมควรแล้วต่อความทรมานหลังจากนี้อีกยี่สิบ สามสิบปี “แต่ความตายง่ายเกินไปสำหรับคุณ งั้นก็คิดซะว่า... คุณกำลังถูกปาหินคืนหลังจากที่เคยปาใส่คนอื่นแล้วกันครับ เคยทำอะไรไว้ก็ต้องยอมรับผลของการกระทำให้ได้ ไม่ซับซ้อนครับ”
ยมทูตเดินออกจากห้องพยาบาลโดยที่ยังเห็นโซลพิงกำแพงอีกฝั่ง เธอได้ยินทุกอย่างที่สองคนสนทนากัน ด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้น เธอสับสนว่าเธอกำลังลงโทษเขาหรือตัวเองกันแน่ เพราะทุกครั้งที่คิดถึงอดีต มันก็ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองไม่น้อยกว่าการทำร้ายเฮ็นดริก
เชสชวนโซลออกไปสูดอากาศข้างนอกเรือนจำ ครั้งนี้พวกเขาเปลี่ยนจากการสูบบุหรี่ด้วยกันเป็นการเดินเตร่ที่สวนสาธารณะแบทเทอร์ซี (Battersea Park) ธรรมชาติสีเขียว เสียงรองเท้าวิ่งกระทบทางและสุนัขตัวน้อยตัวใหญ่จรรโลงสายตาของสองอมนุษย์เป็นอย่างดี รวมถึงกลิ่นดอกไม้จากพุ่มเล็ก
ยมทูตหนุ่มและวิญญาณสาวไม่มีตัวตนต่อมนุษย์คนใด พวกเขาจึงเดินไปเรื่อย ๆ ไม่มีจุดหมาย พูดคุยตั้งแต่เรื่องดาราศาสตร์ ความเชื่อ ชีวิต-ความตาย-ความเป็นอมตะรวมถึงความรัก หัวข้ออะไรก็ตามที่ไม่มีชื่อของเฮ็นดริกเพราะพวกเขาเหนื่อยหน่ายกับคนแบบนั้นมากพอแล้วในหนึ่งวัน
ขณะที่เฮ็นดริกตอกย้ำกับตัวเองว่าโซลและเชสไม่เป็นกลางกับเขา เรี่ยวแรงมหาศาลจากใครบางคนโถมคว้าปกคอเสื้อด้วยมือข้างเดียวทำเอาผวา เขาเงยหน้ามองเห็นชายหัวโล้นตัวใหญ่กว่าเป็นเท่าตัวเคี้ยวหมากฝรั่ง จ้องถลึงตาใส่อย่างเอาเรื่อง
“ดูซิ ใครมา...” เขาคือนักโทษหมายเลข 963452 นั่นเอง แถมรายล้อมด้วยลูกกระจ๊อกเกือบสิบคน “หวังว่ากลับมาครั้งนี้จะหยุดแหกปากตอนกลางคืนนะ เสียงมึงแม่งโคตรน่ารำคาญเลย” นักโทษคดีอำมหิตกล่าวเตือนพร้อมปล่อยหมัดเข้าเต็มท้องของเฮ็นดริกจนเสียท่าหัวคะมำ “ถ้าคืนนี้หรือต่อไป มึงร้องปลุกกูแม้แต่แอะเดียวล่ะก็... กูจะทำให้มึงไม่ได้ร้องหรือพูดอีกเลย”
“อย่า... อย่าทำผมเลย”
“ใครสั่งให้มึงพูด!!” นักโทษหัวโล้นต่อยซ้ำอีกครั้งด้วยแรงที่มากกว่าเดิม เขาเจ็บจนพูดไม่ออก มันจุกเสียดไปหมดแต่คนตัวใหญ่กว่าไม่หยุดเพราะความเหลืออด ทั้งหมัดตรง หมัดฮุคและเท้าหนักถีบกระทืบโดยมีแนวร่วมเป็นนักโทษคดีฆาตกรรมคนอื่นอีก ความตายเข้าใกล้เฮ็นดริกทุกวินาทีแต่เขาไม่เห็นตัวตนของเชสที่นี่ หรือนี่คือบทลงโทษของโซล... เธอไม่ได้ปล่อยให้เขาพักเลย การติดอยู่ในคุกคือวังวนความทรมาน ทั้งนอนไม่หลับและถูกกลั่นแกล้งจนเนื้อตัวช้ำ “กูไม่ได้สั่งให้พูดก็อย่าสะเออะพูด!! ไอ้เหี้ยเอ๊ย!!”
ความช่วยเหลือที่เขารอคอยจากพัศดีมาถึงเมื่อสายไป เขานอนกองร้องไห้อยู่กับพื้น ไม่มีแรงแม้แต่จะลุก ไม่เขาก็ไอ้โล้นนั่นที่ต้องถูกขังเดี่ยวเพราะมีประเด็นหลายครั้งหลายหน พัศดีทิ้งร่างของเฮ็นดริกลงบนเตียงในห้องขังพร้อมใส่กลอนประตูล็อคไว้ ส่วนนักโทษหัวโจกอำมหิตคนนั้นไม่ได้อยู่ในโถงแถวนี้แล้ว หลังจากถูกซ้อมจนเหนื่อยหมดแรงและเจ็บทั้งตัว เขาสลบทันทีที่หัวถึงหมอน
#คลั่งฝังแค้น