หากจะต้องประจานความผิดของคุณที่ได้ก่อเอาไว้ ฉันเขียนหนังสือหนึ่งเล่มอุทิศแก่ความชั่วช้าของคุณยังดีกว่า
อาชญากรรม,สืบสวนสอบสวน,ดาร์ค,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
SOMEONE LIKE YOU คลั่งฝังแค้นหากจะต้องประจานความผิดของคุณที่ได้ก่อเอาไว้ ฉันเขียนหนังสือหนึ่งเล่มอุทิศแก่ความชั่วช้าของคุณยังดีกว่า
หนึ่งยมทูต หนึ่งวิญญาณยังสนทนากันในสวนสาธารณะแบทเทอร์ซีใต้แสงจันทร์ เชสเล่าชีวิตการทำงานเป็นผู้รับใช้ความตายให้หญิงสาวรับฟังว่าที่ทำงานของเขามีกฎเกณฑ์อย่างไรบ้าง ไม่ว่ากฎจะเพิ่มใหม่กี่ข้อก็ตามแต่กฎเหล็กข้อสำคัญที่สุดคือการแต่งกายสุภาพให้เกียรติผู้วายชนม์และนำพาวิญญาณผู้ถึงฆาตไปส่งที่มิติตัดสินชะตาให้ทันเวลาเพื่อไม่ให้หลงเหลือเป็นสัมภเวสี โซลประหลาดใจและรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยกับชีวิตของเชส
“ไม่น่าตื่นเต้นหรอกครับ น่าเบื่อจะตาย” เชสแยกยิ้มหวานพร้อมหัวเราะในลำคอที่มีคนคิดว่างานของเขาน่าสนใจ “จริงสิ ผมยังไม่ได้ถามเลยว่าคุณจะลงโทษอะไรเฮ็นดริกเหรอ”
“ไม่ใช่ฉันหรอกที่จะลงโทษเขาน่ะ”
“หืม? ใครครับ” เขาเอียงคอสงสัยเพราะมันผิดคาดจากที่เขาไปสนิท หัวคิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันเพราะเขาควรเป็นกังวลแล้วว่าโซลจะรบกวนเส้นเวลาตายของเฮ็นดริกหรือไม่
“คนที่เขารักที่สุดไง...”
เมื่อคิดได้ดังนั้นคิ้วของเขากระตุกทันที เจตนาใจร้ายหวังทิ่มแทงหัวใจของผู้เคยล่วงเกินอย่างถึงที่สุด ถือว่าอำมหิตไม่น้อยสำหรับหญิงสาวตัวเล็กผ่ายผอมดูแรงน้อย เชสมองดูเธอเริ่มคืนสภาพเหมือนมนุษย์มากขึ้นทุกวินาที เรือนผมยาวสีน้ำตาลมีความเงางามรับเข้ากับแสงจันทร์ แววตาน้ำตาลโกโก้มีประกายของชีวิต แม้แต่สีผิว แก้ม ริมฝีปากอิ่มและเล็บมือก็มีสีของเลือดฝาด เวลาของเธอกำลังจะหมดแล้ว...
“คุณคงไม่อยากไปดูเฮ็นดริกใช่มั้ยครับ”
“ยังค่ะ อยู่ใกล้หมอนั่นนาน ๆ แล้วประสาทจะเสีย” โซลลุกขึ้นเปลี่ยนจากการนั่งบนเก้าอี้เป็นการก้าวเดินด้วยเท้าเปล่าเหยียบผืนหญ้าเย็นยะเยียบ ฝนเพิ่งตกเมื่อชั่วโมงก่อนทำให้ดินชุ่มชื้น เธอรับรู้ความรู้สึกนั้นผ่านเท้าเล็กที่กำลังย่ำมุ่งหน้าไปหากลุ่มหิ่งห้อยใกล้พุ่มไม้ “ฉันว่าจะถามคุณเหมือนกันค่ะ ทำไมตอนนั้นคุณถึงพูดกับเฮ็นดริกแบบนั้นเหรอคะ”
“ตอนไหนเหรอครับ”
“ก่อนคุณออกจากห้องพยาบาล... ที่คุณบอกว่า ‘ถ้าคุณเป็นฉัน คุณจะทำให้เขาตายตั้งแต่ก่อนมาถึงเรือนจำ’ น่ะ ทำไมถึงพูดแบบนั้นเหรอคะ” โซลหันมองคู่สนทนาขณะที่หิ่งห้อยตัวหนึ่งเกาะที่ปลายนิ้ว เธอใช้มือเบาบางโอบเอาไว้ให้มันขยับปีกน้อย ๆ บินบนฝ่ามือของตัวเอง “ฉันเข้าใจว่าความตายต้องเป็นกลางเสียอีก”
“แน่นอนครับว่าความตายต้องเป็นกลางและเท่าเทียม แต่สำหรับผู้รับใช้อย่างผมก็มีหัวใจนะ เคสของคุณทำผมปวดหัว ปวดใจไม่น้อยเลยล่ะ ถึงได้พูดโพล่งแบบนั้นออกไป” เชสยอมรับตามตรงเกี่ยวกับความรู้สึกที่เขามีต่อภารกิจระยะยาวครั้งนี้ เขามีความรู้สึกอคติไม่น้อย “แต่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ต่อให้เขาไม่โดนผมด่าก็ต้องมีคนซ้ำเติมเขาอยู่ดี จนกว่าจะเลิกทำตัวเป็นเหยื่อแล้วสำนึกสักทีนั่นแหละ”
“หึ ก็จริงค่ะ แต่พูดตามตรงเลยนะ... ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบทลงโทษสุดท้ายจะก่อกวนเวลาถึงฆาตของเฮ็นดริกขนาดไหน ฉันอาจจะหาเรื่องปวดหัวให้คุณเพิ่มจริง ๆ ก็ได้”
เชสถอนหายใจครั้งหนึ่งพลางแบมือรับหิ่งห้อยตัวน้อยให้บินรอบมือของตัวเองบ้าง “ผมขอแค่ให้คุณรู้เอาไว้นะครับว่า ผมไม่โทษคุณหรอกที่มีอารมณ์โกรธแค้น ยึดติดกับความผิดมหันต์ที่เขาทำต่อคุณ คุณมีสิทธิ์โกรธได้เต็มที่เลย อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่การผิดคำสัญญาต่อตัวเองและการฆ่าเขา” ยมทูตหนุ่มอธิบายอย่างเป็นมิตร ใจเย็นและเข้าใจหญิงสาว ทันใดนั้นหิ่งห้อยจึงบินหนีหายไป “มันเป็นเรื่องปกติที่ยมทูตต้องเจอตลอดการทำงานอยู่แล้วครับ เวลาถึงฆาตของมนุษย์ไม่แน่นอนหรอก มันแปรปรวนได้เสมอ รวมถึงเวลาของคุณด้วย”
“ขอบคุณนะคะ”
“แต่คุณไม่ได้จะฆ่าเขาใช่มั้ย” เชสถามย้ำเพื่อความมั่นใจเพราะเขาไม่อยากมีปัญหากับหัวหน้าภายหลัง
“ไม่ค่ะ ถึงจะอยากก็เถอะ แต่เขาเพิ่งรับโทษไม่ถึงปีเลย ฉันยังอยากเห็นเขาทรมานไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะพ้นโทษนั่นแหละ”
คืนเดือนเพ็ญ ลมโกรกอ่อน ๆ พัดพาเรือนผมยาวสีน้ำตาลปลิวสยายขณะที่เธอยืนเหม่อมองทิวทัศน์ของตึกรามบ้านช่องจากเนินสูง ทุกวินาทีที่ความโกรธแค้นต่อเฮ็นดริกนำพาเธอให้ห่างเหินจากไวแอ็ต เธอรู้ว่าเขายังอยู่ที่วอลเวิร์ธแต่จิตใจของเธอที่ผูกติดมีพันธนาการนั้น ทำให้เธอยังกลับไปหาเขาไม่ได้จนกว่าจะถึงเวลา
สองอมนุษย์หย่อนใจปล่อยให้ใบหน้าและร่างกายถูกอาบชโลมใต้แสงจันทร์สีขาวสว่าง และอีกครั้งที่เชสถูกรบกวนเวลาพักผ่อนสงบสุขด้วยภารกิจเก็บเกี่ยววิญญาณกะทันหัน เขาพูดเบา ๆ แค่ “ขอตัวก่อนนะครับ” แล้วหายตัวไปด้วยเวทมนตร์ของยมทูต โซลถอนหายใจแล้วหลับตาลงเพื่อให้เวลาไหลผ่านเข็มนาฬิกาบนหน้าปัดไปสู่วันพรุ่งนี้ให้เร็วขึ้น
ขณะที่เฮ็นดริกนอนกระสับกระส่ายบนเตียง จมอยู่ในฝันที่ไม่รู้ว่าเป็นของใคร ความฝันนี้เริ่มต้นด้วยเสียงฮัมเพลงของหญิงสาวเสียงทุ้มเข้ม เธอมีเรือนผมสีทองโดดเด่นนุ่มสลวยเหมือนเจ้าหญิงผมยาวแต่เกล้าม้วนเป็นมวย เขาได้กลิ่นท็อปโน้ตของน้ำหอมดอกวานิลลาราวกับใกล้ชิดกันในโลกความจริง ใกล้จนสามารถรับรสความหวานได้
สถานที่ในความฝันคือสตูดิโอซ้อมเต้นในคณะศิลปกรรมขนาดประมาณร้อยตารางเมตรเพื่อรองรับนักศึกษาทั้งคณะ พื้นลายไม้ขัดเงา มีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดจากรองเท้าผ้าใบของคนอื่น ๆ และเงาสะท้อนของอีกหลายคนในกระจกขนาดใหญ่กินพื้นที่หนึ่งมุมห้อง แล้วเธอคนนั้นหันหน้ามาทางเขาจนได้เห็นดวงตาคู่งามสีมรกตที่โหยหารอคอยมาทั้งชีวิต เขาดีใจจนน้ำตานองหน้า เกรทเชนอยู่ในคลาสเต้นร่วมสมัยโดยอาจารย์คีแกน มาร์สตัน นักออกแบบท่าเต้นชื่อดังและเป็นครูที่โหดเฮี้ยบที่สุด
เฮ็นดริกยืนมองเกรทเชนในเสื้อครอปเอวลอยสีขาวกับกางเกงวอร์มคาร์โกสีเขียวพร้อมด้วยนักศึกษาคนอื่นออกลวดลายขยับตัวพร้อมอาจารย์ในเพลงช้า เธอขยับร่างกายทีละส่วนจากท่อนบน แขนและขาอย่างเป็นระเบียบคล้อยตามจังหวะเพลง กล้ามเนื้อจำท่าของทุกวินาทีของเพลงทำให้เธอเหมือนร่ายรำในสายลม เธอมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกเมื่อแถวถูกแปรให้เธอเป็นดาวเด่นตรงกลางของห้อง สองมือสลับเลื่อนผ่านดวงตาทีละข้างเป็นแนวนอน ก้าวขาไปข้างหน้าด้วยปลายเท้าไปหาหญิงสาวผมดำตรงหน้า ไล้ปลายนิ้วที่คางถึงลำคอแล้วจูงมือเข้าสู่วงกลมร่วมเต้นรำด้วยกันในสตูดิโอ ท่าเต้นคล้ายการเชื้อเชิญให้เขาร่วมวงด้วย ทว่าหนึ่งก้าวที่เขาขยับเข้าห้องสตูดิโอ เกรทเชนกลับเดินออกห่างไปยังทิศทางอื่น ไม่มีความรู้สึกหวาดกลัวต่อเขาแต่จูงมือสาวผมดำไปด้วย เธอเดินไปยังประตูฝั่งตรงข้ามกับเขาซึ่งเปิดออกแล้วมีแต่แสงสว่างวาบ
เพลงช้าจังหวะแทรปส์ (Traps) เสียงขับร้องของนักร้องสาวสลับกับนักร้องชายยังคงบรรเลงอยู่หลังหู เกรทเชนกำลังสวมกอดกับผู้หญิงอีกคนที่แต่งตัวคล้ายกันแต่ตัวสูงกว่าเหมือนนางแบบ เธออีกคนหน้าตาไม่คุ้นอาจเพราะอยู่คนละคณะ ซึ่งไม่ใช่คู่เต้นรำในคลาส เธอมีแววตาสีน้ำเงินดูลึกลับเหมือนคลื่นทะเล ผิวสีน้ำผึ้งและเรือนผมสีดำสนิทถักเปียหลวมไว้หน้าม้า แม้เขาไม่แน่ใจว่าเธอเป็นใคร แต่เห็นพวกเธอเต็มไปด้วยความรักแล้วหน้าร้อนผ่าว เฮ็นดริกจึงลองสมมติชื่อให้เป็น ‘เลเธีย’ เพราะความฝันนี้คงไม่จบเร็ว ๆ นี้
ริมฝีปากอวบอิ่มของสองสาวแลกจุมพิตกันดูดดื่มจนได้ยินเสียงในลำคอ เขาไม่ได้ยืนอยู่ในสตูดิโอซ้อมเต้นอีกต่อไปเพราะบรรยากาศเปลี่ยนเป็นห้องสี่เหลี่ยมฝั่งหน้าจั่วของบ้าน ผนังสีชมพูกระทบด้วยแสงจากหลอดไฟสีเหลืองส้มดูอบอุ่น แต่ไม่อุ่นเท่าสัมผัสจากมือของพวกเธอที่ไล้ลูบทั่วอย่างซุกซน เตียงนอนมีกระเป๋าและสิ่งของวางกระจัดกระจาย คู่รักไม่สนใจอะไรนอกจากร่างกายของกันและกัน ภาพตรงหน้าผ่านกล้องส่องทางไกลชวนปวดใจไม่ต่างจากมองโซลกับคนรักในคืนที่ผ่านมาแต่หยุดดูไม่ได้
เลเธียใช้ปลายจมูกเย้าหยอกแก้มและใบหูของเกรทเชน ก่อนจะลากกลีบปากชมพูตามหน้าท้องขาว เธอซุกใบหน้าบนต้นขาพร้อมประทับจูบจนอีกฝ่ายหลุดเสียงคราง เกรทเชนส่งเสียงกระซิบว่าเธอโหยหาเลเธียและเปียกฉ่ำขนาดไหนจากเล้าโลมก่อนหน้า ใบหน้าแดงก่ำด้วยความรู้สึกเร่าร้อนหิวโหยความรักเต็มที่แล้ว เธอถอดอาภรณ์จิ๋วตัวสุดท้ายจนเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า นัยน์ตาสีมรกตและมหาสมุทรผสานกันพร้อมกับร่างกายผ่ายผอม สะโพกขาวนวลกับสีน้ำผึ้งโยกขยับตามจังหวะของหัวใจ แขนสองคู่โอบกอดแน่น ผลัดกันเปล่งเสียงครางคล้ายขับร้อง
อีกครั้งที่เฮ็นดริกอยากมีส่วนร่วมด้วยแม้เป็นเพียงจินตนาการในความฝันก็ตาม เขาลดกล้องส่องในมือและมองดูกิจกรรมของสองสาวอย่างใกล้ชิด เขาคลานขึ้นบนเตียงทั้งในชุดผู้ต้องขังหาพวกเธอเพื่อซุกไซ้ปลายจมูกที่ลำคอของสาวผมดำ ขณะที่กำลังจะเปลี่ยนไปมอบความรักให้สาวผมทองบ้าง เสียงร้องครางที่เคยได้ยินเปลี่ยนเป็นกรีดร้องดังลั่นแสบหูและยืดยาน
นักโทษชายสะดุ้งจากฝันด้วยเสียงร้องน่าสยองแต่เสียงนั้นยังคงอยู่... ดังและใกล้มาก จนกระทั่งเขาปรับสายตาในความมืดได้ก็พบกับหญิงสาวเรือนผมยาวสีทอง ผิวซีดเผือดทั้งตัว ดวงตาคู่งามที่เคยน่าหลงใหลกลับกลวงโบ๋เป็นความมืด ปากอ้าค้างเป็นที่มาของเสียงโหยหวน เฮ็นดริกเห็นแบบนั้นแล้วขนลุกชูชันยิ่งกว่าตอนเผชิญหน้ากับโซลเพราะเกรทเชนน่าสยองกว่ามาก เขาลุกจากเตียงเขย่าลูกกรงแต่มันถูกล็อกจากภายนอก
เขาหนีไปไหนไม่ได้แล้ว...
“อยากอยู่ด้วยกันนักไม่ใช่เหรอ ฉันก็มาแล้วนี่ไง” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น เฮ็นดริกร้องห่มร้องไห้เหมือนเด็กขณะที่เขย่าประตูต่อไป เขาไม่กล้าสบตามองเธออีกแล้ว ทั้งที่เป็นฝ่ายโหยหาต้องการเธอตั้งแต่แรก “ฉันมาแล้ว... อยากคุยอะไรกับฉันงั้นเหรอ... ยังต้องการอะไรอีกงั้นเหรอ... ที่ผ่านมายังไม่พออีกรึไง...”
“เกรทเชน คือฉัน...”
“เกรทเชนตายไปตั้งนานแล้ว!!ไม่มีคนที่ชื่อเกรทเชน จาร์วิสอีกแล้ว!! เธอฆ่าฉันไปแล้ว จำไม่ได้เหรอ!?”
#คลั่งฝังแค้น