‘เฟยหลง’ ไม่เคยสนใจผู้หญิงจนกระทั่งพบกับเธอ เเละคำเเนะนำจากของลูกพี่ลูกน้องได้บอกกับเขาว่า “ถ้าอยากรู้ว่าหลงรักไหม ให้ลองกอดดูสิ !”
รัก,ตลก,ชาย-หญิง,จีน,ครอบครัว,รักวัยรุ่น,นิยายจีน ,แอบรักเจ้านาย ,ดราม่า,รักแรก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เพียงรักที่ปรารถนา‘เฟยหลง’ ไม่เคยสนใจผู้หญิงจนกระทั่งพบกับเธอ เเละคำเเนะนำจากของลูกพี่ลูกน้องได้บอกกับเขาว่า “ถ้าอยากรู้ว่าหลงรักไหม ให้ลองกอดดูสิ !”
ความฝันของ ‘ฟางเหม่ยอี้’ คือการมีความรักสักครั้งหนึ่งในชีวิต และเมื่อวันที่ปรารถนามาถึง เจ้าชายปริศนาได้มอบดอกกุหลาบให้ 999 ดอก นั้นให้กับเธอ แต่ใครจะไปรู้ว่าคือเขากันละ !
ทว่าสำหรับ ‘เฟยหลง’ การที่ได้มองรอยยิ้มของสาวน้อยนั้นทำให้เขามีความสุขมากที่สุด แม้จะไม่ยอมรับว่าแอบชอบเธอก็ตาม แต่ทว่าลูกพี่ลูกน้องได้บอกกับเขาว่า “ถ้าอยากรู้ว่าหลงรักไหม ให้ลองกอดดูสิ !”
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนา
Chapter 3
เดินมาถึงร้านอาหารไม่ห่างจากห้องพักของเหม่ยอี้มากนัก นั่นคือร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่โปรดมากที่สุด ตั้งอยู่ริมข้างทางในซอยแห่งหนึ่ง ผู้คนนั้นเดินผ่านไปมาวันนี้ก็คนเยอะอีกเช่นเคย
“เหมือนเดิมเลยจ้ะป้า”
หญิงสาวสั่งเหมือนทุกครั้งที่หนิงเหอไม่กลับมาทานข้าวมื้อเย็น
ไม่นานนักเกินสิบนาทีก๋วยเตี๋ยวเนื้อชามพิเศษได้วางลงบนโต๊ะตรงหน้า เหม่ยอี้ไม่รอช้าที่จะหยิบตะเกียบขึ้นทานทันที รสชาติอาหารยังถูกปากเสมอ หญิงสาวใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีอาหารจานพิเศษจนหมดเกลี้ยง
เธอหันไปเรียกจ่ายเงิน ก่อนที่จะเดินออกจากร้านไป
เหม่ยอี้ยังไม่อยากกลับบ้าน เธอจึงตัดสินใจที่จะเดินเล่นในสวนสาธารณะตอนกลางคืน ความรู้สึกเปลี่ยวเหงาหัวใจแทรกซึมเข้ามา ทุกทีเมื่อเดินมองคู่รักจับมือกัน หญิงสาวจึงเลี่ยงเดินจากไปโดยเร็วที่จะไม่มอง ครั้นเมื่อหยุดเดินลงส่งสายตามองชายหญิงคู่หนึ่งที่ดูเหมือนกำลังทะเลาะกันอยู่
อ่า...สุดท้ายแล้วคบกันก็ต้องถูกทิ้งอยู่ดีสินะ ไม่ต่างจากตอนที่ขอคบกันเลย เรื่องแบบนี้ต้องใช้โชคช่วยชัด ๆ เหม่ยอี้มองอย่างทำใจก่อนที่จะเดินกลับมาที่ห้องพักซึ่งก็เป็นเวลาเกือบสองทุ่มแล้ว แต่ไม่มีท่าทีที่หนิงเหอจะ กลับมา เธอจึงเข้านอนโดยไม่ได้รอเพื่อนสาวอีกต่อไป
เช้าวันรุ่งขึ้น...
สายแล้ว ! !
เหม่ยอี้วิ่งมาหยุดอยู่ที่หน้าบริษัท พลางสูดลมหายใจเข้า เธอส่งสายตามองพนักงานหลายคนที่ทยอยเดินเข้ามาทำงานด้วยท่าทางสบาย ๆ แต่นี่ก็แปดโมงสิบนาทีแล้ว ทำไมถึงยังไม่วิ่งอีก หญิงสาวยืนตัวตั้งมั่นก่อนที่จะก้าวผ่านประตูใหญ่เข้าไป สองเท้าก้าวยาวไปยังลิฟต์ที่กำลังจะปิดลงแต่ทว่า...เธอกลับตะโกนเสียงดังขึ้น
“รอด้วยค่ะ ! รอด้วย !”
ประตูลิฟต์เปิดออกอีกครั้ง หญิงสาวก้าวเข้ามาก้มหน้าอย่างอาย ๆ ที่เผลอตะโกนเสียงดัง โชคดีที่คนในลิฟต์มีกันแค่สี่คนรวมเธอด้วย ไม่อย่างนั้นละก็เธอคงต้องอายทั้งวันแน่ เหม่ยอี้เอื้อมมือไปกดชั้นที่สิบห้า ก่อนที่จะยืนก้มหน้าอยู่เงียบๆ ในขณะที่ลิฟต์เคลื่อนตัวผ่านชั้นที่แปดก่อนจะหยุดลงในชั้นที่เก้า ทันทีที่ประตูเปิดออกชายหนุ่มก้าวเข้ามาข้างใน แค่เขายิ้มก็เรียกเสียงกรี๊ดของบรรดาพนักงานสาว ๆ ได้
หัวใจของเหม่ยอี้แทบหยุดเต้นชั่วขณะ เขา ! ! เจ้าชายที่สัมภาษณ์เธอเมื่อวานนี้ ดวงตากลมกะพริบมองชายหนุ่มที่ยิ้มให้กับเธอ
“สวัสดี เหม่ยอี้” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยทักเธอ
“อ่า...สวัสดีค่ะ” เธอยิ้มให้เขาก่อนที่จะก้มหน้าลง เหม่ยอี้กำลังฝันไปใช่หรือไม่ ? ว่าผู้ชายคนนี้ยิ้มและทักเธอ..แบบนี้เรียกว่าความรักใช่มั้ย ?
ติ๊ง ! ถึงชั้นสิบห้าแล้ว เหม่ยอี้ก้าวออกไปก่อนที่จะหันหลังไปมองเขาอีกครั้ง ในขณะที่ประตูลิฟต์ค่อย ๆ ปิดลง
เฮ้อ...ถอนหายใจออกมาอย่างเสียดายที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันนานกว่านี้ หญิงสาวเดินตรงไปยังแผนกฝ่ายบัญชี สายตาของเธอมองทุกคนที่กำลังสนทนากันเรื่องงานกันอย่างเคร่งเครียด เดินจนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องใหญ่ เหม่ยอี้ใช้มือข้างหนึ่งดันประตูห้องเปิดออก สายตาของทุกคนหันมามองเธอเป็นทางเดียว เหม่ยอี้จึงรีบโค้งคำนับให้ก่อนจะยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ในขณะที่ผู้จัดการเย่วเดินเข้ามาหา
“มาสิ ผมจะแนะนำคุณให้ทุกคนรู้จัก” เหม่ยอี้ก้าวเข้ามายืนกลางห้องพลางก้มหน้าลง แต่ก็ยังเหล่สายตามองสีหน้าของทุกคนเป็นระยะ ๆ
“เอาละ ทุกคนฟังผมทางนี้” ซือเหลินกล่าวขึ้น “นี่คือฟางเหม่ยอี้ เธอจะมาทำงานแทนหลิ่งฟาง”
ทุกคนพยักหน้าเข้าใจ หญิงสาวจึงก้มหัวลงพร้อมกับพูดว่า
“ฝากเนื้อ ฝากตัวด้วยนะคะ”
“ที่นั่งของคุณมุมโน้น” ผู้จัดการเย่วพูดขึ้นก่อนที่จะเดินไป ในขณะที่เหม่ยอี้พยักหน้ารับแล้วเดินไปยังโต๊ะทำงานของเธอ สายตาทุกคนจ้องมองเป็นตาเดียวจึงทำให้เธออดสงสัยไม่ได้ว่าจ้องเธอเรื่องอะไร
“เอ่อ...”
“ได้ข่าวว่าผอ. จิ้นฝูเป็นคนสัมภาษณ์เธอจริงมั้ย ?” ฮุ่ยลี่หนึ่งในพนักงานของแผนกเอ่ยถามขึ้น ซึ่งสีหน้าของทุกคนก็รอฟังคำตอบจากเธอ เหม่ยอี้กะพริบตามองเก็บข้อมูลอย่างงง ๆ หมายความว่าผู้ชายที่สัมภาษณ์เธอคือ ผอ. จิ้นฝู ! !
“อืม” หญิงสาวพยักหน้าตอบ
“ว้าว ! น่าอิจฉาจังเลย” เสียงของฮุ่ยลี่พูดด้วยความเสียดาย
“นั่นสิ” อีกคนจึงเริ่มเสริมขึ้น
“ทำไมเหรอ ?” เธอถามอย่างสงสัย
“เธอมาใหม่ยังไม่รู้สินะ ว่าผอ. จิ้นฝูเป็นขวัญใจของสาว ๆ ในบริษัทเราเลยละ และทุกคนก็ฝันที่อยากจะเดทกับเขาสักครั้งหนึ่ง !” เหม่ยอี้ยิ้มให้ก่อนที่จะหลบสายตาลง หมายความว่าความหวังของเธอแทบเป็นศูนย์เลยด้วยซ้ำ เมื่อผู้ชายคนนี้เป็นขวัญใจของทุกคน และเขามีสิทธิ์ที่จะเลือกผู้หญิงที่ดีกว่าเธอด้วยซ้ำ
สวรรค์ไม่เข้าข้างเธอเลย !
“งั้นเหรอ”
เหม่ยอี้ตอบด้วยน้ำเสียงปกติ ใจเริ่มแผ่วและหมดหวังลง...ความรักหนอหายากที่สุด และ...ชีวิตนี้เธอคงไม่มีโอกาสได้สัมผัสมันแล้วจริงๆ
“ใช่น่ะสิ !”
“อ่ะแฮ่ม !”
เสียงกระแอมของผู้จัดการเย่วดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมอง
“ทำงานกันได้แล้ว อยากให้ผมรายงานเบื้องบนมั้ย”
เท่านั้นทุกคนที่ต่างลุกขึ้นยืนจ้องเหม่ยอี้รีบขยับตัวลงทำงานทันที เหม่ยอี้หันไปหาหญิงสาวข้าง ๆ ตัวเธอพร้อมกับพูดขึ้น
“เอ่อ...นี่คือเอกสารที่ฉันต้องทำใช่มั้ย ?”
ฮุ่ยลี่มองก่อนจะพยักหน้า
“ใช่แล้ว งานตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนเลยละ นี่เหลือนิดเดียวแล้วเราต้องเคลียร์ให้เสร็จภายในวันนี้ ตั้งแต่หลิ่งฟางลาออกไปงานที่แผนกก็เสร็จช้าลงเลย”
“อ้อ” หญิงสาวขานรับก่อนที่จะขยับตัวมานั่งทำงานต่อ นับว่าเป็นโชคดีตอนที่เธอฝึกงานในบริษัทแห่งหนึ่งได้มีพื้นฐานของการทำงานมาอยู่บ้าง เลยไม่ต้องรออะไรมา เหม่ยอี้ตั้งใจว่า เธอจะทำงานให้ดีที่สุด !
“นายตัดสินใจกับเรื่องนี้ยังไง” เฟยหลงเอ่ยถามขึ้นในขณะที่นั่งไขว่ข้างอยู่ที่โซฟาตัวใหญ่ ตรงข้ามหน้าเขาคือจิ้นฝู ที่ยังนิ่งเงียบไม่พูดแต่ยิ้มออกมา
ประธานหนุ่มเลิกคิ้วมองญาติผู้น้องที่ถอนหายใจออกมา เขาจึงเป็นฝ่ายที่เกริ่นขึ้นเองอีกครั้งหนึ่ง “สินค้าที่ออกไปยังไม่ได้รับผลตอบรับที่ดีมากนัก แล้วแบบใหม่นายคิดว่าผู้บริโภคจะสนใจอย่างนั้นเหรอ ?” นับว่าเป็นความเสี่ยงอย่างสูงที่จะเปิดตัวสินค้าชิ้นใหม่ในขณะที่ผลตอบแทนชุดเก่ายังไม่ดีพอ ทั้งที่ผ่านมาแบรนด์สินค้าจากบริษัทก็ขายดีมาตลอด
“ผมคิดว่าสินค้าของเราไม่ใช่ทุกคนไม่ชอบ เพียงแต่ว่าราคาสูงเพิ่มมากขึ้นจากเมื่อปีที่แล้ว เลยทำให้ผู้ซื้อลดลงไปด้วย” จิ้นฝูกล่าว
ทำให้เฟยหลงหยุดคิด นั่นเป็นความจริงเพราะราคาเสื้อผ้าแต่ละชุดที่ออกสู่ตลาดมีราคาสูงกว่าปีก่อน เนื่องจากต้นทุนที่สูงเป็นทุนเดิมทำให้ราคาขายจึงสูงเพิ่มขึ้นไปอีก
“ผมคิดว่าเราต้องมาดูที่ต้นทุนการผลิต” จิ้นฝูเสนอ
“งั้นเราต้องดูแบบเสื้อผ้าอีกที แล้วมาดูต้นทุนการผลิตว่าใช้วัสดุประเภทไหนบ้าง” เฟยหลงกล่าว “แล้วแบบชุดอันนี้...ฉันคิดว่ามันยังไม่ดูแปลกใหม่หรือสะดุดตาเท่าที่ควร และมันแทบไม่ต่างจากแบบเดิมเท่าไหร่เลย นายจัดการให้แผนกออกแบบนำกลับไปแก้ไขให้เรียบร้อยด้วย”
จิ้นฝูคิดอยู่แล้วว่าเฟยหลงต้องพูดออกมาแบบนี้ “โอเค”
“จริงสิ วันนี้นายจัดการไปงานเลี้ยงของซูลี่แทนฉันด้วยนะ”
เฟยหลงพูดพร้อมกับหยิบการ์ดเชิญที่อยู่ในแฟ้มส่งให้จิ้นฝู
หนุ่มเจ้าสำราญอึ้งนิดๆ เพราะหญิงสาวที่ชวนเฟยหลงใช่สาว ๆ ธรรมดาเสียที่ไหน แต่เป็น...ซูลี่เป็นรุ่นน้องสมัยเรียนมหาวิทยาลัยและเป็นถึงนักเปียโนระดับประเทศที่หนุ่ม ๆ นั้นอยากจะออกเดทด้วย โอกาสดี ๆ แบบนี้หาได้ยากไม่น่าปฏิเสธไปเลย
“พี่ไม่ไป ?”
“ฉันไม่ชอบ ถ้าไปเท่ากับใส่ใจ”