‘เฟยหลง’ ไม่เคยสนใจผู้หญิงจนกระทั่งพบกับเธอ เเละคำเเนะนำจากของลูกพี่ลูกน้องได้บอกกับเขาว่า “ถ้าอยากรู้ว่าหลงรักไหม ให้ลองกอดดูสิ !”
รัก,ตลก,ชาย-หญิง,จีน,ครอบครัว,รักวัยรุ่น,นิยายจีน ,แอบรักเจ้านาย ,ดราม่า,รักแรก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เพียงรักที่ปรารถนา‘เฟยหลง’ ไม่เคยสนใจผู้หญิงจนกระทั่งพบกับเธอ เเละคำเเนะนำจากของลูกพี่ลูกน้องได้บอกกับเขาว่า “ถ้าอยากรู้ว่าหลงรักไหม ให้ลองกอดดูสิ !”
ความฝันของ ‘ฟางเหม่ยอี้’ คือการมีความรักสักครั้งหนึ่งในชีวิต และเมื่อวันที่ปรารถนามาถึง เจ้าชายปริศนาได้มอบดอกกุหลาบให้ 999 ดอก นั้นให้กับเธอ แต่ใครจะไปรู้ว่าคือเขากันละ !
ทว่าสำหรับ ‘เฟยหลง’ การที่ได้มองรอยยิ้มของสาวน้อยนั้นทำให้เขามีความสุขมากที่สุด แม้จะไม่ยอมรับว่าแอบชอบเธอก็ตาม แต่ทว่าลูกพี่ลูกน้องได้บอกกับเขาว่า “ถ้าอยากรู้ว่าหลงรักไหม ให้ลองกอดดูสิ !”
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนา
Chapter 4
“พี่ไม่ไป ?”
“ฉันไม่ชอบ ถ้าไปเท่ากับใส่ใจ” เฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ราวกับไม่ใส่ใจความรู้สึกของคนชวนสักนิด แต่ที่พูดมาก็มีเหตุผล จิ้นฝูรู้ดีว่าซูลี่คิดยังไงกับเฟยหลง แม้จะหลายปีมาแล้วแต่ดูเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด
“แล้วจะให้ผมไปแทน ?” จิ้นฝูถาม ซึ่งเขาเองก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เพราะทุกคืนก็ออกไปเที่ยวที่ผับประจำหรือไม่ก็จัดปาร์ตี้ที่คอนโด ฯ แต่ถ้าทำแบบนี้เท่ากับหักน้ำใจของซูลี่เป็นอย่างมาก
“แบบนี้เธอจะเสียใจนะ”
“เธอโทรมาชวนแต่ฉันบอกซูลี่ไปแล้วว่าไม่ไป ก่อนที่จะได้บัตรเชิญอีก” เฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ พร้อมกับลุกขึ้นจากโซฟา
จิ้นฝูลุกขึ้นตาม “แล้วถ้าผมไม่ไปล่ะ”
“ก็แล้วแต่นาย ยังไงฉันก็ไม่ไปอยู่แล้ว” ประธานหนุ่มตอบโดยที่ไม่คิดมากสักนิด เล่นทำจิ้นฝูทึ่งเหมือนกัน
“โอเค ผมจะไปให้แล้วกัน และจะบอกเธอว่าพี่ติดงานด่วน อย่างน้อยก็รักษาน้ำใจเธอหน่อย”
จิ้นฝูพูดก่อนที่เอื้อมมือไปหยิบซองการ์ดเชิญแล้วเปิดออกอ่าน “แล้วพี่ไม่คิดมองผู้หญิงคนไหนบ้างหรือ”
เฟยหลงหันมามองจิ้นฝูพร้อมกับส่ายหน้า
“นายไม่จำเป็นต้องยุ่ง”
หนุ่มเจ้าสำราญหัวเราะ “งั้นผมไปทำงานต่อก่อนนะ”
เฟยหลงเพียงแค่พยักรับเท่านั้น ก่อนเดินมานั่งที่ทำงานต่อ ทว่าคำถามของจิ้นฝูยังคงวนอยู่ในหัว ทำให้เขาหัวเราะขึ้นมา...
ความรักน่ะเหรอ…จะไปสนทำไมกัน ?
เหนื่อย ! !
เหม่ยอี้ถอนหายใจพร้อมเอนแผ่นหลังพิงกับพนักเก้าอี้เพื่อพักสายตา เธอบิดตัวซ้ายขวาขจัดความเมื่อยล้าทางกาย ก่อนที่จะเหลือบมองฮุ่ยลี่ที่นั่งเท้าคางบนโต๊ะทำงานด้วยสีหน้าเซ็งๆ
“ใกล้ปีใหม่แล้ว” ฮุ่ยลี่บ่นพึมพำพลางถอนหายใจออกมา “เฮ้อ ! ปีนี้ก็จะผ่านไปแล้วเร็วจัง นี่เหม่ยอี้ เธอเคยมีแฟนบ้างมั้ย”
หญิงสาวมองเพื่อนร่วมงานก่อนที่จะส่ายหน้าเป็นคำตอบ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดจริง ๆ อย่าว่าแต่แฟนเลย เธอไม่เคยมีผู้ชายคนไหนเข้ามาจีบเลยสักครั้ง
ฮุ่ยลี่ขยับตัวเข้ามาใกล้ “จริงๆ น่ะหรือ ?”
เหม่ยอี้พยักหน้าเป็นคำตอบ “ไม่เห็นต้องสนใจเลย !” นั่นเป็นคำพูดปลอบตัวเองมากกว่าปลอบฮุ่ยลี่เสียอีก ก็ในเมื่อเธอสนใจสิ...แต่เมื่อไม่มีความรักเดินเข้ามาหาจะให้เธอทำยังไง นอกเสียจากทำใจให้กับโชคชะตา
“เหงาแย่เลย” เพื่อนร่วมงานสาวพูดเบา ๆ “เธอรู้มั้ย อีกไม่กี่เดือนก็ถึงฤดูความรักแล้ว ฉันอยากมีวันวาเลนไทน์ที่โรแมนติก !”
เหม่ยอี้ยิ้มเจื่อนๆ แน่นอนว่าเธอไม่ค่อยอยากจะได้ยินสักเท่าไหร่
“เอ่อ...ฮุ่ยลี่ นี่ก็เที่ยงแล้ว ไปหาอะไรกินกันดีมั้ย”
“ไปสิ” เมื่อพูดฮุ่ยลี่จึงเอื้อมมือไปบันทึกงานในคอมพร้อมกับกดปิดพักหน้าจอ ในขณะที่เหม่ยอี้จัดกองเอกสารบนโต๊ะของเธอให้เรียบร้อย
“พี่จะไปด้วยกันมั้ย”
เสียงของฮุ่ยลี่เอ่ยถามรุ่นพี่ที่นั่งอยู่โต๊ะฝั่งตรงข้ามเธอ
“เธอไปก่อนเลย”
เมื่อได้คำตอบเช่นนั้นเหม่ยอี้จึงเดินออกจากห้องทำงานไปพร้อมกับฮุ่ยลี่ ซึ่งระหว่างทางเดินเจ้าตัวนั้นเอาแต่บ่นเรื่องความรักในสมัยเรียนให้ฟัง ส่วนเธอเองไม่เคยสัมผัสว่ามีความรักสุขใจยังไง...บางครั้งเธอคิดจะปลงแล้วด้วยซ้ำไป ความรักน่ะเหรอ...อีกนานมั้ยจะมาหาเธอ!
หลังจากที่ทานอาหารมื้อเย็นกับเพื่อนร่วมงานเสร็จ กว่าจะกลับถึงห้องก็สี่ทุ่ม เหม่ยอี้เดินเข้ามาพร้อมกับทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยความเหนื่อยล้า พลางถอนหายใจออกมาอย่างหนัก หนิงเหอนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาตัวข้าง ๆ เงยหน้าขึ้นแล้วปิดหนังสือลง ก่อนจะหันมองเพื่อนสาวแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ
“เฮ้อ...”
“เป็นอะไร นี่แค่วันแรกเองนะ เธอก็ถอนหายใจขนาดนี้”
หญิงสาวหันไปมองหนิงเหอที่ยิ้มขำ ๆ ก่อนที่จะเด้งตัวขึ้นและเอื้อมมือหยิบหมอนขึ้นกอดด้วยท่าทางงอแง
“งานหนักก็จริงนะ แต่ฉันกำลังหนักใจ...โอ๊ยยยย...ทำไมชีวิตฉันถึงไม่มีความรักกับเขาบ้างเลย ! !”
เธอยกมือขึ้นขยี้เส้นผมสีน้ำตาลพร้อมสีหน้าแสดงถึงอารมณ์บูดบึ้ง แต่คนที่มองได้เพียงแค่หัวเราะออกมาเท่านั้น
“หนิงเหอรู้มั้ย ! ไปที่ทำงานทุกคนก็พูดเรื่องความรักกัน ฉันเนี่ยได้แค่ฟัง...ฟัง และฟัง ! อิจฉาที่สุดเลย ! !”
เมื่อได้ยินหนิงเหอถึงกับต้องหัวเราะออกมาเสียงดัง นั่นไม่แปลกเลยเพราะเรื่องความรักเป็นเรื่องปกติที่เวลาผู้หญิงอยู่ด้วยกันมักพูดกันบ่อยรองจากเรื่องความสวยความงาม คงจะมีเหม่ยอี้เท่านั้นล่ะมั้งที่ไม่อยากจะฟังทั้งสองเรื่องนี้
“เหม่ยอี้...ฉันว่าเธอคิดมากเกินไปนะ” หนิงเหอกล่าว
“คิดมาก ?” เหม่ยอี้ทวนคำพูดก่อนที่จะหันมาสบตาเพื่อนสาว
“ใช่แล้ว”
“เฮ้อ...” หญิงสาวถอนหายใจออกมา ในใจยอมรับว่าคิดมากและเริ่มอยากที่จะสัมผัสความรักสักครั้งในชีวิต เธออิจฉาผู้หญิงที่มีความรักกันแต่กับตัวเองไม่เคยมีสักนิด “ฉันคิดว่า ฉันทำใจกับเรื่องนี้ดีกว่า !”
“ทำใจ ?” หนิงเหอหัวเราะส่ายหน้า จำได้ว่าตั้งแต่รู้จักกับเหม่ยอี้มา เจ้าตัวนั้นพูดทำใจหลายครั้งจนนับไม่ถ้วน แต่สุดท้ายก็ยังหวังอยู่ดีว่าตัวเองอยากจะมีความรักกับคนอื่นเข้าบ้าง
เธอพยักหน้าแทนคำตอบทั้งที่ใจยังแอบหวังอยู่ หากถามว่าตอนนี้มีใครในใจก็คงต้องเป็นจิ้นฝู ! ! เขาดูหล่อและอัธยาศัยดีมาก ๆ
“พรุ่งนี้เธอก็เปลี่ยนใจ” หนิงเหอพูดก่อนที่จะเอื้อมมือหยิบหนังสือแล้วลุกขึ้น “ฉันไปนอนก่อนนะ ฝันดี”
เหม่ยอี้พยักหน้า “อืม ฝันดี”
หลังจากที่หนิงเหอเข้าห้องไปแล้ว คราวนี้เธอก็ได้แค่เดินหยิบกระเป๋าและเดินเข้าห้องของตัวเองไป ทิ้งตัวลงเตียงก่อนที่จะดิ้น ๆ และ ร้องโวยวายออกมา “ความรัก ! น่าเบื่อที่สุด !”
ปากบอกแบบนั้นแต่ใจของเธอกลับโหยหายิ่งเสียกว่าอะไร...
พระเจ้า ! ได้โปรดส่งเจ้าชายมารักฉันทีเถอะ !
เสียงพูดคุยของเพื่อนพนักงานในช่วงเช้าดังเช่นทุกวันซึ่งแต่ละเวลามีเรื่องให้คุยกันไม่ซ้ำ เหม่ยอี้ถอนหายใจกับเรื่องที่อยู่ในหัวตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ จนกระทั่งเสียงของผู้จัดการเย่วดังขึ้น ทุกคนก็ต่างรีบขยับตัวเข้านั่งประจำที่ทันที
“เหม่ยอี้คุณเอาเอกสารตรงนี้ ไปถ่ายเอกสารให้ผมที” เมื่อได้ยินเสียงเรียกหญิงสาวเงยหน้าพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปหา ก่อนที่จะเอื้อมมือรับแฟ้มพลาสติกเอสี่มา
“ค่ะ” ขานรับในขณะที่ผู้จัดการเย่วเดินออกไป เธอจึงเดินกอดเอกสารที่ตัวไปยังจุดถ่ายเอกสาร มือเรียวเล็กเริ่มงมกับเครื่องตรงหน้าที่ไม่เคยใช้มาก่อน
มันใช้ยังไง ! ! แม้ว่าเธอจะเคยฝึกงานมาแต่เธอไม่เคยเดินมาถ่ายเอกสารมีเพียงแค่ถูกสั่งให้คีย์ข้อมูลหรือเดินส่งเอกสารตามห้องประชุมของแผนกต่าง ๆ
“ให้สอนดีกว่ามั้ย?” เสียงทุ้มของใครบางคนทำให้เธอหันไปมอง
ผอ. จิ้นฝู เจ้าชายของเธอนั่นเอง ! !
เหม่ยอี้ยิ้มหวานให้พร้อมกับสบตามองชายหนุ่ม
“ให้ผมสอนดีกว่า ดูท่าวันนี้คุณคงถ่ายเอกสารไม่เสร็จ”
จิ้นฝูเดินเข้ามาก่อนที่จะเริ่มสอนโดยการบอกว่าเมื่อเริ่มถ่ายเธอควรกดปุ่มไหนและทำอย่างไรบ้าง ดูเหมือนประโยคที่เขาพูดหลัง ๆ จะไม่เข้าหูของเหม่ยอี้เสียแล้ว เมื่อเธอเอาแต่จ้องหน้าของเขาด้วยความหลงใหล
คนอะไรหล่อเว่อร์ ! แถมยังใจดีอีกด้วย !
“เหม่ยอี้ !” ชายหนุ่มเรียก ทำให้เธอสะดุ้งขึ้นพร้อมกับมองด้วยท่าทางงุนงงเล็กน้อย “เสร็จแล้วละ”
เขาส่งเอกสารที่ออกมาจากเครื่องและต้นฉบับให้กับเธอ หญิงสาวเอื้อมมือรับพร้อมยิ้มหวานรับด้วยท่าทางดีใจ
“ขอบคุณค่ะ”
“ทีนี้ก็ต้องฝึกใช้ให้คล่องละ อย่าช้าล่ะ เอกสารในที่ประชุมช้าไม่ได้” จิ้นฝูกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “ผมไปละ”
“อ่า...ค่ะ” มองชายหนุ่มเดินใจไปด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ
แค่นี้เธอก็ยิ้มจนหุบไม่ลงแล้ว ! !
เหม่ยอี้เดินกลับมาด้วยสีหน้าที่ยิ้มจนแก้มทั้งสองข้างที่กลม ๆ ของเธอเปล่งออกมาได้ชัด เธอเดินเข้ามาในห้องทำงาน ก่อนที่จะส่งเอกสารให้ผู้จัดการเย่วแล้วกลับมานั่งลงที่ตามเดิม
ยิ้มไม่หุบจนฮุ่ยลี่ที่นั่งทำงานอยู่ข้าง ๆ สังเกตขึ้นมา “เหม่ยอี้เป็นอะไรไปน่ะ ทำไมแก้มเธอแดงขนาดนั้น”