เรื่องราวที่เกิดขึ้นมานานแล้วในดินแดนที่ชื่อว่ากริฟฟาลอส ได้เกิดสงครามขึ้นจากจักรวรรดิที่มีชื่อว่าดราเคียร์ที่ต้องการบุกยึดดินแดน ทำให้องค์ชายต้องผจญภัยเพื่อหาทางกู้อาณาจักร!

The Wind's Chronicle ตำนานแห่งสายลม - บทที่ 1 ตอนที่ 2 ดราเคียร์ โดย TheNarratorB @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แอคชั่น,ผจญภัย,แฟนตาซี,สงคราม,แฟนตาซี,แอคชั่น,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,พล็อตสร้าง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

The Wind's Chronicle ตำนานแห่งสายลม

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,ผจญภัย,แฟนตาซี,สงคราม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,แอคชั่น,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,พล็อตสร้าง

รายละเอียด

เรื่องราวที่เกิดขึ้นมานานแล้วในดินแดนที่ชื่อว่ากริฟฟาลอส ได้เกิดสงครามขึ้นจากจักรวรรดิที่มีชื่อว่าดราเคียร์ที่ต้องการบุกยึดดินแดน ทำให้องค์ชายต้องผจญภัยเพื่อหาทางกู้อาณาจักร!

ผู้แต่ง

TheNarratorB

เรื่องย่อ

เนื้อเรื่อง : TheNarratorB

ภาพปก : Milky Pippi

สงครามระหว่างเหล่าทัพปะทุขึ้นอีกครั้งในดินแดนอันสงบสุขแห่งนี้

ทวีป "กริฟฟาลอส" ผ่านสงครามมาหลายครั้งหลายครา

แต่ครั้งนี้มันกลับรุนแรงที่สุด

เมื่อจักรวรรดิเหล็กกล้าอันเรืองอำนาจนามว่า "ดราเคียร์" นำเครื่องยนต์และเครื่องจักรสงครามเข้าสู่สมรภูมิ

ความหวังสุดท้ายจึงมาอยู่ที่อาณาจักร "วินดาเรีย" 

และองค์ชายคนสุดท้องของตระกูล...

"วิลเลี่ยม วินด์"

จึงต้องออกเดินทางเพื่อช่วยอาณาจักรและต่อสู้กับเหล่าจักรกลพร้อมๆกับเพื่อนๆและสหายของเขา

จึงเกิดเป็นตำนานบทใหม่ในดินแดนแห่งนี้...

THE WIND'S CHRONICLE

ตำนานแห่งสายลม

สารบัญ

The Wind's Chronicle ตำนานแห่งสายลม-บทที่ 1 ตอนที่ 1 หน้าที่,The Wind's Chronicle ตำนานแห่งสายลม-บทที่ 1 ตอนที่ 2 ดราเคียร์,The Wind's Chronicle ตำนานแห่งสายลม-บทที่ 1 ตอนที่ 3 สัญญา ณ สนธยา

เนื้อหา

บทที่ 1 ตอนที่ 2 ดราเคียร์

TW Blood/Violence เลือดและความรุนแรง

====================================

 

เสียงโหวกเหวกโวยวายดังไปทั่วค่ายทหาร เหล่าทหารมากมายกำลังแตกตื่นกับการมาถึงของกองทัพที่พวกเขาเรียกมันว่าทัพดราเคียร์ ทั้งๆทีพวกเขาอยู่แนวหลังแท้ๆ แต่ทำไมพวกมันกลับทะลวงมาถึงจุดนี้ได้

"เราต้องต้านพวกมันไว้!"

"พวกมันผ่านกองร้อย 42 มาได้ยังไง?!" 

ความวุ่นวายในกองทหารได้เกิดขึ้น เหล่าทหารต่างวิ่งชลมุน บ้างก็หยิบอาวุธ และอุปกรณ์ให้เตรียมพร้อมรบ วิลเลี่ยม และเบลล่า วิ่งไปตามหาเฮนรี่ และคนอื่นๆ เพื่อเตรียมอพยพทหารฝึกหัดทุกคนออกจากพื้นที่ก่อนการมาถึงของทัพดราเคียร์ 

"เฮนรี่! พี่อยู่ไหน?!" วิลเลี่ยมตะโกนสุดเสียงเพื่อตามหาพี่ชายของเขา ท่าทีของวิลเลี่ยมดูกระวนกระวายและตื่นตระหนกจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้

"นายหญิงซุรามินคะ?! อยู่ที่ไหนกันคะ?!" เบลล่าตะโกนเพื่อเรียกหาอาจารย์ของเธอ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมาเลย

"หลบเร็ว! กระสุนปืนใหญ่!!!" ทหารนายหนึ่งตะโกนขึ้นตามมาด้วยเสียงระเบิดดังลั่น ที่ถึงขั้นทำให้พื้นสะเทือนจากแรงระเบิด ฝุ่นคลุ้งกระจายไปทั่วค่ายทหาร ก่อนจะตามมาด้วยเสียงรองเท้าหลายร้อยคู่กำลังวิ่งหนีตาย วิลเลี่ยมถูกแรงระเบิดพัดมาจนกระแทกกับกำแพง เบลล่าเองก็เช่นกัน แต่ด้วยความที่เธอเป็นนักเวทย์ เธอจึงใช้พลังของเวทย์มนต์เพื่อลดแรงกระแทกได้บางส่วน ก่อนจะหันไปดูวิลเลี่ยมที่สภาพดูไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่

"วิล!!" เบลล่าตะโกนเรียกก่อนที่จะเข้าไปช่วยพยุงตัวของวิลเลี่ยมขึ้นมา

"ยังไหวอยู่... ขอบใจมากนะ เบล" วิลเลี่ยมใช้ดาบพยุงตัวขึ้นมาก่อนจะพาตัวเขาเองกับเบลล่าไปที่รถม้าเพื่ออพยพ ระหว่างนั้น เฮนรี่ก็ได้ใช้หอก และโล่ของเขาเพื่อป้องกันทหารรายอื่นพร้อมกับคลอส และขุนพลคนอื่นๆ ทั้งคู่ได้ช่วยกันต้านการโจมตีไว้ได้ก่อนจะพาเหล่าขุนพลแหละทหารถอยทัพไปยังรถม้าหลบหนี

“เบล! วิ่งไปที่รถม้าก่อนเลย! ข้าจะไปช่วยคนอื่น!” วิลเลี่ยมจับดาบขึ้นมาและวิ่งออกไปตามหาคนอื่นที่ยังเหลือรอดโดยไม่ได้ฟังเสียงเรียกของเบลล่าเลยแม้แต่น้อย พุ่งฝ่าฝุ่นทรายเข้าไปและสั่งให้ทหารทุกคนที่กำลังวิ่งหนีตายให้ไปที่รถม้าหลบหนีทันที

“วิลเลี่ยม! องค์ชาย! ช่วยข้าด้วย!” ทหารหนุ่มนายหนึ่งได้วิ่งเข้ามาด้วยท่าทีตื่นตระหนกและหวาดกลัว ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล เขาได้เอื้อมมือเข้าไปหาวิลเลี่ยมเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ท้ายสุดแล้ว…

“ช่วยข้าด้ว– ปั้ง!” เสียงปืนดังลั่น กระสุนพุ่งเข้าเข้าที่ศรีษะของชายคนนั้น เขาเสียชีวิตในทันทีและร่างของเขาค่อยๆล้มลงต่อหน้าวิลเลี่ยม วิลเลี่ยมที่กำลังตื่นตระหนกและกวนวนกระวายถูกเลือดและเศษเนื้อจากศพทหารด้านหน้าเปื้อนเข้าที่ใบหน้า แต่ร่างกายของเขานั้นกลับชาและไม่ขยับ ตาของเขาตั้งข้างและเสียงรอบๆเริ่มจะดับลง 

หลังจากฝุ่นคลุ้งเริ่มจางลง สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าของเหล่าทหารแห่งอาณาจักรคือกองทัพที่ไร้ชีวิต ทั้งตัวห่อหุ้มไปด้วยเครื่องแบบ ปืนคาบศิลาที่ถูกดัดแปลงให้สามารถยิงได้อย่างต่อเนื่อง และตาสีแดงก่ำที่มาจากหลอดไฟ ร่างกายที่เป็นเหล็กกล้าเย็นเยือก พวกเขาคือกองทัพจักรกลของจักรวรรดิดราเคียร์ จักรวรรดิที่ต้องการจะยืดครองทุกสิ่ง

"หาจุดอ่อนไม่ได้เลย... เรากำลังสู้กับอะไรอยู่เนี่ย..." ความกระวนกระจายในจิตใจทำให้วิลเลี่ยมเริ่มจะจับดาบไม่มั่นคง ภาพของศพทหารจำนวนมากที่อยู่ต่อหน้าเขา เหล่าทหารที่อายุยังน้อยกำลังวิ่งหนีตายจากการต่อสู้ ประสบการ์ณของทหารสูงอายุหลายคนต้องจบลงภายในไม่กี่วินาทีจากอาวุธสมัยใหม่ เลือดของทหารเปื้อนไปทั้งใบหน้าและมือของเขา ดวงตาที่ว่างเปล่าของทหารที่เสียชีวิต ประชาชนของเขา เพื่อร่วมรบของเขา กำลังถูกเข่นฆ่าจากภัยร้ายที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าพวกมันคืออะไร “ข้าเป็นเจ้าชายแท้ๆ… ทำไมข้าถึงปล่อยให้ประชาชนต้องตาย?” จนกระทั่งเสียงดังขึ้นจากด้านหลังของเขา

"วิลเลี่ยม! มาได้แล้ว!" คลอสที่ยืนอยู่บนรถม้าพร้อมเฮนรี่ได้ตะโกนขึ้นพร้อมกับโบกให้วิลเลี่ยมกับเบลล่าขึ้นมาบนรถม้าก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป

"โธ่เอ้ย! วิล! มาได้แล้ว!" เบลล่าได้ดึงตัวของวิลเพื่อเรียกสติ เมื่อวิลได้สติกลับมา เขาได้พาตัวเองกับเบลล่าขึ้นรถม้าเพื่อหลบหนี คนขับได้ฟาดแส้ให้ม้าวิ่งเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนที่จะเกิดเรื่องร้ายๆขึ้น 

"เทพีแห่งสายลมโปรดประธานพรแห่งความว่องไวให้กับเหล่าดวงวิญญาณเสรีด้วยเถิด... วินด์เบลส์!" เบลล่าร่างวงเวทย์มนต์ขึ้นบนฝ่ามือของเธอจากนั้นก็มีสายลมปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเธอ และสายลมเหล่านั้นก็ได้มอบพลังให้กับม้าศึก ความเร็วของรถม้าเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เหล่าม้าศึกได้เดินทางออกจากเขตการปะทะอย่างรวดเร็วด้วยพรแห่งลมของเบลล่า ทั้งสี่มองออกไปยังค่ายทหารที่พวกเขาเคยอยู่ ตอนนี้ มันได้ลุกไหม้ในกองเพลิง คลอสได้แต่มองไปยังซากของค่ายทหารและกำหมัดแน่น

"ดูเหมือนว่าการโจมตีจะไม่ได้เน้นไปที่การสังหารกองทัพ แต่กลับเป็นการทำลายค่ายเพื่อตัดกำลังของฝั่งเรามากกว่า..." คลอสหายใจเข้าลึกๆเพื่อคุมสติตัวเองไม่ให้คลั่งไปก่อน เขาได้หันมาหาวิลเลี่ยมและคนอื่นๆที่อยู่บนรถม้า 

“พวกเราคงต้องออกเดินทางไปยังหมู่บ้านใกล้เคียงก่อน วิลเลี่ยม เบลล่า เฮนรี่ เมื่อถึงหมู่บ้านแล้วมากับข้า เรามีเรื่องต้องคุยกัน”

ความตึงเครียดในรถม้านั้นทำให้ไม่มีใครกล้าพูดอะไร วิลเลี่ยมได้แต่มองมือเปื้อนเลือดที่กำลังสั่นของตัวเองและพยายามห้ามให้มันหยุด เบลล่าได้แต่คิดถึงความปลอดภัยของทุกคนและรวมถึงอาจารย์ของเธอที่หาตัวไม่พบด้วย เธอมองวิลเลี่ยมด้วยความห่วงใยและสงสารที่เขาจะต้องเจออะไรแบบนี้ เฮนรี่ได้จุดบุหรี่ขึ้นระหว่างนั้นเพื่อคลายความเครียด และนั่งกอดหอกของเขาไว้ 

เวลาผ่านไปหลายวันก่อนที่รถม้าจะเดินทางมาถึงหมู่บ้านเล็กๆที่มีชื่อว่า “มิสต์ฟอล” ชาวบ้านต่างตกใจถึงการมาของทหาร แพศพจำนวนมากได้ถูกพาไปยังโบสท์ใกล้ๆเพื่อทำพิธีฝัง กลุ่มของวิลเลี่ยมได้บ้านพักหลังหนึ่งอยู่ที่ชายขอบหมู่บ้านเพื่อพักพิงชั่วคราว เป้นบ้านหลังเล็กๆที่พอสำหรับคน 4 คนจะอยู่ได้ 

วิลเลี่ยมนอนไม่หลับมาหลายวันหลังจากเรื่องที่เกิดขึ้น แม้เขาจะพยายามล้างเลือดออกแค่ไหน แต่ในสายตาของเขา เลือดเหล่านั้นยังอยู่บนมือตลอด จนกระทั่งเช้าของอีกวันมาถึง เบลล่าได้เข้ามาหาวิลเลีย่มเพื่อดูอาการของเขา เธอได้นั่งลงข้างๆวิลเลี่ยมที่กำลังเหม่อลอย

“...วิล?” เบลล่าถามวิลเลี่ยมที่นั่งตาค้างอยู่ เธอจับไปที่ไหล่ของเขาด้วยท่าทีเป็นห่วงและอ่อนโยน

“เบล… ทำไมข้าถึงทำอะไรไม่ได้เลยล่ะ? ข้าเป็นเจ้าชาย แต่กลับต้องปล่อยให้ประชาชนตายงั้นหรอ?” วิลเลี่ยมกล่าวขึ้นด้วยท่าทีนิ่งเฉย ไร้ชีวิตชีวา พร้อมกับมือที่กำลังสั่นอยู่อย่างไม่หยุด

“วิล ฉันเป็นเพื่อนนายนะ… ฉันอยากเห็นนายสบายใจขึ้นเข้าใจไหม?” เบลล่าได้แต่เป็นห่วงและกอดตัวของวิลเลี่ยมไว้

“เบล… ขอบคุณนะ ขอบคุณจริงๆ…” วิลเลี่ยมได้แต่ซุกตัวไว้ในอ้อมกอดของเบลล่า ไม่ปล่อยตัวของเธอไปไหนไกล

“ขอบคุณอะไรกันล่ะ ฉันต้องขอบคุณนายมากกว่า ถ้าไม่ได้นายพวกเราคงไม่ได้ออกมาหรอกนะ… วิลเลี่ยม… ฉันเป็นห่วงนายนะ…” 

เวลาผ่านไปซักครู่ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกมาจากห้องพักเพื่อมาพบกับคลอสและเฮนรี่ที่กำลังนั่งเล่นไพ่กันอยู่ ดูเหมือนว่าฝั่งที่เสียเยอะจะเป็นคลอสจนสีหน้าของตาแก่ดูไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ แต่เฮนรี่กลับยิ้มแย้มพร้อมคาบบุหรี่ไว้ ทั้งคู่หันมามองวิลเลี่ยมที่โดนเบลล่าจูงมือออกมาจากห้อง 

“...ข้าจะไม่ถามล่ะกันนะว่าเกิดอะไรขึ้น” เฮนรี่มองไปที่ทั้งสองคนด้วยท่าทีเหมือนจะส่งความคิดอะไรซักอย่างไปที่วิลเลี่ยม 

“แค่เข้าไปปลอบน่ะพี่… คิดไรกันน่ะ?” วิลเลี่ยมรีบเถียงขึ้นทันทีพร้อมกับรีบเดินมานั่งที่โต๊ะ

“ช่างมันเถอะ… ตาแก่คลอสอยากคุยด้วยพอดีน่ะ เห็นว่าทั้งสองกำลังปลอบกันอยู่ พี่ก็เลยชวนเล่นไพ่ไปพลางๆ… ไงตาแก่? จะจ่ายไหม?” เฮนรี่โบกไพ่ในมือของเขาไปมาด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์และยั่วโมโห คลอสที่กำลังเอามือกุมขมับหลังมองเห็นไพ่ในมือของเขา

“หุปปากไปซะ เฮนรี่ ข้ายังเป็นหัวหน้าแกอยู่นะ…” คลอสเงยหน้าขึ้นมามองเฮนรี่ คิ้วขวาของเขากระตุกและท่าทีเหมือนพร้อมจะซัดหน้าเฮนรี่ตอลดเวลา

“แค่บอกว่าไม่มีเงินก็พอแล้ว ตาแก่เอ้ย… เอาล่ะ อยากจะคุยอะไรล่ะ?” เฮนรี่วางไพ่ลงก่อนจะมีสีหน้าที่จริงจังขึ้น ทางคลอสก็วางไพ่ลงและเก็บสำรับนั้นไป พร้อมแสดงท่าทีที่สุขุมและเข็มงวดขึ้น 

“วิลเลี่ยม… เบลล่า… เฮนรี่… ฉันอยากให้พวกเธอออกไปทำภารกิจ… พวกเธอต้องเอาจดหมายฉบับนี้ไปส่งให้กับพ่อมดที่อยู่บนยอดเขาหิมะ “อาร์คอส” “ คลอสได้วางซองจดหมายที่ประดับด้วยคลั่งขี้ผึ้งสีเขียวของอาณาจักรวินดาเรียไว้ เฮนรี่ก็ที่เห็นก็ยักคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย วิลเลี่ยมและเบลล่ากลับจ้องซองจดหมายนั้นอย่าไม่ละสายตา

“ เขาจะเป็นคนช่วยเราในการต่อสู้ครั้งนี้ สำคัญที่สุด… อย่าเปิดจดหมายฉบับนี้เด็ดขาด… นับตั้งแต่วันนี้ พวกเธอไม่ใช้ทหารของอาณาจักรอีกต่อไป!” ทันทีที่คลอสพูดแบบนั้น วิลเลี่ยมกลับตกใจขึ้นที่เขาจู่ๆก็โดนปลดจากตำแหน่งของทหาร เบลล่าเองก็เช่นกัน แต่เฮนรี่กลับเหมือนรู้อยู่แล้วว่าไม่ช้าก็เร็ว เขาจะต้องโดนปลดจากทหาร

“ทำไมล่ะท่าน?!” วิลเลี่ยมถามขึ้นด้วยท่าทีตื่นตระหนก

“ข้าปรึกษากับนายพลซิกฟรีดแล้ว พวกเจ้าไม่เหมาะกับการเป็นทหาร… พวกเจ้าเหมาะกับการผจญภัยในฐานะตัวของพวกเจ้าเอง แต่ท่านก็ได้สั่งให้ข้ามอบภารกิจแรกให้กับพวกเจ้า ข้ารู้ว่าตอนนี้เราอยู่ในสถานะสงคราม แม้ข้าจะค้านท่านซีกฟรีดไปเท่าไหร่ เขาก็ไม่ยอมฟังข้าเลย… ข้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน น่าจะเป็นพวกภารกิจราชการลับที่ต้องการความแนบเนียนที่สุด” คลอสได้แต่กอดอกและหลับตา เขาไม่เข้าใจคำสั่งของเบื้องบนเลยแม้แต่น้อย จะให้ส่งองค์ชายที่ตั้งใจต่อสู้เพื่ออาณาจักรไปทำภารกิจเสี่ยงตายในสภาวะสงครามงั้นหรอ? ไม่ทันไร วิลเลี่ยมก็ได้นิ่งเฉยไปก่อนที่พยักหน้า

“ข้าเข้าใจแล้วล่ะ ท่านพี่ซีกฟรีดต้องการให้พวกเราไปส่งจดหมายสินะ งั้นข้าขอรับภารกิจนี้! ข้าจะออกเดินทางและปกป้องผู้คนที่ข้าพบ!” วิลเลี่ยมกล่าวดังขึ้นด้วยความหนักแน่นและแน่วแน่ เบลล่าที่นั่งฟังอยู่ก็ได้ลุกขึ้นมาด้วยท่าทีตื่นเต้น

“ฉันเอาด้วย! วิลไปไหน ฉันไปด้วย! ระหว่างทางข้าอาจเจอท่านอาจารย์ซุรามินก็ได้!” เบลล่ากล่าวขึ้นด้วยเสียงสูงของเธอและชูกำปั้นเธอขึ้น เฮนรี่ดีใจที่เห็นน้องชายตัวเองกลับมามีเป้าหมายอีกครั้งก็ได้ลุกขึ้นและตอบรับข้อเสนอนั้น

“เอาด้วย! ข้าไม่ปล่อยให้น้องชายข้าเผชิญโลกคนเดียวหรอก!” ทั้งสามมองหน้ากันด้วยท่าทีมั่นใจและแน่วแน่ พร้อมจะเผชิญโลกในฐานะตัวของพวกเขาและปกป้องทุกคนที่พวกเขาพบเจอ ความมั่นใจของพวกเขาทำให้คลอสถึงกับยิ้มออกมาและยื่นจดหมายฉบับนั้นให้

“เอาล่ะ… นับตั้งแต่วันนี้ไป… พวกเจ้าทั้งสามคน…”

“คือผู้ส่งสาส์น!”

โปรดติดตามตอนต่อไป...

=================================================================