เรื่องราวที่เกิดขึ้นมานานแล้วในดินแดนที่ชื่อว่ากริฟฟาลอส ได้เกิดสงครามขึ้นจากจักรวรรดิที่มีชื่อว่าดราเคียร์ที่ต้องการบุกยึดดินแดน ทำให้องค์ชายต้องผจญภัยเพื่อหาทางกู้อาณาจักร!
แอคชั่น,ผจญภัย,แฟนตาซี,สงคราม,แฟนตาซี,แอคชั่น,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,พล็อตสร้าง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
The Wind's Chronicle ตำนานแห่งสายลมเรื่องราวที่เกิดขึ้นมานานแล้วในดินแดนที่ชื่อว่ากริฟฟาลอส ได้เกิดสงครามขึ้นจากจักรวรรดิที่มีชื่อว่าดราเคียร์ที่ต้องการบุกยึดดินแดน ทำให้องค์ชายต้องผจญภัยเพื่อหาทางกู้อาณาจักร!
เนื้อเรื่อง : TheNarratorB
ภาพปก : Milky Pippi
สงครามระหว่างเหล่าทัพปะทุขึ้นอีกครั้งในดินแดนอันสงบสุขแห่งนี้
ทวีป "กริฟฟาลอส" ผ่านสงครามมาหลายครั้งหลายครา
แต่ครั้งนี้มันกลับรุนแรงที่สุด
เมื่อจักรวรรดิเหล็กกล้าอันเรืองอำนาจนามว่า "ดราเคียร์" นำเครื่องยนต์และเครื่องจักรสงครามเข้าสู่สมรภูมิ
ความหวังสุดท้ายจึงมาอยู่ที่อาณาจักร "วินดาเรีย"
และองค์ชายคนสุดท้องของตระกูล...
"วิลเลี่ยม วินด์"
จึงต้องออกเดินทางเพื่อช่วยอาณาจักรและต่อสู้กับเหล่าจักรกลพร้อมๆกับเพื่อนๆและสหายของเขา
จึงเกิดเป็นตำนานบทใหม่ในดินแดนแห่งนี้...
THE WIND'S CHRONICLE
ตำนานแห่งสายลม
อัพตอนใหม่ทุกๆวันอังคาร เวลา 9.00 น.!
ติดตามข่าวสารอัพเดตและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ @thenarratorb.bsky.social!
สัปดาห์นี้ไม่มีตอนใหม่นะครับ ขอพักสัปดาห์นึง
ยามเช้าของอีกวันได้มาถึง เมื่อตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าและสาดส่องแสงลงมาถึงหมู่บ้านมิสต์ฟอล วิลเลี่ยมได้ตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อจัดกระเป๋าพร้อมกับเบลล่า ในขณะที่เฮนรี่กำลังคืนกุญแจให้กับชาวบ้าน ทั้งสามมีเป้าหมายที่ชัดเจรในการเดินทางครั้งนี้ วิลเลี่ยมอยากปกป้องอาณาจักรของเขา เฮนรี่อยากเห็นน้องชายของเขาเติบโตขึ้น และเบลล่าก็อยากจะช่วยเหลือพี่น้องทั้งสอง
หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ทหารทุกนายได้มายืนทำความเคารพตัวของวิลเลี่ยมและกลุ่มของเขาที่ทางเข้าป่าของหมู่บ้าน คลอสมองออกไปหาพวกเขาด้วยท่าทีภูมิใจแต่ลึกๆแล้ว เขากลับกังวลว่าวิลเลี่ยมจะคิดก่อนทำหรือเปล่า? ในระหว่างนั้น ชายในชุดเกราะสีเงินนามว่า ซีกฟรีด วินด์ ได้เดินเข้ามาเพื่อกล่าวทักทายวิลเลี่ยม
“วิลเลี่ยม… น้องข้า ข้าต้องขอโทษด้วย ที่จำใจต้องส่งเจ้าออกไปเพื่อทำภารกิจนี้ แต่นี่ก็เพื่ออาณาจักรและสงครามครั้งนี้ เจ้าจะได้เติบโตแบบที่พ่อของพวกเราตั้งหมายไว้…”
วิลเลี่ยมส่ายหัวพร้อมยิ้มตอบรับคำพูดของซิกฟรีด
“ไม่เลยท่านพี่… ข้าจะทำให้สุดความสามารถ! ให้ข้าได้แสดงฝีมือในฐานะสายเลือดกษัตริย์ด้วยเถอะ!”
“ขอให้สายลมคุ้มครองเจ้านะ น้องข้า…” ซิกฟรีดโอบกอดน้องชายของเขาก่อนที่จะโบกมือลาให้กับกลุ่มนักเดินทางหน้าใหม่
“ทุกสิ่งดีงามร้อยแปดในตัวข้า ล้วนเริ่มที่ครอบครัว…” วิลเลี่ยมกล่าวเบาๆก่อนจะพาเฮนรี่และเบลล่าเดินไปยังทางออกของหมู่บ้าน
มันเป็นเวลาหลายชั่วโมงหลังจากที่วิลเลี่ยมเดินทางออกมาจากมิสต์ฟอล เส้นทางที่พวกเขาต้องเดินเพื่อไปให้ถึงเขาอาร์คอสนั้นอีกยาวไกลและยากเข็น แม้เส้นทางจะลำบากเยี่ยงไร พวกเขาก็จะผ่านมันไปได้ด้วยจิตใจอันแน่วแน่และปณิธานอันล้นเหลือ
เส้นทางที่พวกเขาต้องเดินทางผ่าน ต้องผ่านป่าที่ออกห่างจากมิสต์ฟอลไปไกล “ป่ากัสต์วูด” เป็นป่าที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยก่อตั้งราชวงศ์แห่งวินดาเรีย เป็นป่าที่เหล่าพ่อค้าและชาวบ้านใช้สรรจรเพื่อไปมาหาสู่และค้าขายสินค้าจากเมืองท่า “นิว บาร็อค” และนั่นคือจุดหมายแรก แต่ก่อนจะไปถึงที่นั่น พวกเขาต้องพบกับอันตรายที่ไม่คาดคิดมาก่อน
ยามบ่ายแก่ๆในป่ากัสต์วูดถือว่าเป็นภาพที่หาชมได้ยากในเขตเมือง ทางป่าที่มีแสงละอองมานาสีฟ้าลอยไปรอบๆเหมือนหิ่งห้อย ใบหญ้าที่สีสดงดงามและส่งกลิ่นหอมมากกว่ากลิ่นฉุยของหญ้าปกติ ต้นไม้ที่สูงใหญ่อายุมากกว่าร้อยปีเรียงเป็นเส้นตรงข้างทางเดินธรรมชาติในป่า เบลล่าเองก็ดูจะสนใจพืชพันธ์ในเขตนี้เป็นพิเศษ
“วิล!~ ฉันเจอเห็ดป่ากัสต์วูดด้วยแหละ! ท่านซูรามินเคยบอกฉันว่ามันมีคุณสมบัติในการผสานธาตุลมด้วยและ!” เบลล่ากำลังดึงเห็ดออกมาจากต้นไม้ข้างทางที่ล้มลงมา มันเป็นเห็ดสีน้ำตาลที่มีลายเหมือนกับเปลือกไม้ และรูปร่างเหมือนกับเห็ดราตามต้นไม้ แต่บางส่วนนั้นมีจุดสีฟ้าอมเขียวที่เป็นสารสกัดละอองมานาธาตุลมที่อยู่ในเขตป่าแห่งนี้ มันได้ผสานเข้ากับต้นไม้และเติบโตขึ้นมาเป็นเห็ดต้นนี้ เฮนรี่กำลังมองหาจุดที่สูงที่สุดของป่าเพื่อจะได้หาเส้นทางเดินต่อไป และวิลเลี่ยมเองจากที่ช่วยเฮนรี่มองหาเขาก็โดลงมาจากต้นไม้และลงไปหาเบลล่าแทน
“เอ๋ ว่าแต่มันทำอาหารได้ไหมล่ะ?” วิลเลี่ยมกล่าวขึ้นพร้อมกับดึงหนึ่งในเห็ดเหล่านั้นมาตรวจดูใกล้ๆ
“ทำได้แน่นอนสิ!” เบลล่าตอบกลับพร้อมกับเก็บเห็ดเหล่านั้นเข้ากระเป๋าไป
“แต่ว่านะ… ก็น่าเสียดายที่เห็ดกัสต์วูดเติบโตได้แค่แถบนี้เท่านั้น สภาพอากาศกับความชิ้นในพื้นที่… ละอองมานาในเขตนี้ก็ต่างจากเขตอื่นเช่นกัน… อืม น่าสนใจมากๆ” เบลล่านำสมุดออกมาจากกระเป๋าเพื่อจดสิ่งที่เธอพบ แม้ตัวของวิลเลี่ยมจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เพราะสิ่งที่เขาได้รับการฝึกมา มันก็มีแต่การต่อสู้และทักษะพื้นฐาน ซักพักตัวของเฮนรี่ก็โดดลงมาจากยอดต้นไม้เพื่อบอกข้อมูลที่เขาเห็น
“นิว บาร็อคห่างจากที่นี่ไปไกลพอสมควร น่าจะใช้เวลาเดินทางสองถึงสามวัน เราควรจะหาที่ตั้งที่พัก” เฮนรี่บรรยายสถานการ์ณด้วยท่าทีสบายๆเนื่องจากนี่เป็นงานถนัดของเขา
“งั้นแถบริมแม่น้ำก็น่าจะดี เราจะได้มีแหล่งน้ำ แหล่งอาหารด้วย” วิลเลี่ยมเสนอขึ้นพร้อมกับนำมือไปทาบไว้ที่คาง
“ข้าเห็นด้วยนะ นี่เบล รู้ไหม? สมัยเด็ก วิลกับข้าเคยเข้าป่าด้วยกันบ่อยๆ ใครจะไปคิดว่าไอ้น้องชายข้ามันตกปลาเป็น” เฮนรี่หัวเราะเบาๆก่อนขยี้ไปที่หัววิลเลี่ยมด้วยความรักที่มีต่อน้องชายของเขาระหว่างที่กลุ่มของพวกเขากำลังเดินไปยังแม่น้ำใกล้ๆ
“ฮ่าๆ! แล้วก็มีรอบนึงที่เราทั้งคู่หลงกันในป่า จริงๆแล้วเฮนรี่รู้ทางออก แต่เขาไม่ยอมบอกข้าเพราะเขาอยากให้ข้าหาทางออกเอง!” วิลเลี่ยมตอบกลับด้วยท่าที่มีความสุขและสนุกกับการรำลึกอดีตของพวกเขา
“และตอนนั้นข้าก็เลยต้องไปตามท่านกริฟฟ่อนมา! เจ้ารู้ไหม? ว่าท่านกริฟฟ่อนน่ะดูกระวนกระวายมากเลยนะตอนที่พวกเจ้าหายไป!” เบลล่าเสริมขึ้นมาด้วยท่าทียิ้มแย้มและหัวเราะไปด้วยระหว่างทาง
"และหลังจากตอนนั้น ท่านพ่อก็สวดพวกข้าใหญ่เลย! ฮ่าๆ!” วิลเลี่ยมตอบด้วยท่าทีสนุกสนานก่อนจะเดินวางกระเป๋าลง และหยิบอุปกรณ์ทำอาหารออกมาโดยมีกระบวย หม้อเหล็ก ช้อนซ้อม และชามจานสำหรับใส่อาหาร โดยเหล่าเครื่องมือนั้นทำมาจากเหล็กตีอย่างง่าย ราคาถูก เหมาะสำหรับการตั้งแคมป์และเดินทางไกล
“เดี๋ยวนี้หัดพกเครื่องมือด้วยหรอ?” เบลล่ากล่าวถามวิลเลี่ยมที่กำลังจัดเครื่องไม้เครื่องมือ
“ก็ตอนเด็กเจ้าชอบแซวข้าว่าทำอาหารไม่เป็นนิ ข้าก็เลยขอให้เฮนรี่สอนให้หน่อย” วิลเลี่ยมตอบกลับด้วยรอยยิ้มและยื่นจานกับช้อนซ้อมให้เบลล่า
“จำที่ข้าสอนได้ไหมว่าอย่าใส่เกลือเยอะ มันจะเค็มเกินไปและอาหารมันจะรสจัดเกินไป” เฮนรี่ตอบพร้อมตรวจชิมเครื่องปรุงเพื่อแยกว่าอันไหนคืออะไร
“อบเชย… น้ำตาล… เกลือ… ใบยี่หร่า… ออริกาโน่… เจ้าพกอะไรมาเยอะแยะเนี่ย?” เฮนรี่กล่าวถามขึ้นก่อนจะวางเหล่าเครื่องปรุงพร้อมกับนำแท่งถ่านมาเขียนชื่อลงกระดาษแล้วแปะไปบนกระปุกเครื่องปรุงแต่ละอัน
“ท่านคลอสจัดให้ข้ามาแบบนี้น่ะ อ่อ แล้วก็นี่สามเกลอ…” วิลเลี่ยมเงยหน้ามองเฮนรี่พร้อมกับยื่นกระปุกเครื่องปรุงสามเกลอให้กับเฮนรี่
“อ่าห่ะ… ข้าพอเข้าใจแล้วล่ะ แล้วเราจะทำอะไรกินกันดีล่ะ?” เฮนรี่กล่าวถามขึ้นพร้อมๆกับวางหอกและโล่ของเขาลงข้างๆกระเป๋าของวิลเลี่ยม
“อืม… แถบแม่น้ำนี้น่าจะเป็นเขตที่มีปลาชุม… เพราะแม่น้ำเชื่อมติดกับทะเล นั่นหมายความว่าปลาส่วนใหญ่จากบึงและทะเลสาบด้านบนน่าจะไหลมารวมที่นี่ใช่ไหมล่ะ?” วิลเลี่ยมนำมือลงไปจุ่มน้ำเพื่อเช็คเส้นทางการไหล และหวังว่าจะได้ปลาซักตัวมาเพื่อเป็นอาหารประจำวัน
ในขณะนั้น ระหว่างที่เฮนรี่กับวิลเลี่ยมกำลังสนทนากันเรื่องมื้อเย็น เบลล่ากำลังจัดเตรียมจุดสำหรับใช้ในการนั่งสมาธิสำหรับผสานมานาธรรมชาติกับมานาในร่างกายของเธอเตรียมไว้เพื่อใช้ร่ายเวทย์มนต์ เธอได้สังเกตุถึงความผิดปกติในกระแสมานาในพื้นที่ รู้สึกได้ว่ามานาในร่างกายตอบสนองผิดปกติกับมานารอบนอก เธอจึงหลับตาลงและใช้เวทย์มนต์ตรวจจับในการส่องดูพื้นที่รอบๆ เธอประสานมือขึ้น มือขวาชูนิ้วชี้และกลางขึ้นและเริ่มร่ายมนต์บทนั้นเบาๆ
"สิ่งที่หลับไหล สิ่งที่ซ่อนเร้น สิ่งที่ปิดบัง... ข้าขอเบิกเนตรเพื่อพบเจอพวกเจ้า... เนตรมนตราสัมผัส... อาร์เคน อายส์..."
จากนั้นมีแสงประกายเกิดขึเนที่ปลายนิ้วทั้งสอง เธอตวัดมือและลืมตาขึ้น ดวงตาของเธอสว่างขึ้นเป็นสีฟ้าคราม ในการตรวจจับกระแสมานาที่พัดผ่าน ภายในอาร์เคน อายส์นั้น เบลล่าเห็นเส้นกระแสมานาสีเขียวมรกตตัดกับทัศนีย์ภาพที่เป็นขาวดำ นั่นเป็นกระแสมานาธาตุลมที่กำลังปั่นป่วนจากบางสิ่งที่อยู่ภายในป่าลึก
หลังจากที่ออกจากเนตรของอาร์เคน อายส์ เธอได้ตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับวิลเลี่ยมและเฮนรี่
"วิล พี่เฮนรี่ เขตนี้ไม่ปลอดภัย กระแสมานาผิดปกติ และตัวการอยู่ลึกไปในป่า" เบลล่าบอกพร้อมสีหน้าเคร่งเครียดและกังวลจากสิ่งที่เธอเห็น แน่นอนว่าทั้งสองพี่น้องไม่นิ่งนอนใจ จึงได้วางอุปกรณ์ลงไว้ก่อนจะลุดไปหยิบอาวุธ แต่ก่อนจะออกไปสำรวจ เบลล่าได้นำถุงที่มีผงสีฟ้ามาโปรยรอบๆที่ตั้งแคมป์และร่ายคาถา
"ข่ายเวทย์ป้องกัน! โพรเท็ค โกลบ!"
ด้วยการสะบัด และกางมือออก เวทย์มนต์ได้สร้างข่ายป้องกันโปร่งแสงขึ้นมารอบๆแคมป์ตามผงสีฟ้าที่โปรยไป เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครหรือตัวอะไรเข้ามาทำลายไม่ก็ขโมยของไป
"ขอบคุณมากนะ เบล ไปกันเถอะ" วิลเลี่ยมเรียกเบลล่าให้กลับมารวมกลุ่ม เบลล่ารีบเก็บถุงและเดินไปร่วมทาง
ทั้งสามได้เดินเข้าป่าตามรอยของเวทย์มนต์ที่เบลล่าตรวจพบล่ะได้ไปเจอเข้ากับสิ่งมีชีวิตร่างใหญ่ ตัวของมันเป็นหินศิลา และมีรอยสลักภาษารูนตามตัวของมัน เบลล่าดูตื่นเต้นกับการค้นพบครั้งนี้จนเธอได้นำสมุดจดและเดินเข้าไปสำรวจใกล้ๆ
"นี่สินะ! การ์เดี้ยน โกเล็ม! ท่านซูรามิเคยพูดถึงเจ้านี่ไว้ด้วย! แต่มันไม่น่าจะนิ่งขนาดนี้นะ... น่าจะเป็นเพราะมัน... มันกำลังบาดเจ็บ!! อดทนไว้นะ!" เบลล่าสังเกตุเห็นรอยแยกขนาดใหญ่บนตัวมัน มันเป็นรอยแยกเหมือนรอยฟันที่เปิดให้เห็นของเหลวสีฟ้าที่ไหลออกมาจากตรงนั้น เบลล่ารีบเปิดสมุดหาเวทย์มนต์รักษาเจ้าโกเล็มตัวนั้นทันที
แต่ระหว่างที่เบลล่ากำลังรีบหาเวทย์มนต์จากหนังสือด้วยความกระวนกระวาย เฮนรี่กับวิลเลี่ยมสังเกตุเห็นความผิดปกติในป่า สัตว์ป่าหลายๆตัวไม่ได้เข้าใกล้มาเขตนี้เลย ไม่มีแม้กระทั่งนก ไม่มีเสียงของสัตว์ป่าแถวนี้เลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งเฮนรี่สังเกตุเห็นถึงสิ่งผิดปกติบนยอดไม้ ปลายลูกธนู เมื่อสังเกตุเห็นดังนั้น เฮนรี่รีบตะโกนเตือนเบลล่าทันที
"เบลล่า! ออกมาจากโกเล็มตัวนั้น!"
ทันทีที่ได้ยินเสียงของเฮนรี่ ลูกธนูดอกนั้นได้พุ่งเข้าหาตัวของเบลล่า แต่แทนที่มันจะเข้าถึงตัวเป้าหมาย วิลเลี่ยมได้กระโจนเข้ามารับลูกธนูดอกนั้นด้วยแขนของเขา เสียงวิลเลี่ยมกระทบพื้นทำให้เบลล่ารีบหันมาดูตัวของเขา
"วิล!"
"อั่ก! เบล! ไปหลบ!" วิลเลี่ยมกัดฟันด้วยความเจ็บปวดก่อนจะลุกขึ้นมา และดึงดาบออกจากฝักพร้อมตั้งท่าต่อสู้
เหล่าผู้ประสงค์ร้ายทั้งหลายได้ออกมาจากที่ซ่อนและค่อยๆเดินเข้ามาหากลุ่มของวิลเลี่ยมอย่างช้าๆ แสงอาทิตย์ได้สาดส่องเข้ามาผ่านใบไม้ แสดงให้เห็นพวกเขาทั้งสามในชุดเกราะที่เรียบง่าย ทำจากหนังและผ้าขาดๆ ใบหน้าที่ถูกปิดบังด้วยผ้าปิดปาก หน้าไม้ที่ถือในมือ และซองธนูที่ทำแบบเรียบง่าย คนนึงถือเป็นดาบเหล็กบิ่นๆ อีกคนก็ถือขวานเหล็กดิบ การแต่งกายจะแตกต่างกันออกไปแต่ท้ายสุด พวกเขาก็คือพวกเดียวกัน
"หลบไปดิ้ ไอ้หนุ่ม โกเล็มนั่นเป็นของพวกเรา" หนึ่งในคนพวกนั้นได้กล่าวขึ้นด้วยเสียงทุ้มและจริงจัง
"พวกแกเป็นใคร?! ทำไมต้องการโกเล็มตัวนี้?!" วิลเลี่ยมตะคอกกลับไป พวกมันหันมามองหน้ากันก่อนจะหัวเราะ
"ไม่จำเป็นต้องบอกโว้ย หลบไปซะ! ถ้าแกกับสาวน้อยคนนั้นยังไม่อยากตาย!" หนึ่งในพวกมันที่ถือหน้าไม้ได้พูดขึ้นเสียงดัง ก่อนจะชี้หน้าไม้มาขู่วิลเลี่ยมกับเบลล่า
แต่ในขณะเดียวกัน...
แซ้กๆ...
เสียงดังมาจากยอดไม้และทันทีที่คนพวกนั้นหันไปมองทิศทางของเสียง เฮนรี่โดดลงมาพร้อมกับหอกใหญ่ได้พุ่งเข้าแทงคนถือหน้าไม้จากด้านบน เสียงเท้ากระทืบลงมาที่พื้น ได้ดึงความสนใจของพวกที่เหลือ ทำให้พวกมันหันกลับมามองทิศทางของเสียง หลังจากที่หมอกจางลง สิ่งแรกที่พวกมันเห็นคือร่างของชายคนหนึ่งที่พุ่งออกมาจากฝุ่น ร่างของเพื่อนพวกมันที่โดนแทงก่อนหน้าถูกโยนออกมาจากฝุ่น สร้างความแตกตื่นให้กับกลุ่มนั้น
"ห-เหวอ!! อะไรวะ?! มองไม่เห็นเลย!"
วิลเลี่ยมเห็นโอกาสจึงได้พุ่งเข้าโจมตีคนที่เหลือ โดยเป้าหมายที่เขาเลือกคือคนที่ถือดาบบิ่น ชายที่ถือดาบบิ่นได้พยายามป้องกันการโจมตีจากวิลเลี่ยม แต่เมื่อเขาเห็นจังหวะในการสวนกลับ จึงได้ฟาดดาบเล่มนั้นกลับเข้าไป แต่มันกลับเป็นแผนของวิลเลี่ยมที่กะจะให้เปิดจังหวัในการสวนกลับ ทันทีที่ดาบฟาดลงมา วิลเลี่ยมได้ใช้เกราะแขนของเขาในการป้องกันดาบเล่มนั้น และใช้มืออีกข้างที่ถือดาบตัดเข้าไปกลางลำตัวทันทีจนทำให้ชายคนนั้นลงไปกองกับพื้น
เบลล่าที่หลบอยู่หลังโกเล็มได้เปิดสมุดเวทย์มนต์เพื่อหาเวทย์ในการโจมตีชายร่างใหญ่ถือขวานที่กำลังแตกตื่นกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่นาน ชายร่างใหญ่คนนั้นได้รู้ที่หลบของเธอ และพยายามจะจับเธอด้วยมือเดียว
"แกคิดว่าเพื่อนแกจะช่วยอะไรได้รึไง?!" ชายคนนั้นได้คว้าคอของเบลล่า เธอพยายามดิ้นออกจากการจับนั้นด้วยแรงทั้งหมดที่มี
"ปล่อยฉันเดียวนี้นะ!" เบลล่าใช้มือทุบไปที่แขนของชายคนนั้น แต่ดูเหมือนมันจะไม่สะเทือนเลย
"หุบปาก!" ชายร่างใหญ่ตะคอกออกมาด้วยความโมโหโกรธา จนสุดท้าย เบลล่าได้หยุดการทุบไป และยิ้มขึ้นมาพร้อมกับจับไปที่แขนของชายคนนั้นด้วยมือข้างขวา จู่ๆก็มีแสงประกายขึ้นตามรอยสักรูนบนมือของเธอ ชายคนนั้นตกใจกับภาพที่เห็นก่อนที่จะมองกลับไปยังเบลล่าที่ยิ้มแสยะขึ้นมา
"ถ้านายเหนื่อย... ออกแรงเยอะ... และโมโหแบบนี้ เหงื่อจะออกเยอะนะ~" เบลล่าแสยะยิ้มกว้างขึ้น จู่ๆก็มีประจุไฟฟ้าขึ้นตามรอยสักของเบลล่า
"ไม่! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะเว้ย!" ชายคนนั้นได้ตะโกนออกมาด้วยความสิ้นหวัง
"เวทย์มือสายฟ้า... ช็อคกิ้ง ทัช!" ทันที่ประโยคนั้นจบลง สายฟ้าความแรงสูงได้แล่นผ่านร่างกายของชายคนนั้น แต่เบลล่ากลับไม่ได้รับผลของสายฟ้าเลย ชายคนนั้นได้แน่นิ่งไปก่อนที่จะล้มลงหมดสภาพ เบลล่าได้ปัดฝุ่นออกจากร่างกายและกลับไปรวมกับวิลเลี่ยม
"วิล! นายเป็นอะไรไหม?" เบลล่ากล่าวด้วยความเป็นห่วงก่อนจะไปดูอาการของวิลเลี่ยม วิลเลี่ยมส่ายหน้าก่อนจะตอบกลับไป
"ไม่เป็นไรหรอก... เธอล่ะ?" วิลเลี่ยมกล่าวถามก่อนจะตรวจดูร่างกายของเบลล่าเพื่อหารอยแผล เบลล่าส่ายหน้าก่อนจะยิ้มเล็กๆให้วิลเลี่ยม
"ฉันโอเค... ว่าแต่พวกเขาเป็นใครกัน? ทำไมพวกเขาต้องโจมตีเรากับเจ้าโกเล็มตัวนั้นด้วย?" เบลล่ามองไปรอบก่อนจะไปดูโกเล็มที่บาดเจ็บตัวนั้น เธอได้แตะไปยังตัวของโกเล็มก็พบว่ามันได้สิ้นลมไปเสียแล้ว
"เบล... เขาเป็นยังไงมั่ง?" วิลเลี่ยมเอ่ยถามด้วยท่าทีเป็นห่วง
"... เขาไปแล้วล่ะ น่าจะเสียหายจากบาดแผลมากเกินไปจนทนพิษไม่ไหว..." เบลล่ากล่าวด้วยเสียงเบาๆที่แผงไปด้วยความเศร้าก่อนจะนำมือของนางไปลูบอักขระรูนบนตัวของโกเล็มเพื่อส่งวิญญาณของมันไปภพอื่น ในขณะเดียวกัน เฮนรี่ได้เดินเข้ามาหาวิลเลี่ยม และขอดูธนูที่ปักอยู่
"วิล ธนู เจ้าต้องรีบดึงมันออกและทำแผลนะ" เฮนรี่กล่าวขึ้นก่อนจะพาวิลเลี่ยมนั่งลงข้างๆโกเล็ม วิลเลี่ยมหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะดึงลูกธนูออกจากแขนตัวเอง เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดได้ถูกบดบังด้วยการกัดฟันเพื่ออดทนต่อบาลแผล จากนั้นเฮนรี่ได้นำผ้าพันแผลมาพันรอบๆแผล ระหว่างนั้น เขาได้มองสีหน้าวิลเลี่ยมที่พยายามเก็บความเจ็บปวดไว้ในใจตัวเอง เฮนรี่รู้ดีว่าน้องชายของเขาเจ็บปวดแค่ไหน แต่ด้วยนิสัยและภาระหน้าที่ วิลเลี่ยมและเฮนรี่ไม่สามารถแสดงความอ่อนแอได้เลย
"ขอบคุณนะ เฮนรี่..." วิลเลี่ยมพูดขึ้นด้วยความโล่งใจที่ยังมีพี่ชายคนนี้อยู่ข้างๆ
"น่าจะทำแผลชั่วคราวได้ก่อน แต่พวกที่มาโจมตีเรา... มันไม่ใช่โจรธรรมดาแน่ๆ" เฮนรี่ค้นกระเป๋าของพวกโจรซักพักก่อนจะโยนตราสัญลักษณ์รุปหมาป่าสีทองแดงให้กับวิลเลี่ยม
"ตราหรอ? เดี๋ยวนะ... นี่มัน?"
โปรดติดตามตอนต่อไป...
=================================================================