เรื่องราวที่เกิดขึ้นมานานแล้วในดินแดนที่ชื่อว่ากริฟฟาลอส ได้เกิดสงครามขึ้นจากจักรวรรดิที่มีชื่อว่าดราเคียร์ที่ต้องการบุกยึดดินแดน ทำให้องค์ชายต้องผจญภัยเพื่อหาทางกู้อาณาจักร!

The Wind's Chronicle ตำนานแห่งสายลม - บทที่ 1 ตอนที่ 5 ครั้งยังเด็ก โดย TheNarratorB @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แอคชั่น,ผจญภัย,แฟนตาซี,สงคราม,แฟนตาซี,แอคชั่น,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,พล็อตสร้าง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

The Wind's Chronicle ตำนานแห่งสายลม

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,ผจญภัย,แฟนตาซี,สงคราม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,แอคชั่น,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,พล็อตสร้าง

รายละเอียด

The Wind's Chronicle ตำนานแห่งสายลม โดย TheNarratorB @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เรื่องราวที่เกิดขึ้นมานานแล้วในดินแดนที่ชื่อว่ากริฟฟาลอส ได้เกิดสงครามขึ้นจากจักรวรรดิที่มีชื่อว่าดราเคียร์ที่ต้องการบุกยึดดินแดน ทำให้องค์ชายต้องผจญภัยเพื่อหาทางกู้อาณาจักร!

ผู้แต่ง

TheNarratorB

เรื่องย่อ


เนื้อเรื่อง : TheNarratorB

ภาพปก : Milky Pippi

สงครามระหว่างเหล่าทัพปะทุขึ้นอีกครั้งในดินแดนอันสงบสุขแห่งนี้

ทวีป "กริฟฟาลอส" ผ่านสงครามมาหลายครั้งหลายครา

แต่ครั้งนี้มันกลับรุนแรงที่สุด

เมื่อจักรวรรดิเหล็กกล้าอันเรืองอำนาจนามว่า "ดราเคียร์" นำเครื่องยนต์และเครื่องจักรสงครามเข้าสู่สมรภูมิ

ความหวังสุดท้ายจึงมาอยู่ที่อาณาจักร "วินดาเรีย" 

และองค์ชายคนสุดท้องของตระกูล...

"วิลเลี่ยม วินด์"

จึงต้องออกเดินทางเพื่อช่วยอาณาจักรและต่อสู้กับเหล่าจักรกลพร้อมๆกับเพื่อนๆและสหายของเขา

จึงเกิดเป็นตำนานบทใหม่ในดินแดนแห่งนี้...

THE WIND'S CHRONICLE

ตำนานแห่งสายลม


อัพตอนใหม่ทุกๆวันอังคาร เวลา 9.00 น.!
ติดตามข่าวสารอัพเดตและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ @thenarratorb.bsky.social‬!

สัปดาห์นี้ไม่มีตอนใหม่นะครับ ขอพักสัปดาห์นึง

 

สารบัญ

The Wind's Chronicle ตำนานแห่งสายลม-บทที่ 1 ตอนที่ 1 หน้าที่,The Wind's Chronicle ตำนานแห่งสายลม-บทที่ 1 ตอนที่ 2 ดราเคียร์,The Wind's Chronicle ตำนานแห่งสายลม-บทที่ 1 ตอนที่ 3 สัญญา ณ สนธยา,The Wind's Chronicle ตำนานแห่งสายลม-บทที่ 1 ตอนที่ 4 ขวากหนาม,The Wind's Chronicle ตำนานแห่งสายลม-บทที่ 1 ตอนที่ 5 ครั้งยังเด็ก,The Wind's Chronicle ตำนานแห่งสายลม-บทที่ 1 ตอนที่ 6 ปะทะกลางป่า

เนื้อหา

บทที่ 1 ตอนที่ 5 ครั้งยังเด็ก

ความมืดได้คลืบคลานเข้ามาและทั้งสามได้กลับมานั่งอยู่ที่แคมป์อีกครั้งหลังจากที่สู้เสร็จ วิลเลี่ยมกำลังย่างปลาสำหรับอาหารเย็น เฮนรี่กำลังเฝ้ายามเพื่อระวังดูเผื่อว่าจะมีพวกโจรตามมา เบลล่าเองก็กำลังทำแผลให้วิลเลี่ยมในระหว่างที่เขากำลังย่างปลาอยู่ ทั้งแคมป์อยู่ในความตึงเครียดหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น ก่อนที่เบลล่าจะพูดขึ้นมากับวิลเลี่ยมเบาๆด้วยท่าทีเป็นห่วงเป็นใย

"วิล... นายต้องหยุดเอาตัวเองมารับความเสี่ยงแบบนี้นะ" 

"...ถ้าฉันเจ็บ คนอื่นจะได้ไม่ต้องเจ็บไงล่ะ เบลล่า..." วิลเลี่ยมกล่าวตอบ

"แต่ถ้านาย... เป็นอะไรไป... ใครจะปกป้องพวกเราล่ะ?" เบลล่ากล่าวขึ้นพร้อมกับมัดผ้าพันแผลของวิลเลี่ยมในจุดที่เขาโดนลูกธนูปัก

"...ขอบคุณนะเบล..." วิลเลี่ยมยิ้มพลางๆขึ้นก่อนจะนำปลาย่างออกมาวางไว้จานกลาง

"พี่! ข้าวได้แล้วนะ!" วิลเลี่ยมตะโกนเรียกเฮนรี่ให้มาทานปลาด้วยกัน แต่เฮนรี่กลับยืนอยู่เฉยๆนิ่งๆ โดยตอบแค่ส่ายหน้ากลับ

"เขาเฝ้ายามอย่างนั้นมาหลายชั่วโมงแล้วนะ..." เสียงของเบลล่าดังขึ้นในขณะที่นางกำลังเคี้ยวปลาอยู่

"พี่เขาเป็นอย่างนี้แหละ... ทหารดรากูนน่ะ ถูกฝึกมาให้จริงจังกับทุกสถานการ์ณ" วิลเลี่ยมเอาไม้เขี่ยกองไฟให้ไฟมันลุกขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้กองไฟยังคงร้อนอยู่

เป็นไม่กี่ครั้งที่ทั้งสามจะได้ออกมาตั้งแคมป์ด้วยกัน แต่ทุกครั้งที่ทำ ก็จะเป็นประสบการ์ณที่ลืมไม่ลง นั่นก็รวมถึงรอบนี้ด้วย เวลาผ่านไปจนถึงตอนค่ำ วิลเลี่ยมที่ส่งเบลล่าเข้านอนแล้ว ก็ออกมาจากเต้นท์ก่อนจะเดินมาทักเฮนรี่

"พี่... ผลัดเวรได้แล้วนะ" เขานั่งลงที่ตอไม้ข้างๆเฮนรี่ก่อนจะเอ่ยถามพี่ชายของเขาด้วยความเป็นห่วง กลัวพี่ชายจะไม่ได้พักผ่อน

"เจ้าไปพักเถอะ ข้าไหวน่ะ" เฮนรี่กล่าวด้วยเสียงหนักแน่น

"ให้ข้าได้ช่วยเถอะนะพี่..."

"... เฮ้อ... ตามสบายเจ้าล่ะกัน งั้นข้านั่งอยู่ด้วยนี่แหละ" เฮนรี่นั่งลงบนพื้นก่อนจะหันไปทางวิลเลี่ยม

"... นานเท่าไหร่แล้วนะที่เราไม่ได้กลับไปเมืองหลวงเนี่ย..." วิลเลี่ยมเอ่ยพร้อมมองไปยังท้องฟ้ายามราตรี แสงดาวตกกระทบในดวงตาของเขาเหมือนกับแอ่งน้ำสีฟ้าใสที่เป็นประกายจากแสงจันทร์ส่องสว่าง 

"... ก็หลายสิบปีมาแล้วล่ะ... ตั้งแต่เจ้ายังตัวเล็กๆอยู่" เฮนรี่เองก็มองขึ้นไปบนฟ้าเช่นกัน แต่เขากลับไม่เห็นแสงดาว ไม่มีแสงตกกระทบ สิ่งที่เขาเห็น คือท้องฟ้าที่อาจมีเงาปริศนาของศัตรูเข้ามาโจมตีได้ทุกเมื่อ 

"ท่านพ่อ... วันนั้น... ถ้าข้าสามารถช่วยท่านพ่อได้..." วิลเลี่ยมก้มไปมองดาบที่อยู่ข้างเอวก่อนที่จะหลับตาลงและนึกถึงอดีตที่แสนเจ็บปวด เฮนรี่หันมองวิลเลี่ยมด้วยความเป็นห่วงของพี่ชายที่มีต่อน้องชาย เขารู้ว่าวิลเลี่ยมต้องแบกรับอะไรไว้บ้าง 

ในวันนั้น วันที่เป็นเหมือนวันธรรมดาทั่วๆไปในเมืองหลวงวินดาเรีย 

วันที่ทุกๆอย่างในชีวิตของพวกเขาจะต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล

แดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาในท้องพระโรงของปราสาท เจ้าชายน้อยวิลเลี่ยมในวัย 8 ขวบกำลังเดินไปรอบๆปราสาทเพื่อตรวจเช็คเวรยามว่าเขาสามารถลักลอบออกไปจากปราสาทได้ไหมวันนี้ เฮนรี่ในวัย 19 ปีได้ตามหาตัวของน้องชายของเขาอยู่ แต่ด้วยความคล่องตัวของวิลเลี่ยม และขนาดตัวที่เล็กจนยากจะมองเห็น เขาได้เข้าไปหลบหลังชุดเกราะก่อนที่จะรอให้ทหารยาม และเฮนรี่เดินหายไป หลังจากทางสะดวก เขาได้หัวเราะคิกคักเยาะเย้ยพวกทหารยาม และเฮนรี่ก่อนจะออกจากปราสาทไป

"เบล! รอนานไหม?" วิลเลี่ยมกระโดดดี้ด้าออกมาจากทางเข้าปราสาทลับที่เขาเองได้ทำไว้เพื่อหลบหนีจากงานราชการในปราสาทเพื่อมาพบกับเบลล่าในวัย 8 ขวบ เธอแต่งชุดเรียบง่ายในสไตล์ชาวบ้าน ในมือเธอถือขนมปังแข็งไว้เตรียมจะนำไปกินกับวิลเลี่ยม แต่ตอนนี้ เธอกลับเอาขนมปังแข็งอันนั้นฟาดหัววิลเลี่ยม

"ฉันรอนายมาสิบนาทีแล้ววิลเลี่ยม!" เบลล่ากล่าวขึ้นด้วยความหงุดหงิดพร้อมกับพองแก้นแสดงความไม่พอใจ

"อย่าเอาบาเก็ตมาตีหัวข้าสิ!" วิลเลี่ยมลูบหัวตัวเองหลังจากถูกตีเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด

เบลล่ายังคงงอนแก้มป่องอยู่จนกระทั่งนางมองไปยังวิลเลี่ยมที่กำลังเจ็บจากขนมปังแข็งฟาดหัวอยู่ เธอก็อดยิ้มไม่ได้จนต้องก้มหน้าไปมองวิลเลี่ยม

"ทีนี้ก็หายกันแล้วนะ! ไปกันเถอะ เดี๋ยวเราจะพลาดช่วงกลางวันพอดี!" 

"อืม! ข้าไม่อยากพลาดเจอเขาอีกแล้ว!" 

วิลเลี่ยมพร้อมกับเบลล่าวิ่ง และหัวเราะไปพร้อมกันก่อนจะเดินไปถึงเขตเนินทุ่งหญ้าที่เป็นจุดที่สามารถมองเห็นอาณาจักรได้เกือบทั้งหมด ท่าเรือที่เรือสำเภาเดินทะเลกำลังเทียบท่า และเหล่านกนางแอ่นกำลังบินวนรอบๆเขตท่าเรือเป็นวงกลม ทะเลสีฟ้าครามที่ไกลสุดลูกหูลูกตา มันช่างเป็นภาพที่สวยงามที่นานๆทีทั้งสองจะได้เห็น เวลาเที่ยงวันของวันสุดท้ายของทุกเดือน จะเป็นวันที่เรือเดินทะเลขนสินค้าลำใหญ่เข้าเทียบท่า ผู้คนจะหลั่งไหลเข้ามาในเขตท่าเรือจนเหมือนมีการจัดงานเทศกาลขึ้น แต่สิ่งที่ทั้งสองรอคอย คือมังกรลมที่จะพัดพาความสุข และโชคลาภมาให้กับผู้คนของอาณาจักร ทั้งคู่ตั้งตารอที่จะได้พบมังกรตนนั้น เขาหวังว่าจะได้พูดคุยกับมังกรตนนั้น

วิลเลี่ยมนั่งลงบนผืนหญ้าพร้อมกับลมที่พัดใบไม้ปลิวไสวไปทั่ว มองไปยังอาณาจักรของพ่อเขา และได้แต่ยิ้ม เบลล่าเองก็นานๆทีจะได้มีโอกาสออกมาจากโรงเรียนเวทย์มนต์และห้องสมุด เธอเองนั้นโหยหาสัมผัสของใบหญ้า และสายลมที่พัดผ่านเมืองแห่งสายลมแห่งนี้

"อาณาจักรของเราจะต้องยิ่งใหญ่กว่านี้อีกแน่นอน! ถ้าข้าได้ช่วยงานท่านพ่อ ข้าจะทำให้อาณาจักรของเราดังไปถึงพวกแผ่นดินใหญ่โครเนียให้ได้เลย!" วิลเลี่ยมชูแขนขึ้นรับลมพร้อมกับท่าทีตื่นเต้นและมีความสุข

"แต่ก่อนอื่นเลย กินนี่ก่อน จะได้มีแรงนะ!" เบลล่าเอาขนมปังบาเก็ตยัดปากวิลเลี่ยม วิลเลี่ยมที่ตอนนี้ส่งเสียงอู้อี้ออกมาก็พยายามเคี้ยวขนมปังไปเรื่อยๆ 

"อู้! กินอยู่!" วิลเลี่ยมได้แย่งขนมปังมาจากเบลล่าก่อนจะนั่งแทะขนมปังบาเก็ตเปล่าๆ แต่มันก็ทำให้เขาสบายใจที่อย่างน้อยมันไม่ใช่อาหารหรูที่อยู่ในวัง เขาเริ่มเบื่องานเลี้ยงและหน้าตาของพวกขุนนางที่พยายามประจบประแจตัวเขา และพ่อของเขาเพื่อได้รับอำนาจมากขึ้น บางทีสิ่งที่เขาต้องการ ก็แค่การนั่งอยู่กับเพื่อนของเขาบนผืนหญ้า...

แต่มันก็ไม่นานที่ความสุขนั้นจะจบลง

ลูกไฟขนาดใหญ่พุ่งมาจากหลังหน้าผาที่อยู่ไกลออกไปจากท่าเรือพุ่งลงมายังกลางเมือง เรือรบของจักรวรรดิแห่งเหล็กกล้า ดราเคียร์ ได้โผล่ออกมาจากจุดมันซุ่มยิง ตามมาด้วยเรือยกพลขึ้นบกจำนวนมากที่ค่อยคลืบคลานเข้ามายังอาณาจักร ชาวบ้านที่กำลังเฉลิมฉลองการกลับมาของเรือเดินทะเลหลวง กำลังวิ่งหนีตายจากกองทหารโลหะไร้จิตใจที่บุกเข้ามาอย่างรวดเร็ว พวกมันพุ่งเข้าโจมตีท่าเรือโดยใช้เวลาไม่นาน ท่าเรือก็กลายเป็นทะเลเพลิงที่เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องของผู้คน แต่เสียงเหล่านั้นก็เงียบไปทุกครั้งที่มีเสียงลั่นไกของปืน 

วิลเลี่ยมตกใจในสิ่งที่เขาเห็น ความหวาดกลัวและความกังวลถาโถมเข้ามาในจิตใจของวิลเลี่ยม เบลล่ากรีดร้องออกมาก่อนจะล้มชั้นเข่าลงไป อาณาจักรที่เป็นที่รักกำลังลุกเป็นไฟ...

"พ-พ่อ... พ่อ!" ความกระวนกระวายและความกลัวได้ครอบงำจิตใจของเขา ด้วยแรงทั้งหมดที่ วิลเลี่ยมได้รีบวิ่งลงไปจากเนินเขาและมุ่งไปยังปราสาททันที เบลล่าตั้งสติได้และรู้ตัวว่าถ้าวิลเลี่ยมเข้าไป เขาต้องตกอยู่ในอันตรายแน่ๆ เธอเลยตัดสินใจวิ่งตามเขาไปพร้อมกับตะโกนให้เขาหยุด

"วิล!! หยุด! อย่าเข้าไปนะ!" เบลล่าพยายามตะโกนไล่หลังวิลเลี่ยมเพื่อขอให้เขาหยุดก่อนที่เขาจะเข้าไปในสนามรบ

"ไม่! เบล! เราต้องช่วยพ่อนะ!" วิลเลี่ยมยังคงดื้อด้านและวิ่งเข้าไปโดยมีความกล้าในจิตใจกลบเกลื่อนความกลัว

ทั้งคู่วิ่งมาถึงทางเข้าเมืองที่ตอนนี้เหล่าทหารกำลังพยายามอพยพผู้คนออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เหล่าประชาชนต่างแตกตื่น กระวนกระวาย หวาดกลัว บ้างก็ตะโกนขอให้พาลูกของพวกเขาไปด้วย บ้างก็ร้องไห้ที่คนรักของพวกเขายังติดอยู่ด้านในเมือง วิลเลี่ยมพยายามจะฝ่าวงล้อมของทหารเข้าไปเพื่อจะไปยังปราสาท เบลล่าที่ตามมาช้ากว่า ได้แต่มองหาวิลเลี่ยมภายในกลุ่มประชาชน แต่วิลเลี่ยมนั้นเข้าจนลึกแล้ว จนเธอไม่สามารถหาเขาเจอได้ นั้น ทำให้เธอนึกบางอย่างได้ เธอจึงได้วิ่งออกไปที่ประตูเมืองอีกฝั่งทันที

"ข้า... ข้าต้องช่วยท่านให้ได้..." วิลเลี่ยมวิ่งต่อไป แม้เท้าของเขาจะเจ็บปวด และร่างกายของเขาจะไม่ไหวกับไฟที่ลุกโชนไปรอบอาณาจักร แต่เขายังคงหวังว่าเขาจะไปที่ปราสาททัน หวังว่าพ่อของเขาจะไม่เป็นไร

"ฮึก... อ-องค์ชาย..." เสียงร้องของชายชราผู้หนึ่งดังขึ้นข้างๆวิลเลี่ยม นั่น คือเสียงของคลอส วิลเลี่ยมหันมาตามเสียงก่อนจะตาเบิกกว้างที่เห็นคลอส ผู้เป็นครูฝึกของเขา ถูกซากไม้ของบ้านที่ถล่มลงมาทับลงครึ่งตัว ดวงตาข้างขวาของคลอสที่ตอนนี้มันได้บอดไปเสียแล้วจากกระสุนปืน 

"ท-ท่านอาจารย์!" วิลเลี่ยมรีบวิ่งไปเพื่อพยายามยกไม้เหล่านั้นขึ้น แต่แรงของเด็กน้อยคนนี้ มันไม่พอเลยแม้แต่นิดเดียว คลอสเลยจับไปที่ขาของวิลเลี่ยมด้วยความหนักแน่น เสียงที่วิลเลี่ยมไม่คิดว่าจะได้ยินจากคลอสผู้นี้ก็ได้ดังขึ้น เสียงร้องไห้ เสียงน้ำตาไหล

"อ-องค์ชาย... ท่านยังอยู่ที่กลางเมือง... ท่านยื้อให้พวกเราหนีออกมา... ท่านรีบหนีไปซะ!! ได้โปรดเถอะ!" เสียงตะโกนขอร้องของคลอสดังขึ้นเพื่อไล่ให้วิลเลี่ยมหนีไป วิลเลี่ยมไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนที่หนักแน่นแบบคลอสจะมีน้ำตาแบบนี้ แต่วิลเลี่ยมยังคงพยายามช่วยเหลือตัวของคลอสอย่างไม่หยุดยั้ง เขามองหาอุปกรณ์ที่พอจะช่วยงัดตัวของคลอสออกมาได้ แต่ท้ายสุดแล้วก็ไม่มีอะไรเลย มีแต่ท่อนเหล็กที่ร้อนจนแดง แต่วิลเลี่ยมก็ได้กัดฟันและหยิบท่อนเหล็กที่แดงฉานนั้นมา เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแต่เขาก็พยายามกัดฟันจนสามารถใช้ท่อนเหล็กนั้นดันตัวของคลอสออกมาได้

"ท-ท่านองค์ชาย?!" คลอสตกใจกับจิตใจอันแรงกล้าของเด็กชายคนนี้ วิลเลี่ยมทิ้งท่อนเหล็กนั้นไปก่อนที่จะหันมามองหน้าคลอสด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่หยุดหย่อนจากความเจ็บปวด

"ข-ข้าช่วยท่านได้แล้ว... ไปช่วยท่านพ่อกับข้า... ท่านพ่อ..." ร่างกายของเด็กน้อยคนนี้กำลังจะแตกสลายทั้งตัว แต่เขาก็ยังอยากจะช่วยเหลือพ่อของเขา คลอสได้ลุกมาพยุงตัวของวิลเลี่ยมไว้ แต่ก็ต้องชะงักไปเนื่องจากขาของเขาที่ถูกไม้เสียบจนเลือดไหลออกมา แต่ถึงกระนั้น ทั้งสองยังคงกัดฟันสู้ต่อ จนท้ายสุดแล้วคลอสได้พาวิลเลี่ยมมาถึงที่กลางลานน้ำพุของเมือง คลอสมองไปรอบๆสนามรบที่เต็มไปด้วยซากศพของทหารที่เป็นเพื่อนร่วมรบของเขา สหายที่ร่วมใจกันปกป้องอาณาจักร ต้องมาตายต่อหน้าเขาแบบนี้...

"คลอส! ข้าสั่งให้เจ้าไปแล้วไม่ใช่หรอ?!" เสียงของชายชราได้ตะโกนขึ้นมา น้ำเสียงของเขาดูหนักแน่นและจริงจังกว่าทุกทีที่เขาได้ยิน ชายชราผู้นั้นมีผมสีขาวที่ปล่อยยาวออกมาพร้อมหนวดเคราที่จัดระเบียบไว้ ชุดของเขาคือชุดเกราะที่ไม่ได้ต่างจากทหารธรรมดาทั่วไปเลย ดวงตาสีเขียวที่เป็นเอกลักษณ์ที่แม้กระทั้งในกองเพลิง ดวงตานั้นยังคงเด่นสง่าอยู่ ในมือของเขากำดาบที่สลักอักขระรูนไว้ แต่ตอนนี้ ตัวของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลจากการยื้อกองทัพของดราเคียร์ด้วยตัวคนเดียวมานานจนสามารถให้ประชาชนหลบหนีไปได้

"ท่านกริฟฟ่อน! ได้โปรดเถอะ! ลูกชายท่านอยู่นี่แล้ว!" คลอสเรียกชายผู้นั้นว่า "กริฟฟ่อน" ราชาคนปัจจุบันแห่งอาณาจักรวินดาเรีย แต่ก่อนจะได้ตอบกลับอะไร ก๋ได้มีหุ่นร่างใหญ่ตัวหนึ่งในชุดเสื้อคลุมกันไฟเดินเข้ามาหากริฟฟ่อนและกระชากคอของเขาขึ้นมา

"นี่น่ะหรอ... ราชาที่แข็งแกร่งของวินดาเรีย? ไอ้แก่ไร้น้ำยานี่น่ะนะ?"

"โอดิน?!" 

"จำข้าได้ด้วยสินะ งั้นก็ดี" หุ่นตัวนั้นที่ถูกเรียกว่าโอดินยิ้มแสยะออกมาก่อนที่จะเพิ่มแรงแบบเข้าไปเรื่อยๆ กริฟฟ่อนพยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีในการดึงตัวของเขาออกมา ก่อนที่จะยอมรับชะตากรรมของตัวเอง 

"ค-คลอส! เอานี่ไป!" กริฟฟ่อนได้โยนดาบของตัวเองให้กับคลอส คลอสที่เข้าใจสถานการ์ณทันทีก็พยายามที่จะเก็บดาบเล่มนั้นขึ้นมาพร้อมกับประคองวิลเลี่ยมที่หมดสติในอ้อมอกของเขา

"ท่าน... ไม่!!" น้ำตาของชายผู้เป็นทหารที่กำลังร่ำไห้แด่ราชาที่เขาไม่สามารถปกป้องได้ ราชาที่เขาควรจะเป็นผู้ปกป้อง ไม่ใช่ให้ราชามาปกป้องเขาแบบนี้ แต่ระหว่างที่คลอสกุมดาบนั้นไว้แน่น เขาได้ยินเสียงในหัวที่ดังขึ้น นั่นเป็นเสียงของกริฟฟ่อนที่กำลังสื่อกระแสจิตกับเขา กริฟฟ่อนได้ใช้พลังเวทย์ในตัวเฮือกสุดท้ายส่งข้อความให้กับคลอสและวิลเลี่ยมที่หมดสติไป

"คลอส... จงสอนเขาให้รู้จักโลก... ให้รู้จักชีวิต... ให้รู้จักใจมนุษย์... อย่าให้เขาต้องมุ่งสู่ความว่างเปล่า..."

"วิลเลี่ยม...

.

.

พ่อรักเจ้านะ"

...

"วันนั้น... ข้ายังคงได้ยินเสียงพ่อในหัวแม้ข้าจะสลบไป... โอดินมันฆ่าพ่อของเรา..." วิลเลี่ยมกำด้ามดาบของกริฟฟ่อนไว้แน่น ความแค้นที่อยู่ในใจของเขามันมากเกินกว่าจะให้อภัย

"ข้าเข้าใจเจ้า... ถ้าข้ามาไม่ทัน ทั้งคลอสและเจ้าก็น่าจะกลายเป็นศพตรงนั้น... ข้าน่าจะมาให้เร็วกว่านี้..."

"ท่านทำเต็มที่แล้วล่ะพี่... เบลล่าเองก็เช่นกัน... นางไหวพริบดีมาตลอด และไหวพริบของนาง ก็ช่วยชีวิตเราโดยการไปเรียกพี่มา..." วิลเลี่ยมตบไหล่เฮนรี่เบาๆก่อนจะส่งยิ้มเล็กๆให้ เฮนรี่ที่นานๆที่จะยิ้มซักครั้งก็ได้ยิ้มน้อยๆออกมาก่อนจะรับหุบไป และลุกขึ้นจากพื้น

"ฝากเวรยามด้วยนะไอ้น้องชาย..." เฮนรี่ค่อยๆเดินไปยังเต้นท์ของเขาก่อนจะวางหอกและโล่ลงข้างๆเต้นท์ วิลเลี่ยมเองก็ดีใจที่เห็นพี่ของเขาเริ่มแบ่งเบาภาระตัวเองมาให้เขาบาง เขาก็ดีใจแล้วล่ะ ที่ได้ช่วยพี่ชายของเขา

วิลเลี่ยมนั่งครุ่นคิดอยู่ซักครู่ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ เขาหยิบตราสัญลักษณ์หมาป่าทองแดงขึ้นมา ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้หลังจากที่ย้อนความถึงอดีตอันเลวร้าย แต่สิ่งที่เขานึกได้นั้น... มันเป็นสิ่งที่ทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก เขาไม่เคยนึกมาก่อนว่าสิ่งที่เขากำลังจะเจอนั้น... มันใกล้ชิดกับเขามากแค่ไหน

"แดเรี่ยน วาร์ลอส... ไม่จริงน่ะ?!! เขาคนนั้นน่ะหรอ?!"

โปรดติดตามตอนต่อไป...

==============================================================