ยามพลบค่ำสายลมพัดโบกโบยของเหมันต์ฤดูได้เริ่มขึ้นดั่งที่ได้ยินพยากรณ์อากาศในคลื่นวิทยุ ใบไม้บนต้นเปลี่ยนทิศไปตามแรงลมจะพาไป
ผู้ใหญ่,รัก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บทที่ ๑
หญิงสาววัย ๒๓ ได้กลับมาถึงถิ่นฐานบ้านเกิด หลังจากไปเรียนมหาวิทยาลัยที่ประเทศจีน
ท่ามกลางผู้คนในสนามบินแน่นขนัด เธอเดินออกมาข้างนอกตามนัดหมายไว้กับบุคคลที่มารับ เป็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตา เคยคุยกันบ้างแต่ไม่มากนัก
‘เหนือ เหนือรัก’ คนสวนที่พ่อของเธอฝากฝังให้ช่วยเป็นธุระให้ เนื่องจากทั้งบ้านติดงานสำคัญที่ไม่สามารถยกเลิกได้
‘ส้ม ทอประกาย’ ย่างกรายมาพร้อมกับกระเป๋าลาก กระเป๋าถือ เต็มไม้เต็มมือไปหมด
เดินออกมาอย่างพะรุงพะรังเพราะเต็มไปด้วยข้าวของที่อาศัยอยู่จีนเป็นระยะเวลาเกือบห้าปี
“เดี๋ยวเราช่วย” หนุ่มวัยเดียวกันเดินเข้าไปหาแล้วเอ่ยด้วยเสียงสุภาพ เธอพยักหน้าหงึกๆ แล้วยิ้มรับ
เจ้าของทรงผมสกินเฮดเดินนำไปยังไอ้แก่ที่สีถลอกไปหมดจนตอนนี้ดูไม่ออกหรอกว่าเคยเป็นสีอะไรมาก่อน
หงุดหงิด
โมโห
โกรธพ่อ
ทอประกายหน้าเริ่มหงิกงอแล้วยกกระเป๋าขึ้นท้ายกะบะอย่างไม่มีทางเลือก
“มีตั้งหลายคัน ทำไมเอารถขนส้มมา” น้ำเสียงที่ไม่พอใจดังขึ้นทันทีที่ปิดประตูรถคันเก่าๆ
“คันนี้ก็ถึงเหมือนกัน” คนหน้าเหนื่อยๆ ที่เพิ่งทำงานสวนมาให้เหตุผล พร้อมขับออกไปจากสนามบิน
อ้าก!
ฉิบหาย!
เสียงเล็ก เสียงใหญ่ อุทานดังพร้อมกันเมื่อล้อรถหลุด
จะว่าโชคร้ายก็ใช่ จะว่าโชคดีก็ใช่ ที่เหตุการณ์ไม่ได้รุนแรง ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ มีแต่รถที่พัง และเกิดขึ้นใกล้กับอู่ซ่อมรถแถบชานเมืองพอดี
เหนือรักปล่อยให้เธอเฝ้ารถที่จอดอยู่ริมถนน แล้วเขาวิ่งตัวปลิวไปแจ้งช่างที่อู่
ใช้เวลาไม่นานช่างก็พากันลากรถไปที่อู่สำเร็จ แล้วเหนือก็ยืนคุยอะไรกับช่างก็ไม่รู้
ส้มรู้แค่ว่าร้อนฉิบหาย เอาเธอออกไปจากตรงนี้ที
“น่าจะหลายชั่วโมงครับ ต้องรอนานเลย ใกล้ๆ มีห้างนะพี่ พาแฟนไปเดินห้างรอก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมขับมอเตอร์ไซค์ไปส่ง” เจ้าของผิวขาวมองไปยังต้นเสียง สลับกับเหนือที่มองมายังเธออย่างมีคำถาม ทอประกายทำเพียงพยักหน้าหงึกๆ เพราะอยากออกไปจากตรงนี้เต็มที จะคิดว่าแฟนกันอะไรก็ตามแต่ เหนื่อยอธิบาย
ตรงนี้เป็นเพียงอู่เล็กๆ ที่ชานเมือง ไม่ได้มีที่รองรับสำหรับต้อนรับผู้มาใช้บริการ
หนึ่งในช่างที่อู่พาซ้อนสามอย่างช่ำชอง มีจุดมุ่งหมายคือห้างใกล้ๆ แต่ความซวยยังไม่จบเพราะเจอด่านแล้วโดนตำรวจจราจรเรียก และคนจ่ายค่าปรับไม่พ้นส้มเพราะไม่มีใครพกกระเป๋าสตางค์มาสักคน แต่ก็ยังดีกว่านั่งรอในที่ร้อนๆ หลายเท่า
“เราลืมเอากระเป๋าตังค์มาอะ ยืมส้มก่อนนะ” กำลังจะเดินเข้าประตูห้าง เหนือจำต้องพูดแบบนี้ออกไปด้วยความรู้สึกเขินๆ
“ได้เลย ชิวๆ อยู่แล้ว” เสียงเล็กตอบแล้วเดินนำอย่างไว เพราะต้องการอากาศเย็นในห้าง
“ไปกินไอติมกัน” คนผมยาวสีน้ำตาลยิ้มกว้าง เมื่อหันไปเจอกับร้านไอศกรีม
เหนือรักพยักหน้าตอบแล้วเดินตามลูกสาวเจ้าของไร่ไปอย่างไร้ความเห็น
ทอประกายทำการสั่งไอศกรีมจนล้นโต๊ะ
“มาอยู่ไทยถาวรเลยเหรอ” คนตัวสูงเริ่มบทสนทนา
“ใช่ๆ” ส้มพยักหน้าตอบ
“แล้วเหนือรับปริญญายังอะ” เธอหาเรื่องมาคุยบ้าง
“รับแล้ว” เสียงทุ้มตอบกลับแล้วพยักหน้า
เหตุการณ์นี้ทำให้ทั้งคู่ได้คุยกันมากขึ้น ซึ่งจริงๆ แล้วทอประกายกับเหนือรักเคยเรียนมัธยมที่เดียวกัน คุ้นหน้าคุ้นตากันดีแต่ไม่เคยคุยกันเลยสมัยเรียนเพราะอยู่คนละห้องด้วยแหละ
เพิ่งเริ่มได้ทักทายกันก็ตอนเหนือมาดูงานที่ไร้ส้มของพ่อเธอ เพราะตอนมหาลัยเหนือเรียนคณะเกษตร
“พ่อให้เอาคันนี้มาเหรอ” เธอพูดไปถอนหายใจไป ยังไม่จบกับเรื่องรถ
“น้าจรัสบอกแค่ว่าฝากไปรับส้มหน่อย แล้วปกติเราใช้คันนี้ประจำอยู่แล้วก็เลยเอาคันนี้มาเลย” คนสวมเสื้อลายสก็อตว่าเสียงเรียบ
“โอ้โห พ่อ” ทอประกายทำหน้าหงิกงอ
“อย่าโกรธน้าจรัสเลย เขางานยุ่งมากช่วงนี้”
“งานยุ่งจนลืมใส่ใจลูกเลยเหรอ นี่ก็ช่วยกันดีจัง” ส้มมองค้อนไปยังคนตรงหน้า
“ก็เขายุ่งมากจริงๆ” เหนือว่าเสียงเบา พยายามช่วยน้าจรัสอย่างเต็มที่แล้วจริงๆ
“น้าจรัสโทรมา” เหนือรักเอ่ยก่อนกดรับสายนายจ้าง
“ไอ้แดงล้อหลุดครับน้าจรัส ช้าหน่อยนะครับ” คุยอะไรกันไม่รู้ ส้มได้ยินแค่นี้ แป๊บๆ ก็วางสายไป
“ไอ้แดง มันเคยเป็นสีแดงมาก่อนเหรอคันนี้” ทอประกายว่าไปขำไป
“ใช่ มันเคยเป็นสีแดง อย่ามาขำรถประจำตำแหน่งของผมแบบนี้นะ” คนพูดประโยคนี้ก็ยังขำเอง
“แล้วเหนือขำอะไร ทำไมไม่ขอพ่อเปลี่ยนคันล่ะ”
“ใช้ขับในสวน ใช้คันเก่าๆ อะดีแล้ว ไปใช้คันดีๆ ก็เสียดายแย่”
“แปลว่าไม่ค่อยขับออกข้างนอกสินะ แต่ก็ยังเอามารับฉัน จะบ้าตาย” ส้มยังบ่นไม่เลิก
“ขอโทษ” เหนือรักเริ่มรู้สึกผิด
“ไม่ได้โกรธ แต่ขอบ่นหน่อยเถอะ”
“ตามสบาย”
นั่งในร้านไอศกรีมอยู่นานสองนานก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากช่างที่อู่ ซ่อมนานกว่าที่คิดนะเนี่ย