ยามพลบค่ำสายลมพัดโบกโบยของเหมันต์ฤดูได้เริ่มขึ้นดั่งที่ได้ยินพยากรณ์อากาศในคลื่นวิทยุ ใบไม้บนต้นเปลี่ยนทิศไปตามแรงลมจะพาไป

ไร่ส้มบ่มรัก - ตอนที่ ๕ โดย พวงพะยอม @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ผู้ใหญ่,รัก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ไร่ส้มบ่มรัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ผู้ใหญ่,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

ยามพลบค่ำสายลมพัดโบกโบยของเหมันต์ฤดูได้เริ่มขึ้นดั่งที่ได้ยินพยากรณ์อากาศในคลื่นวิทยุ ใบไม้บนต้นเปลี่ยนทิศไปตามแรงลมจะพาไป

ผู้แต่ง

พวงพะยอม

เรื่องย่อ

สารบัญ

ไร่ส้มบ่มรัก-ตอนที่ ๑,ไร่ส้มบ่มรัก-ตอนที่ ๒,ไร่ส้มบ่มรัก-ตอนที่ ๓,ไร่ส้มบ่มรัก-ตอนที่ ๔,ไร่ส้มบ่มรัก-ตอนที่ ๕,ไร่ส้มบ่มรัก-ตอนที่ ๖,ไร่ส้มบ่มรัก-ตอนที่ ๗,ไร่ส้มบ่มรัก-ตอนที่ ๘,ไร่ส้มบ่มรัก-ตอนที่ ๙,ไร่ส้มบ่มรัก-ตอนที่ ๑๐,ไร่ส้มบ่มรัก-ตอนที่ ๑๑

เนื้อหา

ตอนที่ ๕

                                                                         บทที่ ๕



ยามบ่ายอันแสนรื่นรมย์ ทอประกายปีนต้นไม้ที่สวนหลังบ้านเพื่อไปนั่งเล่น ในขณะที่เธอกำลังเพลินตาไปกับทิวทัศน์นั้น

ตุ๊บ!

โอ้ย!

เธอร่วงลงมาจากต้นไม้แล้วเหนือมาเห็นพอดี เขาเลยวิ่งเข้ามาดูด้วยความรวดเร็ว โชคดีที่ต้นไม่สูงมากนัก เธอเลยมีแผลถลอกที่หัวเข่านิดเดียว และปวดตามเนื้อตัวเล็กน้อย

เหนือช่วยประคองให้เธอลุกขึ้นยืน

"โอ๊ะ" ทั้งเสียงทั้งสีหน้าที่บ่งบอกว่าเจ็บ เหนือเลยให้เธอขี่หลัง แล้วเขาเดินมาส่งที่บ้านของเธอ

"น้าปานครับ" เหนือตะโกนเรียกเสียงดัง

"ว่าไงเหนือ" ปานนภาขานรับ ต้นเสียงมาจากหน้าต่างชั้นสองของบ้านหลังโต

"ส้มตกจากต้นไม้"

"ฮ้ะ" ผู้เป็นแม่อุทานด้วยความตกใจ แล้วรีบวิ่งลงไปที่ชัันล่างข้องบ้านด้วยอย่างรวดเร็ว

เหนือพาเธอไปนั่งตรงเก้าอี้หน้าบ้าน



"เจ็บไหมลูก" ผู้เป็นแม่มองไปยังแผลที่ถลอกเล็กน้อยตรงหัวเข่า แล้วสำรวจเรือนร่างลูกสาวในส่วนอื่นๆ ว่าบาดเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า

"นิดนึงค่ะ" 



ถึงลูกจะว่าอย่างนั้นก็เถอะ

แต่คนเป็นแม่ก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี ปานนภาคะยั้นคะยอให้ลูกสาวไปโรงพยาบาลเพื่อให้สบายใจว่าไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ โดยมีเหนืออาสาช่วยขับรถไปส่ง



ในรถสีขาวคันเก่งของปานนภา ขณะกลับจากโรงพยาบาลหลังทำการตรวจรักษาแล้วก็กลับบ้านได้อย่างคลายกังวล

"เจ็บก็ไม่เท่าไหร่ แต่น่าอายมากถ้าคนเขารู้กันทั่วว่าไปปีนต้นไม้เล่น แล้วร่วงลงมา ห้ามบอกใครนะ" 

คนบาดเจ็บปรามสองคนที่พาเธอมาส่งที่โรงพยาบาล

จบประโยคทั้งเหนือและผู้เป็นแม่หลุดขำออกมาเบาๆ 

"จะไปอายทำไมล่ะลูก อุบัติเหตุ" ผู้เป็นแม่โต้ขึ้น

"น่าอายจะแย่"

"แล้วหนูปืนขึ้นไปทำไม" มารดาเธอถามปนขำเล็กน้อย เพราะกลั้นขำไม่ไหว

"อยากลองทำอะไรที่ไม่เคยทำ ฮ่าๆๆ" เจ้าตัวเองก็ยังขำ คนอื่นจะไปเหลืออะไร

"แต่แม่บอกพ่อไปแล้ว เดี๋ยวเขาจะงง กลับมาบ้านไม่เห็นใคร เขาก็เป็นห่วงกันทั้งนั้นแหละ ไม่มีใครมานั่งขำหรอก"

"เมื่อกี้ยังพากันขำอยู่เลย" ทอประกายพูดไปยิ้มไป 



ทุ่งกุหลาบที่ปลูกไว้สองข้างทางเข้าบ้านเริ่มออกดอกบานสะพรั่งนั้นได้ดึงสายตาของคนที่เพิ่งได้รับบาดเจ็บให้มองไม่หยุดราวกับต้องมนต์สะกด

"ว้าว สวยมาก" ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้าน แค่ทำเพียงมองไปรอบๆ บ้าน ลูกสาวเจ้าของไร่ก็พูดคำว่า "สวยมาก" ไปแล้วแทบนับครั้งไม่ถ้วน



"ไปเล่นสไลเดอร์มาเหรอ"

ชายวัย ๕๓ แต่งกายโทรมๆ เพราะเพิ่งจบจากการไปลุยงานสวนมา ออกมายืนรอลูกสาวด้วยความเป็นห่วง แต่ก็อดแซวไม่ได้จริงๆ เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าเธอยิ้มแย้มดี และคงไม่เป็นอะไรมากนัก 

"พ่อ" เสียงเล็กที่พยายามดุ อย่างคาดโทษผู้เป็นพ่อ



มื้อเย็นตรงโต๊ะหน้าบ้าน วันนี้พ่อกับแม่ชวนเหนือรักอยู่ทานมื้อเย็นด้วยกันเพื่อเป็นการขอบคุณสักหน่อยที่ช่วยลูกสาวตัวดีตั้งแต่พาขี่หลังมาส่งที่บ้าน เท่านั้นไม่พอยังช่วยขับรถไปส่งที่โรงพยาบาลอีก

ตั้งแต่มีเหนือรักเข้ามาช่วยงานที่ไร่ เขาช่วยงานและช่วยหยิบจับหลายอย่างได้เป็นอย่างดีเลย ทำงานเก่ง ขยัน มีน้ำใจ และไว้วางใจได้ ทำอะไรก็ดูคล่องตัวไปหมด

ไม่ใช่งานไร่หรืองานสวนเท่านั้น เหนือยังช่วยเป็นธุระให้กับที่บ้านของนายจ้างของเขาอย่างเต็มใจ บางครั้งแทบไม่ต้องร้องขอด้วยซ้ำไป

เมื่อจบจากมื้อเย็น ปานนภาก็จัดแจงขนมห่อใหญ่ให้กับเหนือติดไม้ติดมือกลับไป 

๑๘:๐๐ เจ้าของแผ่นหลังหนาเดินดุ่มๆ กลับบ้านพักคนงานไป

ทั้งสามีและภรรยาผู้ซึ่งเป็นเจ้าของไร่ มองตามเหนือรักซึ่งกำลังเดินกลับบ้านพัก ด้วยสายตาอย่างเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่เอ็นดู



ในค่ำคืนนี้กับที่อากาศเย็นยะเยือก ทำให้คนที่เพิ่งไปได้แผลมาอาบน้ำไม่ไหว เธอเลยทำเพียงเช็ดตัวแล้วกินยาเข้านอน โดยมีคุณแม่มาช่วยทำแผลให้และนอนเป็นเพื่อน

ผลจากการตกจากต้นไม้ ทำให้เธอได้ระลึกความหลังเพราะเป็นเวลานานแล้วที่ไม่ได้นอนกับคุณแม่

ได้โอกาสหน่อยก็อ้อนแม่ ราวกับเด็กน้อยไม่มีผิด

"อย่าตกเตียงแล้วกัน เดี๋ยวจะยิ่งเจ็บแผล" ผู้ให้กำเนิดพูดทีเล่นทีจริงแต่แฝงไปด้วยความรู้สึกห่วงใยทั้งหมด

"แม่ หนูอยากรู้ว่าการเป็นแม่คนนี่ขี้บ่นกันทุกคนเลยไหม แล้วมันเกิดขึ้นอัตโนมัตเลยเหรอ ทันทีที่มีลูก" ทอตะวันหยอกแม่บ้าง

"ส้ม ฉันเป็นห่วงเธอทั้งนั้นอะ" ผู้เป็นแม่ว่าเสียงเรียบ แล้วหันไปมองคนที่นอนเป็นผัก

"รู้แล้ว แค่แหย่เล่นเองค่ะคุณปานนภา" ทอประกายพูดแล้วขำท้ายประโยคอย่างที่เธอชอบหยอกแม่อยู่บ่อยๆ



โอ้ย!

การอยากลองทำอะไรที่ไม่เคยทำคือการปีนต้นไม้ของทอประกาย ผลกระทบที่ได้นะเหรอ?

ลุกเดินเหินแต่ละทีต้องร้องโอดโอยเพราะตึงแผลที่หัวเข่า 

เป็นการเดินไปเข้าห้องน้ำที่ทุลักทุเลหน่อย



"อย่าไปปีนต้นไม้อีกนะลูก" ปานนภาร้องเตือนเพราะไม่อยากเห็นลูกเจ็บตัวแล้ว แม้แต่น้อยนิดก็ตาม

"ฮือ ไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว" เสียงพึมพำในลำคอ คนที่เพิ่งตกจากต้นไม้หย่อนกายลงเตียงอย่างช้าๆ หลังจากเดินกลับมาจากห้องน้ำ



สายลมหนาวที่พัดโชยเข้ามาในห้องเริ่มสงบลง เพราะหน้าต่างทุกบนถูดปิดลงจากฝีมือของปานนภา

อากาศหนาวกำลังดีกับอ้อมกอดจากแม่แสนช่างอบอุ่น ไม่นานสองแม่ลูกก็หลับไป