ยามพลบค่ำสายลมพัดโบกโบยของเหมันต์ฤดูได้เริ่มขึ้นดั่งที่ได้ยินพยากรณ์อากาศในคลื่นวิทยุ ใบไม้บนต้นเปลี่ยนทิศไปตามแรงลมจะพาไป

ไร่ส้มบ่มรัก - ตอนที่ ๖ โดย พวงพะยอม @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ผู้ใหญ่,รัก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ไร่ส้มบ่มรัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ผู้ใหญ่,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

ยามพลบค่ำสายลมพัดโบกโบยของเหมันต์ฤดูได้เริ่มขึ้นดั่งที่ได้ยินพยากรณ์อากาศในคลื่นวิทยุ ใบไม้บนต้นเปลี่ยนทิศไปตามแรงลมจะพาไป

ผู้แต่ง

พวงพะยอม

เรื่องย่อ

สารบัญ

ไร่ส้มบ่มรัก-ตอนที่ ๑,ไร่ส้มบ่มรัก-ตอนที่ ๒,ไร่ส้มบ่มรัก-ตอนที่ ๓,ไร่ส้มบ่มรัก-ตอนที่ ๔,ไร่ส้มบ่มรัก-ตอนที่ ๕,ไร่ส้มบ่มรัก-ตอนที่ ๖,ไร่ส้มบ่มรัก-ตอนที่ ๗,ไร่ส้มบ่มรัก-ตอนที่ ๘,ไร่ส้มบ่มรัก-ตอนที่ ๙,ไร่ส้มบ่มรัก-ตอนที่ ๑๐,ไร่ส้มบ่มรัก-ตอนที่ ๑๑

เนื้อหา

ตอนที่ ๖

                             บทที่ ๖

เป็นเวลา ๓ เดือนแล้วที่ทอประกายกลับมาอยู่ไทยอย่างถาวร มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ปนกันไป

ช่วงนี้พ่อและแม่ของเธอติดธุระที่ต่างจังหวัด ๓ วัน และเป็นช่วงที่แม่บ้านลาพักร้อนพอดี นั่นหมายความว่าเธอต้องอยู่บ้านหลังใหญ่แห่งนี้เพียงลำพัง แม่เสนอว่าให้ชวนญาติมาอยู่เป็นเพื่อนก็ไม่เอา ส้มบอกว่าอยู่คนเดียวได้



ตกดึกนึกคึกอยากลองเที่ยวผับที่ไทย เพราะชีวิตวัยรุ่นส่วนใหญ่เธอใช้มันไปที่ต่างประเทศ

ทอประกายโทรหาเหนือรัก

หวังให้เขาขับรถให้ และตื้อให้พาเที่ยวสักหน่อย เมื่อเหนือถามว่าขอพ่อกับแม่หรือยัง เธออึกอักจนอีกฝ่ายจับได้ว่าไม่ได้ขออนุญาติผู้เป็นนายจ้างของตน

ขืนบ้าจี้ตาม ก็ฉิบหายหมด ได้เป็นวัยรุ่นตกงานพอดี

แต่ทอประกายก็ไม่ย่อท้อต่อการตื้อ เธอสาธยายว่าตั้งแต่กลับไทยก็ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวแบบวัยรุ่นเลย เพื่อนก็ไม่ค่อยมี

พูดซะจนคนที่นั่งอยู่ในบ้านพักคนงานแคบๆ เริ่มใจอ่อน และในที่สุดเหนือก็ยอมลุกไปแต่งตัวแล้วเดินดุ่มๆ ไปที่บ้านใหญ่ พร้อมกับสวมเสื้อยืดแบรนด์ดังที่ส้มซื้อให้ในวันนั้น

"แต่งตัวแบบนี้ก็หล่อเหมือนกันนะเนี่ย" เจ้าของบ้านที่กำลังจะหนีพ่อแม่เที่ยวแซวขึ้น

"บอกพ่อกับแม่ยัง" เขาว่าเสียงเรียบ

"เขาไม่ว่าอะไรหรอกโตกว่าควายแล้ว ไม่ได้หนี ไม่ได้แอบ กล้องรอบบ้านเป็นร้อย รอให้ถามก่อนเดี๋ยวบอก"

"ดื้อฉิบหาย" เหนือสบถเบาๆ

"ได้ยินนะ พูดคำหยาบเหรอ" เธอมองค้อนคนตรงหน้า

"ไม่ใช่ หูเพี้ยนไปแล้วหรือเปล่า" คนร่างโตรีบปฏิเสธ



ทอประกายยื่นกุญแจรถให้เขา

"สมัยเรียนเที่ยวบ่อยไหม" เธอเริ่มบทสนาเมื่อเข้าไปในรถคันเก่งของผู้เป็นแม่ที่ทิ้งไว้ให้ใช้ 

"ไปบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับบ่อยนะ"



เหนือขับรถพาเธอไปยังผับที่เขาเคยไปเมื่อสมัยยังเรียนมหาวิทยาลัย 

เหนือรักกลัวเจอเพื่อนจะแย่ เดี๋ยวมันถามมาก วันนี้ไม่ค่อยมีอารมณ์ที่อยากจะเจอคนรู้จักเท่าไหร่นัก



เสียงดังๆ

แสงไฟวูบวาบ

สำหรับเหนือนั้นหมดสิ้นความตื่นเต้นกับอะไรแบบนี้ไปตั้งแต่เรียนจบแล้ว

ตรงกันข้ามกับผู้หญิงชุดเดรสสีขาวที่เขาพามา เห็นอะไรก็ตื่นตาตื่นใจไปหมด

เหนือรักบอกย้ำกับเธอตลอดทางว่าเขาจะไม่ดื่มเพราะต้องขับรถ แค่มาเป็นเพื่อนอย่างเดียว

อีกคนก็เข้าใจดี ไม่ได้คะยั้นคะยออะไร นอกจากขอให้พามา 

ความสาวสะพรั่ง สวยเย้ายวนชวนหลงไหล เป็นเหตุให้ดึงดูดสายตาทั้งเหล่าชายแก่ชายหนุ่มต่างปรี่เข้าหา เหนื่อยเหนือรักต้องคอยขวางคนแปลกๆ ออกไป ไม่ให้เข้าใกล้ทอประกายจนเกินควร



"พากลับหน่อย เริ่มไม่สนุกแล้วอะ" ส้มเริ่มรำคาญกับเหตุการณ์แปลกๆ ที่เธอเจอ ดื่มไปนิดเดียวเองยังไม่ใกล้เคียงกับคำว่าเมาแม้แต่น้อย ส่วนเหนือนั้น ไม่ได้ดื่มเลยอย่างที่เค้าย้ำเอาไว้นักหนา

เมื่อจะกลับฝนดันตกหนัก บ้านเธอนั้นอยู่ไกลจากตัวเมืองพอสมควร

เขาถามเธอว่าจะเอายังไงดี เหนือมีคอนโดอยู่ไม่ไกลนักจากสถานบันเทิงแห่งนี้เธอสะดวกใจไปพักที่นั้นก่อนไหม เมื่อส้มเห็นด้วยกับสิ่งที่เหนือเสนอมา เขาก็พาเธอไปทันที

ออกจากผับ ใช้เวลาขับรถฝ่าฝนที่กำลังตกหนัก ไม่นานก็ถึงคอนโดของเหนือเรียบร้อย



หรูหรา

ใหญ่โต

ไม่ธรรมดาจริงๆ

"รวยนะเนี่ย" หญิงสาวร้องทักทันทีเมื่อไปถึงห้องของเขา

"ได้มาไม่แพง ซื้อต่อจากญาติ" เขาอึกอักก่อนตอบไปแบบนี้



เหนือรักยื่นผ้าให้ ในขณะที่เธอนั่งอยู่บนโซฟา

แล้วนั่งลงอย่างเว้นระยะห่างพอสมควร



อ้าว!

อ้ากกกกกกกก



เสียงบาง เสียงทุ้มอุทานพร้อมกัน ตั้งแต่อยู่มาที่นี่แทบไม่เคยไฟดับสักครั้ง

คนตัวบางกระโดดไปนั่งเกาะแขนเหนือรักอย่างอัตโนมัติ คนตัวใหญ่กว่าหยิบมือถือมาเปิดเพื่ออาศัยแสงสว่างอย่างมีสติ

"รอแป๊บนะ เดี๋ยวไปหาเทียนมาจุดก่อน" เขาว่าด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

"อือ" เธอตอบรับในลำคอ



แสงไฟที่ส่องสว่างจากเทียนก็ยังดีกว่าอยู่กันอย่างมืดๆ 



กลิ่นเทียน

แสงและเงา

ความเงียบงัน

"เหนือก็หล่อนะเนี่ย" เสียงหวานเอื้อนเอ่ยขณะที่หันไปมองใบหน้าคมกระทบกับแสงเทียน เผยจมูกโด่งสวยดั่งประติมากรรมอันล้ำค่า

"มันมืดไง" เจ้าของห้องเริ่มทำตัวไม่ถูก

"พูดเหมือนเราไม่เคยเห็นหน้าเหนือตอนสว่าง"

"เมาป่ะเนี่ย ไปนอนไหม"

"บ้า ไม่ได้เมา" ทอประกายเลื่อนหน้าไปใกล้คนร่างหนา เขาทำเพียงนิ่งเงียบและรอดูท่าทีผู้เป็นลูกสาวนายจ้าง

เธอกดริมฝีปากลงที่แก้มของเขาแล้วผละออก ทั้งคู่สบตากันอยู่นาน ก่อนที่สาวร่างบางจะนั่งคร่อมอีกฝ่าย แล้วจุมพิตลงตรงซอกคออันขาวเนียนไร้ที่ติ

เสื้อที่ส้มซื้อให้ถูกถอดออกจากร่างหนาโดยเธอเอง คนตัวโตรับบทผู้ถูกกระทำอย่างสนองให้

นิ่งเงียบชั่วครู่ ยอมเป็นราวกับรถบังคับที่ให้ทอประกายได้กำหนดทิศทาง

เรือนรางบางเริ่มเปลือยเปล่าด้วยมือของเธอเอง คนตัวหนาถูกจมูกสลับกับปากเรียวสวยของส้มสัมผัสระรัวไปทั่วเรือนร่าง

เจ้าของห้องเริ่มสู้ เขายกเธออุ้มขึ้นแล้วพาไปในห้องนอน

เหนือรักปลดส่วนล่างของตัวเองจนว่างเปล่า อีกฝ่ายรีบเอื้อมมือมาจับอย่างรู้งานแล้วก้มไปดูดดื่มจนเขาครางอย่างพอใจ



ไร้ซึ่งบทสนทนา

มีแต่เสียงที่ฟังไม่เป็นภาษา

มีเพียงสองคนที่รู้กันดีว่าต้องการอะไร

เสพสมดั่งใจก็ทิ้งกายลงนอนข้างกัน ทันทีเสียงหอบครางสงบลงมือถือของหญิงสาวกลับดังไม่หยุดจนต้องออกไปรับสาย

เนื้อตัวเริ่มสั่นเทาเพราะมีสายเข้าจากผู้เป็นพ่อ ถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนตัดสินใจรับสาย

เสียงทุ้มใหญ่ทำเธอกลัวทั้งที่ทำเพียงเอ่ยว่า "ลูกครับ"

จรัสเพชรโทรมาบอกเธอว่าต้องค้างที่บ้านลุงนานกว่าที่เคยบอกเอาไว้ จาก ๓ วัน เพิ่มเป็นหนึ่งสัปดาห์

เจ้าของห้องเดินตามมาดู แล้วเข้าไปโอบกอดเธออย่างอบอุ่นหลังจากวางสายไป

คนที่กอดเธอจากด้านหลังก็กลัวไม่ต่าง แต่อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด