การปฏิเสธคริสตอฟไม่ได้เป็นทางเลือกที่เขาจะทำได้โดยปลอดภัย ขณะเดียวกัน การเข้ามาเกี่ยวข้องกับกรมตำรวจ โดยเฉพาะกับผู้กำกับคณิน ก็ไม่ต่างจากการเล่นกับไฟที่อาจจะเผาเขาให้เป็นจุณได้ทุกเมื่อ
ชาย-ชาย,#BL,สืบสวน ,แอ็คชั่น,รักในเครื่องแบบ,ฆาตกรรม ,ฆาตกรต่อเนื่อง,นักสะสมมนุษย์,อาญากรรม,กักขัง,โรคจิต ,ฆาตกร,ปริศนา ,ระทึกขวัญ ,นักสืบ ,ปริศนาฆาตกรรม ,boylove,yaoi ,เพื่อนกูรักมึง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ลวงใจให้หลงตายการปฏิเสธคริสตอฟไม่ได้เป็นทางเลือกที่เขาจะทำได้โดยปลอดภัย ขณะเดียวกัน การเข้ามาเกี่ยวข้องกับกรมตำรวจ โดยเฉพาะกับผู้กำกับคณิน ก็ไม่ต่างจากการเล่นกับไฟที่อาจจะเผาเขาให้เป็นจุณได้ทุกเมื่อ
ลำตัวของเหยื่อถูกกระแทกอย่างรุนแรงจนเห็นได้ชัดจากรอยช้ำที่กระจายอยู่ทั่ว ร่องรอยของการต่อสู้และความพยายามที่จะหนีเอาตัวรอดยังคงปรากฏชัดเจนบนเสื้อผ้าที่ถูกฉีกขาดและสกปรกไปด้วยเลือดและเศษดิน ชายเสื้อขาดรุ่งริ่งเผยให้เห็นผิวหนังที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นและรอยบาดลึกจนถึงกระดูก
กลิ่นคาวเลือดลอยอบอวลอยู่ในอากาศ ร่างกายของเหยื่อเริ่มแข็งตัวด้วยความหนาวเย็นของเช้ามืด คณินรู้สึกถึงอาการหน้ามืดมวนท้องเขาหลับตาเพียงเสี้ยววินาทีเพื่อสะกดความรู้สึกอยากจะอาเจียนก่อนหันไปถามเจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ว่า “มีอะไรอีกที่เรารู้เกี่ยวกับเขาบ้าง?”
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเข้ามาหาและพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเครียด “ไม่มากครับผู้กำกับ... แต่เราพบกระดาษแผ่นหนึ่งยัดอยู่ในลำคอของผู้เสียชีวิต ตอนนี้เรากำลังตรวจสอบอยู่”
คณินพยักหน้าช้าๆ เขาไม่สามารถละสายตาจากสภาพศพที่นอนอยู่ตรงหน้าได้ ร่างที่ครั้งหนึ่งเคยมีชีวิตชีวา แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเพียงกองเลือดและเนื้อที่ถูกทำลายจนเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้
"ความโหดเหี้ยมแบบนี้มันหมายความว่าอะไร?"คณินยังคงยืนอยู่ข้างศพ ผู้เสียชีวิตที่นอนจมกองเลือดในตรอกแคบที่แทบจะไร้แสงสว่าง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขาในท่าทีไม่รีบไม่ร้อน มือของเขาถือถุงพลาสติกใสสำหรับเก็บหลักฐาน ข้างในนั้นมีเศษกระดาษแผ่นหนึ่งที่ดูยับยู่ยี่และเปียกชุ่มด้วยของเหลวที่คณินรู้ทันทีว่าเป็นน้ำย่อยในลำคอของผู้ตาย
"ผู้กำกับครับ นี่คือกระดาษที่เราพบในลำคอของผู้เสียชีวิต" เจ้าหน้าที่กล่าวพลางส่งถุงหลักฐานให้คณิน
คณินรับถุงหลักฐานมา เปิดออกอย่างระมัดระวัง แล้วดึงกระดาษที่ยับเยินออกมา มันเปียกชุ่มและมีกลิ่นที่ไม่ค่อยน่าพิสมัย แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของคณินคือข้อความที่เขียนอยู่บนนั้น
ข้อความนั้นสั้นและเขียนด้วยลายมือที่หนักแน่นเป็นระเบียบราวกับว่าคนเขียนต้องการถ่ายทอดข้อความนี้ก่อนจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่เลวร้ายกว่า “มีงูพิษที่ซ่อนอยู่ในสวนหลังบ้าน” คณินหัวคิ้วขมวดมุ่น...
เช้าตรู่ของวันใหม่ แสงอาทิตย์ยังไม่ทันจะแตะขอบฟ้า โรงพักอำเภอแม่ท่าก็เริ่มเปิดทำงานอย่างเงียบๆ ตามปกติ เจ้าหน้าที่ผลัดเช้าเริ่มเข้าประจำการ ท่ามกลางบรรยากาศที่ยังคงเงียบสงัด แต่เช้าวันนี้กลับมีสิ่งที่ไม่ปกติเกิดขึ้น เมื่อพัสดุขนาดเล็กกล่องหนึ่งถูกส่งมาถึงมือเจ้าหน้าที่ผู้รับพัสดุ
ร้อยตำรวจตรี พิชัย เป็นคนแรกที่สังเกตเห็นพัสดุแปลกๆ นี้ กล่องกระดาษสีขาวขนาดเล็กถูกห่อหุ้มอย่างเรียบร้อยผูกโบว์สีแดงสด มีชื่อผู้รับเขียนอย่างชัดเจนที่ด้านหน้าว่า “ถึง: พันตำรวจเอก คณิน ธีรพงศ์”
หมวดพิชัยหยิบกล่องขึ้นมาพลิกดูรอบๆ ไม่มีที่อยู่ผู้ส่ง ไม่มีร่องรอยใดๆ ที่บ่งบอกถึงที่มาของมัน ความสงสัยเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ เขารีบถือกล่องพัสดุไปหาคณินที่ห้องทำงาน
เมื่อคณินเดินเข้ามาในห้องทำงาน พิชัยก็รีบเดินไปหาเขาทันที "ผู้กำกับครับ มีพัสดุส่งมาถึงคุณแต่เช้า ดูแปลกๆ นะครับ ผมไม่เห็นมีที่อยู่ผู้ส่งเลย"
คณินรับกล่องมาด้วยความสงสัย เขาเปิดกล่องอย่างระมัดระวัง เมื่อเปิดออกมา เขาเห็นกล่องเค้กเล็กๆ สีขาวอยู่ด้านใน พร้อมกับซองจดหมายสีดำซ่อนอยู่ใต้กล่องเค้ก
คณินหยิบกล่องเค้กออกมาอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเปิดฝาออก สิ่งที่เห็นทำให้เขาต้องชะงัก เค้กวานิลาเนื้อนุ่มที่เขาชอบกินถูกตกแต่งอย่างเรียบง่าย บนหน้าเค้กมีคำว่า "ขอแสดงความเสียใจ" เขียนด้วยช็อกโกแลต
คณินเหลือบมองซองจดหมายสีดำที่อยู่ในกล่อง เขาหยิบซองนั้นขึ้นมาและเปิดออกอย่างใจเย็น ดึงกระดาษออกมาและเริ่มอ่าน เนื้อหาในจดหมายนั้นสั้นและเฉียบคม
ถึงคุณผู้กำกับ
ผมขอแสดงความเสียใจกับการสูญเสียครั้งนี้ แต่เวลาของคุณกำลังนับถอยหลัง รีบสืบสวนคดีที่เกิดขึ้น เพราะเหยื่อรายต่อไปอาจจะอยู่ใกล้คุณกว่าที่คุณคิด จงใช้เวลาของคุณอย่างชาญฉลาดก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”
ด้วยความเคารพ
......รัตติกาล........
ข้อความในจดหมายเต็มไปด้วยความท้าทาย และเหมือนเป็นการเตือนภัยในคราวเดียว คณินมองจดหมายในมือของเขา สายตาเย็นชาแต่ภายในใจกลับเริ่มร้อนรุ่ม เขาพลิกกระดาษดูทุกมุม แต่ไม่พบร่องรอยใดๆ ที่บ่งบอกถึงตัวตนของผู้ส่ง
พิชัยมองคณินด้วยความกังวล "ผู้กำกับ คิดว่าใครเป็นคนส่งมา?"
คณินเก็บจดหมายลงในซองอย่างเรียบเฉย แม้ภายในใจจะเต็มไปด้วยคำถามมากมาย "ไม่แน่ใจ แต่ดูเหมือนจะมีคนต้องการเล่นเกมกับเรา"
"แล้วเราจะทำยังไงต่อดีครับ?" พิชัยถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความตกใจ
คณินหันมามองพิชัย ก่อนจะตอบอย่างหงุดหงิด "ทำอะไร!" เขาส่ายหัวอย่างงงๆ "เป้าหมายของเขาคือใคร หรือ ใครไปทำอะไรให้เขา!" คณินเหมือนจะหัวเสียจากอาการพักผ่อนไม่เพียงพอทำให้ หมวดพิชัยเลยต้องล่าถอยก่อน
คณินนั่งอยู่ในห้องทำงานของเขา ใบหน้าเคร่งเครียดขณะที่มองกล่องเค้กและจดหมายที่อยู่ตรงหน้า เขารู้สึกสับสนและไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี ในใจของเขายังไม่อาจทำใจยอมรับการจากไปของลุงที่เขารักได้ดีนัก และตอนนี้กลับมีจดหมายที่คล้ายกับการข่มขู่ส่งมาถึงเขา พร้อมกับเค้กที่ดูเหมือนจะมีความหมายบางอย่างซ่อนอยู่ แต่เขาไม่อาจเข้าใจได้ทันที
คณินถอนหายใจยาว เอนหลังพิงเก้าอี้อย่างจนปัญญาเขาพยายามคิดโยงความสัมพันธ์ระหว่างจดหมายและเค้กวนิลาก้อนนี้ แต่ลึก ๆ แล้ว เขารู้สึกว่ามันไม่เพียงพอที่จะเข้าใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นได้ชัดเจนทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะของเขาดังขึ้น ทำลายความเงียบสงบในห้อง คณินขยับตัวเล็กน้อยและหยิบหูโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย
"สวัสดีครับ พันตำรวจเอก คณิน ธีรพงศ์" เขาตอบเสียงตามปกติ
ปลายสายเป็นเสียงที่ไม่คุ้นเคย เสียงนั้นถูกปรับเปลี่ยนจนฟังดูแปลกประหลาด "คุณได้รับของขวัญจากผมแล้วหรือยัง ผู้กำกับ?"
คณินนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบตะโกนกรอกโทรศัพท์ "คุณเป็นใคร? คุณส่งของมาให้ผมทำไม!?"
ปลายสายหัวเราะเบา ๆ ราวกับสนุกกับสถานการณ์นี้ "ผมรู้ว่าคุณชอบเค้กวนิลา ผู้กำกับ… มันเป็นเค้กโปรดของคุณไม่ใช่หรือ? ลุงประสิทธิ์ของคุณบอกผมเอง"
คณินรู้สึกเหมือนถูกตอกย้ำลงกลางใจ ความรู้สึกที่ทั้งสับสนและโกรธเคืองผสมปนเปกันในทันที "ไอ้เวร!!! คุณต้องการอะไรจากผม?"
เสียงปลายสายเยือกเย็นตอบกลับมา "ผมอยากให้คุณได้ลองชิ้มเค้กนั้น มันกินได้และถูกทำมาอย่างพิถีพิถัน… เพื่อคุณ"
คณินรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่แทรกซึมเข้ามาในอก เขาพยายามรักษาสมาธิ "คุณเกี่ยวข้องกับการตายของลุงผมหรือเปล่า?"
ปลายสายยังคงเงียบไปสักพัก ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความลึกลับ "คุณจะต้องค้นหาคำตอบนั้นเอง ผู้กำกับ… เวลาไม่เคยหยุดเดิน รีบค้นหาความจริง ก่อนที่มันจะสายเกินไป"
ปลายสายวางไปนานแล้ว แต่คณินยังคงนั่งค้างอยู่กับความรู้สึกตัวชา หัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ราวกับมีบางสิ่งกำลังกดดันอยู่ในอก ความโกรธและความเจ็บปวดที่สุมอยู่ในใจเริ่มก่อตัวเป็นพายุใหญ่ เขารู้สึกว่ามันยากเกินจะทนไหว ในที่สุด เขาระเบิดอารมณ์ออกมา ทุบโต๊ะอย่างแรงด้วยความโกรธ เสียงดังสนั่นไปทั่วห้อง มือของเขาเหวี่ยงของบนโต๊ะกระจัดกระจาย กล่องเอกสารและแฟ้มต่างๆ หล่นกระแทกพื้น เสียงข้าวของตกกระทบกับพื้นดังก้องออกไปนอกห้อง ไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงฝีเท้าของเจ้าหน้าที่หลายคนก็ดังขึ้นตามมา ลูกน้องของคณินหลายคนกรูกันเข้ามาในห้องด้วยความตกใจโทนี่เป็นคนแรกที่วิ่งเข้ามา สีหน้าของเขาตกใจขณะมองไปที่คณิน
"ผู้กำกับ! เกิดอะไรขึ้นครับ!" โทนี่ถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล
สุชาติและพิชัยตามเข้ามาติดๆ พวกเขาต่างยืนล้อมรอบโต๊ะทำงานของคณิน มองไปที่ของที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของทุกคนมากที่สุดคือเค้กวนิลาสีขาวก้อนเล็กที่วางอยู่กลางโต๊ะ ใบหน้าของทุกคนแสดงออกถึงความงุนงงและสงสัย
คณินสูดลมหายใจลึกๆ พยายามควบคุมอารมณ์ที่พุ่งพล่าน ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นให้ทุกคนฟัง เขาเล่าถึงพัสดุที่ได้รับและบทสนทนาทางโทรศัพท์กับเสียงที่ถูกปรับเปลี่ยน ที่พูดถึงลุงประสิทธิ์และเค้กวนิลา ทุกคนฟังอย่างตั้งใจ และเมื่อคณินเล่าจบ ความเงียบงันก็เข้ามาครอบงำห้องทำงานอีกครั้ง
สุชาติเงยหน้าขึ้นมองคณิน ดวงตาของเขาแสดงถึงความกังวล "ผู้กำกับ คุณคิดว่านี่เป็นการข่มขู่หรือเปล่าครับ?"
คณินพยักหน้าเบาๆ "ผมไม่รู้แน่ชัด แต่ที่แน่ๆ คนที่ส่งของมาให้ผมต้องเกี่ยวข้องกับการตายของลุงประสิทธิ์ และพวกเขาต้องการให้ผมทำอะไรบางอย่าง หรือไม่ก็แค่ต้องการเล่นเกมกับเรา"
พิชัยมองไปที่เค้กวนิลาก้อนนั้นด้วยความสงสัย "แล้วเราจะทำยังไงต่อดีครับ? เราควรตรวจสอบเค้กนี้ก่อนหรือไม่?"
คณินยืนมองเค้กที่วางอยู่บนโต๊ะ รู้สึกถึงความสะเก็ดอะไรบางอย่างในใจ มันไม่ใช่แค่เค้กธรรมดา แต่มันคือเครื่องหมายบางอย่างที่เขาต้องถอดรหัส มันคือสัญลักษณ์ของความท้าทายจากศัตรูที่ยังไม่รู้หน้า
"ใช่ ตรวจสอบมันให้ละเอียดที่สุด" คณินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด "และหาข้อมูลทุกอย่างที่เรามีเกี่ยวกับการตายของลุงประสิทธิ์ พวกเราต้องหาความจริงให้ได้ก่อนที่พวกเขาจะทำอะไรอีก"
ทุกคนพยักหน้ารับคำสั่ง ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง
หมวดพิชัย ไม่รอช้า เขารีบเก็บเค้กก้อนนั้นใส่ถุงเก็บหลักฐานอย่างระมัดระวัง แล้วนำไปที่ห้องพิสูจน์หลักฐานทันที เพื่อให้ทีมงานผู้เชี่ยวชาญแยกส่วนผสมและตรวจสอบหาเบาะแสใดๆ ที่อาจซ่อนอยู่ในเค้ก
หลายชั่วโมงต่อมา ผลการตรวจสอบก็มาถึงมือของพิชัย เขารีบนำเอกสารผลการวิเคราะห์ไปหาคณินที่ห้องทำงาน
"ผู้กำกับครับ ผลการตรวจสอบเค้กมาแล้วครับ" พิชัยกล่าวขณะยื่นเอกสารให้คณิน
คณินรับเอกสารมาและเปิดอ่าน เนื้อหาในรายงานระบุอย่างชัดเจนว่า
"จากการตรวจสอบเค้กวานิลา ไม่พบสารพิษหรือสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อชีวิตผู้บริโภค ส่วนผสมทั้งหมดเป็นของที่ใช้ในการทำขนมทั่วไป ไม่พบร่องรอยของสารแปลกปลอม อย่างไรก็ตาม พบปริมาณเล็กน้อยของยาคลายเครียดชนิดหนึ่ง (Diazepam) ผสมอยู่ในครีมหน้าเค้ก แต่ในปริมาณที่น้อยมากจนไม่ถึงขั้นอันตรายต่อชีวิต"
คณินอ่านจบแล้วเงยหน้ามองพิชัย "ยาคลายเครียด?" เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ คณินรู้สึกเสียววาบในท้องน้อย ความคิดต่างๆ วิ่งผ่านหัวของเขาอย่างรวดเร็ว ยาคลายเครียด... แม้ไม่ใช่สารเคมีอันตรายที่ถูกใส่ลงในเค้ก แต่เป็นสิ่งที่มีความหมายลึกซึ้งกว่านั้น มีใครบางคนรู้ว่าเขาใช้ยาตัวนี้ก่อนนอน และเรื่องนี้... เขาไม่เคยบอกให้ใครรู้เลย
หลายปีที่ผ่านมา คณินต้องต่อสู้กับความเครียดและฝันร้ายที่ไม่รู้จักจบสิ้น มันเริ่มต้นขึ้นหลังจากเหตุการณ์ในอดีตที่เขาไม่สามารถลืมได้ ตอนที่เขายังเป็นตำรวจหนุ่ม เขาเคยอยู่ในคดีใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการลักพาตัวและการฆาตกรรมเด็กเล็ก ในการทำงานนั้น คณินได้เห็นภาพที่โหดร้ายเกินกว่าที่จิตใจของคนธรรมดาจะรับได้ ภาพเด็กๆ ที่ถูกทำร้ายอย่างทารุณยังคงตามหลอกหลอนเขาในฝันอยู่ทุกคืน หลังจากคดีนั้นสิ้นสุดลง คณินพบว่าตัวเองไม่สามารถหลับได้โดยไม่ฝันร้าย เขาพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ยานอนหลับหรือยาคลายเครียด แต่สุดท้ายเขาก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความทรมานที่เกิดจากการนอนไม่หลับและความเครียดสะสม ในที่สุด คณินตัดสินใจปรึกษาแพทย์ และแพทย์ได้จ่ายยาคลายเครียดให้กับเขาเพื่อช่วยให้เขาหลับได้ง่ายขึ้น แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยถูกต้อง แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ทุกคืนก่อนนอน เขาจะต้องใช้ยาตัวนี้เพื่อให้สามารถหลับได้โดยไม่ถูกฝันร้ายตามหลอกหลอน
เขาใช้ยาคลายเครียดมาตลอด 5 ปี นับตั้งแต่เหตุการณ์คดีนั้น แต่เขาไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร แม้แต่ลุงประสิทธิ์ ผู้เป็นเสมือนพ่อแท้ๆ ของเขา เรื่องนี้เป็นความลับที่เขาเก็บไว้ลึกสุดใจ
แต่ตอนนี้... มีใครบางคนรู้ความลับนั้น และใช้มันเพื่อเล่นเกมจิตวิทยากับเขา ความคิดนี้ทำให้คณินรู้สึกหนาวสะท้าน เขารู้ว่าเขากำลังเผชิญกับศัตรูที่รู้เรื่องส่วนตัวของเขามากกว่าที่เขาคาดคิดไว้ และนั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัย
"มันไม่ใช่สารที่สามารถทำให้ถึงตาย แต่ก็เป็นเรื่องแปลกที่มันถูกใส่ลงในเค้ก" คณินเรียกตัวเองกลับมาอยู่กับปัจจุบัน
พิชัยพยักหน้า "ใช่ครับ "
คณินครุ่นคิดสักครู่ เขาเข้าใจดีว่าผู้ส่งเค้กก้อนนี้ไม่ได้ต้องการทำร้ายเขาแต่ดูเหมือนจะเป็นการเล่นกับจิตใจมากกว่า การใส่ยาคลายเครียดในปริมาณที่พอรู้สึกได้แต่ไม่อันตราย น่าจะเป็นการส่งสารบางอย่าง
"มันหมายความว่าอย่างไร?" คณินพูดออกมาเบาๆ ขณะคิดหาคำตอบ
บ่ายวันนั้น อากาศในเมืองแม่ท่าเริ่มอบอ้าวคณินนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน จมอยู่กับเอกสารและความคิดที่สับสนเกี่ยวกับเค้กและจดหมายที่ได้รับในเช้าวันนี้ เขาพยายามเรียบเรียงความคิด แต่ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่ลงตัว จนกระทั่งเสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้นเมื่อคณินเงยหน้าขึ้นมา เขาเห็นหนุ่มชุดดำคนเมื่อวานยืนอยู่ตรงหน้าประตู พร้อมกับหนังสือในมือที่หน้าปกเป็นรูปลุงประสิทธิ์ของเขาในชุดเต็มยศ คณินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หมวดพิชัยเดินนำหน้าเข้ามาแล้วรีบรายงาน
"คุณอัศวินเป็นเจ้าของสำนักพิพม์มาขอเข้าพบครับ"
"สวัสดีครับ คุณผู้กำกับ" อัศวินกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงสุภาพ
คณินพยักหน้า "คุณอัศวิน...คุณมีธุระอะไรกับผมหรือครับ?"
อัศวินยิ้มบางๆ"ผมแวะเอาหนังสือที่ลุงประสิทธิ์เขียนมาให้ครับ ทางสำนักพิมพ์เราดูแลเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ผมคิดว่าคุณน่าจะอยากอ่านก่อนใคร"
คณินมองหน้าอัศวินด้วยความสงสัย และความรู้สึกที่ไม่ค่อยจะสบายใจนัก เขารู้ดีว่าลุงประสิทธิ์เคยพูดถึงการเขียนหนังสือเกี่ยวกับประสบการณ์การทำงานเป็นตำรวจมาหลายสิบปี แต่คณินไม่เคยคาดคิดว่าหนังสือเล่มนั้นจะเสร็จสมบูรณ์แล้วในเวลาแบบนี้ และที่สำคัญ มันถูกส่งมาให้เขาหลังจากการจากไปของลุงอย่างปัจจุบันทันด่วน
"หนังสือ?" คณินเอ่ยถามขณะมองดูหนังสือที่ถูกห่อไว้อย่างเรียบร้อยในมือของอัศวิน "ลุงผมเขียนเสร็จแล้วงั้นเหรอ?"
อัศวินพยักหน้าเบาๆ"ใช่ครับ ลุงของคุณตั้งใจที่จะเขียนเล่มนี้ให้เสร็จในช่วงปลดเกษียณ ผมได้ทำงานกับเขาในฐานะบรรณาธิการ และผมก็ได้รับเกียรติในการทำต้นฉบับนี้ให้สมบูรณ์ ผมอยากให้คุณได้อ่านมันเป็นคนแรก"
คณินรับหนังสือที่อัศวินยื่นให้ เขามองดูปกหนังสือที่ถูกออกแบบอย่างเรียบง่าย นี้คือประสบการณ์ชีวิตของลุงประสิทธิ์ที่ถ่ายทอดลงในหน้ากระดาษ คณินรู้สึกถึงความอบอุ่นและความเจ็บปวดในใจที่ประดังเข้ามา ความทรงจำเกี่ยวกับลุงประสิทธิ์ไหลกลับมาอีกครั้ง
"ขอบคุณมากครับ" คณินกล่าวอย่างซาบซึ้ง
................................................................
คณินนั่งอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่เงียบสงบ โซฟาหนังสีดำตัวใหญ่รองรับร่างกายของเขาอย่างนุ่มนวล แสงไฟสีอุ่นจากโคมไฟข้างโซฟาส่องลงมาอย่างนุ่มนวล ทำให้บรรยากาศในห้องดูผ่อนคลายและสงบเงียบ ที่โต๊ะกลางหน้าเขา มีแก้วนมอุ่นๆ วางอยู่ เป็นเครื่องดื่มที่เขาเตรียมมาจิบขณะอ่านหนังสือเพื่อคลายความเครียดจากวันที่ยาวนาน
หนังสือเล่มหนาที่เขากำลังอ่านเป็นงานเขียนของลุงประสิทธิ์ ชายผู้เป็นทั้งพ่อและอาจารย์ในชีวิตการเป็นตำรวจของเขา คณินเปิดหนังสือมาได้หลายหน้าแล้ว แต่เมื่อมาถึงบทที่ 2 สิ่งที่พบกลับทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
ในบทนี้ ลุงประสิทธิ์บรรยายถึงเหตุการณ์ที่ตำรวจกลุ่มหนึ่งกำลังทำสิ่งที่น่าหวาดกลัว พวกเขากำลังรุมทำร้ายใครบางคนที่นอนขดตัวอยู่บนพื้นคอนกรีต เสียงคำรามและเสียงกระแทกที่ลุงประสิทธิ์บรรยายไว้นั้นเกือบจะทำให้คณินรู้สึกเหมือนเขาได้ยินเสียงเหล่านั้นจริงๆ
แต่สิ่งที่ทำให้ขนหัวลุกยิ่งกว่านั้นคือ ภาพประกอบที่แทรกอยู่ตรงหน้ากระดาษนั้น มันไม่ใช่ภาพวาดหรือภาพถ่ายทั่วไป แต่เป็นภาพที่ดูเหมือนดึงมาจากกล้องวงจรปิด (CCTV) ภาพที่แสดงให้เห็นกลุ่มตำรวจในเครื่องแบบ กำลังล้อมรอบชายคนหนึ่งที่นอนขดตัวอยู่บนพื้น พวกเขากำลังกระทืบเขาอย่างไร้ความปรานี คณินรู้สึกเหมือนภาพนั้นกำลังจ้องกลับมาที่เขา ภาพที่บันทึกเหตุการณ์อันโหดร้ายที่ไม่ควรถูกเปิดเผยออกมา
คณินไม่สามารถละสายตาจากภาพนั้นได้ มันดูสมจริงและน่ากลัวเกินกว่าที่จะเป็นแค่ภาพประกอบในหนังสือทั่วไป ความรู้สึกไม่สบายใจแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขา เหมือนกับว่ามีบางอย่างที่มืดมนและซับซ้อนกว่าที่เขาคิดซ่อนอยู่ในหนังสือเล่มนี้
"ลุง... คุณกำลังพยายามจะบอกอะไรผมกันแน่?" คณินพึมพำกับตัวเอง ขณะที่ความสงสัยและความกลัวเริ่มกัดกร่อนใจของเขา คณินรู้ดีว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่แค่บันทึกเรื่องราวธรรมดาและคนที่เขาควรติดต่อตอนนี้คืออัศวิน!!!
..................................................................