สงครามระหว่างสัตว์โบราณ เมื่ออดีตกาล การต่อสู้เพื่อทำลาย และ การต่อสู้เพื่อปกป้อง จุดจบสงครามด้วยการสละชีวิตของมังกรหิมะ เพื่อแช่แข็งวิหคเพลิงไปตลอดกาล

วิหคเพลิงผนึกใจ - บทที่ 2 ของขวัญวันเกิด โดย malisam @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,รัก,ชาย-หญิง,ยุคกลาง,ตะวันตก,แฟนตาซี,โรแมนติกแฟนตาซี,ฟีนิกซ์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วิหคเพลิงผนึกใจ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,รัก,ชาย-หญิง,ยุคกลาง,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,โรแมนติกแฟนตาซี,ฟีนิกซ์

รายละเอียด

วิหคเพลิงผนึกใจ โดย malisam @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

สงครามระหว่างสัตว์โบราณ เมื่ออดีตกาล การต่อสู้เพื่อทำลาย และ การต่อสู้เพื่อปกป้อง จุดจบสงครามด้วยการสละชีวิตของมังกรหิมะ เพื่อแช่แข็งวิหคเพลิงไปตลอดกาล

ผู้แต่ง

malisam

เรื่องย่อ


อาณาจักรคาร์เทียร์ ได้ถูกก่อตั้งเมื่อ 400 ปีก่อน ตระกูลคาร์เทียร์ได้รวบรวมอาณาจักรขึ้นด้วยการทำสงครามกับอาณาจักรข้างเคียงโดยมีมังกรเพลิงนามว่า ดรากัส ร่วมต่อสู้และปกป้องผู้คนในอาณาจักร มังกรดรากัส นั้นมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ปีกมังกรยามสะบัดก่อให้เกิดลมแรงราวกับพายุ เกล็ดผิวหนังแข็งราวกับเหล็ก ไม่ว่าอาวุธใดแทบไม่สามารถทะลุผ่านได้ และลมหายใจเพลิงมีพลังทำลายล้าง ได้เกือบครึ่งเมืองต่อการพ่นลมหายใจหนึ่งครั้ง ทำให้การต่อสู้เพื่อรวบรวมอาณาจักรเป็นไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

ผู้นำตระกูลคาร์เทียร์ขณะนั้นคล้ายว่าสามารถสื่อสารเข้าถึงจิตใจของมังกร จึงสามารถควบคุมดรากัสให้เข้าร่วมต่อสู้อยู่เคียงข้าง จนสามารถปราบข้าศึกของอาณาจักรข้างเคียงได้สำเร็จและสถาปนาขึ้นเป็นราชาของอาณาจักร โดยมีมังกรเป็นสัตว์ประจำราชวงศ์ ผู้คนในอาณาจักรต่างชื่นชมและยอมรับราชวงศ์คาร์เทียร์ให้เป็นผู้ปกครองอาณาจักร หลังจากเสร็จศึกสงคราม มังกรดรากัสก็เข้าสู่ภาวะจำศีลโดยหลบซ่อนตัวในถ้ำบริเวณหุบเขาทางตอนใต้   

 

 เมืองฟลอเรนเซีย ถูกปกครองโดยตระกูลเอเลนอร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ทางตอนเหนือของอาณาจักรคาร์เทียร์ ถือว่าเป็นเมืองสำคัญของอาณาจักร เนื่องจากฟลอเรนเซียเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ ส่งผลให้มีความสามารถเรื่องการทำกสิกรรม รวมทั้งยังตั้งอยู่ใกล้กับเมืองท่าหลายแห่ง ทำให้เป็นจุดศูนย์กลางในการค้าขาย ถือได้ว่าเป็นตระกูลมั่งคั่งลำดับต้นๆ ของอาณาจักร ในอดีตมีเรื่องเล่าที่ว่า สมบัติประจำตระกูล เป็นอัญมณีสีแดงประกายแวววาว ภายในนั้นบรรจุผลึกเวทย์มนตร์ของวิหคเพลิง ซึ่งเป็นเวทย์มนตร์ที่มีพลังเผาผลาญทำลายล้างสูงไม่ด้อยไปกว่ามังกร อีกทั้งยังมีพลังเยียวยาฟื้นคืนชีวิต และมีเพียงสายเลือดของบุตรีตระกูลเอเลนอร์เท่านั้นที่สามารถเรียกพลังจากอัญมณีได้ เอกลักษณ์ของสายเลือดผู้ปลุกพลังนั้นจะมีเส้นผมและดวงตาสีแดงเข้ม อย่างไรก็ดี เนื่องจากพลังเวทย์มนตร์ที่ว่านั้นยิ่งใหญ่ ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องการครอบครอง ชนชั้นสูงต่างๆ ของอาณาจักร แม้แต่เหล่าเชื้อพระวงศ์ หวังจะครอบครอง เซร่า เอเลนอร์ ผู้นำตระกูล ณ ขณะนั้น จึงนำไปเก็บซ่อนไว้ ปัจจุบันไม่มีผู้ใดทราบว่าถูกเก็บอยู่ที่ใด วันเวลาผ่านไปเกือบหลายร้อยปีผู้คนต่างก็ลืมเลือนไปไม่มีผู้ใดพูดถึง



       สวัสดีนักอ่านทุกท่านนะคะ เรื่องวิหคเพลิงผนึกใจ เป็นนิยายรักโรแมนติกแฟนตาซี ที่เล่าถึงเรื่องราวความรักของชายหนุ่มตระกูลอัศวินและหญิงสาวตระกูลพ่อค้าซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับสัตว์โบราณในอดีตกาล

        นิยายเรื่องนี้ถูกแต่งโดยจินตนาการของนักเขียน หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ นักอ่านสามารถแสดงความคิดเห็น ติชม และกดติดตามเพื่อแจ้งเตือนตอนใหม่ และกดถูกใจเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะคะ :)


สารบัญ

วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 1 บุรุษผู้ฝึกสอน,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 2 ของขวัญวันเกิด,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 3 ตัดใจ,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 4 สงครามเพลิง,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 5 จบสงคราม,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 6 คณะพ่อค้า,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 7 มังกรดรากัส,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 8 งานเทศกาล,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 9 ลักพาตัว,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 10 ช่วยเหลือ,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 11 สอบสวน,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 12 เยี่ยมเยียน,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 13 อดีตของไรเซล,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 14 งานเลี้ยงเต้นรำ,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 15 เซร่า เอเลนอร์,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 16 ดูดาว,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 17 แผลเก่า,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 18 เซร่าและเลออน,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 19 จับกุมตัว,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 20 จับกุมตัว (2),วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 21 หลบหนี

เนื้อหา

บทที่ 2 ของขวัญวันเกิด


หนึ่งวันก่อนที่ไรเซลจะเดินทางออกจากคฤหาสน์เอเลนอร์ มีการจัดงานเลี้ยงวันเกิดอายุครบ 16 ปีของเฮเลน่า เขาเพิ่งจะทราบจากจดหมายของบิดาที่มอบหมายให้เขาเป็นตัวแทนตระกูลคานเดลเข้าร่วมงานเลี้ยง แน่นอนว่าทางบิดาของเขาได้จัดเตรียมของขวัญจากตระกูลส่งมาที่คฤหาสน์ให้ในวันพรุ่งนี้

แต่ในฐานะครูฝึกสอน เขาก็ควรมอบของขวัญบางอย่างให้เธอ อยู่ๆ ก็นึกถึงอะไรบางอย่างในกระเป๋าอาวุธที่เขาจัดเตรียมมาเพื่อใช้ในการฝึกสอน แต่แทบไม่ได้ใช้งาน เพราะลานฝึกซ้อมของตระกูลเอเลนอร์นั้น มีอาวุธแทบทุกชนิดและคุณภาพดีทั้งนั้น 

มือใหญ่ควานหากริชขนาดเท่าฝ่ามือ ตัวด้ามและปลอกทำจากทองเหลืองประดับอัญมณีสีแดงเข้มเป็นประกายแวววาว เขาได้รับเป็นของตอบแทนจากการช่วยเหลือชายวัยชราผู้หนึ่งที่เมืองเกลเซอร์ในอาณาจักรแวนก้า 

กริชนี้ดูงดงามเกินกว่าจะเป็นอาวุธเพื่อการต่อสู้ อีกทั้งพลอยสีแดงเข้มแวววาวที่ประดับอยู่ที่ตัวด้ามก็คล้ายกับดวงตาของใครบางคน ช่างเหมาะกับการเป็นของขวัญสำหรับเฮเลน่าจริงๆ เขาคิดในใจ ก่อนจะนำผ้ามาเช็ดทำความสะอาดและเก็บลงในกล่องกำมะหยี่สีเทา พร้อมหยิบริบบิ้นสีเขียวเข้มในกระเป๋าเสื้อผ้านำมาผูกคาดกล่องไว้ …


งานวันเกิดของเฮเลน่าจัดขึ้นที่คฤหาสน์เอเลนอร์ ทั้งอาหารและการตกแต่งภายในนั้นถูกคัดสรรมาอย่างพิถีพิถันและหรูหราสมฐานะตระกูลที่มั่งคั่งอันดับหนึ่งของอาณาจักร ผู้มาร่วมงานส่วนใหญ่ก็เป็นทายาทผู้สืบทอดของตระกูลใหญ่ วันนี้ไรเซลเลยต้องทำหน้าที่ตัวแทนตระกูลคานเดล ร่วมแสดงความยินดี

วันนี้เจ้าของวันเกิดงดงามมากทีเดียว เด็กสาวในชุดเดรสแขนกุดสีชมพูปักเลื่อมรูปผีเสื้อสีใสเล็กๆ รอบตัว ยามต้องแสงไฟดูเป็นประกาย เส้นผมสีแดงเข้มปล่อยยาวสยาย ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเล็กน้อย ทำให้ดูเป็นหญิงสาวมากกว่าเด็กสาว ดึงดูดสายตาชวนให้หันมองอยู่ตลอด

หลังจากแขกเหรื่อเริ่มทยอยกันออกจากคฤหาสน์ เหลือเพียงแต่คนในตระกูลเอเลนอร์ เฮเลน่าได้รับคำอวยพรและของขวัญจากบิดาเป็นเครื่องเพชรชุดใหญ่ ส่วนของขวัญจากพี่ชายเป็นกล่องดนตรีทำจากไม้ชั้นดี มีแท่งโลหะยื่นออกมาสำหรับไขลาน เมื่อบิดหมุนกลไกจะทำงานเกิดเป็นเสียงดนตรี และเมื่อมองผ่านกล่องไม้ที่ถูกฉลุเป็นช่องเล็กๆ เผยให้เห็นแผ่นทองแดงรูปร่างคล้ายนกตัวเล็กกำลังขยับปีกไปมา เคดิสก็ช่างสรรหาของเล่นแปลกใหม่มาให้เธอ นอกจากนี้ยังได้รับชุดเสื้อผ้า หมวก รองเท้าจากแอนนา ผู้เป็นแม่นมและพวกสาวใช้คนสนิท

ไรเซล นั่งอยู่บนชุดโซฟาในห้องโถงห่างออกมาไม่ไกลจากโซนจัดเลี้ยง นั่งจิบเหล้ารัมอันเลื่องชื่อจากเมืองเออร์วินที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอาณาจักร พลางมองภาพครอบครัวอบอุ่นตรงหน้าด้วยสายตาเรียบเฉย

'ฮึ ครอบครัวสุขสันต์' เขาได้ทราบว่าไลลา นายหญิงตระกูลเอเลนอร์ ได้เสียชีวิตไปหลังจากเฮเลน่าอายุเพียง 2 ขวบ แม้เด็กสาวจะสูญเสียมารดา แต่ก็ยังมีบิดาและพี่ชาย รวมทั้งแอนนาและเหล่าสาวใช้คอยเอาใจใส่ดูแลและให้ความรักอยู่ไม่ห่าง เธอจึงกลายมาเป็นเด็กสาวผู้ร่าเริง สดใส ยิ่งไปกว่านั้นยังคอยเอาอกเอาใจผู้อื่นโดยเฉพาะตัวเขา ในงานเลี้ยงวันนี้ แม้ไรเซลขอตัวนั่งอยู่ภายนอกโซนจัดเลี้ยง เจ้าของวันเกิดก็ยังอุตส่าห์เดินเอาอาหารเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้เขาด้วยตัวเองหลายต่อหลายครั้ง 


ไรเซลลุกยืนขึ้น จะเดินกลับเข้าเรือนรับรองแขก ก่อนที่เขาจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างในกระเป๋าเสื้อนอกของตน จึงนึกได้ว่ายังไม่ได้มอบของขวัญให้เฮเลน่า สายตาของเขามองหาเธออยู่สักพัก ก็พบสาวน้อยกำลังยืนจัดของขวัญกองโตที่ได้รับอยู่ที่มุมห้องนั่งเล่น ไรเซลก้าวเท้าเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวเธอ พร้อมยื่นกล่องกำมะหยี่สีเทาส่งให้

“ขอบคุณค่ะ ท่านไรเซล ข้าเปิดดูเลยได้มั้ยคะ” เฮเลน่าแสดงสีหน้ายินดีปิดไม่มิด เธอไม่คิดว่าจะได้รับของขวัญจากชายหนุ่ม คิดไปว่าเขาน่าจะไม่มีเวลาจัดเตรียม 

“ตามใจเจ้าสิ”

เด็กสาวเปิดกล่องอย่างเบามือ หยิบสิ่งที่อยู่ภายในขึ้นมา กริชทองเหลืองประดับอัญมณีสีแดงเป็นประกาย ชั่วขณะหนึ่งที่ได้สัมผัส เฮเลน่ารู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งร่างกาย ก่อนความรู้สึกนั้นจะหายไป

“สวยมากเลยค่ะ ท่านไรเซล ข้าจะพกติดตัวไว้ตลอดเลย” พูดจบเด็กสาวก็เขย่งปลายเท้าขึ้น เนื่องจากวันนี้เธอสวมรองเท้าส้นสูง ทำให้ระยะความสูงของเธอกับเขาไม่ต่างกันมาก สองแขนเรียวยกขึ้นโอบรอบคอชายหนุ่ม ริมฝีปากเล็กจุ๊บลงบนแก้มของเขาเบาๆ แทนคำขอบคุณ ก่อนผละออกด้วยความรวดเร็ว และหันมาสนใจของขวัญที่อยู่ในมือต่อ เด็กสาวถูกใจของขวัญชิ้นนี้อย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่แค่เป็นของขวัญที่ได้รับจากคนพิเศษ แต่ยังรู้สึกแปลกๆ ราวกับกำลังถูกดึงดูดโดยอัญมณีบนด้ามกริช แสงประกายวิบวับจากมันราวกับว่ากำลังเรียกร้องความใจจากเธอ

ฝั่งไรเซลที่ยืนแข็งทื่อ เขาไม่คิดว่าจะได้รับการจู่โจมจากหญิงสาวแบบไม่ทันตั้งตัว เขามักจะมีสัญชาตญาณที่ดีเวลาถูกผู้คนเข้าใกล้ ยิ่งหากสัมผัสได้ถึงอันตรายเขาจะรู้ตัวและป้องกันได้ทันเสมอ เฮเลน่านั้นร้ายกาจจริงๆ … 

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์สุราที่เพิ่งดื่มไป หรือเพราะเด็กสาวตรงหน้าที่วันนี้ดูงดงามเป็นพิเศษ หรือเพราะรอยจุมพิตข้างแก้มที่เขาเพิ่งได้รับ ไม่ทันรู้ตัวมือใหญ่ก็คว้าเอวบางของสาวน้อยที่กำลังตั้งอกตั้งใจพินิจพิเคราะห์กับของขวัญที่ได้รับจากเขา ดึงให้เข้ามาใกล้ โน้มตัวลงไปประทับริมฝีปากบนหน้าผากของหญิงสาวเบาๆ ก่อนกระซิบเสียงนุ่มที่ข้างหู

“สุขสันต์วันเกิดนะ เฮเลน่า” 

กว่าเขาจะรู้สึกตัวอีกที ก็หลังจากได้ยินเสียงของเด็กสาวกล่าวคำขอบคุณและบอกฝันดีกับเขา แล้วรีบเดินกึ่งวิ่งพร้อมใบหน้าแดงกล่ำออกจากห้องไป …


เฮเลน่าที่กำลังมุ่งสู่ห้องของเธอ รองเท้าส้นสูงที่สวมอยู่ยิ่งทำให้เดินลำบาก เธอไม่นึกไม่ฝันว่า จะได้รับการตอบสนองจากไรเซล ทุกครั้งที่เธอเข้าหาเขา มักจะไม่ได้รับการตอบรับใดๆ อย่างมากสุดก็แค่ลูบหัวเธอเบาๆ ราวกับเธอเป็นเด็กอายุ 5 ขวบ สัมผัสบนหน้าผากที่เพิ่งได้รับจากชายหนุ่มเมื่อครู่ ยังชวนให้รู้สึกใจเต้นตึกตัก

หลังจากได้อาบน้ำเสร็จดูเหมือนความร้อนบนใบหน้าจะลดลงเล็กน้อย เธอนั่งลงบนเตียงนอน มือเล็กหยิบของขวัญชิ้นพิเศษมาอีกครั้งแอบเอาซุกไว้ใต้หมอน หากแอนนาเห็นว่าเธอนำอาวุธมาไว้บนที่นอนคงจะโดนบ่นหูชาแน่ 

เฮเลน่านอนเล่นบนเตียง ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะนึกได้ว่าพรุ่งนี้ชายหนุ่มจะต้องเดินทางออกจากคฤหาสน์ตระกูลเอเลนอร์แล้ว จึงรีบล้มตัวลงนอน พรุ่งนี้เธอต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อไปส่งและมอบของบางอย่างให้เขา

...

ภาพเบื้องหน้าปรากฏขึ้น คล้ายว่าเธอกำลังอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ของพื้นที่บริเวณหุบเขาระหว่างเทือกเขาสูงที่ไหนสักแห่ง สภาพบ้านเรือนในหมู่บ้าน ไม่สิ ควรเรียกว่าเพิงหรือกระท่อมเสียมากกว่า นึกสงสัยว่า สมัยนี้ยังมีการก่อสร้างที่พักอาศัยแบบนี้ด้วยหรือ

''แม่คะ ข้าเจอลูกนกแปลกๆ อยู่ในลำธาร ดูเหมือนมันกำลังจะตายเลย ดูอาการมันให้หน่อยได้มั้ยคะ" เสียงเด็กสาวอายุประมาณ 10 ปี ผมสีแดงเข้มดูยุ่งเหยิง ในมือมีกระสอบป่านเปียกน้ำห่อลูกนกที่นอนหายใจรวยริน ที่ผิวหนังของมันมีสะเก็ดไฟกระเด็นออกมา ดวงตาสีแดงเข้มกำลังจ้องมองลูกนกด้วยความเป็นห่วง ดึงความสนใจของเฮเลน่าให้มองตาม

“ไหนส่งมาให้ดูสิ” แม่ของเด็กสาวที่กำลังก่อฟืนเพื่อเตรียมทำอาหาร รับลูกนกตัวเปียกปอนมาตรวจดู แปลกจริงด้วย เธอนำผ้ามาซับน้ำออกจากตัวลูกนก สะเก็ดไฟจากตัวลูกนกกระเด็นมาโดนมือ ทำเอาหญิงสาวสะดุ้ง หลังจากยืนนิ่งใช้ความคิดสักพักหนึ่ง จากสัญชาตญานการเป็นนักล่าสัตว์และนักเก็บสมุนไพรประจำหมู่บ้าน เธอนำหม้อทองเหลืองขึ้นมาแขวนไว้เหนือกองฟืน จากนั้นวางลูกนกในหม้อ และเริ่มจุดไฟ

“ว้ายย แม่จะเผามันหรอ” เด็กสาวร้องเสียงหลงตกใจ มือจะคว้าลูกนกออกจากหม้อ

“เจ้ารอดูก่อน เอล่า แม่คิดว่ามันต้องการไฟนะ”

แอสเทรีย หญิงสาวผู้เป็นมารดา กำลังพัดโบกกองไฟเพื่อเพิ่มความร้อน

'ฟึ่บ!' เกิดไฟลุกขึ้นทั่วร่างลูกนก สองแม่ลูกผงะ ดวงตาสีแดงเข้มของทั้งคู่จ้องมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างประหลาดใจ ไม่นานไฟเริ่มดับวูบลง ปรากฏเป็นขนของลูกนกค่อยๆ งอกปกคลุมทั่วร่าง และลืมตาขึ้น

“แม่ มันลืมตาแล้ว” เด็กหญิงพูดอย่างโล่งใจ

“ข้าขอเลี้ยงมันได้มั้ย”

“แม่ก็ไม่เคยพบนกลักษณะแบบนี้มาก่อน หากจะเลี้ยงเจ้าต้องระวังไว้ให้ดี เจ้านกนี่สามารถนำไฟออกจากตัว เกิดไปติดไฟเผาบ้านคนในหมู่บ้านเข้า จะแย่เอา”

เอล่ารับคำ รีบอุ้มลูกนกตรงหน้าออกจากหม้อทองเหลือง แม้ว่าไอร้อนยังแผ่ออกมาจากตัวนก เด็กสาวก็ยังทนกอดมันไว้อย่างดีใจ 


ภาพตรงหน้าค่อยๆ จางหายไป รู้สึกตัวอีกทีเฮเลน่าก็มาอยู่ในป่าลึกค่อนข้างไกลจากหมู่บ้าน 

วันนี้เอล่าเข้าป่าไปเก็บผักสมุนไพรกับแอสเทรียผู้เป็นมารดา 

“แค่ 2 สัปดาห์ เจ้าอิกนิสโตไว กลายเป็นนกยักษ์ไปแล้ว” เอล่ากล่าว พลางลูบขนมันอย่างรักใคร่

เหมือนว่าจะผ่านมาเพียง 2 สัปดาห์ ลูกนกดูไม่ใช่ลูกนกอีกต่อไป ปีกกางกว้างขนาดใหญ่กว่าปีกนกอินทรีหลายเท่า และขนหางสีส้มแสดไล่สีไปถึงสีแดงเข้มที่ยาวสยาย สองเท้างอกใหญ่มีเกล็ดแข็งราวกับเหยี่ยว ตัวสูงใหญ่เกือบจะเท่าเด็กสาวแล้ว เพราะเหตุนี้ เจ้าอิกนิสจึงถูกย้ายออกจากบ้านของเอล่ามาอยู่ในป่าแทน

"แม่จะไปเก็บสมุนไพรตรงป่าด้านโน้นนะ เจ้าจะไปด้วยกันมั้ย''

“ข้าจะเล่นกับอิกนิสอยู่แถวลำธารนี่ล่ะ” เด็กสาวตอบพลางนำผ้าชุบน้ำผืนเล็กเช็ดทำความสะอาดขนนกให้เจ้านกยักษ์

“อย่าไปไหนไกลล่ะ แล้วก็ระวังงูเห่าด้วย พักนี้แม่เห็นมันอยู่แถวลำธารบ่อยๆ เดี๋ยวแม่จะรีบกลับมา”

เอล่ารับคำ ไม่ถึง 5 นาที แอสเทรียได้ยินเสียงร้องของลูกสาว เธอรีบวิ่งกลับไปที่ลำธาร เห็นงูเห่าแผ่แม่เบี้ยขู่ฟ่อใส่ลูกสาวของเธอ มือล้วงเอามีดสั้นที่นำติดตัวมา ขว้างใส่งูเห่าปักกลางหัว แต่ช้าไปนิดเดียว ขาของเด็กสาวถูกงูฉกเป็นรอยเขี้ยว 2 จุด รอบแผลมีสีม่วงคล้ำ แอสเทรียรีบควานหาเชือกในตะกร้าจะใช้รัดขา ก่อนที่พิษจะเข้าสู่ร่างกาย

เจ้าอิกนิสมองเอล่าที่กำลังร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด มันค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เด็กสาว ก้มหัวลงอยู่เหนือบาดแผล น้ำตา 1 หยด ตกลงบนรอยเขี้ยวงู ทันใดนั้นรอยเขี้ยวค่อยๆ ผสาน พิษสีม่วงคล้ำรอบบาดแผลค่อยๆจางหายไป ราวกับเวทมนตร์

แอสเทรียนิ่งอึ้งกับสิ่งที่เกิดขี้น พลางคิดทบทวนในใจ ตั้งแต่วันที่บุตรสาวพาลูกนกใกล้ตายมา จนกระทั่งเติบโตได้ขนาดนี้ ทั้งที่ไม่ได้กินอาหารอะไรแม้แต่นิด กับพลังการรักษาตรงหน้านี่ เป็นนกที่วิเศษมากจริงๆ เอล่า รอพ่อเจ้ากลับมาเห็นก่อนเถอะ ต้องตกใจมากแน่ๆ 

...