สงครามระหว่างสัตว์โบราณ เมื่ออดีตกาล การต่อสู้เพื่อทำลาย และ การต่อสู้เพื่อปกป้อง จุดจบสงครามด้วยการสละชีวิตของมังกรหิมะ เพื่อแช่แข็งวิหคเพลิงไปตลอดกาล

วิหคเพลิงผนึกใจ - บทที่ 5 จบสงคราม โดย malisam @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,รัก,ชาย-หญิง,ยุคกลาง,ตะวันตก,แฟนตาซี,โรแมนติกแฟนตาซี,ฟีนิกซ์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วิหคเพลิงผนึกใจ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,รัก,ชาย-หญิง,ยุคกลาง,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,โรแมนติกแฟนตาซี,ฟีนิกซ์

รายละเอียด

วิหคเพลิงผนึกใจ โดย malisam @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

สงครามระหว่างสัตว์โบราณ เมื่ออดีตกาล การต่อสู้เพื่อทำลาย และ การต่อสู้เพื่อปกป้อง จุดจบสงครามด้วยการสละชีวิตของมังกรหิมะ เพื่อแช่แข็งวิหคเพลิงไปตลอดกาล

ผู้แต่ง

malisam

เรื่องย่อ


อาณาจักรคาร์เทียร์ ได้ถูกก่อตั้งเมื่อ 400 ปีก่อน ตระกูลคาร์เทียร์ได้รวบรวมอาณาจักรขึ้นด้วยการทำสงครามกับอาณาจักรข้างเคียงโดยมีมังกรเพลิงนามว่า ดรากัส ร่วมต่อสู้และปกป้องผู้คนในอาณาจักร มังกรดรากัส นั้นมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ปีกมังกรยามสะบัดก่อให้เกิดลมแรงราวกับพายุ เกล็ดผิวหนังแข็งราวกับเหล็ก ไม่ว่าอาวุธใดแทบไม่สามารถทะลุผ่านได้ และลมหายใจเพลิงมีพลังทำลายล้าง ได้เกือบครึ่งเมืองต่อการพ่นลมหายใจหนึ่งครั้ง ทำให้การต่อสู้เพื่อรวบรวมอาณาจักรเป็นไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

ผู้นำตระกูลคาร์เทียร์ขณะนั้นคล้ายว่าสามารถสื่อสารเข้าถึงจิตใจของมังกร จึงสามารถควบคุมดรากัสให้เข้าร่วมต่อสู้อยู่เคียงข้าง จนสามารถปราบข้าศึกของอาณาจักรข้างเคียงได้สำเร็จและสถาปนาขึ้นเป็นราชาของอาณาจักร โดยมีมังกรเป็นสัตว์ประจำราชวงศ์ ผู้คนในอาณาจักรต่างชื่นชมและยอมรับราชวงศ์คาร์เทียร์ให้เป็นผู้ปกครองอาณาจักร หลังจากเสร็จศึกสงคราม มังกรดรากัสก็เข้าสู่ภาวะจำศีลโดยหลบซ่อนตัวในถ้ำบริเวณหุบเขาทางตอนใต้   

 

 เมืองฟลอเรนเซีย ถูกปกครองโดยตระกูลเอเลนอร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ทางตอนเหนือของอาณาจักรคาร์เทียร์ ถือว่าเป็นเมืองสำคัญของอาณาจักร เนื่องจากฟลอเรนเซียเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ ส่งผลให้มีความสามารถเรื่องการทำกสิกรรม รวมทั้งยังตั้งอยู่ใกล้กับเมืองท่าหลายแห่ง ทำให้เป็นจุดศูนย์กลางในการค้าขาย ถือได้ว่าเป็นตระกูลมั่งคั่งลำดับต้นๆ ของอาณาจักร ในอดีตมีเรื่องเล่าที่ว่า สมบัติประจำตระกูล เป็นอัญมณีสีแดงประกายแวววาว ภายในนั้นบรรจุผลึกเวทย์มนตร์ของวิหคเพลิง ซึ่งเป็นเวทย์มนตร์ที่มีพลังเผาผลาญทำลายล้างสูงไม่ด้อยไปกว่ามังกร อีกทั้งยังมีพลังเยียวยาฟื้นคืนชีวิต และมีเพียงสายเลือดของบุตรีตระกูลเอเลนอร์เท่านั้นที่สามารถเรียกพลังจากอัญมณีได้ เอกลักษณ์ของสายเลือดผู้ปลุกพลังนั้นจะมีเส้นผมและดวงตาสีแดงเข้ม อย่างไรก็ดี เนื่องจากพลังเวทย์มนตร์ที่ว่านั้นยิ่งใหญ่ ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องการครอบครอง ชนชั้นสูงต่างๆ ของอาณาจักร แม้แต่เหล่าเชื้อพระวงศ์ หวังจะครอบครอง เซร่า เอเลนอร์ ผู้นำตระกูล ณ ขณะนั้น จึงนำไปเก็บซ่อนไว้ ปัจจุบันไม่มีผู้ใดทราบว่าถูกเก็บอยู่ที่ใด วันเวลาผ่านไปเกือบหลายร้อยปีผู้คนต่างก็ลืมเลือนไปไม่มีผู้ใดพูดถึง



       สวัสดีนักอ่านทุกท่านนะคะ เรื่องวิหคเพลิงผนึกใจ เป็นนิยายรักโรแมนติกแฟนตาซี ที่เล่าถึงเรื่องราวความรักของชายหนุ่มตระกูลอัศวินและหญิงสาวตระกูลพ่อค้าซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับสัตว์โบราณในอดีตกาล

        นิยายเรื่องนี้ถูกแต่งโดยจินตนาการของนักเขียน หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ นักอ่านสามารถแสดงความคิดเห็น ติชม และกดติดตามเพื่อแจ้งเตือนตอนใหม่ และกดถูกใจเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะคะ :)


สารบัญ

วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 1 บุรุษผู้ฝึกสอน,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 2 ของขวัญวันเกิด,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 3 ตัดใจ,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 4 สงครามเพลิง,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 5 จบสงคราม,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 6 คณะพ่อค้า,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 7 มังกรดรากัส,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 8 งานเทศกาล,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 9 ลักพาตัว,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 10 ช่วยเหลือ,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 11 สอบสวน,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 12 เยี่ยมเยียน,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 13 อดีตของไรเซล,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 14 งานเลี้ยงเต้นรำ,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 15 เซร่า เอเลนอร์,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 16 ดูดาว,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 17 แผลเก่า,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 18 เซร่าและเลออน,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 19 จับกุมตัว,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 20 จับกุมตัว (2),วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 21 หลบหนี

เนื้อหา

บทที่ 5 จบสงคราม


ปีกของมังกรเพลิงเริ่มมีอาการดีขึ้น แม้จะยังมีรอยแผลอยู่ แต่ก็สามารถเริ่มบินได้อีกครั้ง มันกวาดสายตาลงเบื้องล่างมองหาเป้าหมาย จนพบเด็กสาวผมแดงที่กำลังเฝ้าดูการต่อสู้อยู่ มันค่อยๆสูดหายใจ เตรียมพ่นลมหายใจเพลิงออกไป

แอสเทรียที่จับสังเกตได้ว่ามังกรเพลิงกำลังเล็งเป้าไปที่ลูกสาวและสามีของเธอที่อยู่ด้านหลัง

“เอล่า ลูก้า หนีเร็ว เจ้านั่นกำลังจะพ่นไฟ” เธอตะโกน ลูก้ารู้สึกตัวรีบอุ้มเอล่าวิ่งไปหาที่กำบังด้านหลังต้นไม้ใหญ่และซ่อนตัวในกองฟาง แอสเทรียเห็นดังนั้น จึงหยิบขวานเหล็กที่ลูก้าทำหล่นไว้วิ่งตามไปสมทบ มังกรเพลิงที่หันมองตามเสียงของแอสเทรีย ทำให้เด็กสาวผมแดงคลาดสายตาไป

ลูก้าที่กำลังอุ้มเอล่าอยู่ สงบนิ่ง คิดหาทางออก หลังจากตัดสินใจได้ เขาค่อยๆ วางเอล่าลง มือหยิบกองฟางมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นถอดผ้าคาดเอวสีแดงมาพันเป็นก้อนกลมอุ้มไว้ ก่อนหันไปมองหน้าลูกสาว ก้มลงจูบหน้าผากด้วยความรักและดึงแอสเทรียเข้าไปกอดแน่น มือใหญ่หยิบขวานจากมือภรรยาไป

แอสเทรียเหมือนจะรู้ว่าลูก้าจะทำอะไร

“ไม่ ลูก้า พวกเราจะไม่แยกกัน อย่าทิ้งข้า อย่าทิ้งเอล่า” แอสเทรียพูดเสียงสั่น

“พ่อจะไปไหนคะ” เอล่าไม่เข้าใจเหตุการณ์

ลูก้านั่งลงกล่าวกับเอล่าพลางลูบหัวเธอ “พวกมันกำลังหาทางจัดการนกของเจ้า โดยใช้เจ้าเป็นเครื่องมือ พ่อจะวิ่งล่อมันไปอีกฝั่ง เจ้ากับแม่รีบหนีไปให้ไกลที่สุด เพื่อตัวเจ้าและนกของเจ้า ถ้าโชคดี เราอาจจะได้อยู่ด้วยกันอีก” ก่อนลุกขึ้นสบตาหญิงสาว “ข้ารักเจ้า แอสเทรีย ฝากเอล่าด้วย”

ลูก้าอุ้มกองฟางที่เป็นตัวแทนเอล่าวิ่งออกไป มังกรเพลิงรีบบินตามไป ก่อนเสียงหวีดดังของลมหายใจเพลิงดังขึ้น

“อย่าหันไปมองนะ เอล่า” แอสเทรียรีบอุ้มเอล่าวิ่งไปอีกด้าน มุ่งสู่ป่าลึก ได้ยินเสียงลูกไฟของมังกรเพลิงดังขึ้นอีกหลายครั้ง หญิงสาวน้ำตาไหลริน ‘เจ้าต้องรอดให้ได้นะ ลูก้า’

มังกรเพลิงไล่ตามลูก้าไปจนถึงขอบเหว และได้พบว่าสิ่งที่ชายหนุ่มอุ้มอยู่ไม่ใช่เป้าหมายของมัน ความโกรธที่ถูกมนุษย์หลอกทำให้มันระเบิดลมหายใจครั้งใหญ่ พลังเพลิงนั้นผลักให้ลูก้ากระเด็นตกจากขอบเหว อารมณ์โกรธนั้นทำให้มังกรเพลิงบินว่อนไปทั่วทั้งหุบเขา พ่นลมหายใจเพลิงถี่ๆ ราวกับจะเผาไหม้ให้วอดวาย

อิกนิสที่กำลังต่อสู้อยู่กับมังกรหิมะ รู้สึกถึงมังกรไฟที่กำลังพ่นลมหายใจไปทั่ว พลางกวาดสายตามองหาเด็กสาวผมแดง 

เอล่าหายไป!  นกยักษ์เร่งความเร็วตีห่างจากมังกรหิมะ เพื่อมองหาเอล่าว่าเธออยู่ที่ใด แต่ก็ยังต้องคอยหลบการโจมตีของคู่ต่อสู้ไปด้วย

มังกรเพลิงมองเห็นก่อน มันบินโฉบลงด้านล่าง ขณะที่เอล่าและแอสเทรียที่กำลังหนีอย่างสุดชีวิต อุ้งเท้ามังกรคว้าเอาสองแม่ลูกลอยขึ้นมาบนฟ้า

“กรี๊ดดดด…” เอล่าร้องด้วยความเจ็บปวดกรงเล็บมังกรจิกเข้าบนผิวหนังของเธอและมารดา

อิกนิสได้ยินเสียงร้องของเอล่า จึงหันไปที่ต้นทางเสียง ไม่ทันระวังเกล็ดน้ำแข็งกลุ่มใหญ่สาดมาปกคลุมทั่วทั้งปีกข้างขวาจนไม่สามารถขยับปีกได้ มังกรหิมะได้ทีรีบพ่นลมหายใจใส่ปีกอีกข้าง … 

มันกำลังร่วงหล่น แม้กระนั้น สายตากลับจับจ้องไปที่สองแม่ลูก

มังกรเพลิงราวกับจงใจยั่วยุอิกนิส กรงเล็บมังกรกางออกปล่อยสองแม่ลูกจากบนฟ้าให้หล่นร่วงร่างกระแทกพื้นดิน

นกยักษ์มองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความตกใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นอารมณ์โกรธสุดขีด มันเกร็งลำตัวขึ้นราวกับกำลังเบ่งพลัง เพียงไม่กี่วินาทีเปลวไฟลุกพึ่บขึ้นบนปีกทั้ง 2 ข้าง เกล็ดน้ำแข็งที่เกาะอยู่อย่างหนาแน่นแตกกระจาย มันบินพุ่งไปที่มังกรเพลิงด้วยความรุนแรง กรงเล็บจิกเข้าที่ปีกทั้งสองของมันเพื่อยึดไว้ ก่อนปล่อยขนนกติดไฟที่แข็งราวกับโลหะทิ่มแทงทุกส่วนของมังกรเพลิง มังกรเพลิงเจ็บปวดและพยายามต่อสู้กลับแต่ไม่ว่าจะโจมตีด้วยวิธีใด อิกนิสก็สามารถฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว มังกรเพลิงกำลังเพลี่ยงพล้ำ 

มังกรหิมะมองดูเหตุการณ์เบื้องหน้า คิดในใจ แม้จะต้องตายก็จะต้องชนะสงครามนี้ เพราะที่นี่มีเพียงมันที่จะจัดการวิหคเพลิงนี้ได้ คงต้องทุ่มสุดตัว มังกรหิมะบินมาอยู่ด้านข้างใกล้มังกรเพลิง จากนั้นพ่นเกล็ดน้ำแข็งใส่ปีกของนกยักษ์เพื่อชะลอการเคลื่อนไหวและพ่นน้ำแข็งจากพื้นดินไล่ขึ้นมาถึงอุ้งเท้าของมันเพื่อตรึงไว้ ก่อนจะรวบรวมลมหายใจสุดท้ายทั้งหมดของตนอัดกลับเข้าไปในร่างกายทุกส่วน สายตาของมังกรหิมะหันมองจ้องหน้ามังกรเพลิงเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะบินพุ่งชนเข้าร่างนกยักษ์เพื่อระเบิดร่างกายตนเอง เกล็ดน้ำแข็งจำนวนมหาศาลกระจายไปทั่วทั้งภูเขา ร่างอิกนิสแตกเป็นเสี่ยงๆ 

ก่อนจะดับวูบไป มันพยายามดึงเค้นเศษเสี้ยววิญญาณของตนพุ่งไปหาสองแม่ลูกเพื่อรักษาเยียวยา ในจังหวะก่อนที่มันจะสลายไปกลับพบเห็นอะไรบางอย่าง แสงสีแดงเป็นประกายค่อยๆ ผนึกตนเองลงในของที่อยู่ในมือเด็กสาวที่เป็นเจ้าของมัน