สงครามระหว่างสัตว์โบราณ เมื่ออดีตกาล การต่อสู้เพื่อทำลาย และ การต่อสู้เพื่อปกป้อง จุดจบสงครามด้วยการสละชีวิตของมังกรหิมะ เพื่อแช่แข็งวิหคเพลิงไปตลอดกาล
แฟนตาซี,รัก,ชาย-หญิง,ยุคกลาง,ตะวันตก,แฟนตาซี,โรแมนติกแฟนตาซี,ฟีนิกซ์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วิหคเพลิงผนึกใจสงครามระหว่างสัตว์โบราณ เมื่ออดีตกาล การต่อสู้เพื่อทำลาย และ การต่อสู้เพื่อปกป้อง จุดจบสงครามด้วยการสละชีวิตของมังกรหิมะ เพื่อแช่แข็งวิหคเพลิงไปตลอดกาล
อาณาจักรคาร์เทียร์ ได้ถูกก่อตั้งเมื่อ 400 ปีก่อน ตระกูลคาร์เทียร์ได้รวบรวมอาณาจักรขึ้นด้วยการทำสงครามกับอาณาจักรข้างเคียงโดยมีมังกรเพลิงนามว่า ดรากัส ร่วมต่อสู้และปกป้องผู้คนในอาณาจักร มังกรดรากัส นั้นมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ปีกมังกรยามสะบัดก่อให้เกิดลมแรงราวกับพายุ เกล็ดผิวหนังแข็งราวกับเหล็ก ไม่ว่าอาวุธใดแทบไม่สามารถทะลุผ่านได้ และลมหายใจเพลิงมีพลังทำลายล้าง ได้เกือบครึ่งเมืองต่อการพ่นลมหายใจหนึ่งครั้ง ทำให้การต่อสู้เพื่อรวบรวมอาณาจักรเป็นไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
ผู้นำตระกูลคาร์เทียร์ขณะนั้นคล้ายว่าสามารถสื่อสารเข้าถึงจิตใจของมังกร จึงสามารถควบคุมดรากัสให้เข้าร่วมต่อสู้อยู่เคียงข้าง จนสามารถปราบข้าศึกของอาณาจักรข้างเคียงได้สำเร็จและสถาปนาขึ้นเป็นราชาของอาณาจักร โดยมีมังกรเป็นสัตว์ประจำราชวงศ์ ผู้คนในอาณาจักรต่างชื่นชมและยอมรับราชวงศ์คาร์เทียร์ให้เป็นผู้ปกครองอาณาจักร หลังจากเสร็จศึกสงคราม มังกรดรากัสก็เข้าสู่ภาวะจำศีลโดยหลบซ่อนตัวในถ้ำบริเวณหุบเขาทางตอนใต้
เมืองฟลอเรนเซีย ถูกปกครองโดยตระกูลเอเลนอร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ทางตอนเหนือของอาณาจักรคาร์เทียร์ ถือว่าเป็นเมืองสำคัญของอาณาจักร เนื่องจากฟลอเรนเซียเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ ส่งผลให้มีความสามารถเรื่องการทำกสิกรรม รวมทั้งยังตั้งอยู่ใกล้กับเมืองท่าหลายแห่ง ทำให้เป็นจุดศูนย์กลางในการค้าขาย ถือได้ว่าเป็นตระกูลมั่งคั่งลำดับต้นๆ ของอาณาจักร ในอดีตมีเรื่องเล่าที่ว่า สมบัติประจำตระกูล เป็นอัญมณีสีแดงประกายแวววาว ภายในนั้นบรรจุผลึกเวทย์มนตร์ของวิหคเพลิง ซึ่งเป็นเวทย์มนตร์ที่มีพลังเผาผลาญทำลายล้างสูงไม่ด้อยไปกว่ามังกร อีกทั้งยังมีพลังเยียวยาฟื้นคืนชีวิต และมีเพียงสายเลือดของบุตรีตระกูลเอเลนอร์เท่านั้นที่สามารถเรียกพลังจากอัญมณีได้ เอกลักษณ์ของสายเลือดผู้ปลุกพลังนั้นจะมีเส้นผมและดวงตาสีแดงเข้ม อย่างไรก็ดี เนื่องจากพลังเวทย์มนตร์ที่ว่านั้นยิ่งใหญ่ ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องการครอบครอง ชนชั้นสูงต่างๆ ของอาณาจักร แม้แต่เหล่าเชื้อพระวงศ์ หวังจะครอบครอง เซร่า เอเลนอร์ ผู้นำตระกูล ณ ขณะนั้น จึงนำไปเก็บซ่อนไว้ ปัจจุบันไม่มีผู้ใดทราบว่าถูกเก็บอยู่ที่ใด วันเวลาผ่านไปเกือบหลายร้อยปีผู้คนต่างก็ลืมเลือนไปไม่มีผู้ใดพูดถึง
…
สวัสดีนักอ่านทุกท่านนะคะ เรื่องวิหคเพลิงผนึกใจ เป็นนิยายรักโรแมนติกแฟนตาซี ที่เล่าถึงเรื่องราวความรักของชายหนุ่มตระกูลอัศวินและหญิงสาวตระกูลพ่อค้าซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับสัตว์โบราณในอดีตกาล
นิยายเรื่องนี้ถูกแต่งโดยจินตนาการของนักเขียน หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ นักอ่านสามารถแสดงความคิดเห็น ติชม และกดติดตามเพื่อแจ้งเตือนตอนใหม่ และกดถูกใจเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะคะ :)
ภายในพระราชวัง อาณาจักรคาร์เทียร์ …
ราชาของอาณาจักรคนปัจจุบัน เอ็ดการ์ คาร์เทียร์ ได้เรียกหัวหน้าราชเลขาประจำราชวงศ์เข้าพบ
“น่าจะใกล้ถึงเวลาที่ต้องคัดเลือกรัชทายาทแล้วล่ะ”
“ข้าจะเตรียมการให้ครับ” เอริค ไรเนอร์ หัวหน้าราชเลขาและผู้นำตระกูลไรเนอร์ที่คอยดูแลเรื่องต่างๆ ภายในราชวงศ์ กล่าวรับ
“ฝ่าบาทคิดว่าจะเป็นองค์ชายเอดอล์ฟ องค์ชายเอ็ดวิน หรือองค์ชายฟิลลิป ที่ถูกเลือกหรือครับ”
“ไม่รู้สิ คงขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเจ้านั่นนั่นแหละ”
การคัดเลือกรัชทายาทของราชวงศ์คาร์เทียร์นั้น ไม่ใช้การคัดเลือกตามลำดับอาวุโสหรือคัดเลือกจากอำนาจของตระกูลฝั่งมารดา หากแต่ถูกเลือกโดยสัตว์ประจำราชวงศ์ มังกรเพลิงดรากัส ที่ได้เคยเป็นสหายร่วมรบกับวิคเตอร์ ผู้นำตระกูลคาร์เทียร์ในสมัยรวบรวมอาณาจักร หลังจากสถาปนาตัวเองเป็นราชา วิคเตอร์ได้ให้อำนาจในการคัดเลือกผู้นำคนต่อไปของอาณาจักรแก่ดรากัส แต่ภายหลังสิ้นสุดสงคราม มังกรเพลิงได้เข้าไปซ่อนตัวและจำศีลอยู่ในถ้ำเป็นเวลานานและจะตื่นขึ้นมาทุกๆ 20 ปี ในช่วงเวลานั้น ราชวงศ์คาร์เทียร์มักจะนำทายาทเชื้อพระวงศ์มาให้ดรากัสคัดเลือก แต่ก็ผ่านมาหลายรุ่นแล้ว ที่เหล่าเจ้าชายไม่สามารถเข้าถึงจิตใจของดรากัส ทำให้ราชารุ่นหลัง ๆ ต้องใช้การคัดเลือกตามความเหมาะสมแทน
ขั้นตอนการคัดเลือกรัชทายาทจากมังกรดรากัสนั้นช่างเรียบง่าย แค่เหล่าเจ้าชายต้องเข้าไปในถ้ำมังกรทีละคน เพื่อแนะนำตัวกับมัน หลังจากออกมาภายนอกถ้ำ หากสามารถเรียกมังกรให้ออกมาจากถ้ำและหยุดอยู่ตรงหน้าได้ ก็ถือว่าได้รับเลือกจากมังกร
“ท่านเอ็ดวิน การคัดเลือกรัชทายาทจะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้าแล้วนะครับ จะต้องเริ่มเตรียมตัวแล้วครับ” เลวิส องค์รักษ์ผู้ติดตามของเอ็ดวิน เจ้าชายลำดับที่ 2 ของราชวงศ์คาร์เทียร์ กล่าวขึ้น เนื่องจากสถานที่ในการจัดการคัดเลือกอยู่ที่เมืองเออร์วิน พื้นที่ทางตอนใต้ของอาณาจักร หากเดินทางด้วยรถม้าน่าจะใช้เวลาประมาณ 4-5 วัน
“จะให้เตรียมตัวอะไรกัน ข้าไม่เข้าใจบรรพบุรุษจริงๆ เป็นถึงเชื้อพระวงศ์ต้องมาให้สัตว์เป็นผู้คัดเลือก แล้วมนุษย์จะไปสื่อสารกับสัตว์ได้อย่างไร แต่ก็เอาเถอะ ดูจากตัวเลือกทั้งหมดแล้ว หากมังกรนั่นไม่เลือกใคร ยังไงข้าก็ต้องได้สืบทอดบัลลังก์” เอ็ดวิน กล่าวอย่างมั่นใจ เหตุผลก็คือ เจ้าชายลำดับที่ 1 อย่างเจ้าชายเอดอล์ฟ บุตรของราชินีคนปัจจุบันนั้น มีร่างกายที่อ่อนแอตั้งแต่ยังเด็ก ทักษะการต่อสู้แทบจะเป็นศูนย์ คุณสมบัติเด่นอันเดียวของเขาคืออำนาจของมารดา
ส่วนเจ้าชายลำดับที่ 3 เจ้าชายฟิลลิป ที่มีอายุเพียง 8 ปี ตระกูลฝั่งมารดาเป็นเพียงเจ้าเมืองชนบทเล็กๆ และที่สำคัญเขาเพิ่งสูญเสียมารดาไปจากการถูกวางยาพิษ กลายเป็นเด็กที่เก็บตัวเงียบ มีเพียงพี่ชายของมารดาที่คอยรับใช้อยู่ข้างกาย
เขาช่างโชคดีเสียนี่กระไร ที่มีคู่แข่งเป็น 2 คนนี้ …
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป …
ในวันคัดเลือกรัชทายาท ผู้ที่มีสิทธิเข้าร่วมสังเกตการณ์มีเพียงพระราชาและพระราชินีของอาณาจักร พระสนมอลิเซีย มารดาของเจ้าชายเอ็ดวิน สตาร์ค ผู้ติดตามของเจ้าชายฟิลลิปที่มีศักดิ์เป็นลุง และ 10 ผู้นำตระกูลใหญ่ พร้อมด้วยทหารคุ้มกันเพียงเล็กน้อย เมื่อถึงเวลาตามกำหนดการ เจ้าชายทั้งสามเริ่มเข้าไปในถ้ำมังกรเพื่อแนะนำตัว โดยเรียงตามลำดับอาวุโส
เจ้าชายเอดอล์ฟ เดินเข้าไปในถ้ำอย่างกล้าๆกลัวๆ ด้วยระยะทางแค่เพียงไม่กี่ร้อยเมตร ก็พบมังกรสีแดงเพลิงตัวมหึมานอนหลับอยู่ รู้สึกถึงไอร้อนออกมาจากร่างกายของมัน ผิวหนังที่ดูหนา ขนาดตัวที่ใหญ่ ที่ปีกสีน้ำตาลข้างขวามีรอยข่วนเป็น 3 แถบดูเหมือนผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน ทำให้รู้สึกถึงความแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ เอดอล์ฟเริ่มกล่าวทักทายและแนะนำตัว ดรากัสลืมตามองเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนหลับตานอนต่อ เอดอล์ฟจึงเดินทางกลับออกมาจากถ้ำ และไปนั่งประจำอยู่ในตำแหน่งบริเวณหน้าถ้ำที่จัดเตรียมไว้
ลำดับต่อไปเป็นเจ้าชายเอ็ดวิน เขาเดินเข้าไปในถ้ำด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างจะบึ้งตึง แต่หลังจากได้พบเห็นมังกรดรากัสก็สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งและความน่าเกรงขามของมัน ในใจเริ่มคิดว่า หากสามารถทำให้เจ้ามังกรยอมสยบแทบเท้าหรือทำให้มันเชื่อฟัง เขาก็แทบไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใด แม้แต่ท่านพ่อที่เป็นราชาซะด้วยซ้ำ เขาเริ่มกล่าวทักทาย แต่มังกรดรากัสไม่แม้แต่จะลืมตามองดูเอ็ดวิน เขาพยายามที่จะพูดคุยอยู่นาน แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับของมังกร เขาจึงถอดใจ ก้าวเท้าปึงปังเดินออกจากถ้ำด้วยความไม่พอใจ
จนมาถึงลำดับสุดท้ายเจ้าชายฟิลลิป ราชาและผู้ร่วมสังเกตการณ์ออกจะเป็นกังวลไม่น้อย เนื่องจากเจ้าชายอายุเพียง 8 ปี และไม่สามารถให้ผู้ติดตามเข้าถ้ำมังกรไปด้วยได้ เจ้าชายฟิลลิปเดินเข้าไปในถ้ำตามทาง จนมาหยุดอยู่หน้ามังกรดรากัส เด็กน้อยรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของมังกร เขาจึงก้มหัวลงเป็นการให้ความเคารพแก่มัน ก่อนจะค่อยๆ ยื่นมือเล็กออกไป แตะเบาๆ ที่เขามังกร ดรากัสลืมตาขึ้น จ้องมองไปที่ดวงตาของเด็กน้อย จู่ๆ ภาพอดีตของมังกรและเรื่องราวต่างๆ รวมถึงความรู้สึกเจ็บปวดและสูญเสีย ฉายวาบเข้าไปในหัวของฟิลลิป และคาดว่าดรากัสเองก็ได้รับภาพอดีตอันเจ็บปวดและสูญเสียของเขาเหมือนกัน ราวกับว่าฟิลลิปและมังกรเชื่อมต่อกันด้วยความรู้สึกเหล่านี้ มังกรเพลิงค่อยๆ ลุกขึ้นก้าวเดินไปตามทางออก ก่อนจะหยุดแล้วหันมามองเด็กน้อยที่ยืนนิ่ง ราวกับจะบอกให้ฟิลลิปเดินออกจากถ้ำไปด้วยกัน
ภาพที่เจ้าชายฟิลลิปเดินออกมาจากถ้ำพร้อมกับมังกรดรากัส ราวกับเป็นการประกาศว่าการคัดเลือกรัชทายาทได้สิ้นสุดแล้ว
ผู้สังเกตการณ์ส่วนใหญ่ ต่างไม่คิดไม่ฝันกันว่าจะเป็นเจ้าชายน้อยอายุเพียง 8 ปี แถมตระกูลมารดาก็เป็นเพียงเจ้าเมืองเล็กๆ
ราชาเอ็ดการ์เองก็ไม่คาดฝันเช่นกัน หลังจากที่ลิเซ่ หนึ่งในสนมของเขาผู้เป็นมารดาของฟิลลิปเสียชีวิตไป เด็กน้อยก็ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใด นอกจากสตาร์คองครักษ์ผู้ติดตามที่มีศักดิ์เป็นลุงของเขา และฟิลลิปแทบจะไม่มีตระกูลขุนนางใหญ่คอยหนุนหลังเลย เฮ้ออ… คงจะต้องเพิ่มกำลังทหารดูแลคุ้มกันฟิลลิปมากขึ้น
นอกจากนี้ ผู้ร่วมสังเกตการณ์คนอื่นๆ ต่างก็ตื่นเต้นกับการได้พบมังกรดรากัส เพราะไม่ได้มีโอกาสเห็นได้ง่ายๆ เนื่องจากมังกรดรากัสจะออกจากถ้ำแค่ทุกๆ 20 ปี ผู้นำตระกูลที่อายุน้อยบางคนอาจจะยังไม่เคยได้เห็นมันเลย …
ข้าวของในห้องถูกกวาดกระจาย “ใจเย็นก่อนครับ ท่านเอ็ดวิน” เลวิส พยายามตามเก็บของที่หล่นร่วงที่ผู้เป็นนายปัดทิ้งเพื่อระบายอารมณ์ไปตามทางเดิน
“บ้าเอ้ย เจ้าฟิลลิปเนี่ยนะ จะได้เป็นรัชทายาทสืบทอดบัลลังก์ แค่เพราะถูกไอ้มังกรหยิ่งยโสนั่นเลือก ข้าไม่ยอมแน่ ถ้าต้องก้มหัวให้ไอเด็กเมื่อวานซืนนั่น” เอ็ดวินระบายความโกรธ หลังจากกลับมาจากงานแต่งตั้งรัชทายาทอย่างเป็นทางการ ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างได้รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้า
“เลวิส ติดต่อพวกทหารรับจ้างให้ข้าหน่อย”