สงครามระหว่างสัตว์โบราณ เมื่ออดีตกาล การต่อสู้เพื่อทำลาย และ การต่อสู้เพื่อปกป้อง จุดจบสงครามด้วยการสละชีวิตของมังกรหิมะ เพื่อแช่แข็งวิหคเพลิงไปตลอดกาล

วิหคเพลิงผนึกใจ - บทที่ 9 ลักพาตัว โดย malisam @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,รัก,ชาย-หญิง,ยุคกลาง,ตะวันตก,แฟนตาซี,โรแมนติกแฟนตาซี,ฟีนิกซ์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วิหคเพลิงผนึกใจ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,รัก,ชาย-หญิง,ยุคกลาง,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,โรแมนติกแฟนตาซี,ฟีนิกซ์

รายละเอียด

วิหคเพลิงผนึกใจ โดย malisam @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

สงครามระหว่างสัตว์โบราณ เมื่ออดีตกาล การต่อสู้เพื่อทำลาย และ การต่อสู้เพื่อปกป้อง จุดจบสงครามด้วยการสละชีวิตของมังกรหิมะ เพื่อแช่แข็งวิหคเพลิงไปตลอดกาล

ผู้แต่ง

malisam

เรื่องย่อ


อาณาจักรคาร์เทียร์ ได้ถูกก่อตั้งเมื่อ 400 ปีก่อน ตระกูลคาร์เทียร์ได้รวบรวมอาณาจักรขึ้นด้วยการทำสงครามกับอาณาจักรข้างเคียงโดยมีมังกรเพลิงนามว่า ดรากัส ร่วมต่อสู้และปกป้องผู้คนในอาณาจักร มังกรดรากัส นั้นมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ปีกมังกรยามสะบัดก่อให้เกิดลมแรงราวกับพายุ เกล็ดผิวหนังแข็งราวกับเหล็ก ไม่ว่าอาวุธใดแทบไม่สามารถทะลุผ่านได้ และลมหายใจเพลิงมีพลังทำลายล้าง ได้เกือบครึ่งเมืองต่อการพ่นลมหายใจหนึ่งครั้ง ทำให้การต่อสู้เพื่อรวบรวมอาณาจักรเป็นไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

ผู้นำตระกูลคาร์เทียร์ขณะนั้นคล้ายว่าสามารถสื่อสารเข้าถึงจิตใจของมังกร จึงสามารถควบคุมดรากัสให้เข้าร่วมต่อสู้อยู่เคียงข้าง จนสามารถปราบข้าศึกของอาณาจักรข้างเคียงได้สำเร็จและสถาปนาขึ้นเป็นราชาของอาณาจักร โดยมีมังกรเป็นสัตว์ประจำราชวงศ์ ผู้คนในอาณาจักรต่างชื่นชมและยอมรับราชวงศ์คาร์เทียร์ให้เป็นผู้ปกครองอาณาจักร หลังจากเสร็จศึกสงคราม มังกรดรากัสก็เข้าสู่ภาวะจำศีลโดยหลบซ่อนตัวในถ้ำบริเวณหุบเขาทางตอนใต้   

 

 เมืองฟลอเรนเซีย ถูกปกครองโดยตระกูลเอเลนอร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ทางตอนเหนือของอาณาจักรคาร์เทียร์ ถือว่าเป็นเมืองสำคัญของอาณาจักร เนื่องจากฟลอเรนเซียเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ ส่งผลให้มีความสามารถเรื่องการทำกสิกรรม รวมทั้งยังตั้งอยู่ใกล้กับเมืองท่าหลายแห่ง ทำให้เป็นจุดศูนย์กลางในการค้าขาย ถือได้ว่าเป็นตระกูลมั่งคั่งลำดับต้นๆ ของอาณาจักร ในอดีตมีเรื่องเล่าที่ว่า สมบัติประจำตระกูล เป็นอัญมณีสีแดงประกายแวววาว ภายในนั้นบรรจุผลึกเวทย์มนตร์ของวิหคเพลิง ซึ่งเป็นเวทย์มนตร์ที่มีพลังเผาผลาญทำลายล้างสูงไม่ด้อยไปกว่ามังกร อีกทั้งยังมีพลังเยียวยาฟื้นคืนชีวิต และมีเพียงสายเลือดของบุตรีตระกูลเอเลนอร์เท่านั้นที่สามารถเรียกพลังจากอัญมณีได้ เอกลักษณ์ของสายเลือดผู้ปลุกพลังนั้นจะมีเส้นผมและดวงตาสีแดงเข้ม อย่างไรก็ดี เนื่องจากพลังเวทย์มนตร์ที่ว่านั้นยิ่งใหญ่ ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องการครอบครอง ชนชั้นสูงต่างๆ ของอาณาจักร แม้แต่เหล่าเชื้อพระวงศ์ หวังจะครอบครอง เซร่า เอเลนอร์ ผู้นำตระกูล ณ ขณะนั้น จึงนำไปเก็บซ่อนไว้ ปัจจุบันไม่มีผู้ใดทราบว่าถูกเก็บอยู่ที่ใด วันเวลาผ่านไปเกือบหลายร้อยปีผู้คนต่างก็ลืมเลือนไปไม่มีผู้ใดพูดถึง



       สวัสดีนักอ่านทุกท่านนะคะ เรื่องวิหคเพลิงผนึกใจ เป็นนิยายรักโรแมนติกแฟนตาซี ที่เล่าถึงเรื่องราวความรักของชายหนุ่มตระกูลอัศวินและหญิงสาวตระกูลพ่อค้าซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับสัตว์โบราณในอดีตกาล

        นิยายเรื่องนี้ถูกแต่งโดยจินตนาการของนักเขียน หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ นักอ่านสามารถแสดงความคิดเห็น ติชม และกดติดตามเพื่อแจ้งเตือนตอนใหม่ และกดถูกใจเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะคะ :)


สารบัญ

วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 1 บุรุษผู้ฝึกสอน,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 2 ของขวัญวันเกิด,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 3 ตัดใจ,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 4 สงครามเพลิง,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 5 จบสงคราม,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 6 คณะพ่อค้า,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 7 มังกรดรากัส,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 8 งานเทศกาล,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 9 ลักพาตัว,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 10 ช่วยเหลือ,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 11 สอบสวน,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 12 เยี่ยมเยียน,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 13 อดีตของไรเซล,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 14 งานเลี้ยงเต้นรำ,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 15 เซร่า เอเลนอร์,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 16 ดูดาว,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 17 แผลเก่า,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 18 เซร่าและเลออน,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 19 จับกุมตัว,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 20 จับกุมตัว (2),วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 21 หลบหนี

เนื้อหา

บทที่ 9 ลักพาตัว


“ท่านลุง ข้าอยากเดินเที่ยวเล่นในงานอย่างไม่เอิกเกริก เราลองเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เหมือนชาวบ้านทั่วไปได้หรือไม่ครับ” เจ้าชายฟิลลิป เริ่มเบื่อกับการถูกจับจ้องจากผู้คนและถูกรายล้อมไปด้วยทหารมากมาย เขาอยากเดินเที่ยวเล่นเหมือนกับเด็กธรรมดาทั่วไป

“เอาสิ ข้าจะจัดเตรียมให้ครับ” สตาร์ครับคำ 

ดังนั้นในงานเทศกาลวันที่ 4 เจ้าชายฟิลลิปเดินเที่ยวภายในงานด้วยเครื่องแต่งกายปกติ เสื้อผ้าฝ้ายสีขาว กางเกงขาสั้นสีน้ำตาล และสวมหมวกเบเร่ต์ลายตารางหมากรุก แม้จะเป็นเครื่องแต่งกายที่ดูธรรมดาแต่ก็ยังเป็นผ้าชั้นดี โดยมีผู้ติดตามข้างกายเพียงแค่สตาร์ค ทำให้เขาคลายความอึดอัดใจไปได้บ้างเล็กน้อย นึกถึงตอนที่เคยได้เดินเที่ยวเล่นกับมารดาอย่างสนุกสนาน แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีทหารแฝงตัวไปกับผู้คนคอยอารักขาอยู่ไม่ไกล 

“โอ้ยยยย…” เด็กสาวอายุประมาณ 10 ขวบ เดินสะดุดล้มลงไม่ไกลจากฟิลลิปที่กำลังยืนดูของเล่นเป็นปูนปั้นรูปตัวมังกรขนาดเล็กอยู่หน้าร้านค้า

“เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า” ฟิลลิปนั่งลงถามเด็กหญิง

“ต้องขอโทษด้วย ข้ากำลังรีบไปดูกระต่ายน้อยบาดเจ็บอยู่แถวป่านอกเมือง กำลังจะนำยาไปรักษามัน”

“กระต่ายอย่างนั้นหรอ” เขาก็อยากเล่นกับกระต่ายบ้าง

“เจ้าสนใจมาดูมั้ยล่ะ ไม่ไกลจากที่นี่หรอก เสร็จแล้ว เดี๋ยวข้าพาเจ้ากลับมาส่งที่นี่”

เจ้าชายฟิลลิปเองก็อยากไปเที่ยวเล่นกับเด็กคนอื่นๆบ้าง แต่คิดในใจหากขอท่านลุงสตาร์คจะต้องไม่อนุญาตแน่ๆ เขาคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนหันไปหาสตาร์ค

“ท่านลุง ข้าหิวน้ำครับ”

“ข้าจะรีบนำมาให้ครับ แต่ท่านต้องรออยู่ที่นี่ห้ามไปไหนนะครับ ข้าจะรีบกลับมา” 

พอสตาร์คเดินจากไป เขาจึงขอกระดาษกับปากกาจากร้านค้าเขียนข้อความบางอย่างแล้วใส่ไว้ในหมวกของเขา พร้อมฝากพ่อค้าขายปูนปั้น ขอให้มอบให้สตาร์คหากเขากลับมาถึง ก่อนที่เจ้าชายฟิลลิปจะมองซ้ายมองขวา แล้วรีบวิ่งตามเด็กหญิงออกไป

‘เป็นไปตามแผน’ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่มผู้หนึ่งที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้คน ลุค ทหารรับจ้างใต้ดินฝีมือดี ชอบงานที่ท้าทาย เขาติดตามคณะทหารองครักษ์ของเจ้าชายฟิลลิปมาสักพักแล้ว พบว่ามีการป้องกันคุ้มกันที่แน่นหนา รวมทั้งเจ้าชายฟิลลิปนั้นไม่ค่อยจะไว้ใจผู้ใด ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงตัวเจ้าชายได้โดยง่าย ‘ในเมื่อผู้ใหญ่เข้าถึงไม่ได้ ก็ต้องใช้เด็กด้วยกันนี่แหละ’ เค้าคิดในใจ ก่อนจะรีบเดินตามเด็กทั้งสองออกไปที่นอกเมือง

“รอก่อนสิ เจ้าจะวิ่งเร็วไปแล้ว” เจ้าชายฟิลลิปวิ่งตามเด็กสาวออกมาถึงนอกเมือง พื้นที่รอบด้านเป็นป่ารกร้าง และมีกระท่อมไม้ดูผุพังไม่แข็งแรงอยู่ไม่ไกล

“แล้วไหนล่ะกระต่ายน้อยที่บาดเจ็บ” เขาถามเด็กหญิงที่ตอนนี้กำลังก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิด

“ข้าขอโทษด้วย ข้าจำเป็นต้องทำเพื่อหาเงิน” พูดเสร็จเด็กสาวก็วิ่งหนีหายไปอย่างรวดเร็ว

เจ้าชายฟิลลิปงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังไม่ทันได้เข้าใจสถานการณ์ เขาก็ถูกล้อมรอบด้วยชายฉกรรจ์ 5 คน

ชายร่างใหญ่ที่สุดตรงกลาง เดินตรงไปหาเจ้าชายน้อยก่อนใช้สันมือกระแทกตรงท้ายทอย ทำให้เขาสลบไป …


ฝั่งเฮเลน่าที่กำลังขี่ม้าล่าสัตว์ กวาดสายตามองหาเหยื่อ ก่อนจะรู้สึกได้ว่ามีอะไรกำลังเคลื่อนไหว จึงลงจากหลังม้าแล้วเข้าแอบซุ่มดูอยู่หลังพุ่มไม้ใหญ่ เธอเห็นชายจำนวนสี่คน หนึ่งคนกำลังอุ้มเด็กผู้ชายที่สลบไม่ได้สติ ข้อมือและข้อเท้าถูกมัดไว้ถูกพาเข้าไปในกระท่อมร้าง ‘นี่มันลักพาตัวงั้นหรอ’ เธอคิดในใจ

'ตุ๊บ' จู่ๆ ก็มีมือเข้ามาปิดปากเธอจากด้านหลังและบริเวณท้ายทอยของเธอถูกกระแทกอย่างแรงจนหมดสติไป …

เฮเลน่าลืมตาขึ้น ดวงตาสีแดงเข้มมองกวาดไปรอบๆ เหมือนเธอกำลังอยู่ในกระท่อมไม้เก่าๆ โดยที่ข้างกายมีเด็กชายที่เธอเห็นก่อนหน้านี้นั่งอยู่ด้วย ทั้งเธอและเด็กชายถูกผ้าปิดปากไว้ ข้อมือและข้อเท้าถูกมัดไว้ด้วยเชือกอย่างแน่นหนา เฮเลน่ากำลังพยายามกัดผ้าปิดปากของเธอให้ขาด ต้องการพูดบางสิ่ง จนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่กว่าที่ผ้าปิดปากของเธอเริ่มขาดเป็นรู พอให้เสียงพูดออกมาได้บ้าง

“นี่ เด็กน้อย ที่เอวข้างขวาของข้า มีกริชทองเหลืองอยู่ เจ้าใช้สองมือด้านหลังของเจ้าหยิบมันออกมา แล้วตัดเชือกให้ข้าได้หรือไม่ หากแก้ได้แล้ว ข้าจะรีบช่วยเจ้าทันที” ฟิลลิปไม่เชื่อใจหญิงสาว แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น เขาเลื่อนสองมือที่ถูกผูกไขว้ไว้ด้านหลัง คลำหากริชทองเหลืองที่ว่า เฮเลน่าหัวเราะคิกๆ เบาๆ รู้สึกจั๊กจี๋ที่มือเด็กน้อยมาโดนเอว เจ้าชายน้อยขมวดคิ้ว คิดในใจ ‘ในเวลาแบบนี้ยังหัวเราะได้อยู่อีก’

หลังจากคลำหากริชทองเหลืองได้ ฟิลลิปเริ่มตัดเชือกที่มือของเฮเลน่าในท่าหันหลังโดยเอี้ยวหัวไปเพื่อให้มองเห็นเชือกที่มือหญิงสาว ไม่ถึงห้านาที เชือกที่พันธนาการข้อมือไว้ก็หลุดออก จากนั้นเฮเลน่าจึงรีบตัดเชือกให้ฟิลลิปเช่นเดียวกัน

ขณะที่ทั้งคู่กำลังแก้มัดกันอยู่นั้น ก็รู้สึกถึงควันและความร้อนรอบๆ ตัว ก่อนจะพบว่า กระท่อมกำลังติดไฟ พวกเขากำลังจะถูกเผา สองมือจึงเร่งแก้มัดกันอย่างรวดเร็ว


“นี่ เจ้าชื่ออะไรน่ะ ข้าชื่อเฮเลน่า” หญิงสาวถามขึ้นหลังจากแก้มัดผ้าที่ปิดปากตนเองได้สำเร็จ

“จะถามเพื่ออะไรกัน ข้าชื่อฟิลลิป” ดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร

“ฟิลลิป ทันทีที่ออกไปจากกระท่อมนี้ได้ เจ้าขึ้นมาขี่หลังข้าซะ ข้าจะวิ่งพาเจ้าหนีไป” เฮเลน่านึกเอ็นดูเด็กชายตรงหน้า ตั้งแต่ถูกลักพาตัวมาที่นี่ ยังไม่เห็นเขาร้องไห้สักแอะ จิตใจเข้มแข็งดีจริงๆ

ฟิลลิปยังไม่ทันได้ตอบกลับ ประตูกระท่อมก็ถล่มลงเนื่องจากเปลวไฟที่โหมแรง ขวางทางออกของพวกเขาไว้ ประตูที่ร่วงหล่น ทำให้เหล่าทหารรับจ้างที่อยู่ด้านนอกสังเกตเห็นว่า สองคนที่อยู่ด้านในแก้มัดเชือกได้แล้วพร้อมที่จะหนี

“ลูกพี่ มันสองคนแก้เชือกได้แล้ว ทำอย่างไรดี”

“ยัยผู้หญิงนั่น ไม่เท่าไหร่ แต่อย่าให้เด็กนั่นรอดไปได้เด็ดขาด” ลุคตะโกนด้วยความไม่พอใจและรีบลุกขึ้น เขาไม่ยอมให้เป้าหมายของเขาหลุดรอดไปแน่ ที่เขาไม่รีบฆ่าทั้งที่ยังหลับอยู่ เพราะต้องรอคำสั่งจากนายจ้างและคำสั่งออกมาว่าให้เผากระท่อมซะ ‘ฆ่าก่อนแล้วค่อยเผาก็ได้นี่’ เขาคิดในใจ ก่อนจะหยิบมีดสั้นขึ้นมา ขว้างจากด้านนอกเข้าไปในกระท่อม

‘ฉึก’ มีดสั้นถูกปักลงไปที่หน้าอกของฟิลลิป เด็กน้อยล้มลง โลหิตสีแดงไหลอาบไปทั่วตัว

เฮเลน่าตกใจรีบเข้าไปรับตัวเด็กชาย “ทำใจดีๆ ไว้นะฟิลลิป” พลางตะโกนออกไปถึงพวกที่อยู่ด้านนอก “พวกเจ้าเป็นใครกัน เหตุใดต้องมาทำร้ายเด็กตัวเล็กๆ แบบนี้ ยังเป็นคนอยู่รึเปล่า” ขณะที่มือโอบกอดเด็กน้อยอยู่บนพื้นกระท่อม

ไฟที่เริ่มลามไปแทบทุกมุมของกระท่อม เผาผลาญข้าวของในกระท่อมรวมไปถึงกริชทองเหลืองของเฮเลน่าที่วางอยู่ไม่ไกล จู่ๆ เฮเลน่าก็รู้สึกร้อนวาบไปทั่วทั้งตัว ราวกับร่างกายมีเปลวไฟห่อหุ้มอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะไม่รู้สึกถึงความร้อนใดๆ อีก และความสงสารเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าก่อตัวเกิดเป็นน้ำตา หยดลงบนร่างของฟิลลิปที่ใกล้จะตาย ทันใดนั้นเอง มีดสั้นที่ปักอยู่ที่อกของเด็กชายค่อยๆ หลุดออก บาดแผลและความเจ็บปวดของฟิลลิปก็หายไปราวกับเวทมนตร์ เด็กน้อยค่อยๆ ขยับตัวและลืมตาขึ้นมองเฮเลน่า … 


“ว่ายังไงนะ เฮเลน่าหายตัวไป” เรจิสได้รับข้อมูลจากองครักษ์ที่มอบหมายให้ติดตามดูแลเฮเลน่า

“คุณหนูเร่งควบม้าไปอีกทาง บอกให้พวกเรารออยู่ที่นี่ครับ พอเห็นว่าคุณหนูหายไปนานจนน่าผิดสังเกต จึงเริ่มออกตามหา แต่พบเพียงม้าที่คุณหนูขี่ไปครับ” หนึ่งในผู้ติดตามของเฮเลน่าพูดด้วยความรู้สึกผิด

เฮ้อออ … เรจิสถอนหายใจ ในเวลานี้จะมัวมาหาคนผิดก็ใช่เรื่อง ต้องรีบหาตัวเฮเลน่าให้เร็วที่สุด ในสมองเริ่มคิดหาทาง “ส่งคนไปหาเจ้าเมืองลูเซีย นำจดหมายของข้าไปส่ง แจ้งเหตุให้ทราบและขอกำลังออกตามหาให้เร็วที่สุด” เรจิสกล่าวสั่งการองค์รักษ์

เคดิสที่นั่งฟังอยู่ด้วย สีหน้าเป็นห่วงน้องสาว “ข้าจะส่งนกสื่อสารไปหาท่านพี่ไรเซล ขอให้เขากลับมาช่วยหาอีกทาง” เส้นทางที่อันตรายต่างๆในเมืองลูเซีย พี่ชายคนนี้ของเขาน่าจะรู้ดีที่สุด

ฝั่งสตาร์ค ผู้ติดตามเจ้าชายฟิลลิป หลังจากได้ข้อความที่ฝากไว้จากพ่อค้าว่า ‘ข้าจะไปเที่ยวเล่นนอกเมือง จะกลับมาในอีก 1 ชั่วโมงครับ’ จนป่านนี้ผ่านไป เกือบ 5 ชั่วโมงแล้วยังไม่สามารถติดต่อได้ เขารวบรวมองค์รักษ์จำนวนมากเร่งตามหา และติดต่อไปที่เจ้าเมืองลูเซียเช่นเดียวกัน …


เฮเลน่าตกใจที่อยู่ๆ บาดแผลของเด็กน้อยก็หายดีราวกับเวทมนตร์ แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาตื่นเต้น

เธอรีบอุ้มฟิลลิปขึ้นพลางมองหาทางออก คิดว่าจะวิ่งออกไปทางด้านหลังกระท่อม แม้ว่าตอนนี้พื้นที่ภายในเต็มไปด้วยเพลิงไหม้ลุกลามไปทั่ว แต่แปลกที่เธอกลับไม่รู้สึกร้อนอะไร สามารถเดินฝ่าเปลวไฟที่ลุกโชนออกมาได้ ฟิลลิปที่อยู่ในอ้อมแขนของเฮเลน่า แม้บาดแผลจะหายดี แต่ก็เหมือนจะสำลักควันไฟจนสลบไป

ลุคและพวกทหารรับจ้างคนอื่นๆ รีบวิ่งไปดักเธอที่อีกด้านของกระท่อม ก่อนจะตกตะลึงตาค้าง เพราะภาพหญิงสาวที่อุ้มเด็กชายเดินฝ่ากองไฟออกมาราวกับไม่รู้สึกอะไร ทั้งๆ ที่สภาพกระท่อมบัดนี้แทบจะมอดไหม้ไปทั้งหลัง

เฮเลน่าแม้จะออกมาจากกองเพลิงได้ แต่ก็ถูกพวกทหารรับจ้างจับมัดไว้อีกครั้ง

“พวกเจ้าเป็นใคร จับข้าและฟิลลิปมาทำไม แล้วจะเผาพวกข้าทั้งเป็นโดยที่ไม่บอกเหตุผลรึไง”

เฮเลน่าตะโกนถามด้วยความโกรธ

“เป้าหมายของข้ามีแค่เจ้าเด็กนั่น แต่เจ้าดันมาเห็นเหตุการณ์ก็ต้องถูกกำจัดด้วยนั่นแหละ”

ลุคจ้องมองหญิงสาวตรงหน้า พอได้สังเกตดีๆแล้ว เห็นว่าสวยไม่เบาทีเดียว

“แล้วเมื่อกี้ เจ้าทำได้อย่างไร เดินฝ่ากองไฟออกมาแบบนั้นได้ยังไง” ลุคเดินเข้ามาถามพลางเอามือหยาบมาจับคางเฮเลน่าไว้ จ้องมองด้วยความสนใจ

“ลูกพี่ เจ้าเด็กนี่ยังไม่ตาย” ลูกสมุนของลุคสังเกตเห็นฟิลลิปที่เริ่มขยับตัวก่อนจะลืมตาขึ้น ลุคหันมองด้วยความประหลาดใจ เขามั่นใจว่ามีดสั้นของเขาปักเข้าไปที่อวัยวะสำคัญแน่นอน คราบเลือดบนเสื้อผ้านี่ไงคือหลักฐาน เหตุใดยังขยับตัวลุกขึ้นมาได้อีก ‘ทำไมเด็กนี่ถึงตายยากเย็น’ เขาคิดในใจ

ขณะที่ลุคกำลังมองหารอยแผลจากมีดสั้นบนร่างกายของฟิลลิป ลูกสมุนที่คอยดูต้นทางก็ตะโกนมา “หนีเร็ว ลูกพี่ พวกทหารของเมืองลูเซียมากันเต็มไปหมด”

เหล่าทหารรับจ้างคนอื่นตกใจรีบวิ่งหนีหาย เฮเลน่าที่มือถูกจับมัดไว้แต่เท้ายังคงเป็นอิสระ เห็นลุคที่กำลังเผลอจึงพุ่งตัวกระแทกเขาจนล้มไป

“หนีเร็ว ฟิลลิป วิ่งไปทางนั้น” เธอรีบเข้าไปหาฟิลลิปบอกให้เด็กน้อยวิ่งไปทางที่สมุนดูต้นทางวิ่งสวนมา

เด็กชายรีบลุกขึ้นวิ่งก่อนกล่าว “ขอบคุณมากนะ เฮเลน่า”

“เจ้าต้องหนีให้รอดก่อน ถึงค่อยขอบคุณข้า แล้วต้องเรียกว่าพี่สิ ทำไมถึงเรียกเฮเลน่าเฉยๆนะ ข้าแก่กว่าเจ้าตั้งเยอะ” เฮเลน่าพูดบ่นขณะที่วิ่งตามหลังฟิลลิป

ลุครีบลุกขึ้นพลางยิ้มมุมปาก เริ่มรู้สึกสนุกกับการวิ่งไล่จับนี้ก่อนรีบตามวิ่งตามสองคนนั่นไป …

ฝั่งไรเซลที่กำลังเดินทางออกจากอาณาจักรแวนก้า เพื่อกลับมาให้ทันร่วมงานเทศกาล ก็ได้รับข้อความผ่านทางนกสื่อสารที่เค้าใช้ติดต่อกับเคดิสอยู่เป็นประจำ เนื้อความระบุว่า เฮเลน่าถูกลักพาตัวไปขณะล่าสัตว์ที่นอกเมือง พร้อมระบุตำแหน่งที่พบม้าของเฮเลน่า ได้อ่านดังนั้น ชายหนุ่มก็ร้อนใจบอกเหล่าทหารผู้ติดตามว่าตนจะรีบล่วงหน้าไปก่อน และเปลี่ยนเส้นทางเพื่อให้ไปถึงนอกเมืองลูเซียโดยเร็วที่สุด