สงครามระหว่างสัตว์โบราณ เมื่ออดีตกาล การต่อสู้เพื่อทำลาย และ การต่อสู้เพื่อปกป้อง จุดจบสงครามด้วยการสละชีวิตของมังกรหิมะ เพื่อแช่แข็งวิหคเพลิงไปตลอดกาล

วิหคเพลิงผนึกใจ - บทที่ 14 งานเลี้ยงเต้นรำ โดย malisam @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,รัก,ชาย-หญิง,ยุคกลาง,ตะวันตก,แฟนตาซี,โรแมนติกแฟนตาซี,ฟีนิกซ์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วิหคเพลิงผนึกใจ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,รัก,ชาย-หญิง,ยุคกลาง,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,โรแมนติกแฟนตาซี,ฟีนิกซ์

รายละเอียด

วิหคเพลิงผนึกใจ โดย malisam @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

สงครามระหว่างสัตว์โบราณ เมื่ออดีตกาล การต่อสู้เพื่อทำลาย และ การต่อสู้เพื่อปกป้อง จุดจบสงครามด้วยการสละชีวิตของมังกรหิมะ เพื่อแช่แข็งวิหคเพลิงไปตลอดกาล

ผู้แต่ง

malisam

เรื่องย่อ


อาณาจักรคาร์เทียร์ ได้ถูกก่อตั้งเมื่อ 400 ปีก่อน ตระกูลคาร์เทียร์ได้รวบรวมอาณาจักรขึ้นด้วยการทำสงครามกับอาณาจักรข้างเคียงโดยมีมังกรเพลิงนามว่า ดรากัส ร่วมต่อสู้และปกป้องผู้คนในอาณาจักร มังกรดรากัส นั้นมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ปีกมังกรยามสะบัดก่อให้เกิดลมแรงราวกับพายุ เกล็ดผิวหนังแข็งราวกับเหล็ก ไม่ว่าอาวุธใดแทบไม่สามารถทะลุผ่านได้ และลมหายใจเพลิงมีพลังทำลายล้าง ได้เกือบครึ่งเมืองต่อการพ่นลมหายใจหนึ่งครั้ง ทำให้การต่อสู้เพื่อรวบรวมอาณาจักรเป็นไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

ผู้นำตระกูลคาร์เทียร์ขณะนั้นคล้ายว่าสามารถสื่อสารเข้าถึงจิตใจของมังกร จึงสามารถควบคุมดรากัสให้เข้าร่วมต่อสู้อยู่เคียงข้าง จนสามารถปราบข้าศึกของอาณาจักรข้างเคียงได้สำเร็จและสถาปนาขึ้นเป็นราชาของอาณาจักร โดยมีมังกรเป็นสัตว์ประจำราชวงศ์ ผู้คนในอาณาจักรต่างชื่นชมและยอมรับราชวงศ์คาร์เทียร์ให้เป็นผู้ปกครองอาณาจักร หลังจากเสร็จศึกสงคราม มังกรดรากัสก็เข้าสู่ภาวะจำศีลโดยหลบซ่อนตัวในถ้ำบริเวณหุบเขาทางตอนใต้   

 

 เมืองฟลอเรนเซีย ถูกปกครองโดยตระกูลเอเลนอร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ทางตอนเหนือของอาณาจักรคาร์เทียร์ ถือว่าเป็นเมืองสำคัญของอาณาจักร เนื่องจากฟลอเรนเซียเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ ส่งผลให้มีความสามารถเรื่องการทำกสิกรรม รวมทั้งยังตั้งอยู่ใกล้กับเมืองท่าหลายแห่ง ทำให้เป็นจุดศูนย์กลางในการค้าขาย ถือได้ว่าเป็นตระกูลมั่งคั่งลำดับต้นๆ ของอาณาจักร ในอดีตมีเรื่องเล่าที่ว่า สมบัติประจำตระกูล เป็นอัญมณีสีแดงประกายแวววาว ภายในนั้นบรรจุผลึกเวทย์มนตร์ของวิหคเพลิง ซึ่งเป็นเวทย์มนตร์ที่มีพลังเผาผลาญทำลายล้างสูงไม่ด้อยไปกว่ามังกร อีกทั้งยังมีพลังเยียวยาฟื้นคืนชีวิต และมีเพียงสายเลือดของบุตรีตระกูลเอเลนอร์เท่านั้นที่สามารถเรียกพลังจากอัญมณีได้ เอกลักษณ์ของสายเลือดผู้ปลุกพลังนั้นจะมีเส้นผมและดวงตาสีแดงเข้ม อย่างไรก็ดี เนื่องจากพลังเวทย์มนตร์ที่ว่านั้นยิ่งใหญ่ ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องการครอบครอง ชนชั้นสูงต่างๆ ของอาณาจักร แม้แต่เหล่าเชื้อพระวงศ์ หวังจะครอบครอง เซร่า เอเลนอร์ ผู้นำตระกูล ณ ขณะนั้น จึงนำไปเก็บซ่อนไว้ ปัจจุบันไม่มีผู้ใดทราบว่าถูกเก็บอยู่ที่ใด วันเวลาผ่านไปเกือบหลายร้อยปีผู้คนต่างก็ลืมเลือนไปไม่มีผู้ใดพูดถึง



       สวัสดีนักอ่านทุกท่านนะคะ เรื่องวิหคเพลิงผนึกใจ เป็นนิยายรักโรแมนติกแฟนตาซี ที่เล่าถึงเรื่องราวความรักของชายหนุ่มตระกูลอัศวินและหญิงสาวตระกูลพ่อค้าซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับสัตว์โบราณในอดีตกาล

        นิยายเรื่องนี้ถูกแต่งโดยจินตนาการของนักเขียน หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ นักอ่านสามารถแสดงความคิดเห็น ติชม และกดติดตามเพื่อแจ้งเตือนตอนใหม่ และกดถูกใจเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะคะ :)


สารบัญ

วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 1 บุรุษผู้ฝึกสอน,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 2 ของขวัญวันเกิด,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 3 ตัดใจ,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 4 สงครามเพลิง,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 5 จบสงคราม,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 6 คณะพ่อค้า,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 7 มังกรดรากัส,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 8 งานเทศกาล,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 9 ลักพาตัว,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 10 ช่วยเหลือ,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 11 สอบสวน,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 12 เยี่ยมเยียน,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 13 อดีตของไรเซล,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 14 งานเลี้ยงเต้นรำ,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 15 เซร่า เอเลนอร์,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 16 ดูดาว,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 17 แผลเก่า,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 18 เซร่าและเลออน,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 19 จับกุมตัว,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 20 จับกุมตัว (2),วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 21 หลบหนี

เนื้อหา

บทที่ 14 งานเลี้ยงเต้นรำ


สมาชิกในตระกูลคานเดลที่มาร่วมงานเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ มีเพียงรูดวิก คานเดล ที่เป็นผู้นำตระกูล และฮานส์บุตรชายคนโต โดยหลังจากที่ไรเซลมาถึงเมื่อวานนี้ ทำให้โต๊ะอาหารในวันนี้จึงมีผู้ร่วมรับประทานถึงสามคน

“ไรเซล ท่านสตาร์ค ผู้ติดตามเจ้าชายรัชทายาท ได้ติดต่อมาหาข้าอีกครั้งเมื่อวานนี้ เห็นว่าเจ้าจัดการจับโจรลักพาตัวมาได้ เขาว่าจะเสนอขอให้ราชาเอ็ดการ์มีราชโองการให้เจ้าย้ายมาเป็นหัวหน้ากององครักษ์คุ้มกันเจ้าชายรัชทายาทน่ะ เจ้าคิดเห็นอย่างไร” รูดวิกกล่าวขึ้นทำลายความเงียบ

“หากเป็นคำสั่งของพระราชาแล้ว ข้าก็ไม่อาจขัดครับ” ไรเซลกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนพูดต่อ “แต่ว่าพื้นที่เขตชายแดนที่นี่ ปัญหาค่อนข้างเยอะ ท่านคงต้องส่งคนมาจัดการต่อด้วยครับ”

“ข้าก็ว่าจะให้เฟลิคมาสานต่องานที่เจ้าทำอยู่ที่นี่ กลับไปคงต้องขอให้เจ้าถ่ายงานให้เขาด้วย” ไรเซลรับคำ

“ข้านำชุดที่จะสวมใส่ไปงานเลี้ยงในคืนพรุ่งนี้มาเผื่อเจ้าด้วย เดี๋ยวจะให้สาวใช้นำไปให้เลือกที่ห้อง” ฮานส์พูดขึ้นเบาๆ ไรเซลพยักหน้ารับ ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์กับพี่น้องจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่พวกเขาได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกคือเกียรติยศของตระกูล …


เจ้าชายรัชทายาทฟิลลิปได้เดินทางกลับเมืองหลวงไปก่อนแล้ว แต่ก็ยังมีเชื้อพระวงศ์บางส่วนที่ยังอยู่ร่วมงานเลี้ยงเต้นรำ รวมถึงเจ้าชายเอ็ดวิน หลังจากที่เขาได้ทราบว่าลุค ทหารรับจ้างได้ทำงานพลาด โดยขณะนี้ได้ถูกจับกุมและกำลังถูกส่งตัวไปสอบสวนต่อที่เมืองหลวง เขาค่อนข้างจะหัวเสียอยู่ไม่น้อย ทำให้ไม่มีอารมณ์อยากจะเข้าร่วมงานเลี้ยงเต้นรำ แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากจะมาเห็นหน้าคุณหนูตระกูลเอเลนอร์ ที่เขาได้ยินเรื่องราวแปลกๆ มา

ภายในคฤหาสน์ลูเซีย มีเหล่าขุนนางหลากหลายตระกูลเข้าร่วมงานเลี้ยง วันนี้เฮเลน่าในชุดกระโปรงยาวไล่เฉดสีจากสีแดงไปถึงชมพูอ่อน สวมเครื่องประดับทับทิมสีเข้ากับดวงตา เดินเคียงคู่มากับชายหนุ่มผมทองใบหน้าหล่อเหลาสวมชุดสูทสีแดงเลือดหมูปักลวดลายสีทองดูหรูหราเข้ากันกับหญิงสาวข้างกาย หลายคนในงานมองกันเป็นตาเดียว เริ่มซุบซิบนินทาเรื่องที่ว่าบุตรชายคนที่ 2 ของตระกูลอารอน กำลังคบหากับทายาทตระกูลเอเลนอร์เห็นจะจริง

‘กริ๊ง กริ๊ง!’ ฮาเรซ เจ้าเมืองลูเซียเคาะแก้วเพื่อดึงความสนใจก่อนกล่าวต้อนรับ

“กระผม ฮาเรซ ลูเซีย ขอต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกท่านสู่งานเลี้ยงเต้นรำในวันนี้ครับ ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนจากราชวงศ์ เหล่าสุภาพบุรุษและเลดี้จากทุกๆตระกูล ขอให้ร่วมรับประทานอาหารและเต้นรำอย่างสนุกสนานนะครับ”

จากนั้นเขาได้จูงมือภรรยา ก้าวเข้าสู่พื้นที่ลานเต้นรำเพื่อเปิดเวที โดยมีเหล่านักดนตรีบรรเลงเพลงอยู่บริเวณด้านข้าง สักครู่ใหญ่ เหล่าผู้ร่วมงานเริ่มควงคู่กันเข้าสู่ลานเต้นรำ

ไรเซลในชุดสูทสีเทาเข้ม ยืนจิบสุราอยู่ที่มุมห้องจัดเลี้ยง สายตามองไปยังสาวสวยผมสีแดงเข้มที่กำลังเต้นรำกับพี่ชายด้วยท่าทางที่พลิ้วไหวงดงาม ก่อนที่คิ้วเข้มจะขมวดเป็นปม เพราะชายหนุ่มผมทองกำลังก้าวเดินเข้าไปหาเธอและจุมพิตไปที่หลังมือของหญิงสาวเพื่อขอเต้นรำ

“ไรเซลคะ ข้ามองหาตั้งนาน ท่านในชุดสูทแบบนี้ดูหล่อเหลาและน่าหลงใหลมากเลยนะคะ” วิเวียน บุตรสาวตระกูลลูเซีย เดินเข้ามากอดแขนชายหนุ่มอย่างเคย ด้วยเรือนร่างบางที่โค้งเว้า เนินอกอิ่มเต็ม ประกอบกับชุดเดรสแนบเนื้อที่สวมใส่ จึงดูงดงามเย้ายวน ดึงดูดเกือบทุกสายตาของบุรุษในงานเลยก็ว่าได้

“ขอบคุณครับ วิเวียน ท่านฮาเรซจัดงานวันนี้ได้ยิ่งใหญ่และหรูหรามากทีเดียว จะให้สวมใส่ชุดทหารมาก็คงจะเป็นการดูหมิ่นลูเซีย” ไรเซลกล่าวพลางคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย

“แล้วเมื่อกี้ทำไมถึงทำหน้าบึ้งตึงแบบนั้นล่ะคะ มองอะไรอยู่” วิเวียนหันมองไปทางลานเต้นรำก่อนกล่าว “กำลังคิดจะชวนใครเต้นรำอยู่รึเปล่าคะ ถ้าอย่างนั้นเต้นรำกับข้านะคะ” หญิงสาวพูดอย่างออดอ้อน

“ข้าเห็นว่ามีสายตาของคุณชายหลายท่านกำลังจ้องจะขอท่านเต้นรำอยู่นะครับ” ไรเซลค่อยๆ ดึงมือออกอย่างสุภาพ ก่อนที่จะมีชายหนุ่มตระกูลหนึ่งมาชวนวิเวียนออกไปเต้นรำ

ฝั่งเฮเลน่าที่กำลังเต้นรำอยู่กับรอยซ์ ได้แอบมองไรเซลที่ตอนนี้กำลังถูกควงแขนโดยหญิงสาวสวยแต่งตัวเย้ายวนและดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเธอ กำลังพูดคุย หยอกล้อกับเขาอย่างใกล้ชิดสนิทสนม ถ้าจำไม่ผิดเธอน่าจะเป็นบุตรสาวของเจ้าเมืองลูเซีย ‘ถ้าอย่างนั้น คงจะรู้จักกันมานาน แต่จากที่เคยถามท่านพี่มา เห็นว่าท่านไรเซลไม่ได้มีคนรักเป็นตัวเป็นตนซะหน่อย เธอมีความสัมพันธ์อย่างไรกับเขากันนะ’ เฮเลน่าคิดในใจ ขณะที่มัวแต่คิด ขาจึงก้าวพลาดสะดุดชายกระโปรงตนเองเกือบจะล้มลง โชคดีที่คู่เต้นรำของเธอก้มลงและคว้าเอวบางไว้ได้ ทำให้ภาพที่ออกมาดูเหมือนใบหน้าของชายหนุ่มและหญิงสาวใกล้กันจนแทบจะชิดและร่างกายของทั้งคู่ดูราวกับกำลังกอดกัน

ไรเซลที่มองดูอยู่หน้าบึ้งตึงขึ้นทันที ก่อนกระดกแก้วสุราในมือทีเดียวหมดแก้ว แต่ความหงุดหงิดของชายหนุ่มยังไม่หมดไป เจ้าชายเอ็ดวินที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นวมหรูหราที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้เหล่าเชื้อพระวงศ์ ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาเฮเลน่าและโค้งตัวเพื่อขอเธอเต้นรำ

“เลดี้เฮเลน่าจะให้เกียรติเต้นรำกับข้าได้มั้ยครับ” เอ็ดวินกล่าวพลางโค้งตัวลงและหงายมือยื่นออกไป

เฮเลน่าประหลาดใจไม่คาดคิดว่าเจ้าชายเชื้อพระวงศ์จะมาขอเธอเต้นรำ หากปฏิเสธก็คงจะเป็นการเสียมารยาท

“เป็นเกียรติอย่างยิ่งเพคะ” หญิงสาววางมือลงบนฝ่ามือของเจ้าชาย ทำให้ผู้คนรอบข้างสนใจกันมากทีเดียว

“ข้าได้ข่าวว่าเจ้าช่วยชีวิตฟิลลิปไว้รึ ในฐานะตัวแทนของราชวงศ์คงต้องกล่าวขอบคุณเสียหน่อย” เอ็ดวินกล่าวขึ้นขณะกำลังเต้นรำ

“หม่อนชั้นไม่ค่อยแน่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเท่าไหร่เพคะ แต่ดูเหมือนว่าจะหนีรอดออกมาอย่างหวุดหวิด น่าจะต้องชื่นชมเหล่าทหารลูเซียและท่านไรเซลเสียมากกว่าเพคะ”

“งั้นหรือ แล้วข้าก็ได้ยินว่าฟิลลิปถูกมีดแทง แต่กลับไม่พบบาดแผลใด เจ้าทำอะไรกับเขางั้นเหรอ” เจ้าชายหนุ่มถามต่อ

“ข้าไม่ได้ทำสิ่งใดเลยเพคะ แค่โอบกอดเจ้าชายไว้ จู่ๆ บาดแผลก็หายไปราวกับเวทมนตร์ คงเป็นเพราะเจ้าชายเป็นเชื้อพระวงศ์มีบารมีสูง จึงรอดพ้นมาได้เพคะ” เฮเลน่าพูดออกไปหวังจะเป็นการพูดเอาใจเหล่าเชื้อพระวงศ์ แต่สีหน้าของเจ้าชายเอ็ดวินกลับบึ้งตึงขึ้นทันที เธองุนงงว่าเธอพูดอะไรผิดไปรึเปล่า และหลังจากเต้นรำจนจบเพลง เจ้าชายเอ็ดวินก็เดินจากไปทันที 

เฮเลน่าที่เพิ่งจะว่างหลังจากที่เธอถูกขอเต้นรำอย่างต่อเนื่อง สายตาเริ่มมองหาบุคคลที่เธออยากจะพบ แต่กลับหาไม่พบ! เธอเดินออกมาภายนอกคฤหาสน์กวาดสายตาไปรอบๆ จู่ๆ ก็มีมือใหญ่ดึงตัวเธอไปที่หลังกำแพงซึ่งมีพุ่มไม้ใหญ่บดบังอยู่

“มองหาใครอยู่หรือ เฮเลน่า” ไรเซลที่ตอนนี้แววตาดูหยาดเยิ้มจากการดื่มสุราจำนวนมาก จับไหล่ทั้งสองข้างของเธอดันไว้กับกำแพง ก่อนจะกล่าวต่อ “เต้นรำสนุกมั้ย…ก็คงสนุกแหละ ทั้งคู่หมั้นทั้งเจ้าชาย น่าจะเป็นคืนที่น่าจดจำสำหรับเจ้า” ก่อนจะแค่นหัวเราะเบาๆ นึกถึงการกระทำของเธอในคืนนั้นที่โรงเตี๊ยมนอกเมือง ทำให้เขาคิดว่าเธอยังมีความรู้สึกให้เขาอยู่ แต่การที่ได้เห็นเธอใกล้ชิดกับชายอื่น ทำให้เขาไม่แน่ใจว่าเขากำลังเข้าข้างตนเองอยู่รึเปล่า

“พูดอะไรกันคะ ข้าก็แค่เต้นรำกับคนที่ให้เกียรติมาขอข้าเท่านั้น ทีท่านยังพูดคุยหยอกล้อกับท่านหญิงตระกูลลูเซีย เธองดงามขนาดนั้นก็คงมีความสุขน่าดูนะคะ” เฮเลน่าพูดตอบอย่างประชดประชัน

“ให้ตายเถอะ เฮเลน่า เจ้าจะปั่นหัวข้าไปถึงเมื่อไหร่” ไรเซลยื่นหน้าเข้าไปใกล้ เธอได้กลิ่นเหล้าคละคลุ้งจากตัวเขา

“ปั่นหัวอะไรกันคะ ข้าแค่เต้นรำกับคู่หมั้นของข้า ท่านพี่รอยซ์เขา…อุ๊บ…”

คำพูดของหญิงสาวถูกหยุดด้วยริมฝีปากของชายหนุ่ม เฮเลน่าเบิกตากว้าง แม้จะตกใจแต่ก็ไม่ได้ผลักออก ไรเซลเห็นดังนั้น จึงสานต่อการกระทำ เขาสอดลิ้นเข้าไปในปากของเธอและจูบเธออย่างดูดดื่ม ขณะที่มือใหญ่ทั้งสองเปลี่ยนจากการจับยึดหัวไหล่เป็นโอบรั้งเอวของเธอให้เข้ามาแนบชิดร่างกาย

เวลาผ่านไปเกือบนาที ชายหนุ่มถึงคลายริมฝีปากออก เฮเลน่าหอบแฮ่กๆ ด้วยใบหน้าแดงกล่ำ ไรเซลเหมือนจะได้สติ มือใหญ่ค่อยๆ คลายมือออกจากเอวของหญิงสาว

“ขอโทษด้วย เฮเลน่า ข้าไม่ได้ตั้งใจ” ไรเซลกัดฟันแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด 

“มะ…ไม่เป็นไรค่ะ ข้าไม่ได้รังเกียจอะไร” เฮเลน่าก้มหน้างุด พูดเสียงเบาด้วยความเขินอาย

คำพูดของหญิงสาวแทบจะทำให้เขาข่มอารมณ์ไม่อยู่ อยากจะมอบจุมพิตดูดดื่มให้เธออีกครั้ง แต่ต้องตัดใจ ขณะนี้เธอมีคู่หมั้นแล้วและเขาไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะทำแบบนั้นได้ 

“กลับเข้าไปด้านในกันเถอะ” ไรเซลปรับสีหน้าเป็นเรียบเฉย ก่อนจูงมือหญิงสาวที่ใบหน้ายังคงแดงอยู่เดินเข้าไปส่งให้กับบิดาและพี่ชายของเธอ ก่อนที่ชายหนุ่มจะกล่าวทักทายและขอตัวกลับ …