สงครามระหว่างสัตว์โบราณ เมื่ออดีตกาล การต่อสู้เพื่อทำลาย และ การต่อสู้เพื่อปกป้อง จุดจบสงครามด้วยการสละชีวิตของมังกรหิมะ เพื่อแช่แข็งวิหคเพลิงไปตลอดกาล

วิหคเพลิงผนึกใจ - บทที่ 18 เซร่าและเลออน โดย malisam @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,รัก,ชาย-หญิง,ยุคกลาง,ตะวันตก,แฟนตาซี,โรแมนติกแฟนตาซี,ฟีนิกซ์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วิหคเพลิงผนึกใจ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,รัก,ชาย-หญิง,ยุคกลาง,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,โรแมนติกแฟนตาซี,ฟีนิกซ์

รายละเอียด

วิหคเพลิงผนึกใจ โดย malisam @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

สงครามระหว่างสัตว์โบราณ เมื่ออดีตกาล การต่อสู้เพื่อทำลาย และ การต่อสู้เพื่อปกป้อง จุดจบสงครามด้วยการสละชีวิตของมังกรหิมะ เพื่อแช่แข็งวิหคเพลิงไปตลอดกาล

ผู้แต่ง

malisam

เรื่องย่อ


อาณาจักรคาร์เทียร์ ได้ถูกก่อตั้งเมื่อ 400 ปีก่อน ตระกูลคาร์เทียร์ได้รวบรวมอาณาจักรขึ้นด้วยการทำสงครามกับอาณาจักรข้างเคียงโดยมีมังกรเพลิงนามว่า ดรากัส ร่วมต่อสู้และปกป้องผู้คนในอาณาจักร มังกรดรากัส นั้นมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ปีกมังกรยามสะบัดก่อให้เกิดลมแรงราวกับพายุ เกล็ดผิวหนังแข็งราวกับเหล็ก ไม่ว่าอาวุธใดแทบไม่สามารถทะลุผ่านได้ และลมหายใจเพลิงมีพลังทำลายล้าง ได้เกือบครึ่งเมืองต่อการพ่นลมหายใจหนึ่งครั้ง ทำให้การต่อสู้เพื่อรวบรวมอาณาจักรเป็นไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

ผู้นำตระกูลคาร์เทียร์ขณะนั้นคล้ายว่าสามารถสื่อสารเข้าถึงจิตใจของมังกร จึงสามารถควบคุมดรากัสให้เข้าร่วมต่อสู้อยู่เคียงข้าง จนสามารถปราบข้าศึกของอาณาจักรข้างเคียงได้สำเร็จและสถาปนาขึ้นเป็นราชาของอาณาจักร โดยมีมังกรเป็นสัตว์ประจำราชวงศ์ ผู้คนในอาณาจักรต่างชื่นชมและยอมรับราชวงศ์คาร์เทียร์ให้เป็นผู้ปกครองอาณาจักร หลังจากเสร็จศึกสงคราม มังกรดรากัสก็เข้าสู่ภาวะจำศีลโดยหลบซ่อนตัวในถ้ำบริเวณหุบเขาทางตอนใต้   

 

 เมืองฟลอเรนเซีย ถูกปกครองโดยตระกูลเอเลนอร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ทางตอนเหนือของอาณาจักรคาร์เทียร์ ถือว่าเป็นเมืองสำคัญของอาณาจักร เนื่องจากฟลอเรนเซียเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ ส่งผลให้มีความสามารถเรื่องการทำกสิกรรม รวมทั้งยังตั้งอยู่ใกล้กับเมืองท่าหลายแห่ง ทำให้เป็นจุดศูนย์กลางในการค้าขาย ถือได้ว่าเป็นตระกูลมั่งคั่งลำดับต้นๆ ของอาณาจักร ในอดีตมีเรื่องเล่าที่ว่า สมบัติประจำตระกูล เป็นอัญมณีสีแดงประกายแวววาว ภายในนั้นบรรจุผลึกเวทย์มนตร์ของวิหคเพลิง ซึ่งเป็นเวทย์มนตร์ที่มีพลังเผาผลาญทำลายล้างสูงไม่ด้อยไปกว่ามังกร อีกทั้งยังมีพลังเยียวยาฟื้นคืนชีวิต และมีเพียงสายเลือดของบุตรีตระกูลเอเลนอร์เท่านั้นที่สามารถเรียกพลังจากอัญมณีได้ เอกลักษณ์ของสายเลือดผู้ปลุกพลังนั้นจะมีเส้นผมและดวงตาสีแดงเข้ม อย่างไรก็ดี เนื่องจากพลังเวทย์มนตร์ที่ว่านั้นยิ่งใหญ่ ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องการครอบครอง ชนชั้นสูงต่างๆ ของอาณาจักร แม้แต่เหล่าเชื้อพระวงศ์ หวังจะครอบครอง เซร่า เอเลนอร์ ผู้นำตระกูล ณ ขณะนั้น จึงนำไปเก็บซ่อนไว้ ปัจจุบันไม่มีผู้ใดทราบว่าถูกเก็บอยู่ที่ใด วันเวลาผ่านไปเกือบหลายร้อยปีผู้คนต่างก็ลืมเลือนไปไม่มีผู้ใดพูดถึง



       สวัสดีนักอ่านทุกท่านนะคะ เรื่องวิหคเพลิงผนึกใจ เป็นนิยายรักโรแมนติกแฟนตาซี ที่เล่าถึงเรื่องราวความรักของชายหนุ่มตระกูลอัศวินและหญิงสาวตระกูลพ่อค้าซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับสัตว์โบราณในอดีตกาล

        นิยายเรื่องนี้ถูกแต่งโดยจินตนาการของนักเขียน หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ นักอ่านสามารถแสดงความคิดเห็น ติชม และกดติดตามเพื่อแจ้งเตือนตอนใหม่ และกดถูกใจเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะคะ :)


สารบัญ

วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 1 บุรุษผู้ฝึกสอน,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 2 ของขวัญวันเกิด,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 3 ตัดใจ,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 4 สงครามเพลิง,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 5 จบสงคราม,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 6 คณะพ่อค้า,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 7 มังกรดรากัส,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 8 งานเทศกาล,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 9 ลักพาตัว,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 10 ช่วยเหลือ,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 11 สอบสวน,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 12 เยี่ยมเยียน,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 13 อดีตของไรเซล,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 14 งานเลี้ยงเต้นรำ,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 15 เซร่า เอเลนอร์,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 16 ดูดาว,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 17 แผลเก่า,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 18 เซร่าและเลออน,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 19 จับกุมตัว,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 20 จับกุมตัว (2),วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 21 หลบหนี

เนื้อหา

บทที่ 18 เซร่าและเลออน


เลออน บุรุษหนุ่มหล่อร่างสูง อาชีพหมอทหารและนักเดินทาง เขาเป็นบุตรชายคนกลางของเจ้าเมืองชนบทเล็กๆ ทางตอนใต้ของอาณาจักร เมื่อวัยเยาว์ได้ถูกส่งมาร่ำเรียนที่เมืองหลวงเพื่อเป็นทหารอัศวิน ตัวเขานั้นสนใจเกี่ยวกับศาสตร์การแพทย์และเริ่มศึกษาอย่างจริงจัง แค่เพียงไม่นานก็ได้ถูกส่งไปประจำการที่ชายแดนเพื่อทำหน้าที่รักษาผู้ป่วยจากสงคราม ซึ่งการที่ได้อาศัยอยู่เขตชายแดนนั้น ทำให้เด็กหนุ่มได้เจอะเจอกับผู้คนต่างถิ่นมากมาย เลออนเหมือนถูกเปิดโลก

ชายหนุ่มในวัย 25 ปี จึงตัดสินใจลาออกจากการเป็นหมอทหารและเริ่มออกเดินทางไกลเพื่อทำการศึกษาวิจัยศาสตร์การแพทย์ในดินแดนอื่นๆ เป็นเวลาเกือบเจ็ดปี จนกระทั่งได้กลับมาที่อาณาจักรคาร์เทียร์อีกครั้งและได้มีโอกาสเดินทางมาที่เมืองฟลอเรนเซียที่ดูค่อนข้างเจริญ เขาจึงตัดสินใจหยุดพักที่นี่ ก่อนจะสมัครเข้าเป็นหมอในสถานพยาบาล เพื่อหาทุนในการเดินทางครั้งต่อไป …


เลออนและเซร่าพบกันครั้งแรกเมื่อ 5 ปีก่อนในเหตุการณ์ไฟไหม้ที่โรงเตี๊ยมเล็กๆ ในตัวเมืองฟลอเรนเซีย เนื่องจากอาคารนั้นก่อสร้างจากไม้ จึงทำให้เปลวไฟนั้นลุกลามได้ดี

“ช่วยด้วย แม่ของข้า ติดอยู่ในนั้น” หญิงสาวคนหนึ่งตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ

ด้วยสัญชาตญานการเป็นหมอทหารของเลออน ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเข้าไปยุ่ง ชายหนุ่มหยิบผ้าชุบน้ำและเชือกจำนวนหนึ่ง ก้าวเดินเข้าไปในอาคาร พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อค้นหา ก่อนจะพบหญิงชราคนหนึ่งนอนสลบอยู่ เลออนไม่รอช้ารีบตรงเข้าไปช่วยเหลือทันที เขาใช้เชือกมัดร่างของหญิงชราไว้บนหลังของเขา พลางก้มตัวลงต่ำเพื่อหลบเลี่ยงควันไฟ สายตากำลังมองหาทางออก ก่อนที่ดวงตาคมจะเบิกกว้าง เพราะเหมือนจะได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดของคานไม้ติดไฟด้านบนที่ดูเหมือนว่ากำลังจะร่วงลงมา

จู่ๆ ก็มีหญิงสาวชุดดำวิ่งมาโอบกอดตัวเขาและผลักให้หลบจากคานไม้ด้วยความรวดเร็ว ชายหนุ่มเกือบจะล้มลง ก่อนจะเริ่มทรงตัวได้ เขาลุกขึ้นและหันไปมอง สังเกตเห็นหญิงสาวคนนั้นยืนอยู่ท่ามกลางกองไฟ ร่างบางกำลังยกแผ่นไม้ติดไฟที่กีดกวางทางเดินออกเพื่อเปิดเส้นทางเดินที่ปลอดภัยให้เขา เลออนยืนอึ้งอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะคิดได้ว่าต้องรีบพาหญิงชราออกไปรักษา “ขอบคุณมาก” ชายหนุ่มกล่าวเบาๆ ก่อนรีบวิ่งไปตามทางที่เธอสร้างไว้ให้

หลังจากที่เขาตรวจดูอาการของหญิงชราที่สลบไปจากการสำลักควันไฟและแจ้งวิธีการรักษาให้กับลูกสาวของเธอแล้ว ชายหนุ่มก็รีบลุกขึ้นกวาดสายตามองหาหญิงสาวชุดดำ ก่อนจะเห็นหลังไวไวของเธอวิ่งหายไปที่ทางออกด้านหลังโรงเตี๊ยม เขาจึงรีบวิ่งตามไปแต่เหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว

จากนั้นไม่นาน เลออนยังได้พบหญิงสาวชุดดำโดยบังเอิญในเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายอย่างการต่อยตีกันของพวกนักเลงหัวไม้ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและโดนลูกหลงจำนวนมาก เขาในฐานะหมอจากสถานพยาบาล หลังจากที่ได้ตรวจดูอาการพบว่ามีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขนาดที่ว่าไม่น่าจะรอดชีวิต แต่อยู่ๆ ก็กลับหายดีและไม่พบบาดแผลใด เหตุการณ์น่าประหลาดใจแบบนี้ยังเกิดขึ้นอีกหลายต่อหลายครั้งจนเขาเริ่มสงสัยบางอย่าง

จนกระทั่งวันหนึ่งในเขตชานเมืองเกิดพายุค่อนข้างรุนแรง ต้นไม้สูงใหญ่จำนวนหลายต้นล้มลงทับบ้านเรือนและมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ทำให้สถานพยาบาลในวันนั้นเต็มไปด้วยผู้ป่วย ตั้งแต่ผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยไปจนถึงบาดเจ็บสาหัส และในคืนนั้นหลังจากที่ชายหนุ่มได้เดินตรวจดูคนไข้เสร็จ เขาเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ ร่างสูงเดินเข้าไปแอบซ่อนตัวไม่ไกลจากห้องผู้ป่วยอาการสาหัส เพื่อดักรอหญิงสาวชุดดำปริศนา เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเธอต้องมา

‘ตึก ตึก’ เสียงฝีเท้าเบาๆ ของหญิงสาวชุดดำดังขึ้น ก่อนจะค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปในห้องตามที่เขาคิดไว้ และใช้เวลาเพียงไม่นานประตูก็ได้เปิดออกอีกครั้ง

‘ปั๊ก’ หญิงสาวชุดดำที่กำลังเดินกึ่งวิ่งออกมา ชนเขากับหมอหนุ่มที่กำลังยืนอมยิ้มและมองมาที่เธอ

“ท่านวีรสตรีปริศนา วันนี้ได้เจอกันอีกแล้วนะครับ” เลออนกล่าวก่อนจะรีบคว้าตัวเธอไว้ เพราะหญิงสาวกำลังจะหันหลังวิ่งออกไป เขาใช้มือข้างหนึ่งรวบข้อมือทั้งสองข้างของเธอไว้แน่น ก่อนจะใช้มืออีกข้างค่อยๆ ดึงผ้าปิดหน้าของเธอออก ใบหน้างามที่ดูอ่อนเยาว์เหมือนเด็กอายุสิบแปดปรากฏขึ้น ทั้งสองจ้องมองสบตากันอยู่สักครู่ ก่อนที่หญิงสาวจะพยายามดิ้นตัวออกจากการจับกุม

“เอาล่ะๆ ข้าไม่ได้จะทำอะไร แค่อยากจะคุยด้วยสักนิดได้หรือไม่” เลออนค่อยๆ ปล่อยมือจากเธอ

หญิงสาวคิดสักครู่หนึ่ง เธอรู้สึกได้ว่าชายหนุ่มนั้นน่าจะไม่รู้จักเธอ จึงกล่าวตอบ “ก็ได้ ท่านมีอะไรก็ว่ามาเลย”

“ท่านคือคนที่คอยรักษาผู้ป่วยอาการหนักที่ไม่มีทางรักษาใช่หรือไม่ ทั้งเหตุการณ์วุ่นวายก่อนหน้านี้ รวมถึงที่แอบเข้าไปในห้องคนไข้เมื่อครู่ ท่านทำได้ยังไงน่ะ” หมอหนุ่มกล่าวพลางทำหน้าสงสัย

“ข้าจะไปทำได้อย่างไรล่ะ ท่านน่าจะคิดไปเองนะ” เซร่าไม่คิดว่าจะมีคนรู้ทันและถูกจับได้ เธอพูดออกไปโดยไม่สบตา ใบหน้างามกำลังเลิ่กลั่กเหมือนกับกำลังปิดบังอะไรอยู่ ทำเอาชายหนุ่มนึกเอ็นดู เขายิ้มออกมาเล็กน้อยคิดในใจ ‘น่ารักชะมัด’ ก่อนสายตาจะหันไปเห็นแขนเสื้อที่มีรอยฉีกขาดของหญิงสาวเผยให้เห็นบาดแผลค่อนข้างยาวมีเลือดซึมเล็กๆ คาดว่าน่าจะเป็นรอยข่วนจากกิ่งไม้ที่ได้รับจากการปีนป่ายเข้ามาที่นี่

“มาช่วยเหลือผู้อื่น แต่ตนเองกลับมีบาดแผล น่าโมโหจริงๆ” ชายหนุ่มพูดก่อนจูงมือหญิงสาวให้เดินไปด้วยกันที่ห้องพักของตน

“จะทำอะไรน่ะ” เซร่าจะดึงมือออก แต่มือใหญ่รั้งไว้ไม่ยอมปล่อย “จะพาท่านวีรสตรีไปทำแผลไงครับ” หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ ยอมเดินตามบุรุษตรงหน้าอย่างจำใจ

เซร่าเข้ามาอยู่ภายในห้องพักของชายหนุ่ม เธอสังเกตเห็นข้าวของต่างๆ ถูกจัดวางอย่างเรียบร้อย และยังได้กลิ่นหอมแปลกๆ ที่เธอไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน ที่โต๊ะทำงานมีตุ๊กตาไม้รูปร่างประหลาดวางอยู่ มีตะเกียงไฟทรงกลมที่ถูกฉลุอย่างสวยงาม ผ้าพรมผืนใหญ่ที่ถูกทอเป็นลวดลายอย่างปราณีต ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งของที่เธอไม่เคยพบเห็นมาก่อน ก่อนจะหันไปมองแผ่นหลังของชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังหยิบเครื่องไม้เครื่องมือปฐมพยาบาลอย่างคล่องแคล่วเพื่อมาทำแผลให้เธอ

“เอาล่ะ เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ท่านวีรสตรี ต้องคอยดูแลอย่าให้แผลโดนสิ่งสกปรกด้วยนะครับ” ชายหนุ่มปล่อยมือจากแขนของหญิงสาว ก่อนกล่าวต่ออย่างอารมณ์ดี “ข้านามว่าเลออนเป็นหมอของที่นี่ ท่านจะให้เกียรติบอกนามให้ทราบได้หรือไม่ครับ”

“ข้าชื่อเซ ระ..เอ่อ เซเลน่าน่ะ” หญิงสาวพูดตะกุกตะกัก เลออนเหมือนจะรู้ทันว่าเธอกำลังโกหก แต่ก็ยอมตามน้ำไป

“ครับ เซเลน่า ท่านยังดูเป็นเด็กสาวอยู่เลย ทำไมถึงได้ทำเรื่องน่าอันตรายตลอดเลยล่ะ”

“เด็กที่ไหนกัน ข้าอายุจะย่างสามสิบแล้วนะ” เซร่ารีบพูดออกมาอย่างโอ้อวด ที่จริงเลออนก็รู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกันเพราะจากที่เขาได้สังเกตเห็นเธอที่มักจะไปอยู่ในเหตุการณ์อันตรายที่ผ่านมา หญิงสาวดูใจเย็นและจัดการสิ่งต่างๆ ได้ดีราวกับเป็นผู้ใหญ่มากประสบการณ์ ทำให้เขาไม่นึกว่าภายใต้ผ้าปิดหน้าสีดำจะเป็นใบหน้าของเด็กสาวหน้าตาน่ารัก ที่แท้ก็เป็นหญิงสาวหน้าเด็กนี่เอง ชายหนุ่มคิดก่อนจะยิ้มออกมา

“อย่างนั้นเองเหรอ ต้องขอโทษด้วยครับ แล้วจะตอบคำถามข้าอีกข้อได้หรือไม่ ตอนเหตุการณ์ไฟไหม้ที่โรงเตี๊ยม ทำไมท่านถึงยืนอยู่กลางกองไฟได้โดยที่ไม่เป็นอะไรเลย”

“เอ่อ…ท่านน่าจะตาฝาดนะ อ้อ แล้วก็ตั้งแต่เข้ามาแล้ว ในห้องของท่านมีกลิ่นหอมแปลกๆ มันคืออะไรหรอ” เซร่ารีบกล่าวเปลี่ยนเรื่อง

เลออนหัวเราะเบาๆ ที่หญิงสาวไม่ยอมตอบ พลางเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปแบบนี้ เอาเถอะ…ในวันนี้เขาคงจะไม่ได้คำตอบจากเธอ คุยกันเรื่องอื่นก็ได้

“มันเรียกว่ากำยานน่ะ ข้าได้มันมาจากอาณาจักร…”

เลออนเล่าเรื่องราวการเดินทางของเขาให้เธอได้ฟัง เซร่ารับฟังอย่างสนใจ ตัวเธอก็เคยได้เรียนรู้เรื่องราวของอาณาจักรอื่นอยู่บ้าง แต่เขาที่ได้เดินทางไปประสบพบเจอด้วยตัวเอง ทำให้เธอยิ่งรู้สึกตื่นเต้นกับคำบอกเล่าของชายหนุ่ม ฝั่งเลออนเองก็ประทับใจในตัวเซร่ามากทีเดียว เธอค่อนข้างจะมีความรู้รอบตัวอยู่ไม่น้อย รับรู้ได้ทันทีว่าเธอนั้นได้รับการศึกษามาอย่างดี ทั้งคู่พูดคุยกันอย่างเพลิดเพลินจนลืมเวลา กว่าจะรู้สึกตัวอีกที เวลาก็ผ่านไปจนเกือบจะเช้า

“ขอโทษด้วยครับ เซเลน่า ที่ชวนคุยซะยืดยาว แล้วก็…ถ้าคืนนี้ท่านไม่ได้มีธุระอะไร กลับมาล้างแผลที่นี่อีกได้หรือไม่” เขาอยากจะพบและพูดคุยกับเธออีกจึงกล่าวชวนหญิงสาว พลางมองสบตาเธอด้วยแววตาเป็นประกายระยิบระยับ ทำเอาเซร่าต้องหลบสายตาและกล่าวตอบด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ “เอ่อ ข้าขอดูก่อนแล้วกันค่ะ ถ้าไม่ติดอะไรก็จะกลับมาให้ล้างแผล” ก่อนจะขอตัวกลับออกไป แน่นอนว่าเซร่าสามารถใช้พลังของอัญมณีรักษาบาดแผลให้ตนเองได้อยู่แล้ว แต่เธอกลับเลือกที่จะไม่ใช้มันและกลับมาให้หมอหนุ่มล้างแผลให้อีกครั้ง

เวลาผ่านไปไม่นาน ทั้งสองต่างมีความรู้สึกดีๆให้กัน เซร่าเปิดใจและยอมบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพลังของวิหคเพลิง เลออนรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย แต่รู้สึกเป็นห่วงเธอมากกว่า พลังยิ่งใหญ่ที่ว่านี้ หากมีผู้ใดล่วงรู้ก็อาจจะต้องการแย่งชิงหรือไม่ก็ทำลาย เขาจึงติดตามเธอไปทุกครั้งเวลาที่เธอออกตรวจตราในยามกลางคืน เพื่อคอยระแวดระวังให้หญิงสาวคนรักอยู่เสมอ …