สงครามระหว่างสัตว์โบราณ เมื่ออดีตกาล การต่อสู้เพื่อทำลาย และ การต่อสู้เพื่อปกป้อง จุดจบสงครามด้วยการสละชีวิตของมังกรหิมะ เพื่อแช่แข็งวิหคเพลิงไปตลอดกาล

วิหคเพลิงผนึกใจ - บทที่ 20 จับกุมตัว (2) โดย malisam @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,รัก,ชาย-หญิง,ยุคกลาง,ตะวันตก,แฟนตาซี,โรแมนติกแฟนตาซี,ฟีนิกซ์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วิหคเพลิงผนึกใจ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,รัก,ชาย-หญิง,ยุคกลาง,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,โรแมนติกแฟนตาซี,ฟีนิกซ์

รายละเอียด

สงครามระหว่างสัตว์โบราณ เมื่ออดีตกาล การต่อสู้เพื่อทำลาย และ การต่อสู้เพื่อปกป้อง จุดจบสงครามด้วยการสละชีวิตของมังกรหิมะ เพื่อแช่แข็งวิหคเพลิงไปตลอดกาล

ผู้แต่ง

malisam

เรื่องย่อ


อาณาจักรคาร์เทียร์ ได้ถูกก่อตั้งเมื่อ 400 ปีก่อน ตระกูลคาร์เทียร์ได้รวบรวมอาณาจักรขึ้นด้วยการทำสงครามกับอาณาจักรข้างเคียงโดยมีมังกรเพลิงนามว่า ดรากัส ร่วมต่อสู้และปกป้องผู้คนในอาณาจักร มังกรดรากัส นั้นมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ปีกมังกรยามสะบัดก่อให้เกิดลมแรงราวกับพายุ เกล็ดผิวหนังแข็งราวกับเหล็ก ไม่ว่าอาวุธใดแทบไม่สามารถทะลุผ่านได้ และลมหายใจเพลิงมีพลังทำลายล้าง ได้เกือบครึ่งเมืองต่อการพ่นลมหายใจหนึ่งครั้ง ทำให้การต่อสู้เพื่อรวบรวมอาณาจักรเป็นไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

ผู้นำตระกูลคาร์เทียร์ขณะนั้นคล้ายว่าสามารถสื่อสารเข้าถึงจิตใจของมังกร จึงสามารถควบคุมดรากัสให้เข้าร่วมต่อสู้อยู่เคียงข้าง จนสามารถปราบข้าศึกของอาณาจักรข้างเคียงได้สำเร็จและสถาปนาขึ้นเป็นราชาของอาณาจักร โดยมีมังกรเป็นสัตว์ประจำราชวงศ์ ผู้คนในอาณาจักรต่างชื่นชมและยอมรับราชวงศ์คาร์เทียร์ให้เป็นผู้ปกครองอาณาจักร หลังจากเสร็จศึกสงคราม มังกรดรากัสก็เข้าสู่ภาวะจำศีลโดยหลบซ่อนตัวในถ้ำบริเวณหุบเขาทางตอนใต้   

 

 เมืองฟลอเรนเซีย ถูกปกครองโดยตระกูลเอเลนอร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ทางตอนเหนือของอาณาจักรคาร์เทียร์ ถือว่าเป็นเมืองสำคัญของอาณาจักร เนื่องจากฟลอเรนเซียเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ ส่งผลให้มีความสามารถเรื่องการทำกสิกรรม รวมทั้งยังตั้งอยู่ใกล้กับเมืองท่าหลายแห่ง ทำให้เป็นจุดศูนย์กลางในการค้าขาย ถือได้ว่าเป็นตระกูลมั่งคั่งลำดับต้นๆ ของอาณาจักร ในอดีตมีเรื่องเล่าที่ว่า สมบัติประจำตระกูล เป็นอัญมณีสีแดงประกายแวววาว ภายในนั้นบรรจุผลึกเวทย์มนตร์ของวิหคเพลิง ซึ่งเป็นเวทย์มนตร์ที่มีพลังเผาผลาญทำลายล้างสูงไม่ด้อยไปกว่ามังกร อีกทั้งยังมีพลังเยียวยาฟื้นคืนชีวิต และมีเพียงสายเลือดของบุตรีตระกูลเอเลนอร์เท่านั้นที่สามารถเรียกพลังจากอัญมณีได้ เอกลักษณ์ของสายเลือดผู้ปลุกพลังนั้นจะมีเส้นผมและดวงตาสีแดงเข้ม อย่างไรก็ดี เนื่องจากพลังเวทย์มนตร์ที่ว่านั้นยิ่งใหญ่ ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องการครอบครอง ชนชั้นสูงต่างๆ ของอาณาจักร แม้แต่เหล่าเชื้อพระวงศ์ หวังจะครอบครอง เซร่า เอเลนอร์ ผู้นำตระกูล ณ ขณะนั้น จึงนำไปเก็บซ่อนไว้ ปัจจุบันไม่มีผู้ใดทราบว่าถูกเก็บอยู่ที่ใด วันเวลาผ่านไปเกือบหลายร้อยปีผู้คนต่างก็ลืมเลือนไปไม่มีผู้ใดพูดถึง



       สวัสดีนักอ่านทุกท่านนะคะ เรื่องวิหคเพลิงผนึกใจ เป็นนิยายรักโรแมนติกแฟนตาซี ที่เล่าถึงเรื่องราวความรักของชายหนุ่มตระกูลอัศวินและหญิงสาวตระกูลพ่อค้าซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับสัตว์โบราณในอดีตกาล

        นิยายเรื่องนี้ถูกแต่งโดยจินตนาการของนักเขียน หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ นักอ่านสามารถแสดงความคิดเห็น ติชม และกดติดตามเพื่อแจ้งเตือนตอนใหม่ และกดถูกใจเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะคะ :)


สารบัญ

วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 1 บุรุษผู้ฝึกสอน,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 2 ของขวัญวันเกิด,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 3 ตัดใจ,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 4 สงครามเพลิง,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 5 จบสงคราม,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 6 คณะพ่อค้า,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 7 มังกรดรากัส,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 8 งานเทศกาล,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 9 ลักพาตัว,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 10 ช่วยเหลือ,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 11 สอบสวน,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 12 เยี่ยมเยียน,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 13 อดีตของไรเซล,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 14 งานเลี้ยงเต้นรำ,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 15 เซร่า เอเลนอร์,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 16 ดูดาว,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 17 แผลเก่า,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 18 เซร่าและเลออน,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 19 จับกุมตัว,วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 20 จับกุมตัว (2),วิหคเพลิงผนึกใจ-บทที่ 21 หลบหนี

เนื้อหา

บทที่ 20 จับกุมตัว (2)


เมื่อวันก่อน ณ ห้องประชุม ภายในพระราชวัง

“พลังของนางอันตรายเกินไปพะยะค่ะ หากนางสามารถกำจัดมังกรดรากัสได้ขึ้นมา ราชวงศ์คาร์เทียร์จะสูญเสียความมั่นคงและความน่าเชื่อถือไปอย่างใหญ่หลวงเลยนะพะยะค่ะ” ผู้นำตระกูลไรเนอร์กล่าวเสียงดัง ท่ามกลางผู้นำตระกูลอีกจำนวน 5 คน โดยมีราชาเฮ็นรี่ประทับอยู่ฝั่งหัวโต๊ะประชุม

“แต่ที่พวกเรารอดมาได้ก็เพราะพลังของนางไม่ใช่หรอ ถ้าหากเราใช้ความสามารถนั้นให้เกิดประโยชน์ต่ออาณาจักรเหมือนกับมังกรดรากัส อาณาจักรคาร์เทียร์เองก็จะยิ่งแข็งแกร่งนะพะยะค่ะ” ผู้นำตระกูลคาซัสกล่าวขัด จริงๆ แล้วเขาไม่ได้อยากจะเข้าข้างหรือปกป้องตระกูลเอเลนอร์นักหรอก เขาแค่ไม่กินเส้นกับผู้นำตระกูลไรเนอร์ก็เท่านั้น

ราชาเฮ็นรี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนกล่าวถาม

“พวกเจ้าคิดว่าเซร่า เอเลนอร์มีพลังอะไรและใช้พลังได้อย่างไร” 

“จากที่กระหม่อมสังเกตเห็น เหมือนว่าจะสามารถสร้างเปลวไฟและต้านทานมันได้ แล้วก็ดูเหมือนว่าจะฟื้นฟูร่างกายตนเองได้ด้วยพะยะค่ะ” ผู้นำตระกูลอารอนกล่าวขึ้น

“และข้าเห็นเหมือนนางใช้ของเหลวบางอย่างในขวดแก้วเล็กๆ หยดใส่ร่างกายข้าเพื่อรักษาบาดแผล พวกเจ้าคิดว่ามันคืออะไร” ราชาเฮ็นรี่ถามต่อ เหล่าผู้นำตระกูลต่างกำลังครุ่นคิดกัน ก่อนที่ผู้นำตระกูลคานเดลที่นั่งเงียบอยู่นานจะกล่าวขึ้น

“มันคือน้ำตาพะยะค่ะ” 

“เจ้ารู้ได้อย่างไร” คำถามของราชาเฮ็นรี่เหมือนเป็นตัวแทนความรู้สึกของทุกคนในที่ประชุม

ผู้นำตระกูลคานเดล นิ่งไปสักครู่ก่อนจะกล่าว

“สิ่งที่กระหม่อมจะเล่าต่อไปนี้ เป็นแค่นิทานที่เคยได้รับฟังในสมัยเด็กเท่านั้นพะยะค่ะ”

อาเธอร์ ผู้นำตระกูลคานเดลนั้น มีศักดิ์เป็นอา-หลานกับโนอาห์ อดีตผู้นำตระกูลเอเลนอร์ ซึ่งก็คือท่านตาของเซร่า ในสมัยที่เขายังเด็กมักจะตัวติดกับท่านอาของเขาเสมอ หลังจากที่ โนอาห์ คานเดล ได้สมรสและเข้าไปเป็นผู้นำตระกูลเอเลนอร์ เขาก็มักจะมาเยี่ยมเยือนท่านอาของเขาที่คฤหาสน์ตระกูลเอเลนอร์อยู่บ่อยๆ ทำให้เขาสนิทสนมกับเซเรีย มารดาของเซร่าอยู่ไม่น้อย และมีโอกาสได้ฟังเรื่องเล่าของบรรพบุรุษตระกูลเอเลนอร์ที่สืบทอดกันมา เขาเคยคิดว่ามันเป็นแค่เพียงนิทานก่อนนอน ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้จริงๆ …

หลังจากที่ทุกคนในที่ประชุมได้รับฟังนิทานจากอาเธอร์แล้ว เหมือนจะกำลังพยายามเกี่ยวโยงกับเหตุการณ์ในวันนั้น

“ถ้าอย่างนั้นแปลว่าพลังของเซร่า เอเลนอร์ นั้นเกิดจากอัญมณีที่ผนึกเสี้ยววิญญาณของสัตว์วิเศษอยู่ นางจึงสามารถยืมพลังจากมันออกมาใช้อย่างนั้นรึ” ราชาเฮ็นรี่พยายามปะติดปะต่อเรื่องราว “และที่มังกรดรากัสลุกขึ้นมาต่อสู้ เพราะน่าจะสัมผัสได้ถึงศัตรูเก่างั้นสินะ”

“ถ้าอย่างนั้นแค่ยึดอัญมณีนั่นมา นางก็ไม่สามารถใช้พลังได้แล้วสินะพะยะค่ะ” ผู้นำตระกูลอารอนแสดงความคิดเห็น

“ข้าว่าหลังจากยึดอัญมณีมา เพื่อป้องกันความเสี่ยง ควรส่งนางไปขังไว้ในถ้ำมังกรเลยจะดีกว่า” ผู้นำตระกูลไรเนอร์กล่าวเสนอ ก่อนหันไปกล่าวกับราชาเฮ็นรี่ว่า “น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดต่อราชวงศ์แล้วนะพะยะค่ะ เพราะว่าในตอนนี้ไม่มีเหล่าเชื้อพระวงศ์ที่จะสื่อถึงจิตใจของมังกรดรากัสได้ หากพลังวิเศษของนางรู้ไปถึงหูประชาชน อาจจะทำให้ราชบัลลังก์สั่นคลอนนะพะยะค่ะ” พระราชาพยักหน้าเบาๆ อย่างคล้อยตาม

ผู้นำตระกูลคานเดลมีสีหน้าไม่สบายใจ ก่อนกล่าว “แต่ว่าต้องทำกันถึงขนาดนั้นเลยรึ เซร่าก็เป็นหนึ่งในผู้นำตระกูลใหญ่และค่อนข้างที่จะมีอำนาจอยู่ไม่น้อย ท่านจะหาเหตุอันใดไปจับกุมนาง”

“ท่านอาเธอร์ อย่าให้ความสัมพันธ์เครือญาติห่างๆ ของท่าน มาทำให้ราชวงศ์คาร์เทียร์ต้องเกิดความเสี่ยงจะดีกว่า ถึงจะกำจัดนางไป ตระกูลเอเลนอร์ก็ยังมีบุตรสาวอยู่อีกคน ไม่ถึงกับทำให้ตระกูลต้องล่มสลายหรอกน่า” ผู้นำตระกูลไรเนอร์ยังคงกล่าวต่อ “ท่านก็ช่วยหาข้อหาดีดีไปจับกุมนางซะ และรีบยึดอัญมณีนั่นมาก่อนที่นางจะรู้ตัวล่ะ”

เหมือนที่ประชุมจะได้ข้อสรุปดังนั้น อาเธอร์ ผู้นำของเหล่าทหารอัศวินจึงต้องรับเรื่องมาอย่างลำบากใจ …


ปัจจุบัน ณ บริเวณหน้าคฤหาสน์ตระกูลเอเลนอร์

หัวหน้ากองกำลังอัศวิน แม้จะยังละอายใจอยู่แต่จำเป็นต้องสั่งการเหล่าทหาร

“จับกุมตัวเซร่า เอเลนอร์ไว้ ค้นหาเครื่องประดับที่มีอัญมณีสีแดงในตัวของเธอและยึดมา”

เซร่าที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ถูกจับยึดโดยอัศวินหญิงสองคนและอีกหนึ่งคนกำลังค้นหาของตามเสื้อผ้าและร่างกายของเธอ ก่อนจะพบกำไลเงินประดับอัญมณีสีแดงอยู่ในกระเป๋าเสื้อ และหันไปส่งมอบให้กับหัวหน้าอัศวิน

อัศวินหนุ่มหลังจากได้เห็นกำไลเงินก็นึกได้ทันที ‘ใช่แล้ว เหมือนจะเห็นนางสวมใส่เครื่องประดับชิ้นนี้ในเหตุการณ์วันนั้น’ ก่อนจะนำมันใส่ลงในถุงผ้าและส่งให้ทหารม้าเร็วนำไปมอบให้ผู้นำตระกูลคานเดล

เซร่ามีสีหน้ากังวลอย่างชัดเจน เธอไม่คิดว่าจะมีคนรู้ว่าต้นตอของพลังจะมาจากอัญมณี ถ้าอัญมณีถูกยึดไป แผนที่เธอวางไว้ก็เหมือนจะพังไปหมด 

ก่อนหน้าที่เธอจะออกมาจากคฤหาสน์ เธอเข้าไปในห้องทำงานของตนและได้ส่งจดหมายด่วนไปถึงคนของเธอในพื้นที่ต่างๆ ให้วางกับดักดินปืนในเส้นทางการเดินทางเข้า-ออกเมืองฟลอเรนเซีย เกือบทุกเส้นทางที่จะเป็นไปได้ เพราะเธอไม่รู้ว่าจะถูกคุมตัวไปที่ใด โดยสั่งให้ปิดกั้นเส้นทางจนกว่าขบวนทหารอัศวินที่หน้าคฤหาสน์จะเดินทางไปถึง แต่หากไม่มีอัญมณี เธอคงไม่มีโอกาสรอดชีวิตไปได้ ตอนนี้ได้แต่หวังว่าบุคคลที่เธอได้ส่งจดหมายไปหาคนสุดท้าย จะหาทางมาช่วยเหลือก่อนที่เธอจะไปถึงกับดัก

เซร่าถูกจับขังในคุกเคลื่อนที่ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กที่เชื่อมต่อกับรถม้า ทั้งมือและเท้าของหญิงสาวถูกยึดด้วยโซ่ตรวนโลหะ เธอสังเกตไปรอบๆ เห็นถังน้ำขนาดใหญ่วางอยู่ด้วย ก่อนจะถาม “นี่ พวกเจ้าเอาถังน้ำนี่มาทำไม” ทหารยศเล็กคนหนึ่งกล่าวตอบ “เห็นว่าท่านสร้างเปลวไฟได้ จึงนำมาเพื่อใช้ดับไฟ”

เซร่าคิดในใจ เตรียมตัวกันมาดีมากจริงๆ พวกเขาได้ข้อมูลพวกนี้มาจากไหนกัน และเหตุใดถึงรู้ว่าพลังของเธอนั้นมาจากอัญมณีสีแดง

“พวกเจ้ารู้ข้อมูลเรื่องอัญมณีสีแดงมาจากที่ไหนหรือ” เซร่าถามต่อ

“ท่านอาเธอร์เหมือนจะทราบเรื่องเล่าของบรรพบุรุษตระกูลเอเลนอร์” ทหารหนุ่มคนเดิมตอบ ก่อนที่หัวหน้าอัศวินจะหันมาดุลูกน้องของตน “อย่าไปพูดคุยกับนาง”

เซร่าแค่นหัวเราะเบาๆ คิดในใจ ‘ท่านลุงอาเธอร์นี่เอง ยังไงราชวงศ์ก็ต้องสำคัญกว่าญาติห่างๆ อย่างเธอสินะ หากท่านแม่ของเธอรู้เข้าจะผิดหวังในตัวเขาแค่ไหนกัน’

เซร่าสูดลมหายใจเข้าลึก เพื่อเตรียมใจหากต้องเผชิญกับความตาย ภาพใบหน้าของมารดาและน้องสาวของเธอเหมือนจะลอยขึ้นมา ตามมาด้วยใบหน้าของชายหนุ่มคนรัก ก่อนจะนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าก่อนที่เธอจะออกมาจากห้องของเขา

… ร่างบางที่นอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง พลางหยิบเสื้อผ้าของตนจะนำมาสวมใส่

“ข้าจะแต่งตัวให้เจ้าเอง” หมอหนุ่มขันอาสารีบเข้ามาหยิบเสื้อผ้าอาภรณ์ของเธอ ดวงตาคมพยายามมองหาด้านหน้าด้านหลังของเสื้อเชิ๊ตเพื่อจะสวมใส่ให้หญิงสาว เซร่ามีสีหน้างงเล็กน้อย ก่อนจะอมยิ้มกับท่าทางเก้ๆ กังๆ ของเขาและกล่าวหยอกล้อ 

“ท่านหมอไม่เคยสวมเสื้อผ้าให้คนไข้หรอคะ”

“นั่นเป็นหน้าที่ของพยาบาล…แล้วข้าก็ถนัดแต่ตอนถอดมากกว่าตอนสวมใส่น่ะ” เขาพูดพลางทำสีหน้ากรุ้มกริ่มใส่เธอ

เซร่าหัวเราะเบาๆ มองดูเขาบรรจงใส่เสื้อผ้าให้เธอ รวมทั้งถุงเท้าและรองเท้า ก่อนที่มือใหญ่จะรีบสอดสิ่งของบางอย่างไว้ในถุงเท้าของเธอ

“ท่านสอดอะไรไว้ในนั้นน่ะ” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย

“มีดสั้นน่ะ ให้เจ้าพกเอาไว้ใช้เป็นอาวุธลับฉุกเฉิน” เซร่าพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจและไม่ได้หยิบมันออกมาดู …

เซร่าที่นึกได้ดังนั้น จึงพยายามเอื้อมมือล้วงไปในถุงเท้าของเธออย่างยากเย็น เพราะถูกพันธนาการที่ข้อมือและข้อเท้าไว้ ถึงแม้ว่ามีดสั้นนั่นจะไม่สามารถตัดโซ่ตรวนบนร่างกายเธอได้ แต่มันก็เป็นของแทนใจของบุรุษที่เธอรัก

กริชทองเหลืองขนาดเท่าฝ่ามือ ที่ตรงกลางด้ามประดับด้วยอัญมณีสีแดงวิบวับปรากฏสู่สายตาเซร่า เธอรับรู้ได้ทันทีว่ามันคืออะไร ก่อนจะยิ้มกว้างออกมา คนรักของเธอนั้นเจ้าเล่ห์จริงๆ แต่กระนั้น สิ่งที่เขาทำกำลังจะช่วยชีวิตของเธอไว้ เซร่าคิดในใจ ‘ตอนนี้ข้าอยากจะเจอท่านชะมัดเลย เลออน’