ยมทูตหนุ่ม ที่กำลังจะได้ไปเกิด แต่เผลอทำผิดกฎของยมโลกอย่างร้ายแรง จึงต้องถูกส่งตัวลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อทำภารกิจบางอย่างให้สำเร็จ มิเช่นนั้นจะไม่ได้ไปเกิด
รัก,ชาย-หญิง,ไทย,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,อมายา,อดีตชาติ,ตามหาร่าง,รักเก่า,ยมทูต,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บทที่ ๑ ยามหนุ่ม
| ปัจจุบัน ณ ร้านขายดอกไม้ จังหวัดสระบุรี
“คุณคิมครับ นี่ก็ผ่านมาสองเดือนแล้วนะครับ ที่เราสองคนแทบไม่ได้นอนกันเลย ผมจะไม่ไหวแล้วนะครับ” ชานเอ่ยขึ้นด้วยความเหนื่อยล้าและอิดโรย
ชาน ยมทูตหนุ่มฝึกหัด ผู้มาพร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาโดดเด่น ดวงตาสีน้ำตาลอบอุ่น ผิวขาวสุขภาพ แถมยังใจดี มีเมตตาต่อคนอื่นเสมอ
แต่ทว่าความใจดี มีเมตตาของชาน ก็ได้ทำให้ชานนั้นต้องถูกลงโทษเสียจนได้
“ทำไงได้ล่ะชาน ก็เราทำผิดกฎนิ” คิมตอบอย่างใจเย็น เสียงเรียบนิ่งราวกับไม่ได้รู้สึกอะไรที่ต้องโดนลงโทษเช่นนี้
คิม หรือคิมหันต์ ยมทูตหนุ่มรูปงาม ใบหน้าได้รูปหล่อเหลา กรามคมชัดเด่น ดวงตาคมกริบน่าค้นหา จมูกโด่งเป็นสัน นิสัยส่วนตัวเป็นคนชอบพูด ชอบคุยกับทุกคน แต่โมโหง่าย อารมณ์ร้อน
ทว่าตั้งแต่ที่ถูกยมโลกลงโทษ คิมกลายเป็นคนเก็บตัวเงียบ ไม่สนใจ ไม่ค่อยพูดคุยกับคนแปลกหน้าเสียเท่าไร
จะมีก็แต่ชาน ที่คิมจะพูดเล่น หยอกล้ออยู่บ่อยครั้ง เพราะชานมักจะชอบกวนประสาทคิมอยู่เสมอ
“แล้วตอนนี้...คุณคิมเจอคนรักเก่าหรือยังล่ะครับ เราจะได้เกิดกันสักที”
“นี่ชาน...นายเห็นเราได้ทำอะไรบ้างหรือยัง”
“อ่าว แล้วทำไมคุณคิมไม่ทำล่ะครับ อยู่เฉย ๆ ทำไม”
“ชาน!” คิมหันไปจ้องเขม็งใส่ชานทันที
“ฮ่า ๆ ขอโทษครับผม”
หลังจากพูดกวนประสาทคิมได้ ชานก็ได้วิ่งหนีเข้าไปในร้านดอกไม้ทันที เพราะกลัวว่าถ้ายังคงยืนอยู่ต่อ คงต้องไปโรงพยาบาลเป็นแน่
ถึงแม้ว่าถูกส่งมาลงมาที่โลกมนุษย์ เพื่อช่วยเหล่าวิญญาณ แต่คิมและชานก็ต้องเปิดร้านขายดอกไม้ควบคู่ไปด้วย เพื่อที่ไม่เป็นที่จับตามองของเหล่ามนุษย์ แถมร้านดอกไม้ของคิมและชานต่างก็มีหญิงสาวหน้าตาดีวนไปเวียนมาอยู่เกือบตลอดเวลา เพราะหน้าตาอันหล่อเหลาทั้งคู่ดึงดูดลูกค้าได้ดีมาก
ทั้งสองมักจะใส่เสื้อเชิ้ตดำคู่กับกางเกงสแล็คสีดำ แถมยังสวมแว่นกันแดดสีดำอยู่ตลอด หลายคนอาจจะคิดว่าเพื่อความหล่อเท่ แต่ความเป็นจริงแล้วทั้งสองเพียงแค่ปกปิดขอบตาอันดำคล้ำเอาไว้เพียงเท่านั้น
เนื่องจากว่าทั้งสองคนต้องช่วยวิญญาณตามหาร่างที่หายไป จนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพราะการรับฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่วิญญาณเหล่านั้นจะเสียชีวิตไป
ต้องนั่งรอให้วิญญาณพร้อมเล่าเสียก่อน และกว่าที่วิญญาณเหล่านั้นจะทำใจยอมรับ และยอมเล่าเรื่องราวให้ฟัง เวลาก็เกือบจะรุ่งเช้าเสียแล้ว
เวลาราว ๆ สองทุ่ม เป็นเวลาที่ต้องปิดร้านขายดอกไม้ที่รับลูกคนปกติ แต่เปิดรับลูกค้าที่เป็นวิญญาณแทน
ทันทีที่ไฟของร้านขายดอกไม้ดับลง ก็วิญญาณของยามหนุ่มคนหนึ่งเปิดประตูเดินเข้ามาราวกับว่าตัวเองเป็นคนปกติ
ยามหนุ่มเดินเข้ามาภายในร้าน ก็เจอคิมและชานนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ยามหนุ่มเดินตรงเข้ามาหาทั้งสองคนด้วยท่าทีงุนงง ก่อนจะเอ่ยถามกับทั้งสองคนว่า
“เอ่อ...สวัสดีครับ ที่นี่ร้าน...” คิมเห็นท่างุนงงของยามหนุ่มคนนั้นจึงได้พูดแทรกออกไป
“ร้านดอกไม้น่ะครับ แต่ปิดแล้ว”
“อ่าวเหรอครับ งั้นผมกลับก่อนก็ได้ครับ”
“แล้วคุณไม่สงสัยบ้างเหรอ...ว่าทำไมอยู่ ๆ คุณถึงมาอยู่ที่นี่” ยามหนุ่มยืนครุ่นคิดกับคำพูดของคิมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้สึกสงสัยตามคำพูดของคิม
“นั่นสิครับ ผมจำได้ว่าเมื่อกี้นั่งคุยกับเพื่อนร่วมงานอยู่ แล้วเหมือนจะหลับไป แต่พอตื่นขึ้นมา ผมก็มายืนอยู่ที่...”
“คุณตายแล้วน่ะครับ ถึงได้มาอยู่ที่นี่” ทันทียามหนุ่มคนนั้นได้ยินคำพูดของคิม ยามหนุ่มกลับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน และยังร้องโวยวาย หาว่าคิมและชานนั้นหลอกตัวเอง คิมจึงแนะนำให้ยามหนุ่มกลับไปยังสถานที่สุดท้ายก่อนจะมาที่ร้านดอกไม้แห่งนี้
และเมื่อยามหนุ่มคนนั้นกลับไปตามที่คิมแนะนำ และได้ตะโกนเรียกเพื่อนของเขา แต่ก็ไม่มีใครตอบกลับ แถมบางคนยังเดินผ่านไป เหมือนไม่เห็นเขา แต่ยามหนุ่มก็ยังคงพยายามอย่างสุดชีวิต ทว่าสุดท้ายแล้วก็ไร้ประโยชน์
ในตอนนั้น เขาถึงได้รู้ว่าตัวเองเสียชีวิตไปแล้วอย่างที่คิมบอก ยามหนุ่มเดินเหม่อลอยกลับมาที่ร้านดอกไม้เช่นเดิม และเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ปานใจจะขาด
คิมและชานที่นั่งมองอยู่ข้าง ๆ ก็ไม่ได้พูดปลอบใจแต่อย่างใด แต่กลับปล่อยให้ยามหนุ่มคนนั้นได้นั่งร้องไห้ต่อใปจนพอใจ และทำใจยอมรับได้เองจะดีกว่า
เพราะตลอดที่ผ่านมาหนึ่งเดือน คิมและชานเคยพยายามปลอบใจวิญญาณเหล่านี้แล้ว แต่ไม่เป็นผลดีเสียเท่าไร
“ตามสบายเลยนะครับ พร้อมเล่าเมื่อไรบอกผมสองคนได้เลยนะครับ”
ในเวลาต่อมาหลังจากที่ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ที่ยามหนุ่มเอาแต่นั่งร้องไห้ พร้อมกับพูดพร่ำเพ้อว่าไม่เชื่อที่ตัวเองได้เสียชีวิตไปแล้ว จนได้เริ่มสงบลง และดูเหมือนว่าจะเริ่มตั้งสติและยอมรับได้
จากนั้นก็เงยหน้ามองคิมกับชานที่นั่งมองอยู่ตลอด
“คุณพร้อมแล้วใช่มั้ยครับ”
“ครับ”
“เชิญเล่าได้เลยครับ” ยามหนุ่มพยักหน้าตอบรับ และเริ่มเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเอง
“ผมชื่อ ‘บอล’ ครับ ผมเรียนจบแค่มัธยม เพราะที่บ้านไม่มีเงินส่งผมเรียนต่อ ผมเลยต้องออกมาหางานทำ ตอนแรกผมกะว่าจะหาเงินเรียนเอง แต่พ่อก็ดันป่วยต้องรีบผ่าตัดซะก่อน ผมเลยต้องทิ้งความฝันและต้องหาเงินมารักษาพ่อก่อน...”
เล่ามาถึงตรงนี้ยามหนุ่มหรือบอลเริ่มตาแดง คล้ายจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ชานที่เห็นแบบนั้นก็อดที่จะสงสารบอลไม่ได้ จึงได้เข้าไปปลอบใจบอล
“ไม่ต้องรีบนะครับ ใจเย็น ๆ”
“ครับ หลังจากที่พ่อเริ่มเข้าโรงพยาบาล ผมก็โดนที่ทำงานเก่าไล่ออก จนทำให้ผมได้มาเจอโรงแรมสรัลทมที่กำลังเปิดรับสมัครงานอยู่ ผมก็ได้เข้าไปสมัครงานที่นั่น ก็ได้เจอกับคุณสรัล เธอใจดีมาก พอเธอรู้เรื่องราวของพ่อผม เธอขอจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้พ่อผมทั้งหมด เธอยังบอกอีกว่าไม่ต้องรีบใช้คืน แค่ขอให้ผมดูแลพ่อให้ดีก็พอ”
จู่ ๆ คิมที่นั่งนิ่งเงียบมานานก็หลุดพูดแทรกขึ้นมาขณะที่บอลกำลังเล่าเรื่องราวอยู่ว่า
“สรัลทม...งั้นเหรอ?”
“ครับ โรงแรมสรัลทม คุณมีอะไรหรือเปล่าครับ”
“เล่าต่อเถอะครับ”
ทว่าถึงแม้คิมจะเอ่ยบอกให้บอลเล่าเรื่องราวต่อ แต่ภายในใจของคิมกลับรู้สึกอยากเจอเจ้าของโรงแรมที่บอลพูดถึง แถมใจยังเต้นแรงผิดปกติอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ได้ครับ ผมตั้งใจทำงานมาก เพื่อที่เอาเงินมาคืนคุณสรัลให้ไวที่สุด ผมทำงานมาได้ระยะหนึ่ง ก็มีผู้ชายสองคนเข้ามาสมัครตำแหน่งเดียวกับผม คุณสรัลก็รับไว้นะครับ เธอบอกว่าอยากให้คนมาเปลี่ยนกะกับผม ผมจะได้ไปดูแลพ่อ พนักงานใหม่สองคนที่เข้ามา เขาชอบหยิบใช้ของในโรงแรมโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตอยู่บ่อย ๆ น่ะครับ หนักสุดก็...ขโมยเงิน ผมเคยเตือนเขานะครับ แต่เขาไม่ฟัง ผมเลยเลิกยุ่งไปน่ะครับ เรื่องที่ผมพอจะจำได้ก็มีเพียงเท่านี้แหละครับ”
“ครับ เดี๋ยวให้ชานพาไปรอที่ห้องพักนะครับ ที่เหลือผมจะจัดการให้” คิมพูดกับบอลเสร็จ ก็หันไปหาชานที่ยืนมองอยู่พร้อมกับคาบน้ำตาที่อาบน้ำแก้มอยู่
“ชาน เลิกร้องไห้ก่อน พาคุณบอลไปรอที่ห้องพักได้แล้ว แล้วออกมาเจอกันที่หน้าร้านนะ” ชานรีบยกมือขึ้นมาปาดน้ำตา ก่อนจะเดินนำบอลไปที่ประตูหลังร้าน
เมื่อประตูถูกเปิดออก ก็มีแสงสว่างสีขาวบริสุทธิ์สาดส่องสว่างออกมาจากภายในห้อง ชานถอยหลังหลบ พร้อมกับผายมือเชิญให้บอลเดินเข้าไปในห้องนั้น
“เชิญครับคุณบอล” บอลก้าวขาไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ก่อนจะหยุดชะงักไปชั่วขณะ ไม่นานบอลก็หันหน้ามองชานด้วยสายตาขอร้องอ้อนวอน
“ผม...ฝากพ่อกับแม่ผมด้วยนะครับ”
“ไม่ต้องห่วงนะครับ คุณคิมไม่ทิ้งท่านทั้งสองคนแน่นอนครับ” บอลค่อย ๆ เผยรอยยิ้มดีใจออกมา ก่อนจะก้าวผ่านขอบประตูเข้าไป