ยมทูตหนุ่ม ที่กำลังจะได้ไปเกิด แต่เผลอทำผิดกฎของยมโลกอย่างร้ายแรง จึงต้องถูกส่งตัวลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อทำภารกิจบางอย่างให้สำเร็จ มิเช่นนั้นจะไม่ได้ไปเกิด

คิมหันต์ สรัลทม - บทที่ ๒ ยามหนุ่ม โดย อมายา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,ไทย,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,อมายา,อดีตชาติ,ตามหาร่าง,รักเก่า,ยมทูต,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

คิมหันต์ สรัลทม

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,ไทย,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

อมายา,อดีตชาติ,ตามหาร่าง,รักเก่า,ยมทูต

รายละเอียด

ยมทูตหนุ่ม ที่กำลังจะได้ไปเกิด แต่เผลอทำผิดกฎของยมโลกอย่างร้ายแรง จึงต้องถูกส่งตัวลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อทำภารกิจบางอย่างให้สำเร็จ มิเช่นนั้นจะไม่ได้ไปเกิด

ผู้แต่ง

อมายา

เรื่องย่อ

คิมหันต์ หรือ คิม ยมทูตหนุ่มหน้าหล่อ ที่กำลังจะได้ไปเกิดเป็นคนธรรมดา แต่เขาได้เผลอทำผิดร้ายแรง จนต้องถูกส่งตัวมาที่โลกมนุษย์ เพื่อทำภารกิจบางอย่างให้สำเร็จ ถึงจะได้ไปเกิดตามที่หวังเอาไว้ แต่กว่าทุกเรื่องจะผ่านไปได้ด้วยดี กลับไม่ง่ายอย่างที่คิดเอาไว้


คำเตือน

เนื้อเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องสมมุติขึ้นมาเท่านั้น สถานที่และตัวละครก็เช่นกัน

บางฉากบางตอนอาจมีเหตุการณ์รุนแรง และไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

สารบัญ

คิมหันต์ สรัลทม-บทนำ อารัมภบท,คิมหันต์ สรัลทม-บทที่ ๑ ยามหนุ่ม,คิมหันต์ สรัลทม-บทที่ ๒ ยามหนุ่ม,คิมหันต์ สรัลทม-บทที่ ๓ เจ้าสาวชุดแดง,คิมหันต์ สรัลทม-บทที่ ๔ เจ้าสาวชุดแดง,คิมหันต์ สรัลทม-บทที่ ๕ คุณยายชมพู,คิมหันต์ สรัลทม-บทที่ ๖ คุณยายชมพู,คิมหันต์ สรัลทม-บทที่ ๗ เจ้าของร้านชำ

เนื้อหา

บทที่ ๒ ยามหนุ่ม

บทที่ ๒ ยามหนุ่ม
หลังจากที่ชานส่งบอลเข้าห้องพักไปแล้ว ก็ได้รีบเดินออกมาหาคิมที่ยืนรออยู่หน้าร้าน
ทันทีที่เปิดประตูออกมา ชานก็ต้องรีบยกมือขึ้นมาปิดตาเอาไว้ เพราะลืมสวมแว่นกันแดดออกมาด้วย เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมง ฟ้าสว่างเต็มที่แล้ว
เพราะการที่ต้องรับฟังเรื่องราวของเหล่าวิญญาณ ทำให้ทั้งสองแทบจะไม่ได้นอนกันเลย และเพราะเหตุนี้ทำให้ทั้งคิมและชานต้องสวมแว่นกันแดดสีดำเอาไว้ตลอด เวลาออกไปข้างนอก
และเช้าวันนี้ ทั้งสองคนก็ยังคงไม่ได้นอน เพราะต้องออกไปตามหาร่างของบอล และต้องแจ้งข่าวการเสียชีวิตให้พ่อกับแม่ของบอลรับรู้ด้วย ไม่เช่นนั้นท่านทั้งสองคนก็จะต้องเฝ้ารอลูกชายอยู่เป็นแน่
“เราจะไปไหนกันก่อนดีครับคุณคิม”
“โรงแรมสรัลทม”
“คุณคิมจะไปนอนเหรอครับ”
เพียะ!
“โอ๊ย คุณคิมตบหัวผมทำไมครับเนี่ย” คิมได้เพียงแต่ส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยหน่ายที่ชานชอบกวนประสาทอยู่เสมอ
“กวนประสาทได้ตลอดเวลาจริง ๆ ไป จะได้รีบกลับมานอน”
คิมและชานเดินตรงไปที่โรงแรมสรัลทมทันที และที่ทั้งสองเลือกจะเดินไป ก็เพราะว่าโรงแรมสรัลทมอยู่ห่างจากร้านดอกไม้ของคิมประมาณห้าร้อยเมตร ทำให้เดินเพียงไม่กี่นาทีก็ถึงโรงแรมสรัลทมแล้ว
ไม่นานทั้งสองคนก็มาหยุดยืนนิ่งอยู่ที่หน้าโรงแรมสรัลทม คิมได้กวาดสายตามองสำรวจไปรอบ ๆ ก่อนจะก้าวขาเดินเข้าไปภายในโรงแรม เพื่อตามหาเจ้าของโรงแรมที่ชื่อสรัล
ในเวลาเดียวกันที่คิมและชานกำลังมองหาเจ้าของโรงแรม ก็ได้ยินเสียงของพนักงานหญิงคนหนึ่งส่งเสียงเรียกใครบางคนที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นสอง
“ท่านประธาน ช่วยมาดูทางนี้หน่อยค่ะ”
“ได้จ้ะ”
สิ้นเสียงตอบรับของหญิงสาวคนนั้น คิมค่อย ๆ หันมองตามเสียง
ทันทีที่คิมหันมองหญิงสาวคนนั้น ก็ได้เห็นใบหน้าอันหวานละมุนดุจนางในภาพวาด ผิวขาวผ่องดุจหิมะ ดวงตาสีน้ำตาล ยิ้มสดใสเผยลักยิ้มน่ารัก แถมเธอยังมาพร้อมกับกางเกงยีนส์สีซีดพอดีตัว จับคู่กับรองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาด ดูสบายและเป็นกันเอง
คิมเอาแต่จ้องมองใบหน้าอันหวานละมุนของสรัลอยู่เช่นนั้น จนชานที่เพิ่งเดินตามหลังมา ก็เห็นว่าคิมนั่งยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ยอมขยับไปไหน จึงเดินเข้าไปสะกิดแขนคิมเบา ๆ
“คุณคิมครับ”
“...”
“คุณคิมครับ คุณคิม”
“...”
“คุณคิม!”
“ฮะ อือว่าไงนะ”
“มองอะไรอยู่ครับเนี่ย ไปหาคุณสรัลกันครับ เธอเดินมานู่นแล้ว” คิมละสายตาจากชาน และหันไปมองตามสายตาของชาน ก็พบว่าเป็นหญิงคนเดียวกันกับที่ตัวเองจ้องมองเมื่อสักครู่
คิมที่เคยเป็นคนนิ่ง สุขุม ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ ความรู้สึกอะไรให้คนอื่นได้เห็นง่าย ๆ แต่คราวนี้คิมกลับร้อนรน ทำตัวไม่ถูก ยิ่งสรัลเดินเข้ามาใกล้มากเท่าไร คิมก็ยิ่งทำตัวไม่ถูกมากกว่าเดิม
แต่แล้วสรัลก็เดินมาถึงทั้งสองคน พร้อมกล่าวทักทายด้วยเสียงพูดอันไพเราะ
“สวัสดีค่ะ...ใช่คุณชานที่ติดต่อมาหรือเปล่าคะ”
“ใช่ครับ พอดีผมสองคนมีอะไรจะสอบถามหน่อยน่ะครับ พอจะมีที่ให้นั่งคุยมั้ยครับ”
“ได้ค่ะ งั้นเชิญทางนี้ค่ะ” สรัลเดินนำทั้งสองไปที่โซนรับแขก และเมื่อนั่งลง คิมก็ได้พูดเข้าประเด็นทันที เพราะอยากจะออกจากโรงแรมแห่งนี้แล้ว
“ยามที่ชื่อบอลยังทำงานอยู่มั้ยครับ”
“อ๋อ...บอลน่ะเหรอคะ เขาขโมยเงินหนีไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ”
“คุณแน่ใจเหรอ...ว่าเขาหนีไป”
“...” ชานเห็นว่าสถานการณ์เริ่มตึงเครียด เพราะตอนนี้ทั้งคิมและสรัลต่างก็จ้องหน้ากันไปมาอย่างเอาเรื่องทั้งคู่ จึงได้รีบพูดแทรกขึ้น ก่อนที่จะเกิดอะไรไปมากกว่านี้
“เอ่อ...คุณสรัลครับ งั้นพวกผมขอคุยกับยามทุกคนเลยได้มั้ยครับ”
“ได้ค่ะ แต่อย่าให้กระทบกับการทำงานของเขานะคะ” สรัลพูดอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะลุกขึ้นยืน แต่สายตายังจ้องหน้าคิมอยู่
“ขอบคุณครับ ถ้าอย่างงั้นเดี๋ยวพวกผมไปรอที่หน้าโรงแรมก็ได้ครับ” สรัลพยักหน้าตอบ ก่อนจะเดินจากไป
คิมและชานได้ออกมารออยู่ที่หน้าโรงแรม เพราะคิดว่าถ้าคุยกับภายในโรงแรม อาจจะเกิดปัญหาตามหาก็ได้
ทั้งสองคนออกมารออยู่ที่หน้าโรงแรมได้ไม่นานนัก ก็มียามอีกสามคนเดินตามหลังออกมา แต่ดูจะมีอยู่สองคนที่หน้าตาซีดเซียว เหมือนไม่ได้นอน คิมและชานได้แต่เก็บความสงสัยไว้ภายในใจ เมื่อยามทั้งสามคนเดินมาถึง คิมก็เอ่ยถามทันที
“พวกคุณรู้จักบอลใช่มั้ยครับ” หนึ่งคนดูจะไม่อาการตกใจใด ๆ คิมจึงบอกให้คนนั้นกลับไปทำงานได้
 แต่ทว่าอีกสองคนกลับดูลุกลี้ลุกลนแปลก ๆ อย่างเห็นได้ชัด คิมจึงพุ่งประเด็นความสนใจไปที่ทั้งสองคนทันที
“คุณสองคนสินะ ที่ชอบขโมยของ” หนึ่งในสองคน เริ่มออกอาการมากกว่าเดิม แถมยังตกใจกับคำพูดของคิมเป็นอย่างมาก ก่อนจะถามกลับคิม
“คุณ...ระ...รู้ได้ยังไง” คิมไม่ได้สนใจคำถามของยามคนนั้น แต่กลับยิงคำถามใส่ยามคนนั้นไปอีกครั้ง
“คุณทำอะไรเขา แล้วร่างของบอลอยู่ที่ไหนครับ” ยามทั้งสองคนร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกผิดและเสียใจ ก่อนจะสารภาพความจริงทั้งหมดออกมา
“ผมสองคนขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้บอลมันตาย...” คิมยังคงไม่สนใจความรู้สึกของทั้งสองคนเช่นเดิม แต่ยังคงถามหาร่างของบอลต่อไป
“แล้วตอนนี้ร่างของบอลอยู่ที่ไหน”
“อยู่ที่...ป่าหลังโรงแรมครับ” คิมส่งสายตาให้ชานไปบอกสรัล และไปตามหาร่างของบอลที่ป่าหลังโรงแรมตามที่ยามสองคนได้สารภาพออกมา
ส่วนคิมจะอยู่ฟังคำสารภาพของทั้งสองคนเสียก่อน
“ทำไมคุณสองคนถึงต้องทำกับเขาขนาดนั้นล่ะ”
“คือว่า...เย็นเมื่อวาน ผมสองคนได้เข้าไปขโมยเงินของโรงแรม และได้เอาไปเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ รวมถึงบอลด้วย แต่บอลก็พูดขึ้นมากลางวงเหล้า ว่าเห็นผมสองคนเข้าไปขโมยเงิน แถมบอลยังบอกอีกว่าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับคุณสรัล ผมสองคนเลยโมโห ผมสองคนเลยเอาไม้ฟาดไปที่หัวของบอลหนึ่งครั้งครับ”
“แล้วยังไงต่อล่ะครับ”
“ตอนนั้นบอลสงบไปครับ ผมเลยกำลังจะเดินเข้าไปอุ้มบอลไปส่งที่ห้อง แต่จู่ ๆ เลือดก็เริ่มไหลออกมาจากหัวของบอล พวกผมตกใจเลยทิ้งไม้ที่ถืออยู่ในมือ และก็เห็นว่าที่ไม้...มีตะปูปักอยู่สองตัวครับ ผมสองคนทำอะไรไม่ถูก เลยรีบจัดการกับศพของบอล โดยการเอาไปฝังไว้ที่ป่าหลังโรงแรมน่ะครับ เรื่องทั้งหมดก็มีเท่านี้แหละครับ”
“โอเค พวกคุณก็นั่งตำรวจอยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวก็คงมา”
หลังจากที่คิมคุยกับยามสองคนนั้นจบ คิมก็กำลังจะเดินตามชานไปที่ป่าหลังโรงแรม แต่ก็เจอกับสรัลที่กำลังจะเดินไปที่ป่าหลังโรงแรมเช่นเดียวกัน คิมจึงเดินตามสรัลไปอย่างเงียบ
เมื่อมาถึงก็เจอชานที่ยืมมองตำรวจที่กำลังขุดดินเพื่อเอาร่างของบอลขึ้นมา
คิมเดินเข้าไปยืนข้าง ๆ ชาน และจ้องมองไปที่ร่างไร้วิญญาณของบอลที่กำลังถูกนำขึ้นมาจากหลุมที่ลึกพอสมควร คาดว่ายามสองคนนั้นคงกะจะไม่ให้ใครหาร่างบอลเจอ
ขณะที่คิมกำลังมองร่างของบอลอยู่ ชานก็ได้กระซิบข้างหูเบา ๆ ว่า
“แล้วเรื่องพ่อแม่ของคุณบอลล่ะครับ”
คิมไม่ตอบกลับคำถามของชานแต่อย่างใด เพียงแต่เดินออกมาจากจุดที่พบร่างของบอล ชานที่เห็นเช่นนั้นก็ได้รีบวิ่งตามคิมออกไป
ทั้งสองคนตรงกลับไปที่ร้านดอกไม้ทันที เพื่อจะไปเอารถยนต์ และไปหาพ่อแม่ของบอลที่โรงพยาบาล
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล คิมเดินตรงไปที่ห้องพักฟื้นของพ่อบอลทันที และได้บอกข่าวร้ายกับท่านทั้งสองคน
แม้ชานจะคอยห้ามปรามตลอด คิมก็ไม่ฟัง เพราะคิมคิดว่าถ้าไม่รู้วันนี้ วันข้างหน้าก็ต้องรู้อยู่ดี เพียงแต่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง