ยมทูตหนุ่ม ที่กำลังจะได้ไปเกิด แต่เผลอทำผิดกฎของยมโลกอย่างร้ายแรง จึงต้องถูกส่งตัวลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อทำภารกิจบางอย่างให้สำเร็จ มิเช่นนั้นจะไม่ได้ไปเกิด
รัก,ชาย-หญิง,ไทย,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,อมายา,อดีตชาติ,ตามหาร่าง,รักเก่า,ยมทูต,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บทที่ ๓ เจ้าสาวชุดแดง
| สรัลทม
ทางด้านสรัล หลังจากที่เห็นคิมและชานเดินออกไปจากจุดที่พบร่างของบอล สรัลเพิ่งนึกได้ ว่าตัวเองได้ทำตัวเสียมารยาทใส่ทั้งสองคนไปก่อนหน้านี้ จึงได้รีบวิ่งตามทั้งคู่ออกไป แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะไม่เจอทั้งคิมและชานเลย
ขณะเดียวกัน ที่สรัลกำลังยืนหายใจเหนื่อยหอบอยู่ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สรัลจึงได้ดึงโทรศัพท์ที่เหน็บอยู่กระเป๋ากางเกงด้านหลังออกมาดู
“สวัสดีค่ะพี่ปริม”
[น้องรัล พี่จะบอกว่าร้านดอกไม้จะปิดกิจการแล้วนะ]
“อ่าวทำไมล่ะคะพี่ปริม แล้วรัลจะไปหาร้านดอกไม้ดี ๆ ที่ไหนล่ะเนี่ย”
[แหม ปากหวานจริง ๆ เลยนะ พอดีพี่จะย้ายไปอยู่ต่างประเทศกับสามีน่ะ]
“ฮ่า ๆ โอเคค่ะ ยังไงก็เดินทางปลอดภัยนะคะพี่ปริม”
[จ้า ดูแลตัวเองด้วยนะ]
หลังจากที่ปลายสายวางไป สรัลก็ต้องคิดหนักเรื่องหาร้านดอกไม้ เพราะร้านดอกไม้ที่จะยอมส่งให้ทุกเช้าแบบร้านพี่ปริม ก็หายากเหลือเกิน
สรัลจึงคิดว่า หลังจากที่จัดการเรื่องของยามบอลเสร็จ จะเดินตามหาร้านดอกไม้ใกล้ ๆ กับโรงแรมเสียหน่อย เพราะคิดว่าถ้าร้านอยู่ใกล้โรงแรม ร้านดอกไม้อาจจะยอมส่งให้เธอทุกวันได้ เหมือนกับร้านของรุ่นพี่เธออย่างปริม
สรัลกำลังจะหันหลังเดินกลับที่ป่าหลังโรงแรม เผื่อว่าทางตำรวจอยากได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม แต่ก็ได้ยินเสียงเรียกของใครบางคนดังมาจากด้านหลัง
“สรัล ยัยสรัล รอฉันด้วย”
สรัลหันมองซ้ายมองขวา เพื่อดูว่าเป็นเสียงเรียกของใครกันแน่ ก็ได้พบเข้ากับเจ้าของเสียงเรียกอันกึกก้องนั้น ซึ่งก็คือ รินรดา หรือที่สรัลชอบเรียกก็คือ รินนั่นเอง
รินสาวสวยหุ่นนางแบบ ผมสีน้ำตาลทองยาวสยายถึงกลางหลัง ใบหน้าเรียวยาวสง่างาม ริมฝีปากอิ่มแดงฉ่ำ
แต่นิสัยของสรัลและรินช่างต่างสุดขั้ว เพราะสรัลนั้นไม่เชื่อเรื่องผีสาง หรือเรื่องเหนือธรรมชาติเลย แต่รินนั้นเชื่อเต็มร้อย ชนิดที่ว่าใครเล่าอะไรให้ฟังก็เชื่อหมดทุกเรื่อง จนบางครั้งก็โดนสรัลบ่น เพราะรินเข้าข่ายที่เรียกว่า ‘งมงาย’
“มีไร ที่หลังไม่ต้องตะโกนนะ แขกฉันขวัญกระเจิงหมดแล้ว”
“แล้วแกกำลังจะไปไหน”
“ฉันจะไปหลังโรงแรม พอดีมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ”
“โอเค...งั้นฉันไปรอที่ห้องทำงานแกนะ” สรัลพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะปลีกตัวเดินแยกออกมาข้างโรงแรม เพื่อเดินทะลุไปที่ป่าหลังโรงแรมได้ไวกว่าทางปกติ
จากคิดเอาไว้ว่าจะไปเดินหาร้านดอกไม้หลังจากที่จัดการเรื่องของยามบอลเสร็จ สรัลต้องจำใจเลื่อนไปเป็นวันพรุ่งนี้ เพราะกว่าจะเสร็จเรื่องยามบอล เวลาก็เกือบจะสามทุ่มเสียแล้ว ถ้าออกไปเวลานี้ ร้านดอกไม้คงจะปิดหมดแล้ว
| คิมหันต์
หลังจากที่คิมได้บอกข่าวร้ายกับพ่อแม่ของบอล คิมและชานยังคงไม่ได้กลับไปที่ร้านดอกไม้ แต่เลือกที่จะนั่งเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องพักฟื้นของพ่อบอลก่อน เพราะกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับท่านทั้งสอง
จนเวลาผ่านไปเกือบจะสามทุ่ม ซึ่งก็เลยเวลาที่ต้องเปิดรับวิญญาณ คิมจึงชวนชานกลับร้านดอกไม้ทันที
และเมื่อมาถึงหน้าร้าน ก็เจอเข้ากับวิญญาณของหญิงสาวที่สวมชุดเจ้าสาวสีแดงเลือดยืนรออยู่ที่หน้าร้านดอกไม้
คิมที่เห็นเช่นนั้นเลยรีบบอกให้ชานไปเปิดประตู ส่วนคิมก็เดินเข้าไปยืนอยู่ที่ด้านหลังของวิญญาณเจ้าสาวชุดแดงคนนั้น
“สวัสดีครับ เชิญด้านในได้เลยนะครับ”
เจ้าสาวชุดแดงคนนั้น ไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด เพราะดูเหมือนกำลังงุนงงกับสถานการณ์ตรงหน้าอยู่ และคิมเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแต่เดินนำวิญญาณเจ้าสาวชุดแดงเข้าไปด้านในร้าน และทิ้งตัวนั่งลงตรงที่ประจำ
ไม่นานเจ้าสาวคนนั้นก็เดินตามเข้ามา พร้อมกับเอ่ยด้วยความสงสัย
“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง จำได้ว่าเมื่อตอนเย็น...กำลังถ่ายพรีเวดดิ้งอยู่ แต่ทำไม...”
“คุณตายแล้วไงครับ ถึงได้มาอยู่ที่นี่” หญิงสาวเริ่มน้ำคลอเบ้า ไม่นานนักก็ร้องไห้โฮออกมาอย่างหนักหน่วง ทว่าเธอกลับดูไม่ค่อยสงสัยเลยว่าตัวเองตายได้อย่างไร ราวกับว่ารู้อยู่ว่าตัวเองต้องเสียชีวิต ชานที่ยืนมองอยู่จึงได้เอ่ยถามออกไป
“คุณร้องไห้เพราะอะไรเหรอครับ ดูเหมือนคุณจะไม่ได้เสียใจที่ไม่ได้แต่งงาน แต่เหมือนกับว่าเสียใจเรื่องอื่นมากกว่า”
“ค่ะ ฉันไม่ได้เสียใจเลยที่ตัวเองไม่ได้แต่งงาน และต้องมาตายแบบนี้ แต่ฉันเสียใจมากกว่าที่เขาเป็นคนฆ่าฉันด้วยมือของเขาเอง”
จากนั้นเธอก็ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้คิมและชานฟังว่า
เธอชื่อ ลิษา เธอเป็นลูกคนรวย มีบริษัทเป็นของตัวเอง เธอใช้ชีวิตสุขสบายมาโดยตลอด จนเธอมาเจอกับดนัย ชายหนุ่มหน้าตาดี แต่ตอนนั้นเขาเป็นเพียงแค่พนักงานในบริษัทของเธอ และดนัยเองก็ชอบลิษา จึงได้คอยตามดูแลเอาใจใส่อยู่ตลอดไม่ห่าง จนลิษาเริ่มรู้สึก และเริ่มจะหลงรักดนัยเข้าแล้ว ไม่นานลิษาก็ตกลงคบหาดูใจกับดนัย จนเวลาผ่านไปเกือบสองปี ดนัยรักลิษามาก แต่ทว่าครอบครัวของลิษากลับไม่ชอบดนัยเลยแม้แต่น้อย เพราะคิดว่าดนัยจะมาเกาะเธอกิน แต่ลิษาก็ไม่ได้สนใจคำพูดของคนในครอบครัว และได้ตกลงแต่งงานกับดนัยเมื่อสองเดือนที่ผ่าน และเมื่อวานก็เป็นวันถ่ายพรีเวดดิ้ง ดนัยชวนเธอไปถ่ายที่หน้าผาบนภูเขาแห่งหนึ่ง ในตอนนั้นลิษาเริ่มรู้สึกได้ว่าดนัยต้องคิดจะทำอะไรเธอแน่ ๆ แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะทำจริง ๆ
“โอเคครับ งั้นวันนี้คุณลิษาเข้าไปพักในห้องก่อนแล้วกันนะครับ เมื่อถึงเวลาที่เจอร่างของคุณ วิญญาณของคุณก็จะค่อย ๆ เลือนหายไป”
คิมพูดจบ ก็ส่งสายตาให้ชานพาลิษาไปที่ห้องพักเช่นเคย ไม่นานชานก็เดินกลับมา คิมจึงเอ่ยพูดกับชาน ทั้งที่มือยังคงเก็บของเข้าที่อยู่
“วันนี้ไปนอนพักเถอะ พรุ่งนี้ค่อยเริ่มตามหาร่างของคุณลิษาแล้วกัน”
เนื่องจากว่าวันนี้ วิญญาณของเจ้าสาวชุดแดงไม่ได้ดื้อรั้นเหมือนกับวิญญาณตนอื่น เพราะเธอยอมเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้คิมและชานฟังอย่างว่าง่าย จึงทำให้ทั้งคู่มีเวลานอนพักผ่อนเพิ่มขึ้นนิดหน่อย
| วันต่อมา
คิมและชานเตรียมตัวกันแต่เช้า เพื่อออกตามหาดนัย เพราะคิมได้แอบไปถามกับเจ้าสาวชุดแดง ว่างานแต่งจะเริ่มขึ้นวันไหน ก็ได้รู้ว่าเป็นวันนี้ และสถานที่ก็เป็นโรงแรม ๆ ใกล้กับร้านดอกไม้
คิมเปิดประตูร้านออกมา เพื่อจะรอชานที่หน้าร้าน ก็ต้องเจอเข้ากับหญิงสาวที่ตนไม่อยากจะเจอเท่าไร นั่นก็คือ สรัล เจ้าของโรงแรมสรัลทมนั่นเอง
ทันทีที่สรัลเห็นคิมเดินออกมาจากร้านดอกไม้ สรัลก็รีบวิ่งเข้าไปหาคิมทันที พร้อมกับเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
“สวัสดีค่ะคุณ...”
“คิมครับ”
“สวัสดีค่ะคุณคิม ก่อนอื่นฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่เมื่อวานทำตัวเสียมารยาทใส่คุณกับเพื่อนคุณ”
“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่คุณมาที่นี่ทำไม”
“พอดี...ฉันอยากจะสั่งดอกไม้ไปส่งที่โรงแรมน่ะค่ะ วันนี้มีจัดงานแต่ง แขกมาเยอะด้วย อีกอย่างร้านเก่าเขาปิดกิจการไปแล้วค่ะ”
“เชิญเลือกในร้านได้เลยครับ แล้วก็บอกเด็กในร้านได้เลยว่าให้ไปส่งที่ไหน” พูดจบ คิมกำลังจะก้าวขาเดินหนีสรัล และคิดว่าจะไปรอชานที่รถคงจะดีกว่าต้องยืนเผชิญหน้ากับสรัล แต่แล้วก็โดนสรัลเรียกเอาไว้เสียก่อน
“เอ่อ...เดี๋ยวค่ะคุณคิม ถ้าฉันจะขอให้ร้านของคุณ...ส่งดอกไม้ให้ทุกวันตอนตีห้าได้มั้ยคะ” คิมจ้องมองใบหน้าอันหวานละมุนของสรัลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แถมยังทำหน้าตึงเครียดใส่สรัลอีก
“ถามเด็กในร้านได้เลยครับ ผมขอตัว”
พูดจบ คิมรีบสาวเท้าอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ถึงรถตัวเองอย่างเร็วที่สุด เพราะทำตัวไม่ถูกเวลาที่ต้องเผชิญหน้า ทำได้เพียงแค่เคร่งขรึมต่อหน้าสรัล
ทางด้านสรัล หลังจากที่คิมเดินออกไปแล้ว สรัลได้พูดบ่นตามหลังคิม เพราะไม่รู้ว่าคิมไปโกรธใครมา ทำไมถึงได้ตึงเครียดใส่เธอขนาดนี้
“ไอ้ขี้เก๊กเอ๊ย”
สรัลละสายตาจากคิม และหันหน้ากลับไปที่ร้าน กำลังจะเดินเข้าไปภายในร้าน ก็เจอชานเปิดประตูออกมาพอดี ชานได้ยกมือสวัสดีทักทายเธอ ก่อนจะเดินตรงไปหาคิม
สรัลได้แต่คิดว่าถ้าคิมเป็นเหมือนชานก็คงดี