รัก,ชาย-หญิง,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ตอนที่ 4 ความสมบูรณ์แบบ
เติบโต
เพื่อเรียนรู้
เพื่อหลงทาง
เพื่อสับสน
เพื่อล้มเหลว
เพื่อสำเร็จ
ชีวิตมันก็แค่นี้แหละ ไม่มีทางที่จะได้ดั่งใจตลอด และไม่มีทางที่จะล้มเหลวตลอดเช่นกัน
“จับฉ่าย
ไปไม่สุดสักทาง”
นี่คือชุดคำพูดที่คนเป็นนักกีฬาและเด็กที่ทำกิจกรรมเยอะ ๆ อย่างเจสซี่ มักจะโดนยัดเยียดให้มาตั้งแต่ยังเยาว์วัย ตั้งแต่ยังไม่เข้าใจความหมายของคำเหล่านี้ดีด้วยซ้ำไป
เมื่อเริ่มหยิบจับอะไรสักอย่างก็มักจะโดนตั้งคำถามและถูกคาดการณ์ผลลัพธ์ว่ามันต้องดีที่สุดตั้งแต่เองยังไม่มีความฝันเลยด้วยซ้ำไป
คำพูดเหล่านี้ก็มาจากทั้งคนที่รู้จักบ้าง ไม่รู้จักบ้าง ป้าข้างบ้านบ้าง
ตอนอายุ 15 เจสซี่เคยเรียนเปียโน แต่สักพักก็ล้มเลิกไปเพราะเธอรู้สึกว่ามันยากไปสำหรับเธอและไม่ได้รู้สึกชอบ
บางคนที่ทราบเรื่องราวพวกนี้ก็จะมีภาพจำว่าเธอช่างเป็นคนที่ล้มเหลว และพยายามยกเรื่องนี้มาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกครั้งที่มีโอกาส ต่อให้เธอจะทำได้ดีในด้านอื่น ๆ อีกมากมาย คนพวกนี้ก็ไม่สน เขาจะยกมันมาพูดซ้ำ ๆ จะสะกดจิตให้เธอกลายเป็นคนที่ล้มเหลวให้ได้
บางคนที่เห็นแต่ความสำเร็จของเธอ ก็มักจะถูกมองว่าเธอช่างเก่งและสมบูรณ์แบบเหลือเกิน
เจสซี่เชื่อว่าความสมบูรณ์แบบนั้นไม่มีอยู่จริงและไม่มีใครเก่งทุกอย่าง ทุกคนล้วนแล้วแต่มีบาดแผลและมีสิ่งที่ไม่ถนัด อยู่ที่ว่าใครจะเลือกโชว์ด้านไหน และคนเห็นด้านไหนก็เท่านั้นเอง
สวย
เรียนเก่ง
เล่นกีฬาเก่ง
ก็เป็นคำพูดที่เจสซี่ได้รับอยู่บ่อย ๆ เช่นกัน
เมื่อโตขึ้นมันทำให้เธอตกตะกอนอะไรหลาย ๆ อย่างได้
ไม่จมอยู่กับคำดูถูกและไม่ลุ่มหลงไปกับคำชมมากเกินไป
ก็ทั้งความล้มเหลวและความสำเร็จนี่แหละมันคือองค์ประกอบของความสมดุลในชีวิต
จนปัจจุบันนี้ก็ยังมีคนมาว่าเธอยังเก่งไม่พอที่จะมาเป็นโค้ชสอนเทควันโด
แม่ค้าขายกล้วยทอดในตลาดที่คอยพูดจาดักหน้าดักหลังถ้ารู้ว่าใครจะมาเรียนที่ยิมของเธอ และเอาแต่บอกว่าที่ยิมหลานสาวฉันสอนดีกว่าอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นการกระทำที่น่ารังเกียจเสียจริง
ใครจะมองว่าเธอไม่เก่งแล้วไปเรียนที่อื่นก็ไม่ได้ว่าอะไร ไม่ใช่เที่ยวดิสเครดิตกันโต้ง ๆ แบบนี้
เธอไม่เคยบอกว่าตัวเองเก่งที่สุดอยู่คนเดียว ชอบสไตล์การสอนของที่ไหนก็ไปเรียนที่นั่นก็เท่านั้นเอง
“หลานชายเรียนที่ยิมนั้นหรอ” แม่ค้ากล้วยทอดถามมิ้มเพราะเห็นหลานชายของเธอในชุดเทควันโด แม่ค้าถามพลางชี้ไปฝั่งที่ยิมของเจสซี่ตั้งอยู่
“ใช่ค่ะ”
“ยิมนั้นสอนไม่ค่อยดีนะ โค้ชไม่ค่อยเก่ง”
“หรอคะ แล้วยิมไหนสอนดี” มิ้มเอ่ยเสียงเรียบ
แม้ค้าขายกล้วยทอดโปรโมทยิมหลานชายตัวเองสุดตัว แต่โดนมิ้มสวนกลับทันควัน
“คุณป้าเคยเรียนที่นั่นด้วยหรอคะ ทราบได้ยังไงว่าไม่ดี เขาก็มีมาตรฐานของเขา ถ้ายิมหลานชายป้าดีกว่าจริง ๆ เขาน่าจะมีมาตรฐานการโปรโมทที่ดีอยู่แล้วใช่ไหมคะ? คงไม่ใช่การไล่ดิสเครดิตยิมอื่นแบบนี้”
มิ้มเป็นเพื่อนของเจสซี่ตอนมัธยมปลาย ซึ่งแม่ค้าขายกล้วยทอดคนนั้นคงไม่รู้ว่าทั้งคู่เป็นเพื่อนกัน วินาทีนั้นเธอโกรธแทนเพื่อนมาก
แม่ค้าขายกล้วยทอดถึงกับหน้าเจื่อน
เจสซี่ในวันหยุด เธอนั่งทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมา
“อายุ 28 ก็ผ่านอะไรมามากมายเหมือนกันนะเนี่ย” เจ้าของผมลอนสีน้ำตาลนั่งพึมพำอยู่ริมระเบียงบ้าน
เธอได้ตกตะกอนมานานพอสมควรแล้วว่า
ต่อให้เรากำลังอยู่ในเวอร์ชั่นที่ตัวเองกำลังภูมิใจในตัวเองที่สุด มันก็ยังมีคนที่พยายามด้อยค่าแล้วบอกว่ายังดีไม่พอ หรือยังไม่เก่งเท่าคนนั้น ยังไม่เก่งเท่าคนนี้ เพราะฉะนั้นถ้าจะภูมิใจในตัวเอง ก็ทำได้เลย ไม่ต้องรอใครบอก
……………………………………………………………………………………………………
‘ภูผา’
ฐานะทางบ้านไม่ได้ร่ำรวยอะไรนัก เป็นลูกชาวสวน ชาวไร่ธรรมดา
มันเลยทำให้เขาพยายามพัฒนาตัวเองสุด ๆ ไขว่คว้าและวิ่งหาโอกาสอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการประกวดร้องเพลง การแข่งเต้น ต่าง ๆ แต่เขาก็ไม่ทิ้งการเรียน และยังเรียนเก่งอีกด้วย
ความโชคดี
พรสวรรค์
พรแสวง
และจังหวะชีวิต
หลาย ๆ อย่างประกอบกัน จนทำให้มันมีวันของภูผาสักที
เขาเริ่มต้นชีวิตในวงการบันเทิงจากการชนะการประกวดร้องเพลง ปล่อยเพลงมาเรื่อย ๆ เป็นไปตามเป้าหมายบ้าง ไม่เป็นไปตามเป้าหมายบ้าง และซีรีย์เรื่องที่ทำมาจากนิยายที่เจสซี่เป็นคนเขียนนั่นแหละภูผาจะได้เล่นเป็นตัวหลักเรื่องแรก เขาตั้งใจเหมือนกับทุกครั้งที่ได้รับโอกาสมา แต่มีความกดดันมากหน่อยเพราะเขามองว่ามันเป็นโอกาสใหญ่ และอยากทำมันให้ดีที่สุด
ตอนนี้การเงิน การเงิน ของภูผาคล่องตัวขึ้นมากแล้ว ไม่ถึงกับหรูหรา ฟู่ฟ่า แต่ก็ไม่ขัดสน
รวมถึงคุณภาพของครอบครัวเขาด้วย
การร้องเพลง
เต้นเต้น
สำหรับภูผาแล้วนั้นมันคือชีวิต เขาชอบมันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เริ่มต้นจากการฝึกเองบวกกับพรสวรรค์ เมื่อครูที่โรงเรียนประถมเห็นแววเลยเอาไปปั้น พาฝึกซ้อมเพื่อเป็นนักร้องโรงเรียน และเป็นตัวแทนโรงเรียนในการประกวดอยู่บ่อยครั้ง เขาทำสิ่งนี้เรื่อย ๆ มาตั้งแต่เด็กแล้ว มีแพ้บ้างชนะบ้าง แต่ถ้วยก็เต็มบ้านเพราะประกวดมาเยอะ
เมื่อเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงเขาก็พยายามพัฒนาตัวเองอีกหลาย ๆ ด้าน เพื่อเปิดโอกาสที่หลากหลายมากขึ้นให้กับตัวเอง
ภูผามีทุนเดิมที่พ่อแม่ให้มาคือหน้าตาดีตั้งแต่เกิด และเขาเป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างมีแบบมีแผน
ในวัยเด็กเขาไม่ค่อยเกเร เมื่อโตขึ้นก็มีสังสรรค์บ้างบางโอกาสแต่ยังอยู่ในกรอบที่ตัวเองวางเอาไว้