ถ้ากวางบอกว่ารักทั้งสองคน มันจะเป็นยังไง

กวางตัวนี้เป็นของคู่แฝด 3P - ตอนที่ 4 พร้อมหน้าพร้อมตา โดย สนิมสร้อย @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ยุคปัจจุบัน,ไทย,รัก,รักวัยรุ่น,3P,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

กวางตัวนี้เป็นของคู่แฝด 3P

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ยุคปัจจุบัน,ไทย,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รักวัยรุ่น,3P

รายละเอียด

ถ้ากวางบอกว่ารักทั้งสองคน มันจะเป็นยังไง

ผู้แต่ง

สนิมสร้อย

เรื่องย่อ

ความรักที่เกิดขึ้นของกวาง ผู้หญิงหน้าสวยและเซ็กซี่ที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าแฟนหนุ่มที่คบหากันมีพี่ชายฝาแฝดหน้าเหมือนจนแยกไม่ออก คืนวันที่เธอเผลอใจให้อีกคนแบบไม่รู้และถลำลึกจนถอนตัวไม่ขึ้น เลือกทางไหนไม่ได้ ก็ขอเลือกทั้งสองคน

สารบัญ

กวางตัวนี้เป็นของคู่แฝด 3P-ตอนที่ 1 ความคิดถึงกำลังเดินทาง,กวางตัวนี้เป็นของคู่แฝด 3P-ตอนที่ 2 กินเนื้อกวาง NC ,กวางตัวนี้เป็นของคู่แฝด 3P-ตอนที่ 3 เพราะเป็นพี่น้องกัน,กวางตัวนี้เป็นของคู่แฝด 3P-ตอนที่ 4 พร้อมหน้าพร้อมตา,กวางตัวนี้เป็นของคู่แฝด 3P-ตอนที่ 5 เหตุการณ์ของความเข้าใจผิด,กวางตัวนี้เป็นของคู่แฝด 3P-ตอนที่ 6 กวางยั่วแฝดพี่ Nc 20%,กวางตัวนี้เป็นของคู่แฝด 3P-ตอนที่ 7 แฝดพี่กระแทกกวาง Nc 100%,กวางตัวนี้เป็นของคู่แฝด 3P-ตอนที่ 8 เรื่องในเมื่อคืน

เนื้อหา

ตอนที่ 4 พร้อมหน้าพร้อมตา

ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกา แม็กเวลล์ก็เริ่มเข้าสู่โหมดการทำธุรกิจของตัวเองอย่างเต็มตัว อาคารที่ปล่อยเช่าสำหรับทำออฟฟิศเริ่มติดตั้งอุปกรณ์ไอทีและมีอุปกรณ์สำนักงานอื่นทยอยตามมา


“เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว”


เสียงแหบของน้าแรมเอ่ยขึ้น วันนี้เธอติดรถมากับหลานชาย ครั้นอยากเห็นความคืบหน้าของบริษัท เอ็มไอที จำกัด ที่ลงทุนจดทะเบียนบริษัทตั้งยี่สิบล้าน และเมื่อมาถึงก็กับอ้าปากค้าง เบิกดวงตากว้างกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันใหญ่โตกว่าที่คิดไว้ซะอีก


“ใกล้เสร็จแล้วครับน้าแรม ไม่น่าเกินอาทิตย์นี้”


แม็กเวลล์เดินสำรวจออฟฟิศที่คืบหน้าไปมากกว่า 90% เหลือเพียงตกแต่งวางอุปกรณ์ส่วนอื่นเล็กน้อยก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์และพร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ภายในสิ้นเดือน และหากนับเวลามันก็เหลือเพียงสิบกว่าวันเท่านั้น


“แม่เขาเทให้หมดหน้าตักเลยนะแม็ก เห็นไหมว่าแม่เขาคิดถึงเราตลอดเวลา”


“ครับน้าแรม”


แม้กมลเนตรจะมีธุรกิจอยู่ต่างประเทศ ก็ไม่ได้ใหญ่โตหรือทำกำไรให้แบบล้นมือ เป็นธุรกิจขนาดกลางที่มีขาดทุนบ้างบางไตรมาสตามพิษเศรษฐกิจที่กระทบกันทั่วโลก ผลประกอบที่ได้มาก็ต้องนำมาหมุนเวียนใช้จ่ายในธุรกิจและเหลือเข้ากระเป๋าเพียงเล็กน้อย


แม็กเวลล์ยิ้มออกมา แต่ก่อนก็คิดเองเออเองว่าแม่ไม่รัก กระทั่งได้เดินทางไปหาถึงอเมริกาถึงได้รู้ว่ากมลเนตรเตรียมทุกอย่างไว้ให้


เงินลงทุนที่ได้มาถือว่าไม่น้อย กมลเนตรควักให้ลูกชายแบบส่วนตัว โดยไม่เกี่ยวข้องกับส่วนอื่นเพราะอยากให้ลูกมีธุรกิจเป็นของตัวเองมากกว่าการรับเงินเดือนเป็นลูกจ้าง สองน้าหลานยืนยิ้มมองความสำเร็จที่จะเปิดตัวในเวลาอันใกล้อย่างซาบซึ้งและภูมิใจ


สักพักเสียงมือถือของเดือนแรมก็ดังขึ้น เรียวคิ้วไม่เป็นทรงขมวดเข้าหากันเมื่อหน้าจอปรากฏเป็นเบอร์ไม่คุ้นเคยและโดยนิสัยเจ้าตัวไม่ใช่คนติดต่อหรือคบค้ากับใครเป็นวงกว้าง โอกาสจะมีเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกลงเครื่องโทรเข้าหามีน้อยมาก เดือนแรมเพิกเฉย ปล่อยให้มันดังอยู่แบบนั้น เพราะอีกความคิดหนึ่งที่แวบเข้ามาคงเป็นมิจฉาชีพ แต่ทว่าเดือนแรมมีแอปพลิเคชันคัดกรองเบอร์ไม่รู้จักอยู่แล้ว แต่มันก็ไม่ได้แจ้งเตือนอะไร นอกจากหมายเลขสิบหลักทั่วไป


“ใครครับ”


“ไม่รู้”


เหมือนว่าจะสายจะถูกตัดเอง และดังขึ้นมาอีกครั้ง บนหน้าจอยังเป็นเบอร์เดิม หากเป็นมิจฉาชีพก็คิดว่าคงไม่ใช่ซะแล้ว ยังขมวดคิ้วอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจรับสายในทันที


“ฮัลโหล”


(น้าแรมหรือเปล่าครับ)


“ใช่ค่ะ ฉันเดือนแรม”


“ผมมิกกี้เองครับน้า”


“มิกกี้!!”


เดือนแรมทวนชื่อนั้นเสียงดังและยังกระโดดตัวโหยงลืมไปเลยว่าข้อเข่าไม่ดี ทำหลานชายฝาแฝดคนเล็กที่กำลังสำรวจงานไปพลางๆ หันมอง


(ผมมาถึงแล้ว ช่วยส่งคนมารับได้ไหม)


“ถึงแล้วเหรอ งั้นรอก่อนนะ น้าจะบอกน้องไปรับ”


(ครับน้า)


กดวางสายแล้วฉีกยิ้มด้วยความดีใจ หลานชายฝาแฝดคนโตมาถึงประเทศไทยสดๆ ร้อนๆ หลายปีที่ไม่ได้เจอก็พลันตื่นเต้น ก่อนจะหันไปคุยกับแม็กเวลล์ที่ยืนห่างไม่กี่คืบ


“แม็ก”


“ครับน้า”


“ตามิกมาถึงแล้ว”


“มาถึง!!”


แม็กเวลล์งุนงง ในที่แรกเขาไม่คิดว่าชื่อมิกกี้เป็นพี่ชายของตน ครั้นอีกฝ่ายมีกำหนดมาประเทศไทยคืออาทิตย์หน้า ทว่ากลับมาเร็วกว่าปกติจนแปลกใจ


“ใช่ เมื่อกี้มิกโทรมา”


“มาก่อนกำหนดเหรอ”


“ก่อนหรือหลังก็ช่างเถอะ ออกไปรับพี่ได้แล้ว”


เมื่อมาถึงก็ต้องไปรับ น้าหลานรีบขึ้นรถด้วยความกระวีกระวาด จากนั้นแม็กเวลล์ขับรถไปส่งคนอายุมากกว่าที่บ้านก่อน ครั้นน้าแรมจะอยู่เตรียมอาหารและของว่างไว้รอ




...


สนามบิน


ร่างสูงก้าวเท้ายาวๆ ด้วยความเร่งรีบ เพราะมาช้าไปเกือบหนึ่งชั่วโมงก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะรอนาน แม็กเวลล์กวาดสายตาคมของตัวเองมองหาผู้ชายหน้าเหมือน ทว่าผู้คนที่พลุกพล่านมองหายังไงก็มาเจอสักที


“ยืนรอตรงไหน”


เขาจิ๊ปากตัวเองน้อยๆ แทนที่จะขอเบอร์พี่ชายกับน้าแรมมาก็ลืม ควักมือถือจากกระเป๋ากางเกงด้านขวา กำลังจะกดต่อสายหาน้าแรมถามไถ่ถึงเบอร์มิกกี้ก็ต้องชะงักไปเพียงเสี้ยววินาที เมื่อลาดไหล่หนาของตัวเองมีฝ่ามือใหญ่วางทางด้านหลัง รีบหมุนตัวกลับมามองตามสัญชาตญาณเพราะกลัวเป็นผู้ไม่หวังดี ทันใดนั้นใบหน้าก็ประจันกับผู้ชายที่มีลักษณะเหมือนตัวเองทุกกระเบียดนิ้ว


“พี่มิก!!”


“อืม..พี่เอง”


มิกกี้พูดทั้งยิ้ม ก่อนจะโผล่เข้ากอดกันด้วยความคิดถึง ช่วงที่แม็กเวลล์ไปหาแม่ที่ต่างประเทศก็แทบไม่ได้เจอกันเลย เพราะพี่ชายทำงานจนไม่มีเวลากลับบ้าน


“พี่รอนานไหม”


“นานใช้ได้เลย”


แม้จะเกิดห่างกันไม่กี่นาที คนเป็นน้องก็ยังให้เกียรติเรียกมิกกี้ว่าพี่ ทว่าการรอไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มหงุดหงิดแต่อย่างใด เอ่ยตอบคนอายุห่างกันไม่กี่นาทีแบบแกมหยอกก็เท่านั้น


“งั้นกลับบ้านกัน น้าแรมรออยู่”


“อืม”


ว่าแล้วก็เดินตามกันไปยังลานจอดรอดรถ กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ยกขึ้นไว้ด้านหลัง มิกกี้นั่งเบาะหน้าข้างคนขับ จากนั้นรถคันหรูที่แม็กเวลล์ทำงานแล้วเก็บออมผ่อนมาได้เกือบสองปีก็เคลื่อนตัวขึ้นทางด่วน พลันนั้นดวงตาสีนิลคนอายุมากมองวิวตึกสูง ทุกอย่างเปลี่ยนไปจนแทบจำไม่ได้


“ไม่คุ้นใช่ไหมล่ะ”


“อืม...เปลี่ยนแทบทุกอย่าง”


ตั้งสิบกว่าปีย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา




...




บ้าน


อาหารและของว่างเตรียมพร้อมต้อนรับคนเดินทางมาไกล วางบนโต๊ะประหนึ่งเป็นภัตตาคารหรู กลิ่นหอมจากจานอาหารที่วางตรงหน้าโชยขึ้นจนชายหน้าแฝดน้ำลายสอ


“กินก่อนนะมิก มาเหนื่อยๆ คงหิว”


“ครับน้า”


ดูท่าแล้วคงเหนื่อยไม่เบา มิกกี้เริ่มจากการตักน้ำแกงต้มยำทะเลรวมมิตร จำได้ว่ารสชาติแบบไทยๆ ไม่เคยกินตั้งแต่ไปอยู่ต่างประเทศกับแม่


“ค่อยๆ เดี๋ยวสำลัก”


“ที่อเมริกาหารสชาติแบบนี้ไม่ค่อยมีเลยครับน้า”


“อร่อยไหม” แม็กเวลล์ถามขึ้น เมื่อเห็นว่าพี่ชายซดแบบไม่มีพัก


“อร่อยมาก สงสัยน้าแรมต้องทำทุกวัน”


เดือนแรมหัวเราะออกมา ส่วนแม็กเวลล์นั่นส่ายหัว เพราะชินกับฝีมือของน้องสาวแม่ กินมาตั้งแต่เด็กคุ้นลิ้นเป็นอย่างดี แต่สำหรับมิกกี้มันคือของอร่อยที่เขาเพิ่งลิ้มลอง


“แต่ทำไมมาเร็วกว่าที่บอกน้องไว้”


“ตอนแรกผมก็เตรียมตัวรอมาอาทิตย์หน้า แต่แม่กังวลครับ กลัวไม่มีคนช่วยแม็กด้านบริหาร”


กมลเนตรเป็นห่วงลูกชายคนเล็ก เพราะไม่มีประสบการณ์งานบริหารโดยตรงก็ว้าวุ่นนอนไม่หลับ กระทั่งตัดสินใจส่งลูกคนโตมาเร็วกว่าที่คุยกันไว้


“ดีแล้ว...อีกหลายวันบริษัทเปิด พี่คงมีเวลาพักผ่อนก่อนจะสอนงานผมแบบจริงจัง”


บรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอวล นั่งกินข้าวกันพี่น้องและน้าหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานาน