ผู้ใหญ่,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Chapter2 ทำงาน
บ่ายสามของวันเสาร์ เวย์มาถึงคอนโดของเอมแล้วโทรให้เธอลงไปรับเพราะเข้ามาไม่ได้เนื่องจากไม่มีคีย์การ์ด
“แล้วหอบอะไรมาเยอะแยะ” เธอพูดกับผู้ชายผมเทาตรงหน้า ที่หลังมีกระเป๋าเป้ สองมือมีถุงข้าว ถุงขนมเต็มไม้เต็มมือ ที่กะว่าไม่ต้องออกไปซื้ออะไรเลย เธอเอื้อมมือไปตั้งใจจะช่วยถือแต่โดนปฏิเสธ ไม่ให้ถือก็ไม่ถือ เอมเดินนำไปที่ลิฟต์อีกฝ่ายเดินตามต้อยๆ
“ทำวันเดียวอาจจะไม่เสร็จ เนื้อหาเยอะ ต้องค่อยๆ ทำอีก อาจารย์เป๊ะมาก ไม่งั้นได้คะแนนน้อยแน่ๆ” เสียงทุ้มว่าขณะที่อยู่ในลิฟต์ ซึ่งมีเพียงเขาและเธออยู่สองคน
“งั้นวันนี้ก็ทำให้งานเดินได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ก็แล้วกัน” เธอถอนหายใจก่อนตอบกลับ
“ไม่ต้องถอนหายใจขนาดนั้น อยู่กับเราไม่ต้องกลัว แต่ต้องอ่าน ต้องท่องดีๆ เผื่ออาจารย์ถามจี้ตอนพรีเซน ช่วยกันตอบไม่ได้ด้วยเขาจะถามทีละคน เดี๋ยวเราช่วยไกด์ให้ว่าตรงไหนบ้าง” คนสูง 180 ว่าเสียงเรียบ
เอมมาลินไม่ได้ตอบอะไร สักพักก็ถึงชั้นแปดที่อีกฝ่ายก็คุ้นเคยดี
“เข้ามา” เธอเอ่ยเพื่อเป็นการย้ำว่าอนุญาตแล้ว
“นั่งไหนได้บ้าง” เสียงทุ้มกับท่าทางเก้ๆ กังๆ
“นั่งได้หมด ถ้าอยากนั่งบนตู้เย็นก็นั่งได้” เธอว่าแล้วเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบน้ำมาให้คนตัวโตกว่า
“กวน” ร่างสูงบ่นเบาๆ แต่เอมก็ยังได้ยินอยู่ดี
เวย์นั่งลงที่พื้นวางแมคบุ๊คลงบนโต๊ะญี่ปุ่น มันต้องใช้พื้นที่เยอะต้องพื้นเท่านั้น ไหนจะหนังสือที่เปิดดูเพื่อเปรียบเทียบกัน ไหนจะกระดาษที่เอาไว้เขียนเค้าโครงอีก
“ทำที่พื้นเหรอว่ะ”
“พื้นดีสุด ต้องใช้พื้นที่เยอะ” อีกฝ่ายตอบแล้วเปิดหนังสืออย่างกระตือรือร้น เธอนั่งลงตรงข้ามแล้วฟังเขาอธิบายกับขอบเขตงานที่อาจารย์สั่งจนเข้าใจ แล้วเธอจึงเดินไปหยิบแมคบุ๊คของตัวเองเพื่อช่วยเวย์หาข้อมูล ส่วนเวย์ก็พิมพ์ๆ ไป ขีดเขียนอะไรไม่รู้เต็มไปหมดบนกระดาษเอสี่ตรงหน้า ตอนที่ตั้งใจทำงานเขาก็ดูแอบน่ากลัวไปบ้าง เพราะกำลังอยู่ในโหมดซีเรียส
เธอพยายามชวนเวย์คุยเพราะจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดเกินไปจนทำงานด้วยกันยาก แต่การที่เธอทำแบบนี้มันก็ยากสำหรับเธออยู่ดี จากคนที่อยู่เซคเดียวกันแต่แทบไม่มองหน้ากันด้วยซ้ำไป อีกฝ่ายก็พอจะมองออกว่าสิ่งที่เธอยอมทำแบบนี้มันเพราะงาน
เสียงขยำกระดาษพร้อมกับเสียงถอนหายใจจากเจ้าของกลุ่มผมสีเทา ทำเอาคนตรงหน้าหันไปมองมือกำขยำกระดาษ ไม่รู้เขาทำไปเพื่ออะไร แต่ดูสีหน้าแล้วเหมือนกับไม่พอใจอะไรบางอย่าง
“หงุดหงิดอะไร ขอโทษที่โง่ อยู่กับเรางานก็เลยเดินช้าหน่อย ถ้าเวย์ได้อยู่กับคนเก่งๆ งานอาจจะเดินไวกว่านี้ก็ได้”
“อะไร ไม่เกี่ยวเลย เราไม่ได้หงุดหงิดเอม ตรงนี้เนื้อหามันเยอะ ไม่รู้จะสรุปมายังไง การขยำกระดาษไม่ได้แปลว่าเราโมโหเว้ย อีกอย่างมันเป็นกระดาษเศษนะ เอมลองขยำดูสิ มันช่วยอะไรไม่รู้ แต่สบายใจขึ้นนะ เครียดอยู่เราดูออก คิ้วเป็นปมขนาดนั้น” เขาว่าพร้อมยื่นกระดาษที่เต็มไปด้วยรอยขีดเขียนจากลายมือของเขา อีกคนขยำตามที่เขาบอกทันที แล้วทำหน้านิ่งและกลับมาโฟกัสที่หน้าจอของตัวเองต่อ
“เราใจเย็นและมีเหตุผลมากกว่าเดิมเยอะแล้ว เราไม่เหมือนตอนนั้นแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ย ขณะที่สายตายังโฟกัสอยู่ที่หน้าจอ
“ยินดีด้วย ก็ดีแล้วที่ไม่เหมือนเดิม เพราะเราก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว” อีกฝ่ายถึงกับชะงักเพราะหลายประโยคของเธอมันช่างดูประชดประชัดและกำกวม แต่ไม่เป็นไร เต็มที่เลยเอมมาลิน
นั่งนานๆ ยิ่งนั่งพื้นก็ยิ่งเมื่อย เธอเหยียดเท้าไปข้างๆ พลางบิดขี้เกียจไปด้วย
“เมื่อยเหรอ” เสียงทุ้มถาม
“อือ”
“วางไว้นี่” เวย์กล่าวแล้วขยับมาใกล้เธอมากขึ้น ยกเท้าเธอมาวางบนตักของเขา
“จะทำอะไร ไม่ต้อง” เธอพยายามปฏิเสธแต่ถูกมือหนาคว้าเอาไว้แล้วนวดให้อย่างหน้าตาเฉย แต่แบบนี้ก็รู้สึกผ่อนคลายดีเหมือนกันนะ
“พอแล้ว” เธอว่า แต่อีกคนก็ยังรั้นจะนวดต่อให้ได้ อยากนวดนักก็ตามใจ
“ดีขึ้นไหม” เวย์ถาม
“อือ ขอบคุณ เวย์ไม่เมื่อยเหรอ”
“ทำไม จะนวดให้เหรอ” เขาอมยิ้ม
“ไม่” เธอตอบเสียงแข็ง
“ก็พอจะรู้คำตอบ”
เธอเบ้ปากแล้วมาโฟกัสที่งานอย่างเดิม