ผู้ใหญ่,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Chapter8 เวย์กำลังแย่
ช่วงเวลาที่ไม่อยากให้มาถึง ก็มักจะมาถึงเร็วเสมอ วันนี้เป็นวาระแห่งการพรีเซนต์งานของอาจารย์อิสรินทร์ ต่อให้เตรียมตัวมีดีแค่ไหนก็ตื่นเต้นอยู่ดี พรีเซนต์ไม่หมดทั้งห้องหรอกแค่คลาสเดียว แต่คิวของเวย์กับเอมก็อยู่ในวันนี้ จะว่าดีก็ดีที่รีบๆ พรี รีบๆ เสร็จๆ ไป แต่มองอีกมุมก็ไม่มีเวลาทำใจเลย
ลน คนที่ลนกว่าเวย์คือเอม เธอเตรียมตัวมาดีแล้วแต่ก็กลัวอาจารย์ยิงคำถามมาแล้วตอบไม่ได้ กลัวจะฉุดอีกคนให้คะแนนน้อยไปด้วยนี่สิ
“เอม ตื่นเต้นเหรอ” เจ้าของผมสีเทาถาม อีกฝ่ายพยักหน้าตอบ
“ไม่ต้องตื่นเต้นหรอก เตรียมตัวมาดีแล้ว ถ้าอาจารย์ถามแล้วตอบไม่ได้จะหักคะแนนก็หัก ไม่เห็นเป็นไร ทำดีที่สุดแล้ว ไว้เก็บคะแนนสอบเอาก็ได้” เจ้าของเสียงทุ้มกล่าว
“เอาตรงๆ ส่วนตัวเราไม่ซีเรียสเท่าไหร่ กลัวทำให้เวย์คะแนนน้อยไปด้วยดิ”
“อย่าพูดแบบนั้น เราก็ผิดได้เหมือนกัน คนรอบคอบก็พลาดได้” ใช่ ในเรื่องงาน เขาเป็นคนรอบคอบมาก เป็นคนรอบคอบที่ลืมดูแลรักษาหัวใจคนรัก จนกลายเป็นคนแปลกหน้ากันอยู่ตอนนี้
“คู่รักรีเทิร์นหรือเปล่า”
เฟย์ทำทีพูดให้ทั้งคู่ได้ยิน แต่ไม่มองหน้า
“เฟย์ หุบปาก” เอมหันขวับไปด้านหนังที่มีเฟย์กับกะหล่ำนั่งอยู่
“อะไร คุยกับกะหล่ำ ร้อนตัวว่ะ” เฟย์ว่า
เอมหันไปมองค้อนแล้วก้มอ่านสคริปท์ต่อ ส่วนเวย์ก็นั่งข้างๆ เอมนั่นแหละ ได้แต่นั่งอมยิ้มกรุ้มกริ่ม
เมื่อถึงเวลาเริ่มเรียนอาจารย์ก็เป๊ะเกิน ไม่มีเหลดสักวิ รังสีอำหิตก็มาเยือนห้อง 302 ที่นักศึกษาแต่ละคนกำลังเตรียมตัวอย่างตึงเครียด
คู่แรกที่พรีเซนต์คือเวย์กับเอม ทั้งคู่กดดันกันมากเพราะไม่มีตัวอย่างของคู่ก่อนๆ ให้ดูเลย
“อ่า คู่นี้ทำได้ดีมาก แสดงว่าเตรียมตัวมาดี ตอบคำถามอาจารย์ได้ พูดคล่อง ฉะฉาน นี่คือตัวอย่างที่ดีนะคะนักศึกษา”
จบการพรีเซนต์ก็มีแต่คำชม เกินคาดมาก
หลังจากพรีเซนต์จบเวย์กับเอมก็แยกกันนั่ง เอมเดินไปนั่งกับกะกล่ำและเฟย์
“เอม พรีเซนต์ดีมาก เหมือนนักข่าวเลย พูดคล่องมาก” กะหล่ำเพื่อนซี้ ถึงกับเอ่ยชม
“จริงเหรอว่ะ มึงรู้ไหมกูเกร็งมาก ฝึกหน้ากระจกเป็นล้านรอบ ผ่านไปได้สักที จะเป็นลม”
หลังจากนั้นเพื่อนคนอื่นๆ ก็ออกไปพรีเซนต์ตามคิวที่อาจารย์จัดไว้ให้ บางคู่ก็มีคำชม บางคู่ก็มีคำติบ้าง จบคลาสไปอย่างตึงๆ เป็นระยะเวลาที่รู้สึกว่ายาวนานและผ่านมันไปช้าเสมอ สำหรับคลาสของอาจารย์อิสรินทร์
หลังจากเลิกเรียนสามสาวก็ไปเดินเล่นชิวๆ กันหน่อยที่ตลาดหน้ามอ เดินกันไปอย่างไร้จุดหมาย ถูกใจร้านไหนก็แวะ แต่มหา’ ลัย มันก็เล็กแค่นี้ เดินไปเจอกับผู้ชายผมเทาที่มากับแก๊งเพื่อน เขามองหน้าหญิงสาวผมสั้นเหมือนรอให้ทักเขา แต่เปล่า เธอกลับเบือนหน้าหนี และรีบเดินออกไปจากตรงนั้น เขาได้แต่มองตาม อยากจะทักก่อนแต่ก็ไม่กล้า รอให้เธอทักนอกจากจะไม่ทักแล้วยังเดินหนีอีก
“เป็นไรว่ะ” เฟย์ถามอย่างไม่รู้สาเหตุที่โดนเอมลากทั้งเฟย์และกะหล่ำออกมาจากร้านลูกชุบ
“เวย์ๆ” เธอพูดเบาๆ มันเป็นปกติที่เธอจะเลี่ยง จนเพื่อนรู้กันดี เพียงแค่เห็นหน้าเวย์ แต่ที่เฟย์ถามเพราะเธอไม่ทันได้สังเกตเห็นเวย์
“อ่อๆ” เฟย์ตอบอย่างเข้าใจ
เดินตลาดได้สักพักก็แยกย้ายกันกลับ ระยะทางจากมหา’ ลัย กลับคอนโดของเธอก็ไม่ได้ห่างไกลอะไร แป๊บๆ ก็ถึง
เมื่อถึงคอนโดเธอก็รีบอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัว ใส่ชุดนอน แล้วนอนเล่นมือถือบนเตียง ทว่าจะหลับตอนไหนก็หลับเพราะวันนี้วิชาของอาจารย์อิสรินทร์ดูดพลังไปมากพอสมควร
(ว่าไงเวย์)
(จะมาหาเหรอ ได้ๆ)
(สี่ทุ่มนะ)
(งั้น เราเอากุญแจกับคีย์การ์ดไปฝากไว้ที่นิตินะ กลัวเราเผลอหลับไปก่อน เวย์มาก็ไปบอกตรงเคาน์เตอร์ได้เลย)
(ได้ๆ)
นิติบุคคลเป็นผู้หญิง สนิทกับเธอจนไว้ใจได้ในระดับหนึ่งเลยล่ะ
จริงๆ แล้วตอนนี้เธอก็ยังไม่ง่วง แต่กว่าจะถึงสี่ทุ่มก็ไม่แน่ เธอเดินเอากุญแจและคีย์การ์ดไปทิ้งไว้และบอกว่าจะมีผู้ชายผมเทาตัวสูงๆ มาเอา ไม้พ้นโดนแซวว่า “แฟนละสิ น้องเอม” เธอได้แต่ยิ้มรับแล้วเดินกลับขึ้นห้องไป
จู่ๆ ก็จะมาหา กฎนี้เอมเป็นคนตั้งมันขึ้นมา แต่อีกกำลังจะเริ่มใช้ก่อนงั้นเหรอ
กฎนี้เธอตั้งมันเอง เธอรู้ดีว่าเขาจะทวงสัญญาใจที่ได้ให้กันไว้ เอมมาลินเลยตัดสินใจปลดอาภรออกจากร่างกายเหลือเพียงกายเปลือยเปล่าแล้วนอนอยู่ในผ้าห่มหนานุ่ม
เธอปิดไฟแล้วเหลือไว้เพียงโคมไฟใกล้ๆ หัวเตียง นอนจิ้มโทรศัพท์มือถือเพราะยังไม่รู้สึกง่วง
สักครู่ใหญ่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงเท้าคนเดินเข้าใกล้มาเรื่อยๆ เขาเคาะประตูห้องนอนอย่างไม่ได้รอคำตอบเพราะเธอบอกเอาไว้แล้วว่าอาจจะหลับไปก่อน เสียงเท้าเบาๆ เดินอย่างระแวงว่ากลัวคนที่นอนอยู่จะตื่นเพราะเสียงดังแต่แท้จริงแล้วเธอไม่ได้หลับ
“เอม หลังยัง”
“ยัง”
คนที่เพิ่งมาถึงทิ้งตัวนอนอย่างเหนื่อยล้า
“เอม อย่าไว้ใจคนง่ายสิ เราดูไม่ออกหรอก ว่าใครจะเป็นยังไง” เสียงทุ้มกล่าว
“เวย์พูดถึงเรื่องอะไร เรางง”
“ก็กุญแจกับคีย์การ์ดไง ทีหลังอย่าไว้ใจใครง่ายๆ อีก เราว่าจะบอกตอนคุยโทรศัพท์กับเอมแล้ว แต่ตอนนั้นยุ่งๆ อยู่”
“แล้วเวย์เป็นไร ทำไมเสียงเป็นแบบนี้ ร้องไห้เหรอ”
“แสงจากโคมไฟแค่นี้เอมก็ดูออกเลยเหรอ ก็ต้องยอมรับแล้วแหละ โกหกเอมได้เคยได้สักครั้ง”
“เล่าไหม”
“เรื่องที่บ้าน”
“งั้นไม่ต้องเล่า” เธอว่าเสียงเบา
เรื่องที่บ้านเป็นสิ่งที่เขาอ่อนไหวมาก แค่เขาพูดว่าเรื่องที่บ้านเอมก็เข้าใจได้ทันที พ่อกับแม่ของเวย์มีปัญหากันมานานแล้ว เวย์เคยเล่าให้ฟังว่าเป็นเรื่องมือที่สาม ที่เอมต้องเบรกไม่ให้เล่าเพราะเล่าทีเราเขาร้องไห้จนตัวโยนทุกที
“เอมปลอบเราหน่อยได้ไหม”
“กอดไหม”
หลังจากประโยคนี้ของเธอ เขาเลื่อนตัวขยับไปใกล้เธอมากขึ้น มือเล็กๆ ของเธอเลื่อนมากอดเขาเอาไว้แน่น เธอจูบลงที่หน้าผากเขาเบาๆ
“ถ้าตอนนี้เรามีเอมคงดีกว่านี้”
“เราก็อยู่นี่แล้วไง”
“โอบกอดแค่ตัวกับโอบกอดทั้งหัวใจ ความรู้สึกมันต่างกัน”
ประโยคนี้ทำเอาเอมถึงกับไปไม่เป็น ทำได้เพียงลูบหลังของคนที่เริ่มสะอื้นแทนคำปลอบโยน
“เราน่าสมเพชไหมเอมที่ต้องมาขอร้องให้แฟนเก่าปลอบ เรื่องนี้เราไม่อยากอ่อนแอให้ใครเห็นเลย นอกจากเอม” ผู้ชายใจร้อน ดื้อรั้น ถึงคราวร้องไห้ ถึงคราวเศร้าก็ร้องไห้จนแทบขาดใจ
“ถึงไม่ขอ เราก็ปลอบเวย์อยู่แล้ว จะปล่อยให้เศร้าคนเดียวได้ยังไง”
“เป็นเอมที่ใจดีตลอดเลย”
“ร้องไห้จนปวดหัวอีกแล้วสินะ”
“อืม รู้ทันอีกแล้ว”
“ไปกินยาเลย อยู่ที่เดิม” เจ้าของห้องกล่าว เพราะร้องไห้ทีไร เขาก็ร้องจนปวดหัวทุกทีเลย
“ไปหยิบให้หน่อยได้ไหม”
“ไม่เอา เราโป๊อยู่” เธอว่าเสียงเบา
“แล้วเป็นไร เรามองไม่เห็นหรอก มันมืด”
ตอนนี้เวย์กำลังแย่ ฟังจากน้ำเสียงตอนพูดจา เสียงสะอื้น เขาเจ็บปวดมากจริงๆ เจ้าของห้องไม่ได้ใจดำถึงขนาดปล่อยให้เขานอนปวดหัวอยู่แบบนั้นได้ ก็ต้องลุกไปหยิบน้ำ หยิบยาให้เขา
เจ้าของผมสีเทามองตามหญิงสาวที่กายเปลือยเปล่า แม้มีเพียงแสงจากโคมไฟก็ไม่ได้ทำให้เห็นสรีระของเธอชัดน้อยลงเลย
“เวย์ ลุกมากินยาเร็ว” เธอเดินกลับมาพร้อมยาแก้ปวดและแก้วน้ำในมือ ผู้ชายที่เพิ่งหยุดร้องไห้ก็ลุกขึ้นมาตามที่อีกฝ่ายบอก ระหว่างหยิบยาและแก้วน้ำก็อดใจที่จะมองร่างเปลือยเปล่าตรงหน้าไม่ไหว
เขาวางแก้วน้ำบนโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ เตียง แล้วคว้าเอวเธอมากอด แล้วซบลงตรงเหนือสะดือ
“ดีขึ้นไหม”
“เพิ่งกินเองไหม ยาออกฤทธิ์ไวขนาดนั้นเลยเหรอ”
“หมายถึงหัวใจ”
“ได้กอดเอมก็ดีขึ้นเยอะเลย”
“งั้นก็อยู่กอดเราทั้งคืนนี่แหละ”
เอมมาลินไปนอนที่เตียงอย่างเดิมโดยมีอีกคนกอดไม่ยอมปล่อย
“จูบได้ไหม” เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางขยับหน้าเข้าไปใกล้ๆ เธอ
“อื้อ”
ทันทีที่เธออนุญาตอีกฝ่ายก็บรรจงกดปากไปที่ริมฝีปากอันสวยได้รูป ดูดดื่มอย่างเร้าร้อนขึ้นเรื่อยๆ มือซุกซนสัมผัสไปตามส่วนโค้งเว้าของเธอ ปากของเขาสัมผัสต่ำลงไปยังซอกคอและเนินอกทั้งคู่ ลิ้นร้ายสัมผัสสลับกับขบเคี้ยวอย่างโหยหา ความปรารถนาของการมาหาเธอครั้งนี้ความตั้งใจแรกคือหวังให้เธอปลอบส่วนที่เหลือนั้นเป็นกำไร
นิ้วของเวย์สัมผัสไปที่ใต้สะดือของเธอ เจ้าของเรือนร่างอ้าขากว้างอย่างสนองให้
“อื้อ” เธอครางเสียงหวาน
“เราขอนะ”
“อื้อ”
นิ้วร้ายของเขายังคงเค้นคลึงไปยังติ่งสวาท ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแท่งร้อนเข้าไปโดยใช้นิ้วนำทาง เขาค่อยๆ กดเอวถี่ขึ้น จนคนที่นอนอยู่บิดแก่นกายเพราะความเสียว
แสงไฟสลัวๆ กับคนรักเก่าที่กำลังสนองสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างต้องการให้กันและกัน อย่างดุดันสลับกับอ่อนโยน