ต่างคนต่างเหนื่อยกับความสัมพันธ์และต่างคนต่างกระหายฝันของตัวเองมากจนหาจุดสมดุลของความรักครั้งนี้ไม่เจอ กระหายฝันจนต้องสูญเสียคนรักไปจากชีวิต

โทษารมณ์ - chapter 2 ยินดีด้วย แม้ไม่ใช่สถานะเดิมก็ตาม โดย พวงพะยอม @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,อีโรติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โทษารมณ์

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่

แท็คที่เกี่ยวข้อง

อีโรติก

รายละเอียด

ต่างคนต่างเหนื่อยกับความสัมพันธ์และต่างคนต่างกระหายฝันของตัวเองมากจนหาจุดสมดุลของความรักครั้งนี้ไม่เจอ กระหายฝันจนต้องสูญเสียคนรักไปจากชีวิต

ผู้แต่ง

พวงพะยอม

เรื่องย่อ


เวลางานของมูนคือช่วงกลางคืนแม้จะเป็นงานที่รักก็มีง่วงมีเพลียกันบ้าง สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็ไม่พ้นกาแฟไว้เหนี่ยวรั้ง มูนใช้มือซ้ายเท้าคางมือขวาพลางหยิบแก้วกาแฟที่วางไว้ใกล้ๆ บรรยากาศช่างดูเงียบงันทำให้นึกถึงคนคอยเตือนคอยห้ามในตอนที่อัดกาแฟหนักๆ คนนั้นเป็นคนรักเก่าของเธอเอง จะว่าคนรักเก่าก็ไม่เชิงเพราะมูนยังไม่เคยพูดว่าไม่รักด้วยซ้ำไป



โคมไฟที่เปิดสว่างโร่อยู่บนโต๊ะทำงานก็ยังคงใช้ของพี่เมฆที่เป็นคนซื้อให้ รูปคู่ที่ฝาผนังก็ยังคงติดอยู่และยังไม่คิดจะทิ้ง โทนห้องสีขาวนวลเป็นสีที่พี่เมฆชอบ พี่เมฆกับมูนเป็นคู่รักที่เลิกรากันไปแล้วตอนที่มูนเรียนจบปริญญาตรีใหม่ๆ

สารบัญ

โทษารมณ์-chapter 1 การกลับมา,โทษารมณ์-chapter 2 ยินดีด้วย แม้ไม่ใช่สถานะเดิมก็ตาม,โทษารมณ์-chapter 3 ขอโอกาส,โทษารมณ์-chapter 4 อยู่กับมูน,โทษารมณ์-chapter 5 ทะเลกับมูน,โทษารมณ์-chapter 6 มีเรา,โทษารมณ์-chapter 7 แยกจาก,โทษารมณ์-chapter 8 กว่าจะเป็นมูน,โทษารมณ์-chapter 9 เรื่องของเรา,โทษารมณ์-chapter 10 safe zone ,โทษารมณ์-chapter 11 เจ็บ,โทษารมณ์-chapter 12 โลกของเมฆ,โทษารมณ์-chapter 13 ดริ้งค์,โทษารมณ์-chapter 14 book café,โทษารมณ์-chapter 15 เจ้าของคาเฟ่,โทษารมณ์-chapter 16 ครบรอบ,โทษารมณ์-chapter 17 พร้อมยัง

เนื้อหา

chapter 2 ยินดีด้วย แม้ไม่ใช่สถานะเดิมก็ตาม




มูนเลือกเดรสสีโอรสพอดีตัวที่ขับกับผิวขาวนวลของเธอ แต่งหน้าอ่อนๆ แต้มกลิตเตอร์ที่เปลือกเล็กน้อย คู่กับกระเป๋า crossbodyใบโปรดสีดำ หยิบกุญแจรถเป้าหมายเพื่อไปแสดงความยินดีกับพี่เมฆในวันรับปริญญา เธอชวนมะลิไปเป็นเพื่อนด้วย ไปรับดอกไม้ที่โทรสั่งเอาไว้ก่อนจะไปถึงงาน



ท่ามกลางผู้คนคับคั่งเธอเดินหาพี่เมฆพร้อมดอกไม้ในมือใช้เวลาพักใหญ่ๆ กว่าจะหาตัวพี่เมฆเจอตามที่นัดหมายกันไว้ มีคนมากหน้าหลายตารายล้อมพี่เมฆอยู่ ทั้งครอบครัว เพื่อนฝูง มูนรู้จักบ้าง ไม่รู้จักบ้าง แต่เธอสะดุดตากับผู้หญิงเสื้อแดงคือคนเดียวกันกับที่ถนนคนเดินเมื่อวันก่อน มูนใจกระตุกเบาๆ ก่อนจะตรงไปที่พี่เมฆ ไม่ได้ผลีผลามเข้าไปรอให้พี่เมฆสะดวกเสียก่อน “มูนครับ ทางนี้” เมฆไม่พูดเปล่า เอ่ยพร้อมกวักมือเรียกหยอยๆ

“ค่ะๆ ” มูลตอบรับ พร้อมเดินไปหาเมฆ

“มูนชวนมะลิมาด้วยนะ” พูดพร้อมชี้ไปทางมะลิที่คุยโทรศัพท์อยู่

“ครับๆ ”

“ยินดีด้วยนะคะพี่เมฆ” พูดพลางยื่นช่อดอกไม้ให้

“ให้นี่รู้ความหมายหรือเปล่า หรือว่าให้เฉยๆ ”

“รู้สิคะ รู้ดีด้วย ดอกทานตะวันตัวแทนความภักดี เหมือนดั่งที่ไม่เคยมองใครนอกเสียจากพระอาทิตย์” พูดด้วยใบหน้ายิ้มกริ่มๆ

“ขอบคุณที่มานะครับ ไม่คิดว่าจะมาจริงๆ ” ลูบหัวมูนเบาๆ

“มาสิคะ ทำไมจะไม่มา”

“ยินดีด้วยนะคะพี่เมฆ” มะลิว่า

“ขอบคุณที่มานะมะลิ”

“เดี๋ยวพี่ต้องไปถ่ายรูปรวมก่อน ขอบคุณอีกครั้งนะครับ” พูดด้วยท่าทีรีบๆ พร้อมวิ่งไปโบกมือลาแล้วก็หายลับไปกับฝูงชน



“กลับกันเถอะมะลิ”

“โอเค”



เดินไปที่ลานจอดรถอย่างระมัดระวังทั้งผู้คนทั้งรถราแน่นขนัด “มะลิว่าผู้หญิงเสื้อแดงคนนั้นเป็นอะไรกับพี่เมฆ” มูนถามเพื่อนสาวขณะขับรถ “ก็เพื่อนกันละมั้ง” มะลิพูดพร้อมทำหน้าเหมือนนึกอะไรบ้างอย่าง



“แต่ถ้าเป็นเพื่อนก็คงจะสนิทกันมากอยู่นะ” มะลิออกความเห็น

“หรือ...แฟนใหม่พี่เมฆ”

“ทางที่ดีคืออย่าคิดไปเอง อยากรู้ต้องถาม”

“บ้า จะถามก็แปลกๆ ป่าว ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว”

“ก็จริง”



“มะลิหิวป่าว” มูนถาม

“นิดหน่อย”

“เพราะงั้นก่อนกลับบ้านแวะคาเฟ่กัน”



เป็นคาเฟ่เล็กๆ เงียบๆ ในร้านมีที่นั่งอยู่สองสามโต๊ะ เพื่อนรักนั่งเสวนากันอยู่พักหนึ่ง “มะลิว่าพี่เมฆกลับมาทำไม” มูนถามมะลิด้วยความสงสัย งงๆ ที่อยู่ดีๆ ก็ชวนมางานรับปริญญาซึ่งเป็นวันสำคัญทั้งที่ไม่ได้ติดต่อกันมาร่วมสองปี “คำเดิม อยากรู้ก็ต้องถาม เราจะมานั่งนึกเองไม่ได้” คำตอบธรรมดาของมะลิทำให้มูนฉุกคิดอะไรได้หลายอย่างเลยทีเดียว เพราะตอนที่คบกับพี่เมฆ เธอสงสัยอะไรหรืออยากรู้อะไรก็ไม่ค่อยถามเอาแต่คิดไปเองซึ่งไม่มีทางรู้เลยว่า เรื่องไหนจริง เรื่องไหนไม่จริง ส่วนอีกคนก็ไม่ค่อยอธิบายอะไรเลยจริงๆ การเงียบ การไม่ถาม บางทีก็มีข้อเสียเหมือนกัน เงียบสะสม เงียบจนต้องเปลี่ยนสถานะเป็นคนเคยรักหรือแฟนเก่า



ไม่นานก็กลับบ้านกัน มูนไปส่งมะลิที่บ้านก่อน ถึงบ้านของเธอก็เห็นแม่จัดแจงโต๊ะอาหารไว้รอแล้ว



“เป็นไงบ้างอะ?”

“แม่หมายถึงอะไร?”

“ก็..... กลับไปคบกับพี่เมฆคืนเหรอ?”

“เปล่า พี่เค้าแค่ชวนไปเฉย ๆ เองแม่”

“งั้นเหรอ”



มูนสาวเท้าขึ้นบันไดไปที่ห้องของเธอเดินตรงไปที่ระเบียงห้องกับตะวันโพล้เพล้รอดูพระจันทร์ ดื่มด่ำบรรยากาศที่เริ่มเห็นจันท์ชัดขึ้นเรื่อยๆ ลมพัดตีหน้าเบาๆ กับใจที่จู่ๆ กลับเหี่ยวเฉาขึ้นมา คืนนี้พระจันทร์ไม่สวยเลย ไม่ได้ผิดที่ดวงจันทรา แต่ผิดที่ใจคนมองคือ มูน โทษารมณ์ คนนี้ต่างห่าง



เสียงไลน์ดังขึ้นมูนเดินเข้ามาหยิบสมาร์ทโฟนที่วางไว้บนโต๊ะทำงาน

“อยู่ไหนครับ กลับบ้านยัง”

“อยู่บ้านค่ะ”

“ขอโทษนะครับวันนี้ชวนคุยไม่เยอะ ดูแลไม่ดีเลย”

“ไม่เป็นไรเลย ก็พี่เมฆยุ่งนี่คะ”

“ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่ยังมาหากัน”

“พี่เมฆ ถามตรง ๆ นะ กลับมาทำไม” เธอรวบรวมความกล้ามหาศาลกว่าจะกล้าส่งข้อความอะไรแบบนี้กลับไป แต่ครั้นปล่อยไว้ก็คลุมเครือ ถามให้กระจ่างไปเลยยังดีกว่า อย่างที่มะลิบอก สงสัยก็ต้องถาม



“ถ้าบอกตรงๆ มูนจะเชื่อไหมว่าสองปีที่หายไปพี่คิดถึงมูนตลอด ยิ่งหายก็ยิ่งชัดขึ้นว่าอยากมีมูนอยู่ในชีวิต ไม่รู้ว่ามูนจะคิดเหมือนพี่หรือเปล่า แต่ก็ขอบคุณที่ไม่หายไปไหน ขอบคุณที่ยังยินดีกับพี่ แต่พี่ไม่รู้จะเข้าหามูนอีกครั้งยังไงดี พี่รู้ว่าถ้าชวนมางานแบบนี้มูนไม่ปฏิเสธแน่ๆ พี่รู้ดี” เมฆพิมพ์ไปขณะที่กระบอกตาเริ่มร้อนขึ้น น้ำตาเริ่มคลอเบ้า

“ใช่ พี่เมฆรู้จักมูนดี” มูนตอบกลับเพียงแค่นี้ ไม่ได้สาธยายอะไรให้พี่เมฆได้รับรู้ความรู้สึก และบทสนาก็จบลง



มูนเดินกลับไปที่ระเบียงอีกรอบมองเมียงพระจันทร์ ดวงดาวประกายระยิบระยับ แม้เธอจะมองว่าคืนนี้จันท์ไม่สวยนักก็ยังคงยืนมองอยู่อย่างนั้น ยืนมองจนอิ่ม ยืนมองจนพอใจก่อนจะลงไปเล่นกับเจ้าละม่อมและมีเสียงทีวี เสียงแม่ก๊อกๆ แก๊กๆ อยู่กับจักรเย็บผ้าของเธอ



“แม่กับพ่อเคยไม่เข้าใจกันไหมคะ”

“เคยสิลูก” แม่ตอบด้วยรอยยิ้ม

“ถ้าพี่เมฆกลับมา แม่คิดว่าหนูควรทำยังไงดีคะ หนูควรกลับไปดีไหมคะแม่”

“กลับไม่กลับขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของมูนนะลูก ส่วนในอนาคตจะดีหรือไม่ดีก็ไม่มีใครล่วงรู้ได้หรอกลูก แม้กระทั่งพี่เมฆหรือมูน ถ้าลูกทั้งสองยังรักกันจะกลับไปอยู่สถานะเดิมก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด อย่ากังวลกับอนาคตมากเกินไปจนสูญเสียเวลากับปัจจุบันเลย แม่รักมูนนะลูก ไม่ว่าลูกจะตัดสินใจยังไง แม่จะอยู่ข้างๆ มูนเอง”



“ดึกแล้วลูก ขึ้นไปนอนเถอะ”

“ค่ะแม่”



ยี่สิบสองนาฬิกาสี่สิบนาทีเสียงไลน์ดังขึ้นอีกครั้ง มูนเอื้อมมือหยิบสมาร์ทโฟนมาดูเป็นข้อความจากพี่เมฆ “ถ้าพี่อยากจะทำให้มูนรักพี่เหมือนเดิม อยากอยู่กับพี่เหมือนที่ผ่านมา พี่ต้องทำยังไง อยากเป็นคนสำคัญในชีวิตเหมือนเคยแต่รักษามันไว้ไม่ได้ ถ้าพี่ขอโอกาสอีกครั้ง มันดูมากไปไหม” เธอกดอ่านข้อความที่พี่เมฆส่งมา กึ่งดีใจ กึ่งสงสัย ดีใจที่พี่เมฆยังรู้สึกแบบเดียวกับเธอ อีกใจก็สงสัยว่าผู้หญิงที่เจอที่ถนนคนเดิน ผู้หญิงเสื้อแดงคนที่เห็นวันนี้คือใคร

“แล้วแฟนพี่เมฆละคะ” ไม่คิดไปเองอีกต่อไปแล้ว ถามก็ถาม สงสัยก็ต้องถาม มะลิบอกไว้

“แฟน...? พี่ไม่มีแฟน เลิกกับมูนก็ไม่มีใครอีกเลย”

“ผู้หญิงเสื้อแดงละคะ”

“ฮะ! นั่นพี่ปุ้ย เป็นญาติกัน ลูกของลุงที่เรียนต่างประเทศไง ที่พี่เคยเล่าให้ฟังบ่อยๆ แต่มูนกับพี่ปุ้ยไม่เคยเจอกันสักที เพราะ.... เพราะเลิกกันก่อน”

“...” มูนยิ้มกับข้อความที่พี่เมฆส่งมา

“ถ้าพรุ่งนี้พี่ชวนไปเที่ยวหรือชวนไปคาเฟ่หรือที่ไหนก็ได้ที่มีพี่กับมูน มูนจะไปไหม ยังอยากไปกับพี่อยู่ไหม”



มูนหายจากบทสนทนากับพี่เมฆสักพักใหญ่ๆ เพราะโทรไปปรึกษามะลิ คำตอบที่ได้คือไม่ต่างจากแม่ ถ้าเป็นข้อสอบอาจารย์คงคิดว่าลอกกัน คงเจอปรับตกทั้งคู่แน่ๆ



“ชวนก็ไป” เก็บอาการมากแม้ว่าในใจจะปริ่มมากก็ตาม

“งั้นพรุ่งนี้สิบโมงพี่ไปรับนะ อยากไปจริงปะเนี่ย ไม่ใช่เพราะเกรงใจนะ”

“อยากไปจริง พรุ่งนี้รอนะคะ”