ต่างคนต่างเหนื่อยกับความสัมพันธ์และต่างคนต่างกระหายฝันของตัวเองมากจนหาจุดสมดุลของความรักครั้งนี้ไม่เจอ กระหายฝันจนต้องสูญเสียคนรักไปจากชีวิต

โทษารมณ์ - chapter 3 ขอโอกาส โดย พวงพะยอม @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,อีโรติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โทษารมณ์

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่

แท็คที่เกี่ยวข้อง

อีโรติก

รายละเอียด

ต่างคนต่างเหนื่อยกับความสัมพันธ์และต่างคนต่างกระหายฝันของตัวเองมากจนหาจุดสมดุลของความรักครั้งนี้ไม่เจอ กระหายฝันจนต้องสูญเสียคนรักไปจากชีวิต

ผู้แต่ง

พวงพะยอม

เรื่องย่อ


เวลางานของมูนคือช่วงกลางคืนแม้จะเป็นงานที่รักก็มีง่วงมีเพลียกันบ้าง สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็ไม่พ้นกาแฟไว้เหนี่ยวรั้ง มูนใช้มือซ้ายเท้าคางมือขวาพลางหยิบแก้วกาแฟที่วางไว้ใกล้ๆ บรรยากาศช่างดูเงียบงันทำให้นึกถึงคนคอยเตือนคอยห้ามในตอนที่อัดกาแฟหนักๆ คนนั้นเป็นคนรักเก่าของเธอเอง จะว่าคนรักเก่าก็ไม่เชิงเพราะมูนยังไม่เคยพูดว่าไม่รักด้วยซ้ำไป



โคมไฟที่เปิดสว่างโร่อยู่บนโต๊ะทำงานก็ยังคงใช้ของพี่เมฆที่เป็นคนซื้อให้ รูปคู่ที่ฝาผนังก็ยังคงติดอยู่และยังไม่คิดจะทิ้ง โทนห้องสีขาวนวลเป็นสีที่พี่เมฆชอบ พี่เมฆกับมูนเป็นคู่รักที่เลิกรากันไปแล้วตอนที่มูนเรียนจบปริญญาตรีใหม่ๆ

สารบัญ

โทษารมณ์-chapter 1 การกลับมา,โทษารมณ์-chapter 2 ยินดีด้วย แม้ไม่ใช่สถานะเดิมก็ตาม,โทษารมณ์-chapter 3 ขอโอกาส,โทษารมณ์-chapter 4 อยู่กับมูน,โทษารมณ์-chapter 5 ทะเลกับมูน,โทษารมณ์-chapter 6 มีเรา,โทษารมณ์-chapter 7 แยกจาก,โทษารมณ์-chapter 8 กว่าจะเป็นมูน,โทษารมณ์-chapter 9 เรื่องของเรา,โทษารมณ์-chapter 10 safe zone ,โทษารมณ์-chapter 11 เจ็บ,โทษารมณ์-chapter 12 โลกของเมฆ,โทษารมณ์-chapter 13 ดริ้งค์,โทษารมณ์-chapter 14 book café,โทษารมณ์-chapter 15 เจ้าของคาเฟ่,โทษารมณ์-chapter 16 ครบรอบ,โทษารมณ์-chapter 17 พร้อมยัง

เนื้อหา

chapter 3 ขอโอกาส



“แม่คะ พี่เมฆจะมารับ” มูนสาวเท้าไปในครัวขณะที่แม่กำลังล้างจานอยู่

“จ้า ก็คิดอยู่ ว่าวันนี้จะแต่งตัวไปไหนแต่เช้า”

“เช้าอะไรแม่ เก้าโมงแล้วเนี่ย”



เมฆขับรถออกจากคอนโดในตัวเมืองมีเป้าหมายคือบ้านของมูนที่อยู่ชานเมือง เป็นเส้นทางรักที่เขาช่ำชองนักเพราะก่อนหน้านั้นเทียวไปเทียวมาอยู่บ่อยๆ หลับตาก็ยังมาถูก แต่ลืมตานั่นแหละดีแล้วเพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเองและผู้ร่วมเส้นทาง ไม่นานก็ถึงบ้านของมูน



เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นมูนรีบสาวเท้าไปเปิดประตูให้พี่เมฆ

“เข้ามาข้างในก่อนค่ะ”

“ครับ” เมฆเดินตามต้อยๆ เกร็งๆ เล็กน้อย ปกติเขามาบ่อยก็จริง แต่มาครั้งนี้ไม่ใช่สถานะเดิมแล้ว แม่ของมูนรักและเอ็นดูราวกับลูกในไส้

“สวัสดีครับแม่” ไม่พูดเปล่า ยกมือไหว้อย่างมีสัมมาคารวะไม่เปลี่ยน

“สวัสดีค่ะ นั่งก่อนลูก”

“สบายดีนะลูก” แม่ถาม

“สบายดีครับ”

“พาออกไปนานๆ ก็ได้นะ แม่ไม่หวง ไปสักอาทิตย์สองอาทิตย์ก็ไม่ว่า อยู่ทำงานทั้งวันทั้งคืน พาไปเปิดหูเปิดตาบ้าง” แม่พูดเย้าหยอกทั้งมูนทั้งเมฆ

“แม่ ไปพูดแบบนั้นได้ยังไง” มูนพูดพร้อมสะกิดแม่เบาๆ

“...” เมฆเอาแต่นั่งยิ้ม ใจหนึ่งก็ดีใจที่แม่ของมูนยังใจดี ยังหยอกล้อ เล่นกับเขาไม่เปลี่ยนเลย

“เดี๋ยวเย็นๆ ผมมาส่งมูนนะครับแม่”

“ตามสบาย”



บรรยากาศในรถเริ่มอึมครึมไร้บทสนทนา ก็นานแล้วที่ไม่ได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้นี่นา

“มูนอยากไปไหนครับ”

“แล้วแต่พี่เมฆ มูนยังไงก็ได้”

“งั้นไปคาเฟ่ใกล้ๆ มหาลัยแล้วกัน ที่เราเคยไปด้วยกันบ่อยๆ ”

“ได้ค่ะ”







ถึงคาเฟ่บรรกากาศดี กลิ่นหอมของกาแฟอ่อน ๆ

“มูนเอาอะไรครับ”

“กาแฟค่ะ”

“ไม่ได้ครับ” เมฆพูดพร้อมเค้นเสียงดุ

“นมสดปั่นก็ได้ค่ะ” ทำหน้าหงิกงอ แต่ก็ไม่ขัด เมฆไม่อยากให้มูนดื่มกาแฟเพราะมูนติดกาแฟมากเกินไป ปกติเขาควบคุมเรื่องอาหารการกินราวกับนักโภชนาการประจำตัวของมูนเลยทีเดียว ทั้งหมดก็เพราะรัก เป็นห่วงมูนทั้งนั้น



บรรยากาศเริ่มอึมครึมอีกครั้งต่างฝ่ายต่างเงียบ

“พี่เมฆชวนคุยหน่อยสิคะ มูนจะหลับแล้ว”

“อดหลับอดนอนอีกแล้วสินะ”

“ก็ปกตินี่คะ” มูนตอบทั้งที่หนังตาจะปิดอยู่แล้ว

“ไปนอนที่คอนโดพี่ก่อนไหม”

“ทะลึ่งละ”

“ทะลึ่งอะไร กลัวพี่เหรอ?”

“พี่เป็นฆาตกรต่อเนื่องเหรอคะ ทำไมมูนต้องกลัว”

“ยุงยังไม่กล้าตีเลย” เมฆว่า

“งั้นก็ได้ค่ะ มูนรู้สึกมึนๆ หัวนิดหน่อยด้วย”

บรรยากาศในห้องอันสุดแสนคุ้นเคยทุกอย่างถูกจัดวางไม่เปลี่ยนจากตอนที่เคยมาบ่อยๆ ครั้งยังไม่เลิกรากัน เป็นคอนโดของพี่เมฆซื้อเอาไว้ เมฆจัดแจงที่นอนให้มูนเป็นอย่างดี

“มูนนอนก่อนนะคะ ไม่ไหวแล้ว” พูดพร้อมหย่อนร่างบางๆ ของตัวเองไปกับเตียงที่คุ้นเคย เมฆช่วยจัดท่าทางให้กับร่างอันอิดโรยแล้วเดินไปนั่งลงที่โซฟานั่งมองนอนมองเธอที่นอนอยู่บนเตียงเป็นเวลานานพอสมควร ไม่นานเมฆก็หลับตามไป



เป็นเมฆที่ลืมตาตื่นขึ้นมาก่อน เดินไปดูมูนที่เตียง เธอหลับไปนานมากตอนนี้ก็ยังไม่ตื่น เมฆใช้หลังมืออังหน้าผากเห็นว่ามูนตัวร้อน ก็เลยเดินไปหยิบยามาวางไว้ไกล้ๆ เขาค่อยๆ ปลุกมูนอย่างอ่อนโยนที่สุดเท่าที่ เมฆ เมฆา จะเป็นได้

“มูนครับลุกมากินยาก่อนครับ” มูนลืมตา เขาช่วยประคองมูนให้นั่ง หยิบยากับน้ำดื่มที่เตรียมไว้ใกล้ๆ ป้อนยาเข้าปากมูน และวางลงให้นอนอีกครั้งเขานั่งมองมูนอยู่ที่เตียงไม่ลุกไปไหนพลางลูบหัวมูนเบาๆ ก่อนจะลุกไปอาบน้ำให้สบายตัว



ตื่นแล้วเหรอครับมูน ร่างหนาเดินออกมาจากห้องน้ำพลางเช็ดผมที่เพิ่งสระไปเมื่อครู่ เขาเดินไปหามูนหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ มูนที่นั่งอยู่ที่เตียงอีกครั้ง เมฆใช้หลังมืออังที่หน้าผากเธอ เขาใช้ริมฝีปากประทับลงที่หน้าผาก มูนก็ไม่บ่ายเบี่ยง เธอยังตัวร้อนอยู่เลย



“เช็ดตัวหน่อยไหม จะได้สบายตัว”

“อืม เช็ดให้หน่อย” ยังเหมือนเดิม ป่วยแล้วยังอ้อนเหมือนเดิม

“แน่ใจนะ ว่าจะให้พี่ทำให้”

“อืม”



ร่างสูงเดินไปหยิบผ้าเล็กๆ สองผืนไปชุบน้ำเดินกลับมาพร้อมกะละมังที่มีน้ำอยู่ด้วยประมาณหนึ่ง เขาวางกะละมังลงที่พื้นนั่งลงที่เตียงข้างๆ มูน

“เช็ดตัวก่อนนะครับ” เมฆพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ผู้หญิงตรงหน้าหรี่ตาขึ้นไม่มีเสียงตอบรับแต่เธอรับรู้ เขาใช้ผ้าหมาดๆ เช็ดไปที่หน้าของเธอแล้วไล้ไปที่คอก่อนจะสลับเป็นผ้าอีกผืนที่เตรียมไว้ดึงผ้าห่มออก เลิกเสื้อเธอขึ้นแต่ไม่ได้ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งออก ใช้เพียงมือที่มีผ้าหมาดๆ ปะทะกับผิวที่ร้อนฉ่าของเธอ “พลิกตัวหน่อยได้ไหมครับ? จะเช็ดหลังให้” มูนไม่อิดออดขยับร่างบางไปพร้อมกับมือหนาช่วยประคอง เมฆเลิกเสื้อขึ้นเล็กน้อยใช้มือยาวเอื้อมไปเช็ดด้านในให้อย่างระมัดระวัง เว้นช่วงล่างที่สวมกางเกงยีนส์ขาสั้นนั้นไปเช็ดตั้งแต่ต้นขาจรดปลายเท้า

“ลุกไหวไหม ตื่นมากินยาอีกรอบนะ”

“อืม”



เมฆประคองร่างบางให้ลุกขึ้นมากินยาอีกครั้ง

“เดี๋ยวก็หายแล้ว เช็ดตัวให้แล้ว” ไม่พูดเปล่า สะกดริมฝีปากลงที่หน้าผากอย่างอ่อนโยน และประคองร่างบางลงนอนดึงผ้ามาห่มให้ไม่นานก็หลับไปอีกครั้ง

เมฆเดินไปนั่งที่โซฟานั่งมองเธออยู่ตรงนั้นอย่างไม่คลาดสายตาถ้าเดาไม่ผิด น่าจะอดหลับอดนอนก็เลยเหนื่อยสะสม งานไม่เดิน นอนไม่ได้ มูนนะมูน ถ้ายังไม่ดีขึ้นเห็นทีจะต้องพาไปโรงพยาบาลแน่ๆ



มูนดึงผ้าห่มออกลุกขึ้นนั่งกวาดสายตาไปทั่ว

ห้อง เห็นเมฆที่นั่งมองเธออยู่จากโซฟา

“ดีขึ้นไหมครับ” ไม่พูดเปล่า สาวเท้าเดินมาหาเธอหย่อนกายลงข้างๆ ใช้มือหนาลูบไปที่หลังของเธออย่างห่วงใย

“ดีขึ้นแล้ว ไม่ปวดหัวแล้ว”

“ตัวไม่ค่อยร้อนแล้ว” เมฆพูดพลางใช้หลังมืออังไปที่หน้าผากเธอ

“พี่เมฆเช็ดตัวให้มูนหรอคะ”

“ครับ”

“เห็นอะไรบ้าง?”

“เห็นหมด”

“ทะลึ่ง”

“ล้อเล่น ไม่ได้ถอดเสื้อด้วยซ้ำไป ไม่เชื่อก็จับดูเสื้อสิยังชื้นๆ อยู่เลย”

“รู้แล้ว ตอนนั้นมูนไม่ได้หลับ”

“พี่เมฆ มูนอาบน้ำได้ไหม”

“เช็ดตัวไปก่อนไหมครับ”

“ไม่เอาอะ มูนหายแล้ว พี่จับดูสิ” ไม่พูดเปล่าพลางดึงมือหนามาอังหน้าผากตนเพราะกลัวไม่เชื่อราวกับเด็กไม่มีผิด

“งั้นก็ได้ แต่อาบน้ำอุ่นพอนะ เดี๋ยวพี่ไปเตรียมเสื้อผ้าให้” เมฆไปหยิบผ้าเช็ดตัวพร้อมเสื้อยืดตัวโคร่งสีแดง กางเกงขาสั้น และชุดชั้นในทุกอย่างของมูนเมฆไม่เคยทิ้ง

“เสื้อมูนนี่คะ ยังไว้อยู่เหรอ?”

“ก็ไม่เคยคิดจะทิ้ง”



มูนสาวเท้าไปหยิบเสื้อผ้าพร้อมผ้าเช็ดตัวจากมือพี่เมฆ ไปอาบน้ำชำระร่างกายอย่างสบายตัว ออกมาพร้อมผ้าโพกหัวที่ไม่บอกก็รู้ว่าสระผม



“สระผมด้วยเหรอ?”

“ใช่ค่ะ”

“มานั่งนี่สิ เดี๋ยวพี่เป่าผมให้” เมฆพูดพร้อมดึงเก้าอี้ไปหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มูนเดินไปนั่งอย่างว่าง่าย มือหนาทำอย่างนั้นอย่างคุ้นเคยจนแทบจะเป็นกิจวัตร แต่นั่นมันผ่านมาหลายปีแล้ว



“ขอบคุณค่ะ ดูแลดีจังเลยนะคะ” มูนพูดขอบคุณแกมเย้าหยอกเล็กน้อย

“แน่นอน” ร่างหนาตอบพร้อมยักไหล่เบาๆ



เสียงฟ้าร้องดังขึ้นบรรยากาศครึ้ม ๆ ก่อนฝนตกลงมาห่าใหญ่ในเวลาพลบค่ำ เมฆเดินเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมอาหารสำหรับมื้อเย็น สิ่งที่รังสรรค์ได้คือโจ๊กไข่ เพราะคนที่ทำอาหารเก่งป่วยอยู่ ไม่อยากรบกวน นาทีนี้ยิ่งทำให้เมฆอยากดูแล มูนต้องมีเมฆ เมฆ เมฆา คนนี้เท่านั้น

“โจ๊กร้อนๆ จากเชฟเมฆกระทะไหม้มาครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงขบขัน

“...”

เมฆยกชามโจ๊กมาวางตรงหน้ามูนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอ่านหนังสือเล่นๆ อยู่ที่โซฟา

“ขอบคุณค่ะเชฟ เชฟป้อนหน่อยได้ไหมคะ”

“ทำไมมันอ้อนขนาดนี้นะ?” เมฆมองไปยังคนตรงหน้าที่นั่งอมยิ้มให้เขาอยู่ เวลาเขาป่วยเมฆสุดหวงแหนอยากเป็นคนเดียวที่ได้เห็นมุมนี้ อยากเป็นคนเดียวที่ได้รับอะไรแบบนี้จากมูน

“ไม่ได้เหรอคะเชฟ?”

“มากกว่านี้ก็ยังได้”



เมฆป้อนโจ๊กให้กับคนที่ป่วยอย่างละเมียดละไม อยากหยุดเวลาอยู่ตรงนี้ ไม่ได้อยากให้เธอป่วยหรือทรมานแต่อยากดูแล อยากโดนอ้อนแบบนี้ แต่อยากทำให้แค่คนเดียวเพียงแค่ มูน โทษารมณ์

ประมาณสามทุ่มกว่ามูนไม่แน่ใจว่าพี่เมฆไปไหน ไม่แน่ใจว่าอยู่ที่ครัวหรือระเบียง มูนสาวเท้าไปที่ระเบียงตั้งใจจะไปยืนชื่นชมพระจันทร์หลังฝนตก

“ห้ามมา! พี่สูบบุหรี่” เสียงเมฆร้องห้ามขณะที่มูนสาวเท้าไปที่ระเบียง เขารู้ดีว่ามูนไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ มูนไม่ฟังเดินตรงไปทิ้งระยะห่างจากคนที่มือคีบบุหรี่อยู่ประมาณหนึ่งช่วงแขน ไม่เอื้อนเอ่ยคำใดทำเพียงยืนมองดูพระจันทร์



“เครียดเหรอคะ ทำไมกลับมาสูบ” มูนเอ่ยถามขณะที่ร่างหนาพ่นควันกระทบละอองฝนที่เพิ่งซาลงก่อนควันจางหายไปกลางอากาศ

“ก็นิดหน่อย” ตอบพร้อมกดก้นบุหรี่ลงที่กระถางต้นไม้สาวเท้าไปให้ใกล้มูนกว่าเดิมจนแนบชิดติดกัน เมฆเลื่อนมือซ้ายไปโอบเอวของมูนพร้อมลูบเบาๆ เธอไม่บ่ายเบี่ยง

“ขอโอกาสให้พี่ได้กลับมาอยู่กับมูน ได้ดูแลมูน ได้รัก ได้เป็นคนที่มูนรักอีกสักครั้งจะต้องทำยังไงครับ มันพอจะมีสักทางไหมที่จะเป็นแบบนั้น มูนยังต้องการคนอย่างพี่อยู่ไหม” เมฆพูดพร้อมมองหน้าคนที่เขาถวิลหามาร่วมสองปี

“มูนเคยบอกเหรอคะ ว่าไม่รักพี่” พูดพร้อมสบตาร่างหนา

“พี่สัญญาว่าจะทำมันให้ดีกว่าเดิม จะรักมูนมากกว่าเดิม กลับมาเป็นแฟนกันอีกครั้งนะ” ร่างหนาพูดพร้อมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ครั้นจะจุมพิตลงที่ริมฝีปากเธอแต่ถูกผละออกเสียก่อน

“ไม่จำเป็นหรอกค่ะคำสัญญา ถ้าใจซื่อสัตย์มากพอ” มูนพูดพร้อมสาวเท้าก้าวเข้าไปในห้องนอน เธอไม่ชอบเอาเสียเลยทั้งกลิ่นบุหรี่ทั้งคำสัญญา



“ไปนอนได้แล้วมูน จะไม่สบายอีกนะ พรุ่งนี้เช้าเดี๋ยวพี่ไปส่ง ฝนตกหนักขึ้นกว่าเดิม โอเคใช่ไหม ถ้าจะต้องค้างที่นี่” เมฆสาวเท้าเข้ามาในห้องเห็นมูนนั่งเล่นมือถืออยู่ที่โซฟา

“ให้มูนนอนตรงไหนคะ”

“ตรงไหนก็ได้”

“แต่นี่มันห้องพี่”

“ห้องพี่ก็ห้องมูน”

“ไม่ใช่”

“ใช่” เมฆตอบอย่างกวนอารมณ์

“ก็นอนที่เตียงไง” เมฆไม่พูดเปล่า เขาเดินไปจัดที่นอนให้เธอ

“แล้วพี่เมฆละคะ นอนตรงไหน”

“โซฟาไง หรือไม่ก็หน้าทีวีตรงห้องนั่งเล่น” เป็นคอนโดขนาดเล็กที่มีห้องนอนห้องเดียวมีแค่เตียงเดียว แต่แค่แยกเป็นสัดส่วนชัดเจน ห้องนอน ห้องครัว ห้องนั่งเล่น

“ได้ไงคะ นี่มันห้องพี่นะ”

“ทำไงล่ะ มันมีแค่เตียงเดียวนี่”

“ก็นอนด้วยกันนี่แหละ”

“อยากนอนกับพี่ก็บอกตรง ๆ ”

“ทะลึ่ง”

“วางมือถือลงแล้วไปนอนได้แล้วไป เดี๋ยวปวดหัว”

“…” ไม่มีเสียงตอบรับ ไม่นานก็วางมือถือลงแล้วเดินมาทิ้งร่างบางลงที่เตียงอย่างว่าง่าย

“ปิดไฟไหมมูน”

“แล้วแต่พี่”

“งั้นปิดนะ”

“ค่ะ”



เมฆปิดไฟแล้วเดินมาที่เตียงหย่อนกายลงนอนก่อนจะเอื้อมมือไปโอบร่างบางที่นอนตะแคงหันหน้าเข้าหาผนัง “ขอกอดหน่อย” เมฆพูดออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มูนขยับร่างบางเข้ามาใกล้ ๆ หันหน้าเข้าหาเมฆอย่างให้ความร่วมมือ พร้อมมือเรียวๆ ที่ยื่นไปกอดเมฆพร้อมซบหน้าลงที่อกหนา ไร้ซึ่งบทสนทนาไปครู่หนึ่ง เมฆจุมพิตลงที่หน้าผากอุ่นๆ ที่เพิ่งจะสร่างไข้ไล้ลงที่จมูก มูนไม่ได้ขัดขืนอะไร

“จูบได้ไหม” เมฆกระซิบเบาๆ ข้างหู

“ไม่ได้ค่ะ ไม่ชอบกลิ่นบุหรี่”



เมฆขยับสะโพกลุกออกจากเตียงไปเปิดไฟ

“พี่จะทำอะไร”

“อาบน้ำใหม่ จะได้ไม่มีกลิ่นบุหรี่” พร้อมไปหยิบผ้าเช็ดตัวตรงดิ่งเข้าห้องน้ำ สักครู่หนึ่งก็เดินออกมาพร้อมกลิ่นครีมอาบน้ำโชยทั่วห้อง

“พี่นี่เกินไปจริงๆ เว่อร์ตลอด”

“แน่นอน” ตอบกลับไปพร้อมยักไหล่ เดินไปปิดไฟแล้วตรงดิ่งไปที่เตียงพร้อมดึงเธอเข้ามากอด

“ปฏิเสธไม่ได้แล้วนะ ตัวหอมขนาดนี้” เขาดึงมูนเข้ามากอด

“แค่จูบนะ”

“อืม” ดึงมูนเข้ามาใกล้ๆ อย่างไม่รีรอ จุมพิตลงที่หน้าผากอุ่นๆ ไล้ลงไปที่จมูกโด่ง กดปลายจมูกไปที่แก้มนวลๆ สองข้าง ก่อนกดปากลงที่ริมฝีปากของเธอ ทั้งคู่ดูดดื่มกันอยู่ครู่ใหญ่ที่ต่างฝ่ายต่างถวิลหากันและกัน มูนไม่ขัดขืนปล่อยให้เมฆทำอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะพอใจแล้วผละริมฝีปากของเขาออกไปเองแต่ยังโอบกอดกันอยู่อย่างนั้น

“ไหวไหมพี่เมฆ มากกว่าจูบก็ยังได้นะ”

“ทะลึ่ง”

“ทำเหมือนไม่เคย”

“ก็........”

“ก็อะไรคะ?” มูนไม่พูดเปล่า ใช้นิ้วเรียวไล้ไปที่แก้มพี่เมฆไปมาเบาๆ

“เดี๋ยวเถอะ เห็นไม่สบายอยู่ ไม่งั้นนะ”

“พี่จะทำอะไรหนูเหรอคะ?”

“มีเปลี่ยนสรรพนามด้วย”

“ไม่ได้เหรอ พูดแบบนี้พี่เมฆไม่ชอบเหรอคะ”

“อยากรู้ก็รีบหาย ฝันดีนะ แต่ถ้าไม่ฝันก็จะดีเพราะถ้ายังฝันก็หมายความว่าหลับไม่สนิท”

“บ่นเหมือนคนแก่”

“เดี๋ยวได้รู้ว่าแก่ไม่แก่ เห็นว่าป่วยอยู่เถอะ นอนๆ” เมฆพูดพร้อมลูบหัวอย่างอ่อนโยนจนมูนหลับไป