ต่างคนต่างเหนื่อยกับความสัมพันธ์และต่างคนต่างกระหายฝันของตัวเองมากจนหาจุดสมดุลของความรักครั้งนี้ไม่เจอ กระหายฝันจนต้องสูญเสียคนรักไปจากชีวิต

โทษารมณ์ - chapter 4 อยู่กับมูน โดย พวงพะยอม @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,อีโรติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โทษารมณ์

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่

แท็คที่เกี่ยวข้อง

อีโรติก

รายละเอียด

โทษารมณ์ โดย พวงพะยอม @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ต่างคนต่างเหนื่อยกับความสัมพันธ์และต่างคนต่างกระหายฝันของตัวเองมากจนหาจุดสมดุลของความรักครั้งนี้ไม่เจอ กระหายฝันจนต้องสูญเสียคนรักไปจากชีวิต

ผู้แต่ง

พวงพะยอม

เรื่องย่อ


เวลางานของมูนคือช่วงกลางคืนแม้จะเป็นงานที่รักก็มีง่วงมีเพลียกันบ้าง สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็ไม่พ้นกาแฟไว้เหนี่ยวรั้ง มูนใช้มือซ้ายเท้าคางมือขวาพลางหยิบแก้วกาแฟที่วางไว้ใกล้ๆ บรรยากาศช่างดูเงียบงันทำให้นึกถึงคนคอยเตือนคอยห้ามในตอนที่อัดกาแฟหนักๆ คนนั้นเป็นคนรักเก่าของเธอเอง จะว่าคนรักเก่าก็ไม่เชิงเพราะมูนยังไม่เคยพูดว่าไม่รักด้วยซ้ำไป



โคมไฟที่เปิดสว่างโร่อยู่บนโต๊ะทำงานก็ยังคงใช้ของพี่เมฆที่เป็นคนซื้อให้ รูปคู่ที่ฝาผนังก็ยังคงติดอยู่และยังไม่คิดจะทิ้ง โทนห้องสีขาวนวลเป็นสีที่พี่เมฆชอบ พี่เมฆกับมูนเป็นคู่รักที่เลิกรากันไปแล้วตอนที่มูนเรียนจบปริญญาตรีใหม่ๆ

สารบัญ

โทษารมณ์-chapter 1 การกลับมา,โทษารมณ์-chapter 2 ยินดีด้วย แม้ไม่ใช่สถานะเดิมก็ตาม,โทษารมณ์-chapter 3 ขอโอกาส,โทษารมณ์-chapter 4 อยู่กับมูน,โทษารมณ์-chapter 5 ทะเลกับมูน,โทษารมณ์-chapter 6 มีเรา,โทษารมณ์-chapter 7 แยกจาก,โทษารมณ์-chapter 8 กว่าจะเป็นมูน,โทษารมณ์-chapter 9 เรื่องของเรา,โทษารมณ์-chapter 10 safe zone ,โทษารมณ์-chapter 11 เจ็บ,โทษารมณ์-chapter 12 โลกของเมฆ,โทษารมณ์-chapter 13 ดริ้งค์,โทษารมณ์-chapter 14 book café,โทษารมณ์-chapter 15 เจ้าของคาเฟ่,โทษารมณ์-chapter 16 ครบรอบ,โทษารมณ์-chapter 17 พร้อมยัง

เนื้อหา

chapter 4 อยู่กับมูน




“พี่เมฆยังไม่ตื่นอีกเหรอคะ?” มูนใช้นิ้วเรียวไล้ที่แก้มของเมฆเพื่อเป็นสัญญาณปลุกในช่วงสายๆ ของวัน



“ตื่นสายได้นะมูน ทำไมรีบตื่นจัง หรือไม่อยากอยู่กับพี่นานๆ ”



“มูนเคยบอกเหรอคะ?”



“อีกไม่นานพี่ก็ต้องกลับญี่ปุ่นแล้ว ไม่นานก็มีแข่ง ไปเที่ยวทะเลกันไหม?”



“......” ครุ่นคิด



“คิดนานจัง”



“ประมวลผลอยู่”



“ไปนะ รอบนี้บังคับ”



“ไม่บังคับ ก็ไปค่ะ” เธอยิ้มกริ่ม



ผลัดกันเข้าห้องน้ำใช้เวลาไม่นานก็สวมร่างเป็นเชฟประกอบอาหารมื้อเช้าในเวลาสายๆ รับประทานกันอย่างอิ่มหนำสำราญ



“เอาไปกี่ชุดดี” เมฆเสวนาพึมพำกับเธอไปพร้อมกับจัดแจงข้าวของ เก็บกระเป๋าของเขา



“ไปสองสามวันเองไม่ต้องเยอะก็ได้ค่ะ” มูนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนรอเมฆอยู่ที่โซฟาตอบ



เขาเก็บกระเป๋าอย่างลวกๆ ไม่นานก็เสร็จสรรพ ขับรถไปบ้านมูนก่อนเพื่อให้มูนเก็บข้าวของและบอกแม่เสียก่อน



“แม่ครับขอโทษที่เมื่อวานไม่ได้มาส่งมูนนะครับ พอดีติดฝน” เขาพูดอย่างจริงใจและคุ้นเคย



“โอ้ย! ขอโทษอะไรลูก ไม่ต้องขอโทษ”



“เดี๋ยวผมพามูนไปเที่ยวทะเลสักสองสามวันนะครับ”



“ได้เลยลูก”



มูนสาวเท้าขึ้นไปบนห้องจัดแจงข้าวของ คราวนี้ไม่ได้พิถีพิถันเท่าไหร่ เพราะไปแบบชิลๆ เขานั่งรอเธอข้างล่างตรงโซฟาหน้าทีวี เล่นกับเจ้าละม่อมอย่างคุ้นเคย พุดคุยกับแม่อย่างไม่รู้เบื่อตามประสาคนคุ้นเคยที่ไม่ได้พบปะกันนาน



“หนูบอกหมวยให้มานอนเป็นเพื่อนแม่แล้วนะ กลัวแม่จะเหงา” หมวยเป็นลูกพี่ลูกน้อง ลูกของน้าสาว บ้านก็ใกล้ๆ กันเป็นกลุ่มๆ ก็ญาติๆ กันทั้งนั้นถึงไม่บอกหมวยก็มานั่งเล่นมาพูดคุยอยู่ด้วยบ่อยๆ แต่บอกไปอย่างนั้นเพื่อความสบายใจ



“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ไปเที่ยวให้สบายใจ ไม่ต้องกังวลอะไร”



“ไปแล้วนะครับแม่” ไม่พูดเปล่า ยกมือไหว้อย่างมีสัมมาคารวะ พร้อมกับอีกมือที่ถือกระเป๋าให้เธอเดินได้อย่างสะดวก กระเป๋าขนาดกลางของเธอแต่ดูใหญ่เกินตัวเหลือเกินเมื่ออยู่ที่มูน



เมฆขับรถอย่างผ่อนคลายไม่ได้เร่งรีบกับเป้าหมายที่ไม่ไกลนัก กับคนข้างกายที่ยังคงไม่ให้สถานะอะไรกับเขาแต่แค่ยอมมาด้วยก็เพียงพอแล้ว ที่พักเมฆเองเป็นคนตระเตรียมเอาไว้เสร็จสรรพหวังเพียงว่าจะถูกใจคนข้างกายกับสถานะที่คลุมเครือที่เขายังคงไม่กล้าร้องขออะไร



“สวยมาก” เธอว่า ขณะถึงที่พักช่วงบ่ายแก่ๆ



“ชอบไหม”



“ชอบค่ะ”



“ชอบแค่ที่พัก?” เมฆถามทีเล่นทีจริง



“......” เธอไม่ตอบ ทำหน้ากวนๆ ใส่คนตรงหน้า



ที่พักที่ยื่นไปริมหาดเพียงเดินไปที่ระเบียงก็พร้อมซึมซับบรรยากาศทะเลได้อย่างเพลิดเพลิน บรรยากาศในห้องสบายๆ เป็นโทนสีขาวที่เมฆชอบ ระเบียงที่ไว้มองพระจันทร์อย่างที่เธอชอบ



“เย็นๆ ไปเดินเล่นริมหาดไหม” เขาถาม



“ไปค่ะ”



เดินเล่นริมชายหาดกับคนที่โหยมาตลอดแต่ก็ยังคงไร้สถานะเพราะอะไรไม่มีใครรู้ดีนอกจากมูน เสียงคลื่นกระทบฝั่ง พากันนั่งลงรอดูอาทิตย์อัสดงกับคนที่ต่างก็ดูออกว่ายังมีใจแต่ไยยังไร้สถานะ....



“อยู่กับพี่แล้วยังรู้สึกเหมือนเดิมไหม” เขาถามคนข้างกายตามเสียงหัวใจเรียกร้อง



“เหมือนเดิม” เธอตอบสั้นๆ แต่ใจก็โหยหาเขาไม่แพ้กัน ครั้นจะพรั่งพรูความรู้สึกทั้งหมดในใจก็กลัวว่าจะรู้สึกมากไปกว่าเขา สารภาพตามตรงว่าใจก็ยังกลัวว่าเขาจะเป็นเหมือนเดิม กลัวจะ มาๆ หายๆ เลยเลือกที่จะอยู่ใกล้แต่ยังคงไม่ให้สถานะอะไรแก่เขา



พระจันทร์เริ่มเด่นประดับฟ้ารายล้อมไปด้วยกลุ่มดาว



“กลับไปดูพระจันทร์ที่รีสอร์ทไหม หรือจะดูที่นี่ไปก่อน”

“กลับก็ได้ค่ะ เริ่มมืดแล้ว”



หมดไปอีกวันต่างคนต่างมีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน เขาไม่ได้คาดคั้นเอาสถานะอะไรแค่นี้ก็มีความสุขมากพอแล้ว



เดินจูงมือกันกลับที่พักอย่างไม่เร่งรีบไม่นานก็ถึง มูนไปยืนดูพระจันทร์ที่ระเบียงอย่างเคยต่างจากเดิมตรงที่มีคนเมฆมายืนดูด้วย



“พี่รักมูนนะ ขอโทษที่ผ่านมาเป็นแฟนที่ไม่ดี ขอกลับมาแก้ตัวได้ไหม” เขาเอ่ยกับคนแก้มป่องตรงหน้า



“แล้วพี่เมฆจะหายไปอีกไหม” เธอถาม



“หาย... แต่ถ้าหายไปไหนก็จะบอก ไม่ทำเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”



“ถ้าเบื่อมูนก็จะหายไปอีก?”



“ไหน ใครบอกเบื่อ ยังไม่เคยพูดเลย” เขาเอ่ย พร้อมสาวเท้าเข้าใกล้กว่าเก่า ย่อตัวลง

ใช้แขนเท้าที่ริมระเบียงหันหน้าไปมองเธอพร้อมกดริมฝีปากลงที่ต้นแขนของคนตรงหน้า



“โอเค เชื่อก็ได้” เธอว่าพร้อมหันหน้ามามองคนข้างกาย



“ไม่ต้องเชื่อก็ได้ จะทำให้ดูเลย”



“จะรอดู”



ทั้งสองดื่มด่ำธรรมชาติที่ริมระเบียงอยู่ครู่ใหญ่แต่ยังคงไม่เบื่อหน่าย



“มูน โทษารมณ์ นี่เอาใจยากจริงๆ ” เขาว่า



“ยากยังไง”



“ทำยังไงถึงจะยอมเป็นแฟนเนี่ย”



“ไม่รู้สิ” เธอทำหน้ายียวน



“รักพี่ไหม” เมฆถาม



“อย่าถามอะไรที่รู้คำตอบอยู่แล้ว”



“กลัวพี่เป็นเหมือนเมื่อก่อนเหรอ ฝังใจเลยสิ ขอโทษนะ”



“เดี๋ยวพรุ่งนี้ขอเป็นแฟนใหม่ ไม่แผ่วง่ายๆ หรอกนะ รอมานานแล้ว”



“ไม่ต้องรอพรุ่งนี้แล้ว”



“คือยอมกลับมาเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหม” เมฆถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม



“…..” เธอเลิกคิ้วพร้อมยิ้มให้คนข้างกาย



“เห้ย! พูดจริงหรือพูดเล่น”



“ตกใจอะไรขนาดนั้น ชีวิตคนเรามันสั้นเกินกว่าจะทำอะไรตรงข้ามหัวใจตัวเอง”



“นี่นักปรัชญาหรือนักเขียน”



“เลิฟโค้ชมั้งคะ”

ทั้งคู่หลุดขำ ทั้งเจ้าของคำตอบทั้งคนฟัง



ทั้งคู่เดินเข้ามาในห้อง มูนหยิบโน้ตบุ้คที่เตรียมมาเพราะเผื่อจะได้ไอเดียอะไรขึ้นมารีบพิมพ์กันลืม มือเรียวพิมพ์อย่างชิลๆ ไร้ความตึงเครียด



“มาเที่ยวก็ยังทำงานอีกเหรอมูน”



“ได้ไอเดียนิดหน่อยค่ะ ต้องรีบพิมพ์ เดี๋ยวลืม”



เมฆนั่งลงข้างๆ อย่างไม่เว้นช่องไฟ นั่งจ้องจอโน้ตบุ้คคนข้างกายอย่างจดจ่อ



“มูนไม่เบื่อบ้างเหรอ ที่ยึดงานเขียนเป็นอาชีพหลัก”



“ก็มีบ้างนะ แต่ก็ไม่คิดจะเลิกทำ เบื่อก็ทำอย่างอื่นไปบ้าง แล้วก็กลับมาเขียนใหม่ ทำมันไปทั้งรักทั้งเกลียด แต่ก็รักมากกว่า ภูมิใจเวลาคิดสำนวนดีๆ ได้ สนุกกับสิ่งที่เราควบคุมมันได้ว่าจะวางเส้นเรื่องให้ดำเนินไปยังไง เจ๋งดีนะที่เรากำหนดได้ว่าจะให้มันจบยังไง”



“แพชชั่นแรงจริงๆ แฟนไอ้เมฆ”



“ก็เหมือนพี่เมฆแหละค่ะเป็นนักบอลมาตั้งหลายปีไม่เห็นเบื่อเลย”



“เบื่อบ้าง ก็เหมือนๆ มูนนั่นแหละ”



“อีกเยอะไหม คุณนักเขียน”



“ไม่เยอะ อีกนิดเดียว”



“งั้นพี่อาบน้ำก่อนนะ”



“คิดได้ก็ดีแล้ว” เธอทำหน้ายียวน



“แหนะ กวน” เมฆมองค้อนแต่กลับอมยิ้ม ตามประสาคนคลั่งรัก



“ทำไมคะ พี่เมฆจะทำไม”



“รักขนาดนี้ จะทำอะไรล่ะ”



“ไปอาบน้ำเถอะ ขนลุกไปหมด”



“หนาวหรือเปล่า ปรับแอร์สิ”



“มุขคนแก่” เธอพูดเบาๆ



“คำก็แก่สองคำก็แก่ เกิดก่อนแค่สองปีเอง” เมฆว่าพร้อมถอดเสื้อยืดออก



“เอ้า แล้วมายืนถอดตรงนี้ได้ยังไง น่าเกลียด”



“พูดเหมือนไม่เคยเห็น”



“....” เถียงไม่ออกเพราะเรื่องจริง



“มูนมาเป่าผมให้หน่อย” เขาเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมผมหมาดๆ มีเพียงผ้าเช็ดตัวที่ปกปิดช่วงล่างเอาไว้



“แล้วพี่ออกมาแบบนี้ได้ยังไง น่าเกลียด” มูนถึงกับผงะ พี่เมฆนะพี่เมฆ ต่อให้เคยไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ถาม นั่นมันเมื่อก่อน



“น่าเกลียดอะไร ก็มีแต่มูนที่เห็น” เขาเดินไปนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อรอมูนมาเป่าผมให้



“ เรียบร้อยแล้วค่ะคุณลูกค้า” มูนว่าขณะเป่าผมให้เมฆเสร็จ



“ขอบคุณครับ”



“มูนไปอาบสิ เดี๋ยวพี่รอเป่าผมให้”



“พี่เมฆไปนอนเถอะ มูนทำเองได้ ”



“ไม่ จะทำให้”



“งั้น แล้วแต่”



มูนสาวเท้าไปหยิบข้าวของก่อนเดินเข้าห้องน้ำไม่นานก็ออกมาพร้อมชุดนอน กางเกงขาสั้น เสื้อสายเดี่ยวที่ไร้บราแต่มีผ้าเช็ดตัวคลุมอยู่



“เชิญนั่งครับ คุณลูกค้า” เมฆว่าขณะเห็นมูนเดินมาจากห้องน้ำ



“ได้ค่ะ” มูนเดินไปนั่งอย่างว่าง่าย



เมฆทำอย่างพิถีพิถันใช้เวลานานพอสมควรเพราะเธอผมยาว

“ว่าแต่พี่ ดูแต่งตัวเข้าสิ” เมฆว่าขณะมูนเดินกลับจากเอาผ้าเช็ดตัวไปแขวน



“ก็ชุดนอนไง แล้วพี่จะมองอะไรขนาดนั้น”



“อ่อยเหรอ” เขาถาม



“เปล่า ถ้าอ่อยต้องแบบนี้” มูนว่าพร้อมดึงสายเสื้อจนเห็นเนินอก โคตรจะมูน โทษารมณ์



“มาทำแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่ได้นอน”



“ไม่ จะนอน” เธอว่าพร้อมสาวเท้าไปที่เตียง ทิ้งตัวลงนอน



“ใครจะกล้าขัดคุณมูนละครับ”



“รู้ตัวก็ดี ปิดไฟด้วย”



“รับทราบขอรับ นายหญิง” เขาตอบด้วยน้ำเสียงกวนๆ พร้อมเดินไปปิดไฟก่อนจะหย่อนตัวลงนอนที่เตียงนุ่มๆ พร้อมดึงอีกคนเข้ามากอดแต่มือดันซุกซนไม่หยุดเท่านั้นไล้ไปที่เนินอกของเธอ



“พี่เมฆ มูนจะนอน”



“ใจร้าย แต่เต็มมือกว่าเดิมนะ เขากระซิบข้างหูเบาๆ ”



“ถ้ายังไม่หยุด จะหยิกให้เขียว” เธอเค้นเสียงดุ



“นอนแล้วครับ” เขาว่า พร้อมจุมพิตลงที่หน้าผากอย่างอดทนและข่มตานอนในที่สุด