ต่างคนต่างเหนื่อยกับความสัมพันธ์และต่างคนต่างกระหายฝันของตัวเองมากจนหาจุดสมดุลของความรักครั้งนี้ไม่เจอ กระหายฝันจนต้องสูญเสียคนรักไปจากชีวิต
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,อีโรติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
“มูน มูน ตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน” เมฆปลุกมูนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน อีกมือลูบที่ต้นแขนเธอเบาๆ
“อืม ไปค่ะ” เธอตื่นแต่ยังคงสะลึมสะลือ ค่อยๆ ดึงผ้าห่มนุ่มๆ ออกจากเรือนร่าง ลุกเดินตามเมฆไปที่ระเบียงอย่างไม่ทิ้งระยะห่าง
“สวยจัง” เมฆว่า ขณะยืนดูพระอาทิตย์ยามเช้าตรู่
“พระอาทิตย์เหรอคะ” มูนถามอย่างไม่เต็มเสียงเพราะเพิ่งตื่นกับใบหน้าที่ยิ้มอ่อนๆ
“พระอาทิตย์” เมฆตอบอย่างกวนอารมณ์ เพราะรู้ว่าเธอค่อนข้างคาดหวังกับคำตอบ
“เอ้า! แย่หว่ะ ส่งให้ขนาดนี้แล้วยังไม่อีกเต๊าะอีก ยอมเป็นแฟนแล้วนี่ อาจอยู่ในช่วงหมดโปร” เธอว่าขณะสายตามองไปที่พระอาทิตย์ ไร้การสบตาคนข้างกาย
“อยากแกล้งอะ ส่วนคนอะสวยอยู่แล้วไม่งั้นไอ้เมฆมันจะหลงขนาดนี้เหรอ” เมฆว่าพร้อมเอามือไปวางที่ไหล่เธอ
“ถึงว่า แกล้งหายไปตั้งสองปี” เธอว่า เสียงทีเล่นทีจริง
“ไม่รู้ใครกันกันแน่ที่ใจร้าย ส่งข้อความไปบอกเลิก” เสียงทุ้มสวนกลับ
“ตั้งแต่มายังไม่เห็นพี่สูบบุหรี่เลย เลิกแล้วเหรอ” มูนถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติขึ้น เพราะตื่นนอนได้สักพักแล้ว ร่างกายเริ่มปรับตัวได้แล้ว
“เลิกแล้ว มีคนไม่ชอบ เดี๋ยวเขาไม่ให้จูบ” เมฆตอบ
“หมกมุ่น”
“ไม่ใช่ ก็ตั้งใจจะเลิกอยู่แล้วด้วย”
“ไม่ใช่เพราะมูนใช่ไหม เคยขอให้เลิกแต่ไม่เคยบังคับนะ”
“ก็มีส่วน”
“เห้ย! ไม่ได้ ถ้าพี่จะเลิกก็ต้องเพราะตัวพี่เองนะ ไม่ใช่เพราะมูน”
“รู้หน่า....”
เมฆยืนมองมูนกดสายตาตาลงต่ำเรื่อยๆ กับมืออีกข้างที่โอบไหล่ของเธอไว้ด้วยความสูงที่ต่างทำให้มองเห็นไปถึงไหนต่อไหน เห็นมากกว่าเนินอกแน่นอน เพราะเธอใส่เสื้อสายเดี่ยวสีขาวบางไร้บรา เธอไม่ได้ระวังตัวอะไรเพราะคนข้างกายคือเมฆแฟนของเธอเอง มองจนมูนรู้ตัว
“ทะลึ่ง จะมองอะไรขนาดนั้น ไม่เคยเห็นเหรอ”
“ก็สองปีแล้วไหม”
“พอใจยัง” มูนว่าพร้อมดึงมือเมฆที่โอบไหล่เธออยู่มาสัมผัสกับหน้าอกเธอเต็มๆ
“มูน อย่าเล่นแบบนี้” เขาว่าพร้อมสูดลมหายใจลึกขึ้นแต่มือยังลูบๆ ไล้ๆ อยู่อย่างนั้น ทั้งที่มูนดึงมือเธอออกแล้วก็ตาม
“แหม ก็เอามือออกสิ เดี๋ยวก็...” เธอว่าพร้อมมือขวาไปโอบเอวของเมฆ
“ก็อะไร พูดมา พี่รออยู่” เมฆถาม
“ไม่มีอะไร”
“ไม่เป็นไร ผมตามใจคุณอยู่แล้วครับคุณมูน ทนผมให้ได้แล้วกันเซ็กซี่ขนาดนี้”
“เอ่อ คือ... คำพูดคำจาน่าหมั่นไส้มาก” มูนว่า
“หล่อขนาดนี้อะนะ น่าหมั่นไส้” เมฆพูดพร้อมบีบเค้นหน้าอกเธออย่างเหย้าหยอก และก้มหอมหัวเธอสองสามฟอด
“พอๆ ”
“ใจแข็ง” เมฆว่า พร้อมหยุดตามคำปรามของเธอ อย่างอดกลั้น เหลือเพียงโอบเอวเธอไว้แน่น
“รีบเหรอ” มูนเอ่ยเบาๆ
“ผมมิบังอาจ แล้วแต่คุณมูนเลยครับ”
“ดีมาก นังลูกกระจ๊อก”
“เริ่มร้อนแล้วเข้าไปข้างในกันเถอะนายหญิง” เมฆพูดในขณะที่แดดเริ่มสาดส่องมาถึงระเบียงที่ทั้งคู่ยืนอยู่
“อาบน้ำให้หน่อย” เมฆว่าขณะกำลังถอดเสื้อยืดสีขาวออก
“เยอะแล้ว ได้คืบเอาศอก ได้ศอกเอาวา” มูนว่าขณะหันไปมองคนที่ยืนถอดเสื้ออยู่ตรงหน้า
“เอ้า! เพิ่งสังเกต พี่ไปสักมาตั้งแต่เมื่อไหร่” เธอถามด้วยใบหน้าเต็มความสงสัยกับรอยสักที่อกซ้ายของเมฆเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว
“เนี่ย! เคยเห็นพี่อยู่ในสายตาบ้างป่ะ ถามจริง”
“ก็เมื่อวานไม่กล้ามองอะ” เธอว่า
“สักนานแล้ว เมื่อสองปีก่อนหลังเลิกกัน” เสียงเขาหนักแน่นขึ้นกว่าเก่า
“มีความหมายป่ะ หรือแค่ชอบ”
“ชื่อหมาแถวนี้แหละ ทั้งชื่อเล่นชื่อจริง” เมฆตอบ
“ไปสักทำไม ถ้าเลิกกันไปเดี๋ยวพี่ก็เกลียดรอยนี้”
“ใครจะเลิกกับคุณ อย่าคิดแทนผม”
“เปลี่ยนสรรพนามเถอะ มูนขอร้อง ฮ่าๆๆ ”
“เร็ว ไปอาบน้ำให้หน่อย แป๊บเดียว” เมฆทำเสียงออดอ้อน
“ไม่มีทาง”
“เมื่อก่อนยังทำให้ได้เลย ทำเป็นลืม”
“ไม่ได้ลืม”
“วันก่อนพี่ยังเช็ดตัวให้ได้เลย เห้อ คนเรานี่ใจดำจริงๆ เลย” เมฆบ่น
“มีทวงบุญคุณ ทีหลังไม่ต้องทำให้ก็ได้นะ” มูนทำเสียงจริงจัง
“เห้ย! จริงจังเหรอ พี่แค่พูดเล่นเอง ขอโทษ” เมฆพูดพร้อมเดินมาลูบหัวคนตรงหน้า ที่ยืนหน้ามุ่ยอยู่
มูนนอนเล่นมือถืออยู่ที่เตียงส่วนเมฆอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ
“ไปอาบน้ำได้แล้วมูน จะได้กินข้าว” เมฆเดินออกมาจากห้องน้ำมีเพียงผ้าที่ปกปิดท่อนล่าง
“ขี้เกียจอะ อาบให้หน่อย” เธอตอบขณะที่หันมองคนตรงหน้าจากบนเตียง
“อาบด้วยกันเมื่อกี้ก็จบแล้ว”
“ถ้างั้นไม่เป็นไร มูนทำเองได้”
“ทำอะไร”
“อาบน้ำไง”
“ไม่ ก็ลุกมาจะอาบให้”
“แค่อาบนะ” มูนตอบ
“รู้แล้วหน่า”
มูนบิดตัวลุกจากเตียงไปคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำโดยมีเมฆตามไปติดๆ
“หันหลังไป จะถอดเสื้อผ้า” เธอว่าพร้อมจับบิดตัวคนตรงหน้าให้หันหลัง
“เอ้า! แล้วจะให้พี่อาบให้ยังไง มัวแต่อายแบบนี้”
“ไม่ใช่อย่างงั้น อายตอนถอด”
“เคยเห็นทุกอิริยาบถแล้ว มากกว่าเห็นก็เคยมาแล้ว” เมฆว่า
“แล้วพี่จะพรรณนาทำไมเนี่ย”
“ถอดนานจัง ให้ช่วยไหม”
“ใจร้อนจังนะ หันมาได้แล้ว”
เมฆยืนมองร่างเล็กที่เปลือยเปล่าอยู่ตรงหน้าเขา ก่อนจะดึงผ้าที่ปกปิดเพียงท่อนล่างของเขาออกอย่างไร้ความเคอะเขินแล้วเอาผ้าไปพาดไว้
“แล้วพี่จะเอาผ้าออกทำไม”
“กลัวเปียกดิ”
“ทำอะไรก่อนดี” เมฆว่า ขณะที่ทั้งคู่ยืนเก้ๆ กังๆ
“แปรงฟันไง” มูนตอบ
เมฆบีบยาสีฟันใส่แปรงให้เธอแปรงเองส่วนเมฆเปิดน้ำจากฝักบัวพร้อมครีมอาบน้ำที่กลิ่นห้อมฟุ้งใช้มือลูบไล้ไปตามทุกส่วนของร่างกาย เมฆยืนอยู่ด้านหลังเธอเริ่มขยับเข้าหาอย่างไม่เว้นช่องไฟใช้มือนวดๆ คลำๆ อยู่ที่หน้าอกของเธอแต่เธอก็ไม่ทักท้วงอะไร ส่วนนั้นของเขาเริ่มแนบชิดตัวเธอมากขึ้น
“พี่เมฆ ไหนบอกแค่อาบ”
“ขอโทษ ก็อดใจไม่ไหว” เขาเริ่มผละตัวออกแต่มือยังคงไล้หน้าอกอยู่
“พอได้แล้วมั้ง ทำไมตรงนั้นล้างครีมไม่หมดสักที” เธอว่า
เมฆฟังคำปรามแต่เปลี่ยนตำแหน่งล้างไล่ลงมาที่ใต้สะดือแทนพร้อมก้มตัวลงกึ่งนั่งกึ่งยืนด้านหน้าของเธอ
“อ้าขากว้างๆ หน่อย” เมฆว่าพร้อมมองหน้าเธอและเธอก็ทำตามอย่าว่าง่าย เมฆใช้มือลูบๆ ส่วนนั้นอยู่นาน เธอเสียการทรงตัวเล็กน้อยเหมือนจะล้ม
“จับไหล่พี่ไว้สิ ระวังล้มนะ” เมฆพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เธอจับไหล่แกร่งไว้แน่น ราวกับเด็กที่บอกอะไรก็เชื่อฟัง
เป็นการอาบน้ำที่นานกว่าปกติส่วนนั้นของเมฆเริ่มเต่งและชี้โด่งขึ้นเขารีบหันหน้าออกและบอกให้เธอออกไปก่อน เขาไม่คะยั้นคะยออะไรถ้าเธอไม่เต็มใจเขาก็จะจัดการตัวเองให้ได้
“ไหวแน่นะ” มูนพูดขณะยืนมองเขาที่ยืนกุมส่วนนั้นหันหลังให้เธออยู่
“ไหวๆ ออกไปก่อน” เขาตอบ
“จะไหวได้ยังไง” มูนเดินไปโอบจากด้านหลัง ใช้มือลูบท่อนล่างของเขา
“มูน อย่าทำแบบนี้”
“ก็จะช่วยไง ไม่ดีเหรอ”
“ถ้ามูนยังไม่สะดวกใจก็รอได้ไง” เขาตอบจากความรู้สึกจริงๆ เพราะไม่อยากให้เธออึดอัดใจ
“มีถุงยางป่ะ” เธอพูดเบาๆ
“ไม่มี” เมฆตอบ
“งั้นจัดการตัวเองไปนะ” มูนพูดพร้อมกดริมฝีปากไปที่เอวคอดๆ ของเขาแล้วเดินออกจากห้องน้ำมาใส่เสื้อผ้ายังคงได้ยินเสียงบางอย่างที่เล็ดลอดออกมาจากห้องน้ำอย่างไม่เป็นภาษา
มูนนั่งแต่งหน้าแต่งตารอคนในห้องน้ำออกมาจะได้กินข้าวพร้อมกัน
“ไอ้เมฆ เกือบตาย” เขาเดินออกมาที่มีเพียงผ้าปกคลุมท่อนล่างเอาไว้
“มันขนาดนั้นเลยนะ”
“ไม่ต้องมาพูดเลย ใจร้ายนัก” เมฆว่า
“ก็พี่บอกว่าไหวนี่” เธอตอบอย่างยียวน
“ก็ไม่อยากบังคับใครบางคนไง”
“พูดเหมือนโกรธ ไปแต่งตัวได้แล้วจะได้กินข้าว”
วันที่สองที่ได้มากับเธอมันดีเหลือเกินทั้งเธอและทะเลทุกสิ่งทุกอย่างดีเกินคาดไปมาก ดีจนใจหาย เท่านี้ไอ้เมฆก็สุขมากแล้ว ได้เป็นคนที่เธอรอกินข้าวเหมือนเดิม คนที่ได้ดูพระจันทร์กับเธอ หรือแม้กระทั่งคนที่เธอให้อาบน้ำให้ เป็นเรื่องดีๆ อย่างก้าวกระโดดจริงๆ สัญญากับตัวเองไว้เลยว่าจะไม่ทำให้เธอเสียใจเลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร เพราะสัญญากับเธอไม่ได้ ก็สัญญากับตัวเองเลยก็แล้วกัน
กิจกกรรมวันนี้ไม่ต่างอะไรจากเมื่อวานมาก ต่างตรงที่ได้นอนกันเธอทั้งวันตกเย็นก็ไปเดินเล่นริมหาด ดึกๆ ก็ยืนดูพระจันทร์ เมฆได้รับอิทธิพลจากเธอมากพอสมควร ติดการดูท้องฟ้าดูพระจันทร์ยามค่ำคืนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้