ต่างคนต่างเหนื่อยกับความสัมพันธ์และต่างคนต่างกระหายฝันของตัวเองมากจนหาจุดสมดุลของความรักครั้งนี้ไม่เจอ กระหายฝันจนต้องสูญเสียคนรักไปจากชีวิต

โทษารมณ์ - chapter 6 มีเรา โดย พวงพะยอม @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,อีโรติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โทษารมณ์

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่

แท็คที่เกี่ยวข้อง

อีโรติก

รายละเอียด

ต่างคนต่างเหนื่อยกับความสัมพันธ์และต่างคนต่างกระหายฝันของตัวเองมากจนหาจุดสมดุลของความรักครั้งนี้ไม่เจอ กระหายฝันจนต้องสูญเสียคนรักไปจากชีวิต

ผู้แต่ง

พวงพะยอม

เรื่องย่อ


เวลางานของมูนคือช่วงกลางคืนแม้จะเป็นงานที่รักก็มีง่วงมีเพลียกันบ้าง สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็ไม่พ้นกาแฟไว้เหนี่ยวรั้ง มูนใช้มือซ้ายเท้าคางมือขวาพลางหยิบแก้วกาแฟที่วางไว้ใกล้ๆ บรรยากาศช่างดูเงียบงันทำให้นึกถึงคนคอยเตือนคอยห้ามในตอนที่อัดกาแฟหนักๆ คนนั้นเป็นคนรักเก่าของเธอเอง จะว่าคนรักเก่าก็ไม่เชิงเพราะมูนยังไม่เคยพูดว่าไม่รักด้วยซ้ำไป



โคมไฟที่เปิดสว่างโร่อยู่บนโต๊ะทำงานก็ยังคงใช้ของพี่เมฆที่เป็นคนซื้อให้ รูปคู่ที่ฝาผนังก็ยังคงติดอยู่และยังไม่คิดจะทิ้ง โทนห้องสีขาวนวลเป็นสีที่พี่เมฆชอบ พี่เมฆกับมูนเป็นคู่รักที่เลิกรากันไปแล้วตอนที่มูนเรียนจบปริญญาตรีใหม่ๆ

สารบัญ

โทษารมณ์-chapter 1 การกลับมา,โทษารมณ์-chapter 2 ยินดีด้วย แม้ไม่ใช่สถานะเดิมก็ตาม,โทษารมณ์-chapter 3 ขอโอกาส,โทษารมณ์-chapter 4 อยู่กับมูน,โทษารมณ์-chapter 5 ทะเลกับมูน,โทษารมณ์-chapter 6 มีเรา,โทษารมณ์-chapter 7 แยกจาก,โทษารมณ์-chapter 8 กว่าจะเป็นมูน,โทษารมณ์-chapter 9 เรื่องของเรา,โทษารมณ์-chapter 10 safe zone ,โทษารมณ์-chapter 11 เจ็บ,โทษารมณ์-chapter 12 โลกของเมฆ,โทษารมณ์-chapter 13 ดริ้งค์,โทษารมณ์-chapter 14 book café,โทษารมณ์-chapter 15 เจ้าของคาเฟ่,โทษารมณ์-chapter 16 ครบรอบ,โทษารมณ์-chapter 17 พร้อมยัง

เนื้อหา

chapter 6 มีเรา




วันที่สามของการมาเที่ยวทะเลยามเช้าตรู่ทั้งคู่จูงมือการเดินเล่นดูดดื่มบรรยากาศอย่างเต็มอิ่ม เสียงคลื่นที่กระทบหาดทราย กับคนข้างกายที่ไม่ไร้สถานะอีกต่อไป



“พี่จะกลับญี่ปุ่นแล้วอีกนานเลยกว่าจะได้กลับมา จะมีคนคิดถึงไหมนะ” เขาว่าขณะอีกมือยังกุมมือนุ่มๆ คนข้างกายไว้แน่น



“คิดถึง มั้ง” มูนตอบเขาอย่างนั้น แต่ใจก็รู้ดีว่าคิดถึงเขาเป็นแน่



“เสียใจนะเนี่ยแฟนไม่คิดถึง” เขาว่าพร้อมกับบีบมือแน่นขึ้น



“คิดถึงอยู่แล้วหน่า ว่าแต่พี่จะไม่หายไปอีกใช่ไหม จะกลับมาหามูนใช่ไหม” เธอว่ากับนัยต์ตาเริ่มเศร้า สามวันที่มีความสุขแต่ก็เร็วจนใจหาย



“จะไม่เป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว ไม่ว่างก็จะบอกไม่ปล่อยให้รอ มูนจะเป็นคนแรก ๆ ที่พี่คิดถึง มูนไม่ให้พี่สัญญากับมูนพี่ก็จะสัญญากับตัวเอง จะหายไปไหนได้หัวใจพี่ก็อยู่ที่มูนแล้ว” เขาพูดอย่างจริงใจครั้งที่ตั้งใจมาปรับปรุงตัวกับคนนี้แล้วเขาตั้งใจมารักอีกครั้ง รู้สึกขอบคุณเธอมากที่ยังให้โอกาส ขอบคุณที่ยังรักกันไม่เปลี่ยน ไม่มีอีกแล้วไอ้เมฆที่ละเลยคนรัก คนที่ไม่ให้ความสำคัญกับแฟนไม่มีอีกแล้ว



หลังจากนี้แม้จะได้คุยกันผ่านแค่จอสี่เหลี่ยม ห่างไกลร้อยเขาพันทะเลคงไม่เกินใจถ้าต่างคนต่างมั่นคง ไม่ละเลย คงไม่สั่นคลอน รอยแผลใจจากอดีตที่ต่างคนต่างก็เคยสร้างไว้ให้กันมาวันนี้ทั้งคู่พร้อมปรับเข้าหากันด้วยพลังแห่งรักมหาศาล



“พรุ่งนี้จะกลับกันแล้วไปค้างบ้านพี่ก่อนได้ไหม แม่พี่คิดถึง” พ่อกับแม่ของเมฆเอ็นดูมูนมากเพราะเขาไม่มีลูกสาว ยิ่งเป็นคนรักของลูกชายยิ่งเห่อเข้าไปใหญ่



“อื้ม” เธอพยักหน้าเป็นการตอบ



บรรยากาศในร้านอาหารริมทะเลมีแสงไฟสลัว ๆ จากร้าน อีกแสงเป็นประกายจากดวงจันทร์และดวงดาวเป็นร้านอาหารสุดโรแมนติก แต่ละโต๊ะถูกจัดไว้ห่างกันอย่างเป็นส่วนตัว สักพักมีดอกไม้ยื่นให้กับมูนเป็นเมฆเองที่ตกลงกับทางร้านไว้ล่วงหน้าเอาไว้ เป็นดอกทานตะวันที่จัดแต่งเป็นช่อๆ อย่างถูกใจคนรักของเขา



“ให้นี่รู้ความหมายหรือเปล่า หรือว่าให้เฉย ๆ ” เธอถามคนตรงหน้า



“คำถามนี่คุ้นๆ นะครับ ล้อเลียนเหรอ”



“ไม่ ๆ ก็อยากรู้ว่าพี่รู้ความหมายหรือเปล่า” เธอถามเพราะอยากย้ำคำตอบจากคนตรงหน้า ต่างคนต่างรู้ดี ระหว่างที่คบกันทั้งคู่มักจะมอบดอกทานตะวันให้กันเสมอ



“รู้สิครับ ดอกทานตะวันตัวแทนความภักดี เหมือนดั่งที่ไม่เคยมองใครนอกเสียจากพระอาทิตย์”



“นี่ก็คำพูดมูนเป๊ะ ๆ ล้อเลียนเหรอ” เธอถามพร้อมรอยยิ้มอย่างถูกใจไม่น้อย



“ไม่ได้ล้อเลียน แค่จดจำมันได้ดี”



“พี่ไปครั้งนี้คงอีกนานกว่าจะได้กลับมา อย่าแอบมองผู้ชายคนอื่นหล่ะ” เมฆว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง



“จะไปมองใครหล่ะ ก็มองแต่พระจันทร์ วัน ๆ ก็ขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง คำนี้ต้องเป็นคำพูดมูนมากกว่ามั้ง ว่าอย่าแอบมองสาวที่ไหนอีก”



“ไม่ต้องห่วงครับคุณมูน ผมมันลูกไก่ในกำมือคุณอยู่แล้ว” เมฆว่าพร้อมมองคนตรงหน้าอย่างไม่วางตา



“พี่จะมองมูนอะไรขนาดนั้น เขินเป็นเหมือนกันนะ”



“ใครเขาเขินแฟนตัวเองกัน”



“ก็ดูมองเข้าสิ มองเหมือนไม่เคยเห็น”



“ให้มองหน่อย อีกนิดก็ไม่ได้อยู่มองแล้ว” เขาว่าพร้อมเอามือเท้าคาง



พรุ่งนี้เช้าก็กลับกันแล้ว เป็นคืนสุดท้ายของการมาเที่ยวทะเลกับใจที่ต่างคนต่างใฝ่หากันและกันมานาน การมาทะเลครั้งนี้คุ้มที่สุด มากกว่าบรรยากาศดีๆ ทะเลสวยๆ คือได้แฟนคนเดิมกลับมา ถ้าคิดถึงกันหลังจากนี้ก็มีสถานะแล้ว คิดถึงก็บอกได้ แชร์เรื่องราวไร้สาระให้ฟังได้ เห็นพระจันทร์สวยๆ ก็ถ่ายรูปส่งให้ดูได้ ค่ำคืนนี้ทั้งคู่นอนอยู่ในห้องที่มีม่านเปิดไว้กึ่งหนึ่งให้แสงจากดวงจันทร์ได้ลอดผ่านแม้ไร้แสงไฟสาดส่องอย่างน้อยก็มีแสงจากจันท์อ่อนๆ โอบกอดคนรักไว้แนบแน่นและหลับไป



“มูนครับ ตื่นได้แล้ว” เขาปลุกคนรักของเขาขณะที่จัดการกับตัวเองเรียบร้อยแล้ว สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีดำกลิ่น ฉีดน้ำหอมกลิ่นโปรดเบาๆ



“พี่เมฆ ทำไมเพิ่งปลุกมูนหล่ะคะ เดี๋ยวพี่ก็ต้องรอนาน” เธอว่าขณะหรี่ตาขึ้นพร้อมเลิกผ้าห่มออก



“ก็เห็นนอนสบาย ไม่เป็นไรไม่ต้องรีบ ลุกๆ ไปอาบน้ำ” เขาว่าพร้อมดึงแขนคนรักอย่างแกล้งๆ



“บอกไม่รีบ แล้วไล่ไปอาบน้ำ”



“ก็ไม่รีบ แต่จะได้สบายตัวไง”



“อื้ม…..ก็ได้” เธอลุกขึ้นจากเตียง



“ตัวหอมจัง” เธอว่าพร้อมหอมแก้มเมฆไปหนึ่งที และรีบตบเท้าไปในห้องน้ำอย่างไว



“…..” เมฆได้แต่ยิ้ม งงๆ ให้กับการกระทำของคนตรงหน้าที่ดิ่งเข้าไปในห้องน้ำเสียแล้ว



เมฆขับรถมีเป้าหมายคือบ้านของเขาเองอีกมือลูบหัวคนข้างกายอย่างอ่อนโยนขณะที่รถติดไฟแดง



“พี่เมฆขับรถอยู่” เธอยู่หน้าใส่เล็กน้อย



“ก็ขับรถไง ใครบอกทำกับข้าว”



“พอแล้วๆๆ ขับรถอยู่” เธอว่าพร้องดึงมือหนาออก



“รู้แล้วครับคุณมูน”



ไม่นานก็ถึงบ้านของเมฆมีป้าเปี่ยมคุณป้าแม่บ้านที่เมฆนับถือเหมือนคนในครอบครัวมาช่วยถือของไปเก็บ



“สวัสดีค่ะแม่ สวัสดีค่ะป้าเปี่ยม” เธอไม่พูดเปล่า เอ่ยพร้อมยกมือไหว้

“คิดถึงจังเลย” แม่ว่าพร้อมกอดหลวมๆ ไปหนึ่งที



“ไม่คิดถึงผมบ้างเหรอแม่” เมฆว่า



“ไม่คิดถึงหรอกคนนั้นไม่อ่ะ กลับมาแล้วไม่ให้ไปไหนแล้วนะ” แม่พูดกับมูนอย่างมีความหมายแอบแฝง



“บอกหนูคนเดียวไม่ได้ค่ะ ต้องบอกคนนั้นด้วย” มูนว่าพร้อมมองไปที่เมฆ



“นินทาระยะเผาขน เขาทิ้งผมนะแม่ แม่ต้องเข้าข้างผม”



“จริงๆ เลยเด็กพวกนี้” แม่ว่า



“พ่อไปทำงานแล้วเหรอแม่” เมฆถาม



“ใช่นะสิ ออกไปตั้งแต่เช้ามืดนู้นนน”



“เข้าไปกินข้าวกันลูกป้าเปี่ยมเตรียมมื้อเที่ยงไว้ให้แล้ว”



“ค่ะ”



“ครับ”



หลังจากมื้อเที่ยงมูนนั่งดูทีวีกับเมฆและแม่ของเมฆส่วนป้าเปี่ยมเข้าครัวน่าจะเตรียมอาหารสำหรับมื้อเย็น



“มูนไปช่วยป้าเปี่ยมนะคะ” มูนอดทนไม่ได้สำหรับคนชอบทำอาหาร ไม่พ้นต้องขอตัวไปช่วยเป็นลูกมือซะหน่อย



“ตามสบายเลยลูก”



“ป้าเปี่ยมหนูอยากช่วย” เสียงใสๆ เอ่ยขึ้นเมื่อสาวเท้าถึงครัวเห็นคนตรงหน้าขมักเขม้นอยู่หน้าหม้อหน้าเตา



“ป้าทำเองได้ค่ะ”

“หนูเหงามืออ่ะ ขอเป็นลูกมือคุณเชฟป้าเปี่ยมนะคะ” เสียงเริ่มออดอ้อนเมื่อถูกปฏิเสธ



“งั้นคุณมูนช่วยดูต้มยำกุ้งหม้อนั้นหน่อยนะคะ ว่าต้องเติมอะไรอีก”



“คุณมูนอะไรป้าเปี่ยม มูนเฉยๆ พอค่ะ ไม่งั้นหนูจะโกรธ”



มูนลิ้มลองรสชาติอาหารอย่างตั้งใจส่วนป้าเปี่ยมยืนล้างผักอยู่อีกฝั่ง เห็นเมฆที่แอบยืนดูตามเข้ามาในครัวอย่างย่องๆ ก่อนส่งสัญญานเพื่อไม่ให้ป้าเปี่ยมร้องทักและกวักมือเรียกป้าเปี่ยมให้ออกไปข้างนอก และดันตัวเองเข้าไปในครัวแทน เขาเดินไปโอบมูนจากด้านหลัง



“พี่เมฆ อย่าทำแบบนี้ อายป้าเปี่ยม”



“ไหนป้าเปี่ยม ไม่มี”



“โอ้ย แล้วพี่จะตามมูนมาทำไมละเนี่ย ขี้เว่อร์จริงๆ เลย”



“อะไร แค่นี้ก็รำคาญกันแล้ว”



“ไม่ได้รำคาญ แต่กลัวพี่จะรำคาญต่างห่างเล่า”



“อย่ามาดูถูกกันแบบนี้สิคุณ ผมเมฆ เมฆานะครับ”



“รู้จักนานแล้วค่ะ” มูนตอบพร้อมสีหน้ากวนๆ พร้อมหันหน้ามอง



เสียงรถจากหน้าบ้านดังขึ้นในเวลาเย็นๆ เป็นพ่อของเมฆที่กลับมาจากทำงาน



“สวัสดีค่ะ” มูนทักทายพร้อมยกมือไหว้



“สวัสดีลูก” พ่อยกมือรับไหว้



มื้อเย็นจบลงโดยมีมูนเป็นลูกมือป้าเปี่ยมตั้งแต่เริ่มตั้งโต๊ะไปจนถึงยกจานชามเข้าครัว ช่วยป้าเปี่ยมอย่างคล่องแคล่ว เพราะช่วยแม่ที่บ้านอยู่ประจำ เบื่องานก็ทำอาหารอยู่บ้านกับแม่บ้าง



“มูนไปอาบน้ำก่อนเลย” เมฆว่าขณะที่ทั้งคู่เดินถึงห้องนอนเมฆ นี่เป็นบ้านที่เมฆอาศัยอยู่ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว



“ไล่ไปอาบน้ำบ่อยจัง มูนตัวเหม็นเหรอ” เธอถามพร้อมยกแขนขึ้นแล้วดมรักแร้ตัวเอง



“ใช่ ตัวเหม็น” เมฆอดขำกับท่าทางของเธอไม่ได้ เขาว่าพร้อมก้มลงไปหอมแก้มหนึ่งที



“ตัวเหม็นจริงเหรอ คนชื่อเมฆหอมแก้มทั้งวันเลยนะ”



“ล้อเล่นทั้งนั้นอ่ะ อยากแกล้ง”



“แกล้งยังไงก็ได้ อย่าแกล้งหายไปก็พอ”



“ไม่มีทางแน่นอนครับ” เขาว่า



เช้าวันนี้เมฆขับรถไปส่งมูนที่บ้านหลังจากนั้นเขาเองก็ต้องเตรียมตัวกลับไปต่างประเทศเหมือนเดิม ไว้มีโอกาสคงจะพามูนไปดูตอนเขาเตะบอลที่สนามที่นั่นบ้าง ว่าไอ้เมฆ เมฆา แสนเท่ขนาดไหน แม้ก่อนหน้านั้นมูนจะเคยตามเชียร์เขาอยู่บ่อยๆ แต่ช่วงที่เขาเริ่มเติบโตขึ้นกลับเป็นช่วงที่ได้เลิกรากันไปแล้วน่ะสิ