การกระทำของเซเรนอสที่จับกุมและทรมานเอเรนผู้นำระดับสูงสุดของโลก เป็นการหยามเกียรติอย่างที่สุด!แต่จำไว้ว่าในดินแดนของเซเรนอส กฎของเรายังคงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเคารพ!!!

รักล้านปีแสง - บทที่ 5 โจทย์ที่ไม่เคยมีใครแก้ได้ โดย ณ นิรันดร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,#BL,แฟนตาซี,อวกาศ ,ไซไฟ,ดราม่า,สัตว์บรรพกาล,ต่างโลก,อัลฟ่า,เจ้าชายคาเลบ,เอเรนคนครั่งรัก,พระเอกอบอุ่น,พระเอกครั่งรัก,นายเอกเป็นเจ้าชาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

รักล้านปีแสง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

#BL,แฟนตาซี,อวกาศ ,ไซไฟ,ดราม่า,สัตว์บรรพกาล,ต่างโลก,อัลฟ่า,เจ้าชายคาเลบ,เอเรนคนครั่งรัก,พระเอกอบอุ่น,พระเอกครั่งรัก,นายเอกเป็นเจ้าชาย

รายละเอียด

การกระทำของเซเรนอสที่จับกุมและทรมานเอเรนผู้นำระดับสูงสุดของโลก เป็นการหยามเกียรติอย่างที่สุด!แต่จำไว้ว่าในดินแดนของเซเรนอส กฎของเรายังคงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเคารพ!!!

ผู้แต่ง

ณ นิรันดร์

เรื่องย่อ

ถึงผู้เข้าคัดเลือกทุกท่าน,

นี่เป็นอีเมลฉบับเดียวและฉบับสุดท้ายที่ท่านจะได้รับจากเรา หลังจากอีเมลฉบับนี้ ทุกท่านจะถูกเชื่อมเข้ากับระบบ "แท็กเวลา"

ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ใช้ในการส่งข้อความหรือข้อมูลไปยังผู้รับในเวลาที่กำหนดโดยอัตโนมัติการนัดหมายและการสื่อสารทั้งหมดของท่านหลังจากนี้จะถูกจัดการผ่านระบบนี้ ท่านสามารถเช็คตารางสนามสอบ หรือรับข้อมูลและการอัปเดตที่สำคัญในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าได้แบบเรียลไทม์ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาข้อความหรืออีเมลแบบดั้งเดิมอีกต่อไป

ขอให้ท่านเตรียมพร้อมสำหรับการสื่อสารในรูปแบบใหม่ และขอให้โชคดีกับกระบวนการคัดเลือกขอแสดงความนับถือ,


[ชื่อผู้ส่ง] : คาเลบ ออร์บิเทอร์
[ตำแหน่ง/แผนก] : ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งอาณาจักรเซเรนอส
[ชื่อองค์กร] : กระทรวงการป้องกันราชอาณาจักร

....................................................................

“หนามจิตสำนึก” ถือเป็นเครื่องมือทรมานที่ล้ำสมัยและโหดร้ายที่สุดในอาณาจักรเซเรนอส หนามเหล่านี้ไม่ได้ทำร้ายร่างกายโดยตรง แต่จะเจาะเข้าไปในระบบประสาทของเหยื่อ ผ่านการปล่อยสัญญาณไฟฟ้าคลื่นความถี่สูงที่สามารถกระตุ้นสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บปวดและความทรงจำที่เจ็บปวดที่สุดของเหยื่อได้

หนามเหล่านี้จะถูกฝังลงไปในผิวหนังของเอเรน สัญญาณไฟฟ้าจะถูกส่งผ่านเข้าสู่ระบบประสาทโดยตรง ส่งผลให้สมองของเขาสร้างความรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง ทั้งทางกายและจิตใจ นอกจากนี้ อุปกรณ์นี้ยังสามารถกระตุ้นให้เหยื่อเผชิญหน้ากับความทรงจำที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของพวกเขา ราวกับว่าพวกเขากำลังสัมผัสกับเหตุการณ์เหล่านั้นอีกครั้ง

มิคาเอลพูดขณะยิ้มอย่างเยือกเย็น "หนามจิตสำนึกนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้ท่านชายรู้สึกเจ็บปวดทางกาย แต่มันจะทำให้ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่น่ากลัวที่สุด สิ่งที่ท่านพยายามลืม"

....................................................................

ยินดีต้อนรับสู่เซเรนอส

สารบัญ

รักล้านปีแสง-บทที่ 1 เอเรนไปเยือนเซเรนอส,รักล้านปีแสง-บทที่ 2 เซเรนอสถูกรุกรานจากอากาศยานที่มองไม่เห็น,รักล้านปีแสง-บทที่ 3 การกลับมาของมิคาเอล,รักล้านปีแสง-บทที่ 4 ปริญญาห้องแถว,รักล้านปีแสง-บทที่ 5 โจทย์ที่ไม่เคยมีใครแก้ได้

เนื้อหา

บทที่ 5 โจทย์ที่ไม่เคยมีใครแก้ได้

ถึงผู้เข้าคัดเลือกทุกท่าน,

นี่เป็นอีเมลฉบับเดียวและฉบับสุดท้ายที่ท่านจะได้รับจากเรา หลังจากอีเมลฉบับนี้ ทุกท่านจะถูกเชื่อมเข้ากับระบบ "แท็กเวลา"

ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ใช้ในการส่งข้อความหรือข้อมูลไปยังผู้รับในเวลาที่กำหนดโดยอัตโนมัติ

การนัดหมายและการสื่อสารทั้งหมดของท่านหลังจากนี้จะถูกจัดการผ่านระบบนี้ ท่านสามารถเช็คตาราง

สนามสอบ หรือรับข้อมูลและการอัปเดตที่สำคัญในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าได้แบบเรียลไทม์ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาข้อความหรืออีเมลแบบดั้งเดิมอีกต่อไป

ขอให้ท่านเตรียมพร้อมสำหรับการสื่อสารในรูปแบบใหม่ และขอให้โชคดีกับกระบวนการคัดเลือกขอแสดงความนับถือ,


[ชื่อผู้ส่ง] : คาเลบ ออร์บิเทอร์
[ตำแหน่ง/แผนก] : ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งอาณาจักรเซเรนอส
[ชื่อองค์กร] : กระทรวงการป้องกันราชอาณาจักร 

....................................................................

เอเรนเพิ่งได้เปิดอ่านเมล์และกดเข้าร่วมแท็กเวลา ก่อนที่จะแยกย้ายจากโอลาฟเขาขอร้องให้โอลาฟลองวาร์ปตัวเขาอีกครั้ง "ด้วยความยินดีครับผู้พัน" ทันทีที่เขาตกลงเอเรนก็รู้สึกถึงแรงดึงเบา ๆ ที่พาเขาเข้าสู่กระบวนการวาร์ปในทันทีราวกับเวลาถูกบิดเบือนและบีบอัดลงเพียงเสี้ยววินาที เขาโผล่มาอีกครั้งที่หน้าหอบัญชาการของเซเรนอส

เบื้องหน้าของเอเรนคืออาคารที่ยิ่งใหญ่และล้ำสมัยที่สุดที่เขาเคยเห็น หอบัญชาการของเซเรนอสตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางเมืองแห่งอนาคต ผนังของอาคารสร้างจากวัสดุโปร่งแสงที่สะท้อนแสงอาทิตย์อย่างงดงาม ทุกเส้นสายของสถาปัตยกรรมเต็มไปด้วยความละเอียดอ่อนและเทคโนโลยีขั้นสูง ผนังบางส่วนเปล่งประกายแสงจากภายใน แสดงถึงระบบพลังงานอันซับซ้อนที่ขับเคลื่อนอยู่ อาคารแต่ละหลังสูงเสียดฟ้าดูเหมือนจะเชื่อมต่อกับท้องฟ้าสีครามเหมือนกับว่ามันสามารถดึงพลังงานจากดวงดาวและอวกาศมาใช้ได้อย่างอิสระ บริเวณรอบๆ หอบัญชาการมีสกายวอล์กที่เชื่อมต่อกับตึกต่างๆ ในเมือง ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นการผสมผสานระหว่างธรรมชาติและเทคโนโลยีเข้าด้วยกันอย่างลงตัวขณะที่เขายืนอยู่ตรงนั้น ผู้คนที่แต่งกายด้วยชุดที่ดูเหมือนหลุดมาจากนิยายวิทยาศาสตร์ต่างเดินผ่านเขาเข้าไปด้านใน 

เมื่อเอเรนก้าวเข้าสู่ด้านในของหอบัญชาการเซเรนอส เขาถูกต้อนรับด้วยความยิ่งใหญ่และความล้ำสมัยที่เหนือจินตนาการขึ้นไปอีกหลายเท่า พื้นที่ภายในหอบัญชาการถูกออกแบบมาอย่างประณีต โดยมีโถงใหญ่ตรงกลางที่กว้างขวางและสูงโปร่ง ผนังทั้งหมดทำจากวัสดุโปร่งแสงที่สามารถเปลี่ยนสีและแสดงข้อมูลได้ตามความต้องการรอบ ๆ โถงใหญ่ มีมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ที่แสดงข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการปฏิบัติการของอาณาจักรเซเรนอส ข้อมูลนี้ถูกส่งมาจากทั่วทั้งจักรวาล ไม่ว่าจะเป็นแผนที่ดวงดาว ภาพรวมของสถานการณ์ในกาแล็กซี่ หรือการเคลื่อนไหวของกองกำลังทหาร แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่โดดเด่นที่สุด ในกลางโถง มีโฮโลแกรมขนาดยักษ์ลอยอยู่เหนือพื้น ซึ่งแสดงภาพสามมิติของอาณาจักรเซเรนอสทั้งหมด รวมถึงเส้นทางการคมนาคมและศูนย์บัญชาการหลักในทุกภูมิภาค โฮโลแกรมนี้เคลื่อนไหวอย่างนุ่มนวลและสามารถตอบสนองต่อการสั่งงานของเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้เคียงได้ทันที

"โห... นี่มันสุดยอดเกินไปจริง ๆ เหมือนหลุดเข้ามาในหนังไซไฟที่เคยดูตอนเด็ก...เหลือจะเชื่อ!!!"

ผนังห้องโถงสามารถปรับเปลี่ยนเป็นจอภาพขนาดใหญ่ หรือโปร่งใสเพื่อเปิดรับแสงธรรมชาติ และยังมีเทคโนโลยีที่ทำให้พื้นที่ภายในหอบัญชาการสามารถปรับสภาพแวดล้อมได้ตามต้องการ เช่น ปรับอุณหภูมิ ความชื้น หรือแม้กระทั่งกลิ่นอากาศที่เหมาะสมกับกิจกรรมต่าง ๆ 

ผู้คนที่เข้ามาเพื่อคัดเลือกในวันนี้ถูกนำมายืนรอในบริเวณที่จัดไว้ตรงด้านล่างของห้องโถง ซึ่งมีเส้นแสดงตำแหน่งที่ทุกคนต้องยืนอย่างเป็นระเบียบ รอบตัวพวกเขามีเจ้าหน้าที่ของเซเรนอสในชุดยูนิฟอร์มน้ำเงิน-ดำ ที่ดูเคร่งขรึมและมีระเบียบ 

คาเลบยืนอยู่บนแท่นบัญชาการที่สูงกว่าพื้นด้านล่างเล็กน้อยซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางของห้อง แท่นนี้เป็นจุดศูนย์กลางของการควบคุมและสั่งการทั้งหมด รอบตัวคาเลบมีจอมอนิเตอร์และโฮโลแกรมที่ลอยอยู่เพื่อแสดงข้อมูลต่าง ๆ ที่เขาต้องการเห็นในทันที ชุดที่เขาสวมใส่คือชุดที่บ่งบอกถึงอำนาจและความสง่างาม ยูนิฟอร์มสีดำสนิทที่ตัดเย็บจากวัสดุที่ทนทานและสะท้อนแสงในบางมุม ทำให้ชุดดูเป็นสีเงินในบางจังหวะ เสื้อคลุมยาวสีดำที่คลุมไหล่ช่วยเสริมให้เขาดูสง่าและน่าเกรงขามยิ่งขึ้น 

"แคร่ก...แคร่ก" 

มิคาเอลขยับตัวเข้าไปใกล้แทบจะทันที "ฝ่าบาท...เข้าไปพักก่อนมั้ย" 

เอเรนยืนมองคนทั้งคู่จับมือถือแขนกันอย่างเฉย ๆ เพียงแค่ปลายหาตาเขาก็พอดูออกว่าคนที่ขยับเข้าไปประครองมีความสำคัญในกองทัพของเซเรนอสมากขนาดไหนเพราะดูจากเครื่องแต่งกายและเครื่องหมายที่ไหล่ซ้ายมันเป็นตราของแม่ทัพ

"ถึงเวลาสมควรแล้วฝ่าบาท" มิคาเอลเอ่ยเบา ๆ เพื่อรายงานสถานการณ์และเดินแยกตัวลงไปด้านล่างเพื่อเริ่มต้นการคัดเลือกแต่ก่อนที่มิคาเอลจะได้คัดเลือกผู้เข้าแข่งขันคนแรกความผิดปกติบางอย่างก็เกิดขึ้น 

คาเลบที่ยืนสง่างามอยู่บนแท่นสูงค่อย ๆ ทรุดตัวลงกับพื้นอย่างช้า ๆ ใบหน้าซีดเผือดราวกับไร้สีเลือดใบหน้านั้นแฝงไปด้วยความเจ็บปวดที่ยากจะซ่อน

“ฝ่าบาท!” มิคาเอลร้องเรียกด้วยความตกใจ ขณะที่คาเลบทรุดตัวลงกับพื้น 

เอเรนที่ยืนอยู่ไม่ไกล รีบพุ่งตัวเข้าไปหาคาเลบอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ร่างของผู้บัญชาการสูงสุดกำลังจะล้มลงกับพื้นเอเรนรับตัวคาเลบไว้ได้ทันเขาประคองคาเลบไว้ในอ้อมแขนผู้บัญชาการสูงสุดตอนนี้ดูอ่อนแรงกว่าที่เขาเคยเห็น

"ฝ่าบาท"

เอเรนมองดูใบหน้าซีดเผือดของคาเลบ ขณะที่สายตาของมิคาเอลจับจ้องไปที่เอเรนด้วยความแปลกใจ

“ฝ่าบาท!” เอเรนเรียกพลางเขย่าตัว

คาเลบพยายามยกสายตาขึ้นมองเอเรน ดวงตาสีฟ้าที่เคยสดใสตอนนี้เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าเขาพยายามฝืนยิ้มบางๆ ให้กับเอเรนอย่างสุดความสามารถแต่ความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างทำให้ยากที่จะยิ้มได้

มิคาเอลรีบเข้ามาประคองคาเลบต่อจากเอเรน 

“ขอบคุณ...” คาเลบพึมพำเบา ๆ กับเอเรน ก่อนที่เขาจะหมดสติไปในที่สุด

หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นการคัดเลือกทั้งหมดถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ข่าวลือเกี่ยวกับอาการป่วยของคาเลบแพร่กระจายไปทั่วอาณาจักรเซเรนอส และมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าเอเรนได้รับการเรียกตัวเข้าพบคาเลบเป็นการส่วนตัวที่หอบัญชาการ

คาเลบนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานทรงกลมขนาดใหญ่ ดวงตาสีฟ้าสดใสที่เคยเปี่ยมไปด้วยอำนาจตอนนี้ดูหมองลงเล็กน้อย เขายังคงสวมชุดสีดำสนิทที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา แต่วันนี้ดูเหมือนเขาจะเหนื่อยล้ากว่าที่เคยเป็น คาเลบเงยหน้าขึ้นมองเอเรนเมื่อเขาเดินเข้ามาในห้อง รอยยิ้มน่ารัก ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ซีดเผือด

"ขอบคุณเรื่องวันนั้น" เสียงของเขาฟังดูอ่อนล้า  "นั่งลงสิ"

เอเรนนั่งลงตามคำเชิญ แต่เขายังรู้สึกถึงความไม่สบายใจที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ การเห็นคาเลบในสภาพนี้ทำให้เขาเกิดคำถามมากมายในหัว

"ฝ่าบาท ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?" แม้จะมีความสงสัยแฝงอยู่ในน้ำเสียงแต่เขาก็พยายามเก็บมันไว้ เอเรนมองดูคาเลบอย่างตั้งใจเขารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างที่ไม่ปกติเกิดขึ้นกับผู้บัญชาการสูงสุดของเซเรนอส และความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวของเขา

"อาการนี้เกิดขึ้นบ่อยหรือไม่ฝ่าบาท" 

"แคร่ก แคร่ก ไม่ ๆ น่าจะประมาณช่วงที่ vortex รั่วจนทำให้ชั้นบรรยากาศแย่ลง แคร่ก แคร่ก" 

คำตอบนี้ทำให้เอเรนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยดวงตาของเขาจ้องมองคาเลบแบบที่ยังไม่สิ้นสงสัยเขารู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งที่มากกว่าความเจ็บป่วยธรรมดาแฝงอยู่ในเรื่องนี้และมันอาจจะเกี่ยวข้องกับภารกิจของเขา

“กระหม่อมอยากขอดู Vortex” เอเรนพูดโพล่งขึ้นมาโดยไม่ทันคิด

คาเลบเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พลางจ้องมองเอเรนด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ความเงียบปกคลุมห้องชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่คาเลบจะพยักหน้าเบา ๆ ราวกับกำลังตัดสินใจบางอย่าง

“Vortex เป็นหัวใจของอาณาจักรเซเรนอส มันไม่ใช่สิ่งที่ใครจะเข้าไปดูได้ง่าย ๆ” คาเลบเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่หนักแน่น วินาทีนั้นมิคาเอลก็เดินเข้ามาแบบที้ไม่ต้องรอให้ใครอนุญาติ

"ฝ่าบาท...หรือเราจะเริ่มทดสอบท่านผู้นี้เป็นคนแรก" มิคาเอลวาดมือในอากาศแล้วเรียกโฮโลวิชั่นแสดงประวัติผู้สมัคร แม้จะไม่ชอบขี้หน้าแต่มิคาเอลก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าโปรไฟล์ของเอเรนน่าสนใจ มิคาเอลส่งภารกิจแรกให้เขาทางแท็กเวลา

...................................................................

รูปแบบการทดสอบ

การทดสอบแรกมีชื่อว่า “การฟื้นฟูระบบแกนกลาง” ผู้คัดเลือกต้องจัดการแก้ไขและฟื้นฟูระบบปฏิบัติการของหุ่นยนต์ AIอัจฉริยะที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการควบคุมหุ่นยนต์จำนวนมากในเซเรนอสโดยระบบนี้ถูกตั้งค่าให้เกิดความขัดข้องและหยุดทำงานในลักษณะที่ไม่มีใครเคยเจอมาก่อน

สถานที่ทดสอบ

: ห้องทดสอบ ศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ และดวงดาวสถาบันเซเรนอส 

เงื่อนไขการทดสอบ

: ฟื้นฟูระบบภายในเวลา 2 ชั่วโมงโดยไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติมหรือให้หุ่นยนต์ AI เกิดข้อผิดพลาด 

....................................................................

คาเลบเข้าร่วมชมการทดสอบนี้ด้วยความตั้งใจ เขายืนอยู่ในห้องควบคุมที่สามารถเห็นการทดสอบได้จากทุกมุมมองดวงตาของเขาจับจ้องไปที่เอเรนขณะทำงาน ทุกการกระทำและคำสั่งของเอเรนจะถูกตรวจสอบอย่างละเอียดผ่านเซ็นเซอร์หลายร้อยตัวที่ติดตั้งอยู่รอบห้อง

เอเรนยิ้มเยาะนิดหน่อยไอ้ระบบ AI กิ๊กก๊อกนี้เขาจำได้ว่าตอนที่ยังเป็นเด็กเขาเคยเล่นกับระบบ AI หลายระบบและได้เรียนรู้การแก้ไขและปรับเปลี่ยนพวกมันมาตั้งแต่ยังอายุน้อย ๆ สำหรับเขาแล้วมันเป็นเรื่องง่ายที่เขาสามารถจัดการได้โดยไม่ต้องคิดมากเอเรนรู้ว่ากองทัพ AI ที่เขาเจอถูกสร้างขึ้นมาอย่างซับซ้อนแต่ยังคงมีช่องโหว่ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ เขาเริ่มต้นด้วยการค้นหาช่องโหว่ในโค้ดของระบบ โดยใช้เครื่องมือฮอโลแกรมที่ซ่อนอยู่ในชุดของเขาเพื่อสแกนและวิเคราะห์โครงสร้างของโค้ดอย่างรวดเร็วเมื่อเอเรนพบช่องโหว่แล้วเขาก็ใช้การแทรกซึมผ่านโปรโตคอลเก่า ๆ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในระบบ AI

แม้ว่ามันจะถูกอัปเกรดหลายครั้ง แต่ยังคงมีบางส่วนที่ยังใช้โค้ดรุ่นเก่าที่เขาคุ้นเคย เอเรนเจาะเข้าไปในระบบควบคุมหลักของ AI ได้อย่างรวดเร็ว เขาเข้าสู่ระบบควบคุมหลักและใช้คำสั่ง Override เพื่อควบคุมการทำงานของ AI และป้อนคำสั่งที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อทำให้ AI เชื่อว่าพวกมันกำลังทำงานตามปกติ แต่ในความเป็นจริง มันได้ถูกควบคุมโดยเอเรนเป็นที่เรียบร้อยแล้วระบบ AI บางตัวมีการป้องกันขั้นสูงที่สามารถปิดกั้นการแทรกแซงจากภายนอก แต่เอเรนก็ใช้ความรู้เกี่ยวกับการเข้ารหัสและการถอดรหัสเพื่อปลดล็อกการป้องกันเหล่านี้อย่างรวดเร็ว โดยใช้เครื่องมือมัลติทูลนาโนจากชุดของเขาในการเจาะเข้าถึงข้อมูลที่ถูกซ่อนอยู่ในระดับลึกของระบบ

หลังจากควบคุม AI ได้แล้วเอเรนทำการรีบูตระบบใหม่ทั้งหมด โดยปรับแต่งให้ AI ทำงานตามคำสั่งของเขาและตอบสนองต่อการควบคุมจากเขาเพียงคนเดียว การรีบูตนี้ช่วยให้เขาสามารถควบคุมระบบได้อย่างสมบูรณ์แบบเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากเจ้าหน้าที่หรือ AI อื่น ๆ เอเรนสร้างคำสั่งลวงหลายชั้นเพื่อให้ระบบเชื่อว่าพวกมันกำลังทำงานตามปกติ เขาทำให้ AI สร้างรายงานปลอมขึ้นมาเพื่อลวงเจ้าหน้าที่ที่อาจกำลังติดตามระบบอยู่

"เรียบร้อย!"

ในโจทย์ข้อแรกนี้เอเรนใช้เวลาไปเพียงแค่ 27 นาทีมิคาเอลที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กับคอนโซลควบคุมหลักมองไปที่เอเรนด้วยสายตาที่เย็นชาและชิงชัง เค้าเบะปากให้กับความสำเร็จนี้แล้วเดินเข้าไปกระซิบกระซาบกับคาเลบ

เอเรน เห็นคาเลบพยักหน้าและ มิคาเอลก็ปล่อยโจทย์ข้อที่สอง ซึ่งเป็นการทดสอบที่ไม่มีใครเคยผ่านมาก่อน

โจทย์ข้อที่ 2 คือ การสร้างและควบคุม AI ควอนตัมแบบหลายมิติ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนามาเพื่อทำงานในระดับควอนตัม ในขณะที่ยังสามารถรับรู้และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในหลายมิติพร้อมกันได้ อัลกอริธึมที่ใช้ต้องสามารถปรับตัวและเรียนรู้จากข้อมูลที่ไม่ได้มีอยู่ในความเป็นจริงแบบสามมิติ แต่รวมถึงข้อมูลที่เกิดขึ้นในมิติที่สูงขึ้น และยังต้องทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีควอนตัม โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไม่แน่นอน

ในโลกแห่งอนาคตที่อาณาจักรเซเรนอสเป็นผู้นำด้านวิทยาการควอนตัม เทคโนโลยี AI ควอนตัมแบบหลายมิตินี้เป็นสิ่งที่ล้ำสมัยที่สุด การควบคุม AI ในระดับควอนตัมนั้นไม่เพียงแต่ต้องเข้าใจหลักการฟิสิกส์ควอนตัมขั้นสูง แต่ยังต้องเข้าใจการทำงานของมิติที่มากกว่าสามมิติที่มนุษย์ทั่วไปสามารถรับรู้ได้

หุ่นยนต์ที่ใช้ในการทดลองนี้ถูกออกแบบให้มีระบบประมวลผลควอนตัมซึ่งสามารถรับข้อมูลจากมิติที่ซับซ้อนขึ้น เช่น มิติที่สี่หรือห้า มันสามารถเห็นอนาคตที่เป็นไปได้หลายอย่างพร้อมกัน และตัดสินใจโดยอิงจากข้อมูลที่รวบรวมมาในเวลาเดียวกันจากมิติเหล่านี้

เพื่อแก้ปัญหานี้ เอเรนต้องเขียนโค้ดที่สามารถควบคุม AI ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในหลายมิติ พร้อมกับต้องทำให้หุ่นยนต์สามารถทำงานได้โดยไม่เกิดข้อผิดพลาด ในสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบสุ่มและไม่สามารถคาดเดาได้

มิคาเอลเชื่อว่าไม่มีใครในอาณาจักรเซเรนอสหรือแม้แต่ในจักรวาลสามารถแก้โจทย์นี้ได้ แต่เขาก็ต้องการทดสอบเอเรน เพื่อดูว่าเขาจะสามารถทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นไปได้หรือไม่

เอเรนยืนนิ่งอยู่หน้าจอภาพโฮโลกราฟิก ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ชุดข้อมูลที่ซับซ้อน แสงสีส้มและน้ำเงินจากจอภาพสะท้อนบนใบหน้าของเขา ขณะที่สมองของเขาประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็ว

เอเรนเริ่มต้นด้วยการเขียนอัลกอริธึมที่สามารถจัดการข้อมูลควอนตัมจากหลายมิติได้พร้อมกัน เขาต้องสร้างกรอบการทำงานที่ยืดหยุ่นพอที่จะรับมือกับข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไม่แน่นอนในมิติต่างๆ จากนั้นเขาต้องพัฒนาอัลกอริธึมที่สามารถเรียนรู้และปรับตัวได้เอง ซึ่งหมายถึงการทำให้ AI สามารถพัฒนาตัวเองได้จากการรวบรวมข้อมูลในแต่ละมิติ และตัดสินใจโดยพิจารณาจากความเป็นไปได้หลายอย่างในอนาคต

สิ่งที่ซับซ้อนที่สุดคือการเชื่อมต่อ AI กับหุ่นยนต์ที่ต้องทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำในทุกสถานการณ์ เอเรนรู้ดีว่าเขาต้องใช้เทคโนโลยีการประมวลผลควอนตัมขั้นสูงเพื่อทำให้หุ่นยนต์สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในมิติที่สูงขึ้นได้อย่างทันทีและแม่นยำ

เขาใช้เวลาเกือบหมดชั่วโมงในการพัฒนาและทดสอบอัลกอริธึมของเขา ขณะที่มิคาเอลและคาเลบจับตาดูอย่างใกล้ชิด แต่ละขั้นตอนเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่เอเรนก็สามารถปรับแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

เมื่อการทดลองใกล้สิ้นสุด หุ่นยนต์ที่ถูกควบคุมโดย AI ของเอเรนเริ่มทำงานในสภาวะจำลองที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมันสามารถปรับตัวได้ทันทีโดยไม่มีความล่าช้า แม้กระทั่งในสถานการณ์ที่มิติต่างๆ บิดเบี้ยวและซับซ้อนอย่างที่ไม่เคยมีใครเคยเห็นมาก่อน

คาเลบมองดูทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้วยความทึ่งในความสามารถของเอเรน การที่เอเรนสามารถทำสิ่งที่ไม่มีใครเคยทำได้สำเร็จ มันทำให้เขารู้สึกปลื้มจริงๆ คาเลบไม่เคยคิดว่าใครจะสามารถแก้ปัญหาที่ซับซ้อนขนาดนี้ได้ และนี่ไม่ใช่การแก้โจทย์ แต่มันเป็นการสร้างนวัตกรรมที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควอนตัม

มิคาเอลยืนอยู่ใกล้ๆ ด้วยสายตาที่ไม่สามารถซ่อนความเกลียดชังได้มิดแม้เขาจะพยายามรักษาใบหน้าที่เย็นชา แต่ในใจของเขาก็ต้องยอมรับว่าผู้คัดเลือกท่านคนนี้มีความสามารถที่เหนือความคาดหมายจริงๆ

ในที่สุด การทดลองสิ้นสุดลง เอเรนหันกลับมามองที่คาเลบ ดวงตาของเขาสบกับดวงตาสีฟ้าของผู้นำสูงสุดของเซเรนอส เขารู้ว่าตนเองได้พิสูจน์แล้วว่าเขาสามารถทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดได้ และสิ่งนั้นทำให้คาเลบไม่สามารถละสายตาจากเขาได้อีกต่อไป

มิคาเอลยืนมองเอเรนด้วยสายตาที่เคร่งขรึม ดวงตาคมของเขาจับจ้องไปที่ชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะไม่รู้จักความกลัว เอเรนเพิ่งแสดงฝีมือในการจัดการระบบ AI อย่างง่ายดาย ซึ่งแม้แต่มิคาเอลเองก็ต้องยอมรับว่าฝีมือของเอเรนนั้นไม่ธรรมดาเลยแต่มันไม่ได้ทำให้ความไม่ชอบขี้หน้าที่มีต่อเอเรนลดลงเลย กลับกันความไม่พอใจในใจของเขากลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

คาเลบเคยเห็นคนเก่งมามากมายในตำแหน่งของเขา แต่มีน้อยคนที่จะมีความกล้าบ้าบิ่น แบบเอเรนทักษะที่ไร้ที่ตินั้นเป็นสิ่งที่เขารู้สึกว่าน่าทึ่งอย่างมาก แม้ว่าเอเรนจะดูเหมือนเป็นคนที่ไม่ค่อยปฏิบัติตามกฎเกณฑ์หรือแบบแผนที่ชัดเจน แต่คาเลบกลับมองเห็นศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเขาขณะที่คาเลบจ้องมองเอเรนด้วยดวงตาสีฟ้าสดใสที่เต็มไปด้วยความคิด เขากลับรู้สึกถึงความอุ่นใจที่ไม่เคยมีมาก่อน