ชานนท์ตามจีบแพงพวยมาตั้งแต่ปีหนึ่งกว่าจะสมดั่งใจหมายก็ปีสาม

แพงพวยริมทาง - chapter 2 อะไรอะไรก็พวย โดย พวงพะยอม @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

แพงพวยริมทาง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,รักวัยรุ่น

รายละเอียด

ชานนท์ตามจีบแพงพวยมาตั้งแต่ปีหนึ่งกว่าจะสมดั่งใจหมายก็ปีสาม

ผู้แต่ง

พวงพะยอม

เรื่องย่อ

ชานนท์ตามจีบแพงพวยมาตั้งแต่ปีหนึ่งกว่าจะสมดั่งใจหมายก็ปีสาม แพงพวยเป็นคนที่มีกำแพงในใจสูงแต่จนแล้วจนรอดก็ได้ตกลงปลงใจคบหากับชานนท์ตอนอยู่ปีสาม




“คบกันมาจะสองปีมึงไม่รักกูบ้างเลยเหรอวะพวย กูทำให้มึงรักกูไม่ได้สักนิดเลยเหรอ” น้ำตาชายหนุ่มไหลรินกับสองมือที่จับไหล่หญิงสาวตรงหน้า

“ขอโทษ”

“ขอโทษเหรอวะ แต่ช่างเถอะ กูผิดเองแหละที่รู้ทั้งรู้แต่ยังดันทุรัง”






สารบัญ

แพงพวยริมทาง-chapter 1 ชานนท์คลั่งรัก,แพงพวยริมทาง-chapter 2 อะไรอะไรก็พวย,แพงพวยริมทาง-chapter 3 อ่านหนังสือ,แพงพวยริมทาง-chapter 4 ติดกลิ่นตัวมึง,แพงพวยริมทาง-chapter 5 สัปดาห์แห่งการสอบ,แพงพวยริมทาง-chapter 6 สุราเมรัย,แพงพวยริมทาง-chapter 7 หลบหน้า,แพงพวยริมทาง-chapter 8 ใครกันแน่ที่หลบหน้า,แพงพวยริมทาง-chapter 9 ง้อยังไง,แพงพวยริมทาง-chapter 10 ครั้งแรก,แพงพวยริมทาง-chapter 11 ฝนตก,แพงพวยริมทาง-chapter 12 ผัดไท,แพงพวยริมทาง-chapter 13 ผัดไทที่ใส่ใจ,แพงพวยริมทาง-chapter 14 ป่วย,แพงพวยริมทาง-chapter 15 เต้าหู้ก็แค่ข้ออ้าง,แพงพวยริมทาง-chapter 16 บ้านนนท์,แพงพวยริมทาง-chapter 17 เกรดออก,แพงพวยริมทาง-chapter 18 ทำงานกลุ่ม,แพงพวยริมทาง-chapter 19 หลักฐานชั้นดี,แพงพวยริมทาง-chapter 20 ฝัน,แพงพวยริมทาง-chapter 21 คอนซีลเลอร์,แพงพวยริมทาง-chapter 22 กลับคอนโด,แพงพวยริมทาง-chapter 23 บายเนียร์

เนื้อหา

chapter 2 อะไรอะไรก็พวย

Chapter2 อะไรอะไรก็พวย



ชานนท์กะเวลาแล้วออกไปรับแพงพวยก่อนที่เธอจะโทรมาบอก ใกล้จะเข้ามหาลัยเธอก็โทรมาพอดี

(ใกล้ถึงแล้วกำลังจะเข้าไปเนี่ย) เสียงทุ้มตอบกลับไป

(เร็วจังวะ เออ ๆ กูรอที่เดิมนะ)

(ครับ)



เขาขับรถไปจอดที่เดิม ๆ ที่ไปรับ ไปส่งเธออยู่เป็นประจำ

“รอนานยัง” เสียงทุ้มเอ่ยถามทันทีที่เธอก้าวขาขึ้นรถ

“ไม่นาน เพิ่งเลิกเนี่ย”

“ปิดเทอมไปเที่ยวต่างจังหวัดกันไหมพวย”

“เที่ยวอะไร จะกลับบ้านไปหายาย”

“ไปสองสามวันเอง”

“กูไม่มีตังค์เที่ยวขนาดนั้นหรอก กูไม่ได้รวยมึงก็รู้”

“แต่กูจ่ายให้มึงได้ กูเต็มใจจะทำ นอนคนละห้องก็ได้ถ้ากลัวกู”

“ไม่เอา อย่าเร้าหรือดิวะนนท์”

“เร้าหรือเลยเหรอวะพวย” บรรยากาศทุกอย่างเริ่มเงียบลงจนรถมาจอดหน้าหอของเธอ

“ขอโทษ” เธอว่าเสียงเบา

“อือ กูไม่ได้โกรธ”

“มึงหมดความอดทนกับกูยังนนท์ อยากเลิกกับกูยัง” เธอว่าเสียงเรียบ

“กูไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นหรอก กว่ากูจะทำได้ขนาดนี้ก็ไม่ง่าย ถ้ามึงไล่กูตรง ๆ กูก็จะไปเอง แค่มึงบอก”

“กูเคยไล่มึงยัง”

“มึงไม่เคยไล่กูหรอก แต่การกระทำมึงอ่ะ มึงกำลังบีบให้กูไปเองใช่ไหม ใครจะว่าเรื่องของเรามีแค่กูที่อินอยู่คนเดียวกูไม่แคร์หรอกเพราะกูสนใจแค่มึงพวย” เขาว่าเสียงสั่น น้ำตาเริ่มไหลริน เขาพยายามกลั้นมันแล้ว แต่ก็กลั้นเอาไว้ไม่อยู่

“ไม่เอานนท์ อย่าร้อง” เธอว่าพลางเอื้อมมือไปซับน้ำตาให้เขา เป็นครั้งแรกที่มือได้สัมผัสใบหน้าเขาโดยไม่ได้บังเอิญ

“มือมึงนุ่มจังพวย”

“นุ่มจริงเหรอ มึงลองจับดูสิ ก็ปกตินะ” เธอว่าพลางยื่นมือไปให้นนท์สัมผัส เขาก้มไปจูบมือนุ่ม ๆ ของเธออย่างเชื่องช้า ถ้าเธอปรามเขาจะรีบหยุดแต่ก็ไร้เสียงร้องห้ามเหมือนทุกครั้ง เขาเอามือนุ่ม ๆ มาแนบที่แก้มซ้ายอย่างเนิ่นนาน เธอมองตามสิ่งที่เขากระทำแล้วน้ำตาคลอ

“อยู่กับกูก่อน ไม่ให้ไปไหนหรอก” แพงพวยว่าเสียงเบา

“รักกูไหมพวย รักกูบ้างหรือยัง” เขาว่าเสียงสั่น ส่วนเธอพยักหน้าตอบ

“หยุดได้แล้ว จะร้องให้ทำไม” เธอเลื่อนตัวเข้าไปใกล้เขาแล้วแนบใบหน้าชิดกับหน้าของเขา ปลายจมูกโด่งของเธอกดลงที่แก้มเขาเบา ๆ เป็นครั้งแรกที่เธอเคยทำแบบนี้กับเขาตลอดที่คบหากันในสถานะแฟนเป็นเวลาหนึ่งปีกว่า ๆ

“ถ้ากูทำอะไรผิด ทำอะไรไม่ถูกใจก็บอกกูตรง ๆ นะพวย อย่าเย็นชาใส่กันเลย กูเปลี่ยนให้มึงได้ มึงไม่ชอบที่กูเที่ยวใช่ไหมบอกได้นะกูหยุดได้” ว่าเสียงสะอื้น

“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก”

“กูไม่ดีเหรอพวย”

“ดีมาก”

“กูรักมึงมากนะพวย”

“อื้อ” เธอตอบในลำคอ



นานพอสมควรกว่าชานนท์จะขับรถออกจากหน้าหอของแพงพวย ส่วนแพงพวยก็เดินขึ้นห้องด้วยความคิดที่ตีกันเต็มหัวไปหมด

ชานนท์: กูถึงคอนโดแล้วนะพวย

แพงพวย: ขับเร็วอีกแล้วสินะ

ชานนท์: ไม่เร็วหรอกอันตราย มึงเคยบอก

แพงพวย: ดีมาก

ทันทีที่แพงพวยถึงห้องได้ไม่นานคนที่มาส่งก็ส่งข้อความบอกว่าถึงคอนโดแล้ว

ชานนท์: วันนี้ไม่ได้ออก จะอ่านหนังสือ ถ้าไม่อ่านกลัวF

แพงพวย: ดีมากชานนท์

ชานนท์: คอลได้ไหมตอนอ่านหนังสือ อยากได้กำลังใจ

แพงพวย: ได้ ๆ



คบกันมาเป็นปียังเป็นชานนท์เป็นฝ่ายที่จีบเธอฝ่ายเดียวอยู่เลย นนท์ไม่ใช่ไม่รู้แต่ที่อยู่เพราะรัก เขารู้ดีว่าแพงพวยไม่ชอบคนดื่มหนักก็ยอมลดทั้งที่เธอไม่เคยขอ ส่วนเรื่องเรียนพวยย้ำกับเขาเสมอว่าให้ตั้งใจหน่อยจะได้เกรดสวย ๆ เขาพยายามมากเกินไปแต่ก็ไม่รู้สึกว่าเหนื่อยเพราะรักมาก



“ไหนอ่านหนังสือ นั่งจ้องหน้ามาจะชั่วโมงแล้วนนท์ถ้าไม่อ่านวางนะ” ชานนท์ที่บอกกับเธอว่าขอวีดิโอคอลตอนอ่านหนังสือแต่พอคอลมาก็เอาแต่นั่งมองหน้าไม่ยอมอ่านสักที

“นี่ไง ก็อ่านอยู่”

“ยังจะเถียง”

“อ่านแล้วครับ”

เธอเฝ้าชานนท์อ่านหนังสือจนหลับไปก่อน ปลายสายถึงกับส่ายหัวแล้วกดวางสายไป จะเมื่อยไหมนะ มาฟุบหน้าอยู่ตรงโต๊ะอ่านหนังสือแบบนี้ พวยนะพวย



“เมื่อคืนนอนตรงนั้นทั้งคืนเหรอ” นนท์ถามขณะที่เธอเพิ่งขึ้นมาในรถ วันนี้ทั้งคู่มีเรียนเช้าเหมือนกัน

“ใช่ดิ”

“โห่พวย ไม่เมื่อยเหรอ”

“ทำไม จะนวดให้เหรอ”

“กูจอดรถเดี๋ยวนี้แหละ”

“โคตรเว่อร์ นอนแบบนั้นบ่อยจะตาย”

“เห้ย ได้ไงวะ มันไม่ดี”

“กูไม่ดีแล้วมึงรักกูทำไม”

“หมายถึงมันจะไม่ดีกับตัวมึงเองนั่นแหละพวย”

“สวดเป็นพระเลยแฟนกู” ชานนท์ยิ้มอย่างถูกใจกับคำนี้ เขารู้ดีว่าสถานะที่เป็นอยู่คืออะไรแต่พอเป็นแพงพวยพูดคำนี้เขายิ่งสุขเป็นไหน ๆ

“ยิ้มอะไรนนท์” เขาส่ายหน้าตอบ

“มีความสุขมากมั้ง”

“ก็ใช่ดิ มีความสุขมาก”

“มึงมันบ้า”

“บ้าก็รักมึง”

“เห้อ ขอกระโถน” เธอว่า



เธอไปที่หน้าคณะของแพงพวยแล้วจอดรถ

“พวย กูมีสิทธิ์หวงมึงใช่ไหม” เสียงทุ้มกล่าว เธอพยักหน้าตอบ

“เอาไป ไว้คลุมขาตอนนั่ง” เขาถอดเสื้อคลุมแล้วยื่นให้ วันนี้แพงพวยใส่กระโปรงทรงเอสั้นที่เวลานั่งก็จะยิ่งสั้นเข้าไปอีก

“ขอบใจ” เธอรับเสื้อคลุมตัวเก่งของเขามาแล้วลงจากรถ แพงพวยกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ห้องเรียน



ชานนท์ขับรถไปจอดที่คณะบริหารแล้วเดินเข้าตึกเรียน

“กูคิดว่าย้ายไปนิเทศแล้ว เห็นขับไปนั่นทุกวัน” เสียงคุ้นหูเป็นเสียงของไอ้เต้เอง

“กวนตีน”

“ปกติมึงติดเสื้อคลุมนี่ทำไมวันนี้ไม่เอามา มึงขี้หนาวขนาดนั้นเดี๋ยวก็ตายห่าพอดี วันนี้เรียนห้องใหญ่ด้วยกูคิดว่านั่งอยู่ในตู้เย็น”

“เอามา แต่อยู่ที่พวย”

“โอ้ย คลั่งรักเขาจะเป็นจะตายแล้วเพื่อนกู”

“เถียงไม่ออกว่ะเพื่อน”

“อะไร อะไรก็พวย”

“แน่นอน ไปรีบไปกันเถอะเดี๋ยวไอ้บีมด่า มันนั่งอยู่คนเดียวด้วย”



เรียนได้สักพักอาจารย์ก็ให้พักเบรก

“คืนนี้ร้านเหล้าป่าว” บีมกล่าว

“โอเค ไปๆ” เต้รับปาก

“กูไม่ไปนะ ขออ่านหนังสือกลัวแดกFว่ะ”

“คุณพระ คุณเจ้า มึงจะเอาเกียรติหนึ่งเหรอนนท์” เต้ว่า

“ตั้งแต่คบกับพวยมึงโคตรเปลี่ยนเลยนนท์” บีมออกความเห็น

“กูก็อยากทำตัวให้ดีขึ้นป่าววะ ไม่ใช่เละเทะแบบเมื่อก่อน ใครจะไปอยากอยู่ด้วย” เขาบอกกับตัวเองเสมอแพงพวยต้องรู้สึกโชคดี ต้องภูมิใจที่มีเขาเป็นแฟนไม่ใช่ทำให้เธอต้องยิ่งลำบากใจ ตั้งแต่คบกับพวยนะเหรอมอเตอร์ไซค์คันเก่งก็ขายไปแล้วเพราะไม่ค่อยได้ใช้ ไปไหนมาไหนกับแพงพวยก็สงสารคนซ้อน



ถึงเวลาเลิกเรียนเขาก็รอรับแพงพวยอย่างเคย วันนี้รอไม่นานเพราะเลิกเรียนในเวลาไล่เลี่ยกัน

“พวย เป็นไร มึงร้องไห้เหรอ” รอไม่นานแพงพวยก็เดินมาหาเขาที่รถกับตาที่บวมผิดปกติ

“ไม่ เป็นไรไม่รู้ อยู่ดี ๆ ก็เคืองตา”

“ไปหาหมอนะ” เขาว่า เธอพยักหน้าตอบ

เขาขับรถมีจุดมุ่งหมายคือโรงพยาบาลใกล้ ๆ กับมหา’ ลัย



“เจ็บมากไหม อย่าขยี้ตา” เขาดึงมือเธอออกเพราะกำลังขยี้ตาอยู่ หยิบเสื้อคลุมตัวเก่งที่ให้ไปไว้คลุมขาตอนนั่งแต่ตอนนี้เธอเอามันไปไว้ที่บ่าจนเขาต้องหยิบมาคลุมให้

“กูจะตาบอดไหมนนท์”

“บ้า เดี๋ยวก็หาย”

เธอเลื่อนมือไปจับหัวเข่านนท์เพราะใจที่คิดกังวลไปต่าง ๆ นานา เขาเลื่อนมือมาใกล้ ๆ แล้วแบมือให้เธอกุมเอาไว้



“เห็นไหม ไม่มีอะไรหรอกคิดมาก” หลังจากที่เข้าไปพบแพทย์ก็รู้ว่าเยื่อบุตาอักเสบ หลังจากนั้นก็รับน้ำตาเทียมมาไว้หยอดตา แล้วก็ขับรถกลับ

“ไปอยู่กับกูที่คอนโดไหมพวย กูจะได้ดูแลมึงได้”

“ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก เดี๋ยวกูขอให้ผักบุ้งมาอยู่เป็นเพื่อนได้”

“กูไม่ใช่คนอื่นนะพวย กูก็อยากดูแลมึงบ้าง ไม่สบายใจเลยที่ว่ะ”

“แล้วจะทำยังไง”

“ไปอยู่คอนโดกูก่อน มันมีหลายห้อง ไม่ได้มีห้องเดียว ไว้ใจกันหน่อยดิว่ะ ผักบุ้งก็ไปช่วยแม่ขายข้าวไม่ใช่เหรอวันหยุด ใครจะอยู่กับมึง”

“ก็ได้ แต่กูขอไปเอาของที่หอก่อนแล้วกัน”

“มีหนังสือที่จะต้องอ่านไหม เอามาด้วยเดี๋ยวกูอ่านให้มึงฟังเอง”

“เออ ๆ” เธอรับปากแล้วลงจากรถไปเก็บของอย่างลวก ๆ แล้วรีบลงมาเพราะไม่อยากให้เขาต้องรอนาน



เมื่อถึงคอนโดของชานนท์เขาต้องคอยจูงมือเธอเดินเพราะสายตาเธอที่เคยปกติตอนนี้มันบวมและคันจนอยากจะควักออกมาทำให้เธอต้องหรี่ตามอง

เขาพาเธอไปนั่งตรงโซฟาแล้วเดินไปหยิบน้ำมาให้

“นนท์หน้ากูโคตรบวมเลย น่าเกลียดไหม”

“เดี๋ยวก็หายแล้ว น่าเกลียดอะไร”

“นนท์กูอยากนอนอ่ะ”

“กินข้าวอาบน้ำก่อนไหม”

“เออ ก็ได้”



นนท์นั่งเฝ้าเธอกินข้าวจนเสร็จสักพักแพงพวยก็ไปอาบน้ำแล้วเดินออกมากับเสื้อยืดกางเกงขาสั้น

“นนท์ให้กูนอนไหน”

“ห้องนี้” นนท์พาแพงพวยเข้าไปในห้องของเขาที่หัวเตียงเต็มไปด้วยรูปคู่ของเขาและเธอ

“รูปเยอะจังว่ะ กูคิดว่าร้านถ่ายรูป”

“มันเป็นสไตล์”

เขาปล่อยให้เธอได้นอนสักพักแล้วเดินออกมาพร้อมกับล็อคห้องให้เธอ แล้วมานั่งดูหนังอยู่หน้าทีวี เขาตั้งใจจะนอนหน้าทีวีนี่แหละมันมีอีกหลายห้องก็จริงแต่ตรงนี้แหละดีแล้วเผื่อมีอะไรฉุกเฉินจะได้ดูแลเธอได้

“นนท์ นนท์ มานี่หน่อย” เธอตะโกนเรียกจากข้างใน อีกคนรีบสะดุ้งแล้วลุกไปหน้าประตู

“เออ ว่าไง”

“มาหยอดตาให้หน่อย”

“มาเปิดประตู เมื่อกี้กูล็อค”

“แป๊บ แต่กูไม่ได้ใส่บรามึงห้ามมองนะ”

“ก็หาอะไรมาปิดสิว่ะ”

“ไม่ กูอยู่หน้าประตูแล้วเนี่ย ห้ามมอง”

“เออ ๆ” เขารับปาก

เธอมาเปิดประตูให้แล้วรีบหันหลัง พวยเปลี่ยนเป็นเสื้อสายเดี่ยวสีขาวเพราะคงจะนอนไม่สบาย มาบอกให้ห้ามมองอีกเพราะไม่ได้ใส่บรา เธอเดินไปนั่งลงที่ปลายเตียง

“ไหนยา”

“อยู่ที่โต๊ะ” ร่างหนาเดินไปหยิบน้ำตาเทียม พลางสังเกตเห็นยาแก้ปวดที่เภสัชให้มา

“แก้ปวดด้วยไหม”

“เออ ๆ กูปวดหัวด้วยนิดหน่อย” เขาเดินมาพร้อมยาและผ้าห่ม

“อ่ะ ปิดไว้” เขายื่นผ้าไปปิดส่วนบนให้เธอ แล้วนั่งลงใกล้ ๆ หยอดตาให้แล้วไปหยิบน้ำเปล่าให้เธอกินยา



“เจ็บเหรอว่ะ ทำไมร้องไห้”

“น้ำตาไหลเอง มันเคือง ๆ ว่ะ”

“เขาหยิบทิชชู่มาซับให้เธอเบา ๆ อย่าขยี้สิ ระวังติดเชื้อนะเว้ย”

“ปกติมึงนอนห้องนี้เหรอ”

“เออ”

“แล้วคืนนี้มึงนอนไหน”

“หน้าห้องนี่แหละ จะได้ดูแลมึงได้ มีอะไรก็เรียกกูนะ”

“นอนกับกูได้ไหมนนท์ กูอยากกอด” เป็นครั้งแรกที่แพงพวยขออะไรแบบนี้

“ได้ดิ”

“แต่กูไม่ชอบใส่บรานอนนะ อึดอัด มึงห้ามมอง”

“มันห้ามได้เหรอว่ะ มึงก็ปิดไว้สิ”

“ก็ตอนหลับ มันเปิดตอนไหนกูจะรู้ตัวไหมล่ะ”

“ช่างมันเถอะ เดี๋ยวกูปิดให้เอง”

“ก็แค่นั้นเอง”

“แต่กูไม่ชอบใส่เสื้อนอนนะ ยังจะอยากให้นอนด้วยหรือเปล่า” นนท์เป็นคนขี้หนาวที่ชอบถอดเสื้อนอนแล้วเปิดแอร์อีกที

“เออ เรื่องมึงสิ” สักพักแพงพวยก็คลานเข่าไปนอนแล้วดึงผ้าห่มหนานุ่มมาคลุมตั้งแต่หน้าอกลงไป



“นนท์ เมื่อไหร่มึงจะนอน ไม่ง่วงเหรอนั่งอยู่ทำไม”

“แป๊บดิ” เขาตอบพลางถอดเสื้อออกที่มองจากแสงจาง ๆ จากโคมไฟ ก็เห็นซิกแพคได้ชัด แล้วเดินตรงมาที่เตียงทิ้งตัวลงนอน

“มึงขยับมาหน่อยดิ นอนไกลขนาดนั้นกูจะกอดยังไง” นนท์ท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ เพราะปกติเธอจะหวงเนื้อหวงตัวตลอด

“เออ ๆ” เขาขยับเข้าใกล้เธอมากขึ้น เธอสวมกอดแล้วเอาหน้ามาแนบชิดที่อกทันที เวลาเธอป่วยจะชอบอ้อนยายตลอดอาจจะติดนิสัยมา

“หนุนแขนกูไหม” เขาว่าพลางเลื่อนแขนไปกะจะให้เธอหนุน

“อือ” เธอตอบแล้วเลื่อนขยับไปหนุนตรงต้นแขน

“แล้วมึงไม่เมื่อยเหรอ”

“ไม่เมื่อยหรอก ตัวมึงเบา”

“พวย กูจูบหน้าผากมึงนะ”

“อือ”

“มึงอนุญาตแล้วนะ ห้ามโกรธ”

“เออ” ชานนท์ประทับริมฝีปากลงที่หน้าผากอุ่น ๆ อย่างเชื่องช้าและค้างอยู่แบบนั้นอย่างเนิ่นนาน

“ทั้งคืนเลยได้ไหม”

“มึงจะไม่นอนเหรอ คนบ้าอะไรจูบหน้าผากทั้งคืน”

“ถ้ากูจะทำวันอื่นกลัวไม่มีโอกาสแล้ว เพราะมึงคงไม่ชอบ” เสียงทุ้มกล่าว

“ที่กูเคยติดมึงไว้ทำตอนนี้ได้เลยนะ ที่กูชอบพูดว่าไว้วันหลังอ่ะ”

“หอมแก้มนะเหรอ” เขาย้ำ

“เออ”

หลังจากที่เธอตอบชานนท์ก็กดจมูกลงเบา ๆ ผละออกแล้วกดจมูกลงไปใหม่ซ้ำ ๆ จนนับครั้งไม่ถ้วน เขาทำมันอย่างอ่อนโยน

“ตัวมึงนุ่มจังพวย กูอิจฉาตัวเองว่ะ คืนนี้กูได้กอด ได้หอมมึงทั้งคืนเลย”

“มึงก็ตัวอุ่นเหมือนกันนะเนี่ย”

“มึงยังไม่หลับเหรอ กูอายนะเนี่ยที่พูดอะไรแบบนี้ คิดว่ามึงหลับไปแล้วซะอีก”

“อายอะไร อายที่รักกูเหรอ”

“ไม่ใช่ กูก็บอกรักมึงตลอด” แพงพวยกดริมฝีปากลงไปที่หน้าอกแกร่ง

“พวยอย่าทำแบบนั้น กูไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะเว้ย”

“ก็มึงตัวหอม”

“พอ ๆ ” เสียงทุ้มปรามเพราะเขากลัวใจตัวเอง

“มึงขยับหน้ามาใกล้ ๆ กูหน่อย อยากหอมมึงบ้าง” เขารีบเลื่อนหน้าไปอย่างว่าง่าย เธอกดปลายจมูกลงไปที่แก้มของเขาสองสามที

“แก้มกูนุ่มไหม”

“ไม่ แก้มตอบ หน้ามึงผอมเกิน”

“แต่ปากกูไม่ผอม” พูดยังไม่ทันขาดคำเธอกดริมฝีปากลงบนปากเขา

“พวย กูจูบนะ” เขาผละออกเพื่อต้องการย้ำคำตอบ

“เออ จูบดิ” สิ้นคำตอบเขาก็ละเลงจูบตั้งแต่มุมปากแล้วทั้งคู่ก็ดูดดื่มกันอยู่ครู่หนึ่ง

“ทำไมยอมล่ะ เพราะป่วยหรือเปล่า” เสียงทุ้มถาม

“ไม่รู้สิ”

“นนท์ จูบกันอีกรอบได้ไหม” เขาทำตามอย่างที่เธอขอ เชื่องช้า อบอุ่น อ่อนโยน เขาเริ่มไล้ลงมาใกล้ ๆ หู และเลื่อนลงมาที่ซอกคอ

“อย่านนท์ พอแล้ว”

“รู้หน่า ไม่ได้ทำ”

“ขอโทษ ยังไม่พร้อม”

“ขอโทษทำไม กูไม่เคยรีบแค่นี้ก็มากพอแล้ว”

“ขอบคุณที่เข้าใจ”

“จูบกับกูแล้วรู้สึกยังไง”

“ปากมึงนุ่ม อบอุ่น อ่อนโยน รู้สึกปลอดภัย เหมือนมึงทะนุถนอม กูรู้สึกดี”

“ดีใจที่มึงดูออก รักมึงมากนะพวย มึงจะปลอดภัย”

“ผิดหวังบ้างไหม ที่กูมีบางสิ่งที่ยังให้มึงไม่ได้”

“ก็ไม่”

“เสียงเบาจัง ไม่หนักแน่นเลย”

“คำเดิมเลยนะ รอได้”