เสียงของเขาทำให้สะดุดหู รูปลักษณ์ของเขาทำให้สะดุดตา อยากเจอพี่เขาตัวจริงสักครั้งจัง พี่เสียงเพราะคนนั้น...
รัก,ผู้ใหญ่,วัยว้าวุ่น,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Chapter1 เรื่องของเบล
ในคืนฝนตกเสียงไซเรนดังก้องปะทะเสียงฝนที่ตกลงมาห่าใหญ่เป้าหมายคือรถยนต์ที่พุ่งชนกับเสาร์ไฟฟ้าข้างหน้า เมื่อถึงเป้าหมายก็พบชายหญิงคู่หนึ่งอายุประมาณห้าสิบกว่า ๆ จากข้อมูลในบัตรประชาชนกอปรกับกลิ่นคาวเลือดตลบ ลมหายใจที่โรยรา เร่งปฐมพยาบาล รีบนำคนเจ็บไปโรงพยาบาลอย่างฉับพลัน
“สวัสดีค่ะ” เบลรับสายจากเบอร์แปลกขณะที่กำลังจัดแจงโต๊ะอาหารอย่างอารมณ์ดีกับตายาย รอพ่อแม่กลับมาจากทำงานอย่างเป็นอาจิณ ต้นสายกลับเป็นเสียงแปลกบอกชื่อคนเจ็บนั่นคือพ่อกับแม่ของเธอเอง อาการสาหัสจากอุบัติเหตุให้รีบมาที่โรงพยาบาลด่วน
“ตาจ๋ายายจ๋า พ่อกับแม่รถชนอาการสาหัสตอนนี้อยู่โรงพยาบาล” เธอพูดแทบไม่เป็นภาษาน้ำตานองหน้าแข่งกับหยาดฝนที่ตอนนี้เริ่มซา จังหวะการเต้นของหัวใจเริ่มถี่ขึ้น หน้าเริ่มชาหลังจากที่วางสายจากเบอร์แปลกนั้นไป
“ตาขับเร็ว ๆ หน่อย พ่อกับแม่จะเป็นอะไรไหม...ฮือ ๆ ๆ ไม่สิ หนูต้องบอกว่าตาอย่ารีบ ขับช้า ๆ ” น้ำเสียงใส ๆ ไร้เดียงสาพูดขณะอยู่บนรถนั่งที่เบาะหลัง มีเสียงตากับยายคอยปลอบเป็นระยะกับเสียงสะอื้นตลอดทาง
“เสียใจด้วยนะครับ ทั้งคู่ได้เสียชีวิตแล้ว” ยังไม่ทันได้ร่ำลาก็ได้รับความจริงอันแสนเจ็บปวดจากแพทย์ว่าพ่อกับแม่ของเธอสิ้นใจแล้ว สองตายายทำได้เพียงปลอบหลานสาวทั้งที่ตัวเองก็เสียน้ำตาไปไม่เบา
“ฮัลโหลแป้งพ่อกับแม่เราเสีย พรุ่งนี้ไม่ไปเรียนนะ ฮือ ๆ ” แม้รุ่งเช้าไม่คลายเศร้ายังคงสะอื้นขณะที่โทรไปหาเพื่อนรักของเธอ ช่วงนี้เป็นช่วงหัวเรี้ยวหัวต่อเพราะเธอใกล้จะจบมัธยมปลายแล้วน้อยครั้งที่เบลจะขาดเรียน มีสอบมีติวนั่นนี่เต็มไปหมด
“เสียใจด้วยนะเบล เข้มแข็งนะ เดี๋ยวเลิกเรียนจะรีบไปหา”
“อือ ๆ ขอบคุณนะ” ยังไม่สิ้นสุดเสียงสะอื้น
ญาติที่ไม่เจอกันมานานเริ่มทยอยมากัน แขกเหรื่อนั่งฟังพระสวดมนต์ที่วัด เป็นการพร้อมหน้าที่สุดโศกศัลย์
“ขอบคุณที่มานะคะครู ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่มากันนะ” เบลขอบคุณเพื่อน ๆ กับครูที่มาร่วมงานพ่อกับแม่ แม้ตอนนี้ไม่สะอื้นแล้ว แต่ในใจบุบสลายไปหมดแล้ว ใบหน้าบวมเป่ง
“เข้มแข็งนะเบล” ครูว่าพร้อมลูบหัวลูกศิษย์อย่างเห็นใจพร้อมร่ำลาไปในเวลาพลบค่ำ
“ค่ะ” เธอรับปากอย่างว่าง่าย อย่างที่ตัวเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำได้หรือเปล่า
“เราจดสรุปไว้ให้” แป้งว่าพร้อมยื่นชีทสรุปให้เบล
“ขอบคุณนะแป้ง” เธอตอบเพื่อนรักด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ
หลังจากเสร็จงานพ่อกับแม่ก็จำใจไปใช้ชีวิตตามปกติคือไปโรงเรียน เธอสูญเสียพ่อกับแม่ไปในเวลาเดียวกัน ในเวลาสำคัญ ในเวลาที่เธอกำลังจะเติบโตอีกขั้นสู่รั้วมหาวิทยาลัย ช่วงเวลาที่ต้องการกำลังใจ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นดั่งหัวใจไร้ที่พักพิง เธอสูญเสียคนสำคัญในชีวิตไปถึงสองคน ตอนนี้เบลมีเพียงตากับยาย
“ไม่เข้าใจตรงไหนถามเราได้นะ”
“ได้เลย แป้งเขียนละเอียดมาก ๆ จะตั้งใจอ่านอย่างดีเลย”
“เราก็ไม่รู้จะตั้งใจเรียนเพื่อใครแล้วแป้ง คิดว่าเพื่อตัวเอง เพื่อตากับยาย แต่ใจเราไม่ไหวแล้วจริง ๆ ” เธอว่าขณะนั่งรอเวลาคุณครูเข้ามาสอนความคิดก็ผุดพรายขึ้นมาในหัวเต็มไปหมด กับสายตาที่เหม่อลอย
“เราไม่กล้าบอกว่าเราเข้าใจเบล เราบอกได้แค่ว่าเราจะอยู่ข้าง ๆ เบลเองนะ ยังมีเราเสมอ”
“ขอบคุณอีกครั้งนะแป้ง”
จบไปอีกวันกับใจโหวง ๆ ชีวิตที่ไร้พ่อแม่มันยากเย็นแบบนี้นี่เอง เธอเดินออกมาจากโรงเรียนในเวลาเลิกเรียนกับกลุ่มเพื่อนเพื่อรอรถรับส่งกลับบ้านที่หลังจากนี้ก็มีแค่ตากับยายในวัยเกษียณรออยู่ แม้ใจแหว่งวิ่นเพียงใดเธอไม่คิดทำร้ายตัวเอง เธอยังรักชีวิตตัวเอง รักตากับยายไม่น้อยไปกว่าพ่อแม่ เธอบอกกับตัวเองว่าต้องกลับมาสดใส เข้มแข็งให้ได้เร็วที่สุด
กลับถึงบ้านก็สาวเท้าไปหายายในครัวหวังจะเป็นลูกมือแต่ก็ไม่ทันการณ์ เพราะอาหารทุกอย่างถูกรังสรรค์รอหลานสาวเรียบร้อยแล้ว หลังจากมื้อเย็นเธอก็รีบทบทวนบทเรียน อ่อนแอทางใจแค่ไหนก็ต้องฝืนอ่านฝืนท่องตำรา วางเป้าหมายไว้ว่าต้องเป็นเด็กทุนให้ได้ เธอคิดไว้ตั้งแต่พ่อแม่เธอยังอยู่เพราะปรารถนาจะช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้พ่อแม่เธอไม่อยู่ ค่าใช้จ่ายก็ตกอยู่ที่ตากับยายที่ชีวิตหลังจากเกษียณก็รับสอนพิเศษเด็กนักเรียนเพราะตากับยายเคยเป็นครูทั้งคู่
ช่วงสาย ๆ ของวันเสาร์เบลนั่งอ่านหนังสืออย่างสบาย ๆ เพราะเป็นการทบทวนรอบที่สามแล้ว เธอนั่งอ่านอยู่ที่โซฟาหน้าทีวีที่ไม่ได้เปิด เหลือบไปเห็นยายที่นั่งเตรียมเอกสารการสอนอยู่ เธออยากให้ตากับยายได้พักบ้างเพราะอายุก็มากแล้ว แม้จะยังดูแข็งแรงเพราะดูแลตัวเองดีก็ตาม
“ปิดเทอมหนูขอทำงานพิเศษได้ไหมยาย”
“คิดมากเหรอลูก หลานคนเดียวตากับยายส่งเสียได้สบาย ๆ เงินเก็บพ่อกับแม่เบลก็มีอยู่บ้าง ทุนได้ไม่ได้ก็ไม่ต้องกังวลมันมาก”
“ให้หนูทำนะ ปิดเทอมมันเหงา” เธอว่าอย่างนั้น ทั้งที่จริง ๆ ในใจก็คิดไปต่าง ๆ นานา ถึงพ่อกับแม่จะมีเงินเก็บอยู่บ้างก็คงไม่มากมายอะไร ช่วยแบ่งเบายายได้ก็อยากช่วย ครั้นหวังรายได้จากทางเดียวตากับยายก็ต้องทำงานหนักน่าดู
“งั้นเบลจะทำงานอะไร”
“...” เธอทำหน้าครุ่นคิด อยากทำงานแต่ก็ไม่รู้ว่างานอะไร
“มาสอนเด็ก ๆ กับยายไหม สนุกนะ จะได้ลองฝึกไปในตัวด้วย” เบลเป็นคนเรียนดีเธอตั้งใจมาก หัวไว ต่อให้ขาดเรียนเป็นสัปดาห์ก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรมากนัก ทบทวนแป๊บ ๆ ก็เข้าใจ อาจเพราะตายายที่เคี่ยวเข็ญมาแต่ไหนแต่ไร เบลอยากเป็นครูภาษาไทยตามรอยคุณยายของเธอ
“ดีเลยค่ะ หนูจะตั้งใจสอนอย่างดีเลย” เธอยิ้มให้กับยายที่หาทางออกให้
“ไม่ต้องกังวลอะไร ตั้งใจอ่านหนังสือ สอบเข้ามหาลัยเถอะลูก”
“รับทราบค่ะ คุณดุจดาว” เธอตอบอย่างหยอกล้อ