เสียงของเขาทำให้สะดุดหู รูปลักษณ์ของเขาทำให้สะดุดตา อยากเจอพี่เขาตัวจริงสักครั้งจัง พี่เสียงเพราะคนนั้น...
รัก,ผู้ใหญ่,วัยว้าวุ่น,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Chapter 12 ดีใจที่บังเอิญเจอ
ท่ามกลางกลิ่นหนังสือหลากหลายชนิดเธอเดินมองสิ่งเหล่านั้นอย่างไร้จุดมุ่งหมาย เพราะในใจคิดเพียงอยากจะเดินดูฆ่าเวลาแต่ทว่าเจอเล่มที่ถูกใจก็นับว่าเป็นกำไร เบลเดินไปเรื่อยจนสะดุดตากับหนังสือเล่มหนึ่งแต่อยู่สูงในระดับที่เธอต้องเอื้อมแขนจนสุดถึงจะคว้าเล่มนั้นมาได้ และเหลือเพียงแค่เล่มเดียวที่วางอยู่บนชั้นแล้วเสียด้วย เธอที่ว่าก็สูงเมื่อเทียบกับผู้หญิงด้วยกันเอื้อมหยิบหนังสือที่อยากได้จนสุดแขนแต่ก็ดันใจตรงกับชายเชิ้ตขาวคล้าย ๆ เสื้อนักศึกษาแต่ไม่ใช่ “อ้าวพี่บี” เธอกึ่งเรียกชื่อกึ่งอุทาน ตกใจกับเจ้าของแขนเมื่อครู่ที่เอื้อมไปพร้อมกัน “อ่ะ” เขาหยิบหนังสือเล่มนั้นแล้วยื่นให้พร้อมรอยยิ้มอย่างไร้พิษภัย “ขอบคุณค่ะ แต่พี่บีไม่ได้จะเอาเล่มนี้หรอกหรอ” เธอถามอย่างสงสัยส่วนเขาส่ายหน้าตอบ ใจหนึ่งก็ดีใจที่บังเอิญเจอพี่บีในร้านหนังสือ อย่างน้อยก็มีแล้วหนึ่งไลฟ์สไตล์ที่คล้าย ๆ กัน ต่างคนต่างก็มาคนเดียว
“มาคนเดียวหรอเบล” เขาถามอย่างตั้งใจอยากชวนเริ่มบทสนทนา
“ใช่ค่ะ” ไม่แปลก ทว่าร้านหนังสือที่ก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากอพาร์ทเม้นของเธอ
“อย่าลืมนัดล่ะเย็นนี้หกโมง” เขาย้ำเตือนสิ่งที่ได้ตกลงกันเอาไว้
“ไม่ลืม” เธอยิ้มรับอย่างเป็นมิตร
“จะไปไหนต่อไหม”
“เปล่าค่ะ แค่จะมาเดินดูหนังสือเล่น ๆ แต่ก็สะดุดตากับหนังสือเล่มนี้ แล้วก็ไม่ได้มีแพลนไว้ว่าจะไปไหนค่ะ”
“ตอนกลับขอไปส่งนะ” เขาว่าเสียงเรียบอย่างไม่อนุญาตให้คนตรงหน้าปฏิเสธ
“แต่หนู เกร…..”
“จีบอยู่ ไม่ต้องเกรงใจ” เธอพูดยังไม่ทันขาดคำ ถูกย้ำเตือนด้วยเสียงทุ้มพูดขึ้นมาอย่างหน้าตาเฉย
“เอาหนังสือมา” เขาว่าพร้อมตรงดิ่งไปที่เคาท์เตอร์และจัดการทุกอย่างให้เสร็จสรรพ
“แล้วพี่จะมาจ่ายให้ทำไม”
“จีบอยู่ ขอจ่ายให้” เขาทำหน้าตีมึนพร้อมยื่นหนังสือให้
“แต่หนูจ่ายเองได้”
“รู้แล้วครับ จีบอยู่ ขอจ่ายให้ไม่ได้หรอ ใจร้ายจัง” เขาว่าพร้อมทำหน้าเศร้าราวกับเรียนการละครมา เดี๋ยวทะเล้น เดี๋ยวเศร้า
“ขอบคุณค่ะ” จำใจรับสิ่งที่เขามอบให้ ขอจ่ายก็ให้จ่าย ขอจีบก็ให้จีบ มีประหม่าบ้างอะไรบ้างแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยปล่อยให้ใครเข้าถึงตัวได้เท่านี้มาก่อน
“หิวป่ะ ไปหาอะไรกินเถอะ”
“ไม่กิน กะจะเพรียวสักหน่อย” ยืนตกลงกันอยู่หน้าร้านหนังสืออยู่ครู่หนึ่ง
“บางกว่ากระดาษเอสี่อยู่แล้ว จะเพรียวแค่ไหนอีก”
“…”
“งั้น กลับเลยไหม จะไปส่ง”
“กลับเลยก็ได้” เธอเดินตามเขาต้อย ๆ เขาถือวิสาสะกึ่งจับกึ่งโอบไหล่เพราะผู้คนค่อนข้างพลุกพล่าน เธอไม่บ่ายเบี่ยงอะไร
“ต่อไปนี้เวลาไปไหน พี่ขอไปส่งหรือไปรอได้ไหม” เขาว่ากึ่งเคอะเขินแต่ก็อยากทำตามเสียงหัวใจตัวเอง ขณะที่คนที่นั่งอยู่เบาะข้าง ๆ มัวแต่ตื่นเต้นกับหนังสือ
“ทำแบบนั้นได้ยังไง ไม่ใช่แฟนกันสักหน่อย” เธอตอบอย่างไร้การมองหน้าคู่สนทนา
“จะให้เป็นเลยไหมล่ะ ก็จีบอยู่เนี่ยไง” เขาพูดด้วยเสียงเล็กเสียงน้อย
“ก็ได้....” เธอว่าพร้อมชำเลืองมองคนข้างกาย
“เดี๋ยวห้าโมงกว่าจะมารับ” เขาว่าขณะที่กำลังจะถึงอพาร์ทเม้นของเธอ
“ได้ค่ะ ต้องแต่งตัวสวยไหม ไปกับนักร้องเดี๋ยวทำเขาเสียหน้า คงไม่ดี”
“โอ้ย นักรงนักร้องแหละ ดูเขาพูด แต่งยังไงก็ได้ ไม่ต้องสวยมากหรอกหวง” ยังไม่ทันได้เป็นอะไรกัน ก็ออกอาการนำหน้าสถานะไปเสียแล้ว
“โอเคค่ะ ขอบคุณที่มาส่ง”
“ยินดีครับ” คนเมาแอ๋ในวันนั้นจะไม่เฉาอีกแล้ว ส่วนคนที่สับสนว่าหลงรักแฟนของพี่รหัสตัวเองก็ไม่ต้องรู้สึกผิดอีกต่อไป วันนี้เธอได้รู้จักเขาเพิ่มขึ้นอีกบทหนึ่งแล้ว
เขาไม่ใช่สายปาร์ตี้จ๋าขนาดนั้น เบลไม่ได้ว่าคนที่ปาร์ตี้ไม่ดีแต่มองไปถึงไลฟ์สไตล์และความเป็นไปได้ในการสานสัมพันธ์ต่อ ก็ดีเหมือนกันที่เขาเข้ามาสังคมของเธอก็กว้างขึ้น ได้เรียนรู้ ได้รู้จักอะไรใหม่ ๆ ในอีกรูปแบบหนึ่ง
เธอนั่งอ่านหนังสือได้บทสองบทก็อาบน้ำอาบท่า เตรียมแต่งหน้ารอคุณนักร้องมารับ เธอเลือกใส่เดรสสีเงินสายเดี่ยวและสวมเสื้อยีนส์ทับ แต่งหน้าอ่อน ๆ กับรองเท้าเสริมส้นคู่ใจ ดาวมหาลัยคนนี้ช่างสง่าเลยทีเดียว จวนถึงเวลาห้าโมงไลน์เด้งไม่ผิดคาดคนที่มาส่งเมื่อกลางวันบอกว่ากำลังจะออกไปรับแล้วนะ เธอนั่งอมยิ้มและทำเพียงส่งข้อความกลับไปสั้น ๆ ว่า โอเคค่ะ
สักพักเสียงไลน์เด้งอีกครั้งเป็นสัญญาณบอกว่ามาถึงแล้ว เธอรีบลงไปอย่างกลัวว่าเขาจะรอนานและตรงดิ่งไปยังรถคันหรูที่จอดรออยู่หน้าอพาร์ทเม้น
“แต่งสวยสวยจัง” ทันทีที่เธอไปถึงรถ ก็ไม่พ้นคำแซวจากคนที่ชวนไปงานนี้
“แน่นอนอยู่แล้ว ให้เกียรติคุณพี่ไงคะ” เธอตอบอย่างทะเล้น
“เอาหนังสือมาด้วยหรอ อยากอ่านบ้างอ่ะ”
“เขาว่าขณะเหลือบมองเห็นหนังสือที่อยู่ในมือของเธอ”
“พี่อ่านพวกหนังสือแบบนี้ด้วยหรอ” เธอถามอย่างสงสัย
“ปกติก็ไม่ แต่อยากรู้ว่าเบลอ่านหนังสือประมาณไหน” เขาว่าด้วยรอยยิ้มอย่างเขิน ๆ
“ได้ ถ้าอ่านจบเดี๋ยวหนูเอามาให้พี่อ่านบ้าง”
“ถ้าเค้าถามว่าเบลเป็นไรกับพี่ให้บอกเค้าไปว่าไงอ่ะ เค้าต้องถามอยู่แล้ว เพราะบอกเค้าไปว่ามาสองคน” ปกติบีจะไปเล่นดนตรีกับเพื่อนบ้างแต่คราวนี้ทางร้านจ้างเดี่ยว
“ก็บอกว่าน้องไง”
“น้องอะไร ไม่เอา”
“ก็ไม่ใช่พี่อ่ะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง
“บอกว่าแฟน ได้ป่ะ”
“โอโห มัดมือชก”
“ไม่ชก ชอบขนาดนี้ใครจะชก” เบลจะไม่ไหวแล้ว คุณนักร้องรุกเกินไปแล้ว
เธอเงียบไปสักพักไม่รับปากไม่ให้คำตอบเรื่องแบบนี้จะไปรับปากจะไปพูดพร่ำเพรื่อได้ยังไงล่ะ
“อ้าว จะถึงแล้ว เผื่อมีคนแซวคนถามจะได้ตอบถูก”
“ถ้างั้นแล้วแต่พี่ก็แล้วกัน” อีกคนอารมณ์ดีกับคำตอบ
เมื่อไปถึงร้านทั้งคู่ก็เดินเข้าไปในร้าน บีแบกกีต้าร์คู่ใจกับอีกมือดึงกระเป๋าของตัวเองมาบัง ๆ ให้กับเบลระหว่างเดิน คอยช่วยดูคอยระวังให้ตลอด ทั้งคู่มานั่งอยู่ตรงโต๊ะที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ให้ เบลนั่งอยู่คนเดียวในตำแหน่งที่มองเห็นบีได้อย่างชัด ๆ เสียงของพี่บีสะกดทุกสายตาในร้านทุกคนต่างมีอารมณ์ร่วมกับสิ่งที่เขาพยายามถ่ายทอด เบลเองก็เช่นกัน เบลหยิบมือถือมาถ่ายวิดีโอพี่บีเอาไว้เหมือนคนในร้านอาหารคนอื่น ๆ “คนนั้นแฟนพี่บี คนเสื้อยีนส์ที่นั่งหน้าแฟนพี่บี” มีเสียงซุบซิบบ้าง จนเบลได้ยิน ในใจก็นึกขำ แฟนก็แฟนเพราะใจก็อยากเป็นแต่คงยังไม่ใช่ตอนนี้ ไม่มีใครบอกก็เถอะแต่ท่าทางที่พี่บีแสดงออกคอยเอานั่นเอานี่มาปิดกระโปรงให้ก็อดมองเป็นอื่นไม่ได้นอกจากคนรัก มาแบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน สักพักพี่บีร้องจบก็เดินตรงมาหาเบลและนั่งลง “เป็นไงบ้าง พี่เล่นดีป่ะ” เธอทำเพียงพยักหน้าเป็นคำ ตอบ
“คุณบีครับรบกวนไปถ่ายรูปหน่อยได้ไหมครับ แฟนคุณบีด้วยครับ” ผู้จัดการร้านเดินมาบอก บีตอบรับพร้อมโอบอีกคนให้เดินไปกับเขาและเธอก็เดินตามไป หลังจากถ่ายรูปกับทางร้านเสร็จก็เตรียมตัวจะกลับก็มีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเดินมาขอถ่ายรูป
“พี่บีค่ะ ขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหมคะ” เขามองหาเบลที่ไปยืนคุยมือถืออยู่จนต้องปลีกตัวออกไปเพราะในร้านเสียงดัง และเบลกำลังเดินมาพอดี บีหันมองไปที่เบลส่วนเบลพยักหน้าแสดงออกเชิงว่ารับทราบและอนุญาต
“หวงพี่ไหม เวลาไปงานแบบนี้” เขาถามทีเล่นทีจริงขณะอยู่บนรถแล้ว
“หวงไม่ได้ ไม่ได้เป็นอะไรกัน” เธอตอบแต่ไร้ซึ่งการสบตาเขา
“ถ้าให้หวง หวงป่ะ” เขายังคงเย้าหยอกแอบคาดหวังคำตอบอยู่บ้าง
“หวงมั้ง แต่ก็เข้าใจไง คนดังอะเนาะ ก็ต้องมีคนเข้าหามีคนคอถ่ายรูปเป็นธรรมดา”
“อย่าประชดสิ”
“พี่รู้ป่ะ ว่าหนูก็เป็นแฟนคลับพี่” เธอได้โอกาสบอกความจริงบ้างแล้ว
“ไม่ต้องเป็นแล้วแฟนคลับ มาเป็นแฟนเลยครับ”
“….”
เป้าหมายคืออพาร์ทเม้นของเบลกับฟ้าที่ไร้ดวงดาวเป็นสัญญาณบอกกราย ๆ ว่าฝนกำลังจะตก เบลมองท้องฟ้าแล้วก้มหน้าลงอีกคนสังเกตเห็นและรับรู้ถึงความกลัว หยาดฝนเริ่มโปรยปรายลงมาบนถนนเส้นนี้เริ่มชื้นขึ้นแต่ใจบางคนกำลังเหี่ยวเฉาลง อีกนิดเดียวก็ถึงห้องแล้วแต่เธอไม่อยากอยู่คนเดียว ไม่อยากลงจากรถเธอรู้ตัวว่าตัวเองกำลังอ่อนแอ บีจอดรถตรงอพาร์ทเม้นท์ของเธอแต่เธอเงียบไร้บทสนทนากับฝนที่ลงเม็ดใหญ่ขึ้นอย่างไม่ขาดสาย
“กลัวหรอ” เขาถามพลางลูบหัวเธออย่างอ่อนโยน
“อืม” เธอตอบพร้อมก้มหน้าลง
“ให้ไปอยู่เป็นเพื่อนไหม อยู่บนรถอันตราย” เธอหันมามองหน้าเขาอย่างไร้คำตอบ มันจะดีหรอกับการที่อยู่ ดีๆ จะชวนผู้ชายขึ้นห้อง แต่ขวัญก็ไม่อยู่ แป้งก็ไม่อยู่
“ไม่ต้องกลัว ไม่ทำอะไรหรอก เบลจะปลอดภัย” ไม่รู้ว่าเขาพูดจริงไหม แต่เธอก็ไว้ใจเขาไปแล้ว เธอพยักหน้ารับและทั้งคู่ก็รีบวิ่งฝ่าฝนขึ้นไปบนห้องอย่างรวดเร็ว
เธอนั่งลงที่โซฟาส่วนเขาก็นั่งลงที่โซฟาเช่นกัน เว้นระยะห่างอยู่หนึ่งช่วงแขน
“พี่บี ขอจับมือหน่อยได้ไหม” หน้าที่เปียกฝนเมื่อครู่นัยต์ตาเศร้า ๆ มองไปที่เขาคลับคล้ายคลับคลาคนที่กำลังจะร้องไห้ เขาไม่ตอบอะไรรีบขยับหาเธอทันทีที่ร้องขอ ข้างหนึ่งกุมมือเธอไว้แน่น อีกข้างจับหัวเธอโน้มมาที่ไหล่เขาอย่างพร้อมเป็นที่พึ่งอย่างไม่ได้มองว่าเธอสำออยเพราะทุกคนล้วนมีความกลัวในแต่ละเรื่อง มีปมในใจไม่เหมือนกัน ทั้งเขาและเธอนั่งอยู่แบบนี้ครู่ใหญ่กับฝนทีไม่มีท่าทีจะเบาลงอย่างเป็นปกติของหน้าฝน
“พี่บีว่าหนูสำออยไหม” เขาถามขณะที่ซบลงบนไหล่แกร่ง
“อ่อนแอไม่ใช่เรื่องเสียหาย แค่ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้”
“พ่อแม่หนูเสียหมดแล้ว รถชนตอนฝนตกหนักตอนที่หนูกำลังจะขึ้นปีหนึ่ง” เธอพรั่งพรูความในใจออกมาอย่างอัดอั้นอย่างหาที่พึ่ง
“ร่างหนากอดเธอแน่นขึ้นพร้อมเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้” หมดสิ้นความคาใจเหตุของการกลัวฝน ปลอบประโลมเธออย่างไร้บทสนทนามีเพียงอวันจภาษาแทนคำพูด