ชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?

[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ - ตอนที่ 2 ค่ายฮาล์ฟบลัด โดย YukiCoCo @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ผจญภัย,แฟนตาซี,YukiCoCo,เพอร์ซีย์,percy,สายเลือดโพไซดอนที่หายสาบสูญ,สายเลือดโพไซดอน,สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสายสูญ,สายเลือดกรีก,แฟนฟิคเพอร์ซีย์,แฟนฟิคสายเลือดเทพ,แฟนฟิค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ผจญภัย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,YukiCoCo,เพอร์ซีย์,percy,สายเลือดโพไซดอนที่หายสาบสูญ,สายเลือดโพไซดอน,สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสายสูญ,สายเลือดกรีก,แฟนฟิคเพอร์ซีย์,แฟนฟิคสายเลือดเทพ,แฟนฟิค

รายละเอียด

ชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?

ผู้แต่ง

YukiCoCo

เรื่องย่อ

คำอธิบายจากนักเขียน

นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่แต่งฟิครุ่นลูกของ เพอร์ซีย์ แจ็กสัน 

เพอร์ซีย์ แจ็กสันคือใคร เขาคือบุตรชายของโพไซดอน จากผู้เขียน ริก ไรออร์แดน

เนื้อเรื่องนิยายนั้นทำให้นักเขียนชอบเรื่องนี้มากๆจนเอามาแต่งแฟนฟิคเกี่ยวกับรุ่นลูกต่อ

แต่นิยายแฟนฟิคนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกอย่างเดียว แต่อาจจะมีเอาตัวละครจากนิยายมาใช้กันเพื่อ

ประกอบเนื้อเรื่อง และมีตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นและนำมาปรับเนื้อเรื่องใหม่ให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องของนิยาย

---------------------------------------------------------------------

บทนำของเรื่อง

          

        ชีวิตที่โหดร้ายกำลังจะจบลงเมื่อสาวน้อยมีนามว่า โพรทาเลีย แจ็กสัน ได้หนีออกจากเกาะที่ขังเธอเอาไว้นานถึง 8 กว่าปี เธอได้หนีออกมาได้แล้วแต่ก็ต้องหนีจากการตามล่าของอมนุษย์ที่ตามมาด้วยคำสั่งของคคคนที่่ขังเธอ แซเทิร์น เทพฝาแฝดของโคนอส [ปล.ในประวัติศาสตร์กรีกไม่ใช่แบบนั้น แซเทิร์นคือร่างโรมันของโคนอส จำไว้นะจ้ะ แต่ในเรื่องแบ่งออกมาเป็นฝาแฝดของแซเทิร์นก็เหมือนเงามืดของโคนอสนั้นเอง]

          เธอจะหนีรอดหรือไหม? แล้วเธอจะได้กลับไปเจอครอบครัวไหม? เรื่องร้ายๆจะจบลงไหม? ชีวิตของเธอจะเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย?

------------------------------------------------------------------------

เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเวทมนตร์ในนิยายแฟนฟิคของเราอย่างเรื่อง

เด็กหญิงที่เหลือรอด นะคะไปติดตามกันได้นะ

------------------------------------------------------------------------

กำหนดการการลงนิยาย

ลงทุกๆวัน เสาร์ เวลา 17:00น.

------------------------------------------------------------------------

ปล.1 สวัสดีทุกคนที่เคยติดตามงานของยูกิโคโค่นะคะ ขอโทษทีลบอันเก่าออกไป เพราะอยากเปลี่ยนใหม่หมดให้จบจริงๆ เพราะตอนแรกมันตันนะคะ ครั้งนี้เลยอยากให้จบจริงๆเลยล่ะคะ ใครที่ยังติดตามทางนี้อยู่ไปตลอด ก็ขอบคุณมากๆนะคะ ส่วนใครที่มาใหม่ โปรดเข้าใจว่านี้เป็นนิยายฟิคนิยายจากเรื่อง เพอร์ซีย์แจ็กสัน ส่วนอันนี้เป็นนิยายรุ่นลูกนะคะ แต่งฟิคเล่นๆสนุกๆจนให้จบแน่ๆค่ะ 

ปล.2 นิยายฟรีๆให้อ่านสนุกนะคะ อิอิ

 

สารบัญ

[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 1 ห้วงคืนสู่บ้านอีกครั้ง,[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 2 ค่ายฮาล์ฟบลัด,[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 3 ระลึกถึงคนที่จากไป,[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 4 ต่อกรกับพวกเกเร,[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 5 ฝันประหลาด,[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 6 การท้าทายครั้งใหม่,[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 7 ได้เจอกันอีกครั้ง,[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 8 การทดสอบที่ทะเลสาบ,[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 9 ปลอบใจพี่ชาย,[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 10 สวรรค์ของโพรทาเลีย,[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 11 ลอบทำร้าย,[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 12 เค้กของพี่ชาย,[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 13 รูปปั้นพี่น้อง,[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 14 คันเข้าไป,[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 15 น้องใครกันแน่?,[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 16 ควันอันตราย,[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 17 แผนการล้ม,[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 18 ผลแพลเปิ้ล,[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 19 ผลแพลเปิ้ล [ต่อ],[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 20 แอบฟัง,[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 21 สารนั้นคืออะไร?,[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 22 มีแต่เรื่องให้ตกใจ,[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 23 ข้อสงสัยมากมาย,[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 24 ปลดปล่อยจากการกักขัง,[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 25 ปรุงยาสำเร็จ,[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 26 หยดเดียวช่วยชีวิต,[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 27 พักผ่อน,[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 28 ลอบทำร้าย,[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 29 ความโกรธไม่ใช่ทุกสิ่งที่จัดการได้,[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 30 พี่น้องที่ได้กลับมาเจอกัน

เนื้อหา

ตอนที่ 2 ค่ายฮาล์ฟบลัด

ตอนที่ 2 ค่ายฮาล์ฟบลัด

โพรทาเลียได้แนะนำตัวในฐานะชื่อใหม่และรูปลักษณ์ใหม่คือ คีย์ วันเดอร์เลอร์ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลให้แก่อีกฝ่าย คุณดิแองเจโล่เดินออกจากพวกเด็ก ๆ เพื่อไปติดต่อกับเพอร์ซีย์ที่เป็นผู้ดูแลของค่ายฮาล์ฟบลัด ระหว่างที่พวกโพรทาเลียรออยู่ใต้ร่มเงาที่นั่งทานอาหารอยู่เมื่อกี้ ทำให้โพรทาเลียรู้สึกง่วงนอนขึ้นมาหลังจากทานอาหารหมดไปแล้ว เทพีอลิซ่าเบ็ธเห็นแบบนั้น เธอเขยิบตัวโพรทาเลียให้นอนตัก พอหัวนอนลงบนตักเทพีโพรทาเลียก็เข้าสู่ห้วงนินทาในทันใด

“คิก ๆ หลับให้สบายนะ โพร...” อลิซ่าเบ็ธลูบหัวอีกฝ่ายเบา ๆ

โพรทาเลียหลับตาลงอย่างสบายหลังจากความเหนื่อยที่เดินทางมานานหลายวันไม่ได้พักผ่อนกัน ช่วงเวลาที่สงบนั้นร่างเหมือนหลุดออกจากร่างไปสู่ที่ไหนสักที เมื่อลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ เธอค่อย ๆ เห็นว่าตนเองนั้นอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ รอบ ๆ มีแต่สีขาวเต็มไปหมด เธอมองซ้ายมองขวาอย่างสงสัย

“ข้า...อยู่ไหนกัน?"
“ห้วงลึกของจิตใจเจ้าไงล่ะ สาวน้อย” เสียงปริศนาพูดขึ้นอีกครั้ง
โพรทาเลียรับรู้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของใคร เพราะเสียงนี้คือเสียงที่คุยกับเธอมาตลอดตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน แต่พอหันไปมองต้นเสียงเธอก็อึ้งเมื่อเห็นชายปริศนาที่มีผมยาวสีดำ ดวงตาสีเขียวและใส่ชุดแนวกรีกสมัยใหม่โผล่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้
“ท่าน...ทำไมถึง...” สีหน้าโพรทาเลียดูอ้ำอึ้งและแปลกใจที่ทุกทีจะมีแต่เสียงออกมา แต่ครั้งนี้อีกฝ่ายเผยร่างจริงให้เธอเห็น
“ทำไมข้าถึงโผล่มาให้เจ้าเห็นตอนนี้ โดยตลอดมา 5 ปีทำไมถึงไม่เคยโผล่มาให้เห็นสินะ?” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ ๆ อีกฝ่าย 
“ใช่ ท่าน...ไม่เคยโผล่มาสักครั้ง...” 
อีกฝ่ายมองโพรทาเลียก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปสัมผัสใบหน้าโพรทาเลีย “ขอโทษนะที่ข้าไม่เคยโผล่มาให้เจ้าเห็น เพราะว่าพลังข้ายังไม่ตื่นขึ้นมา แต่ตอนนี้พลังของฉันกลับมาทีละเล็กทีละน้อยแล้ว ต้องขอบคุณเจ้า” 
“ขอบคุณข้า...ทำไมล่ะ?” โพรทาเลียมองอย่างสงสัย
“เพราะเจ้าพาตัวเองออกมาจากที่แห่งนั้นที่จำกัดพลังของเรากัน ทำให้ตอนนี้ข้าสามารถทำตามแผนได้ ก่อนจะถึงวันเกิดอายุครบ 16 ปีของเจ้า” 
“อายุครบ 16 ปี...เดียวนะ ถึงตอนนั้นก็อีก...ตั้ง 2 เดือนกับอีก 20 วันเลยนะ” 
“จริงของเจ้า เวลาทั้งหมดนั้น ข้าจะทำการทดสอบเจ้าเพื่อดูว่าเจ้าเหมาะกับสิ่งที่เจ้าจะได้รับไปไหม?” ชายหนุ่มกำลังหันหลังเดินออกไป 
“สิ่งที่ข้าจะได้รับ?” 
“ใช่” ชายหนุ่มพูด เขาหันกลับมามองอีกฝ่ายอีกครั้ง “ข้าว่า...ข้าต้องไปล่ะ” 
รอบ ๆ ตัวของโพรทาเลียเป็นโดยสีขาวกลืนกิน นั้นทำให้เธอมองอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็รีบตรงไปหาอีกฝ่ายพร้อมกับจับชายเสื้อของเขา
“เดียวสิ! ท่านยังไม่เคยบอกนามกับข้าเลยนะ ว่าท่านเป็นใคร?” 
“หือ...นามข้าเหรอ? ข้ามีนามว่า...แอง-” 
เสียงนั้นขาดหายไปพร้อมกับแสงสว่างที่คลุมตัวเธอให้หายไปจากตรงนั้น คำสุดท้ายที่อีกฝ่ายพูดนั้น เธอพออ่านออกว่าเป็นคำขึ้นต้นด้วยตัวเจ แต่ชื่ออะไรกันแน่ล่ะ

เสียงรอบ ๆ เด่นชัดมากขึ้น ทำให้โพรทาเลียค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ พร้อมกับใบหน้าที่ยื่นมามองเธอเหมือนว่าอีกฝ่ายปลุกเธอหลายรอบ เนื่องจากคนของค่ายฮาล์ฟบลัดได้เดินทางมาถึง แล้วรอค่อยที่จะมารับพวกเธอไปยังสถานที่ปลอดภัย โพรทาเลียค่อย ๆ ตั้งสติของตนเอง แล้วลุกขึ้นมองบุคคลปริศนาที่มาใหม่จากสิ่งที่เป็นชายที่มีทรงผมสั้นหยิกสีน้ำตาล ดวงตาสีน้ำตาล การแต่งกายใส่ชุดหนา ๆ คล้ายชุดหน้าหนาว แต่ช่วงนี้ฤดูร้อน ทำให้โพรทาเลียสงสัยว่าอีกฝ่ายทำไมแต่งกายแบบนี้จนเธอได้กลิ่นบางอย่างที่ประสาทสัมผัสการได้กลิ่นของเธอรับรู้

“หือ? แซเทอร์เหรอ?” 
โพรทาเลียขมวดคิ้วอย่างสงสัย ทำเอาพวกเขาทั้งสองจ้องมองอย่างสงสัย โพรทาเลียจับปลายคางอย่างสงสัยว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ปีศาจใช่ไหม แค่กลิ่นของอีกฝ่ายก็บ่งบอกว่าไม่ใช่

“ดี! คงไม่ต้องกังวลเวลาเดินทาง งั้นไปกันเถอะ!!” 
โพรทาเลียเดินนำออกไปพร้อมกับเทพีอลิซ่าเบ็ธที่เดินตามเด็กน้อยไป นิโคยังยืนงุนงงว่าเด็กหนุ่มรู้ได้ว่าคนข้าง ๆ เขาเป็นแซเทอร์ โดยที่เขายังไม่บอกเลย
“เขารู้ได้ไงว่านายเป็นแซเทอร์?” นิโคหันไปมองคนมาใหม่
“ไม่รู้สิครับ ผมขอตัวก่อน ลาก่อนครับ คุณนิโค” แซเทอร์หนุ่มรีบตามเด็กใหม่ทั้งสองคนที่กำลังเดินทางไปไหนก็ไม่รู้
“โชคดีเด็ก ๆ” นิโคโบกมือลาเด็ก ๆ ที่เดินจากไปกัน ระหว่างที่ยืนอยู่นั้นก็รู้สึกถึงบางอย่างเคลื่อนไหวในป่าแล้วกำลังมาทางนี้ “พวกปีศาจมาแถวนี้...คงต้องไปจัดการแล้วถามพวกมันว่าวุ่นวายอะไรแถวนี้กัน?” 
นิโคหันไปทางที่เขารู้สึกถึงกลิ่นอายของปีศาจเต็มไปหมด ก่อนที่เขาจะหายเข้าไปในเงาของตนเอง อีกด้านโพรทาเลียกำลังเดินทางพร้อมกับคุยกับเทพีไปด้วย แซเทอร์หนุ่มเดินเข้ามาใกล้ ๆ ทั้งสองคนพร้อมกับทักทายพวกเธอ
“นี่นาย! เก่งมากเลยนะ รู้ได้ไงว่าฉันเป็นแซเทอร์นะ คนส่วนใหญ่มองไม่ออกหรอกนะ” 
โพรทาเลียมองอีกฝ่ายด้วยสายตาแปลกใจเล็กน้อย “ทำไมเดาไม่ออกล่ะ? กลิ่นสาบของนายมันออกมาขนาดนั้น ฉันเคยได้กลิ่นมามากกว่านี้ด้วยซ้ำ เพราะมันคล้ายกลิ่นศพแซเทอร์ที่ฉันเคยเห็นพวกยักษ์กินกันนะ” 
“ศพแซเทอร์!?” แซเทอร์ตนนี้ถึงกับกลืนน้ำอย่างรู้สึกตื่นกลัวกับคำพูดอีกฝ่าย
“ใช่!! แล้วก็ขาของนายก็เดินแบบแปลก ๆ ขาคนเขาไม่ย่อง ๆ เหมือนพวกแพะหรือแกะหรอกนะ นายนะ สอบตกความเป็นมนุษย์สุด ๆ เลยล่ะ” 
“ว้าว! นายเก่งแบบนี้ได้ยังไง?” แซเทอร์เปลี่ยนสีหน้าทันที เขาถึงกับตะลึงเลยว่าอีกฝ่ายเก่งเรื่องการจับผิดมาก ๆ
“เหอะ ๆ ลองโดนจับฝึกตั้งแต่เด็กสิแล้วจะรู้ทุกอย่างเลยล่ะ แล้วเราจะไปค่ายที่คุณดิแองเจโลบอกไปยังไงหรือ?” 
“อ้าว? ฉันนึกว่านายรู้ซะอีกเห็นเดินนำมา!!” 
“อ๋อ ไม่รู้อ่ะ!!” โพรทาเลียทำหน้าเอ๋อ ๆ ทันที
“แล้วนายจะนำมาเพื่อ…!?” แซเทอร์หนุ่มรู้สึกหงุดหงิดกับเด็กหนุ่มตรงหน้าที่นำมาโดยไม่ได้คิดอะไรเลยจริง ๆ “เฮ้อ~ งั้นตามฉันมาละกัน ดีที่นายพามาถูกนิดหน่อย เราจะเดินเข้าไปในป่าอีกสักหน่อยนะ” 

แซเทอร์หนุ่มนำทางพวกเธอเข้าไปข้างในป่าอีก เพื่อไม่ให้อยู่ในสายตาของมนุษย์ แต่ก็ต้องระวังพวกปีศาจหรืออมนุษย์ทั่วไประหว่างที่เดินกันเข้าไปข้างในนั้นเอง แซเทอร์ที่นำทางให้พวกโพรทาเลียก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้ว่าเขายังไม่ได้แนะนำตัวเขาทั้งสองคนเลย ก่อนที่เขาจะหยุดเดินแล้วหันไปมองทั้งสองคนทันที

“ฉันลืมแนะนำตัวเลยล่ะ ฉันชื่ออาร์เทอร์ อันเดอร์วู้ด ยินดีที่ได้รู้จัก!!” 
“ข้า...อลิ- อ๊ะ...ลิซ่า วันเดอร์เลอร์ค่ะ” เทพีอลิซ่าเบ็ธเกือบหลุดพูดชื่อตัวเองออกไป ทำเอาเธอตื่นเต้นในการแนะนำตัวเธอเป็นอย่างมากจนสั่นหมด
“ส่วนข้า คีย์ วันเดอร์เลอร์” โพรทาเลียแนะนำตัวเองต่อจากเทพีทันที
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ลิซ่า คีย์ พวกเธอนี่ฉันมอง ๆ นะ ดูยากจังว่าเป็นคนของสายเลือดไหนนะ” 
“เอ๋...ฮ่า ๆ พวกเราก็ไม่รู้เท่าไหร่หรอกเจ้าค่ะ ว่าเป็นมนุษย์กึ่งเทพจริงๆ ไหม แต่เรื่องการหาสายเลือดคงต้องรอเวลานะเจ้าค่ะ” 
“จริงด้วยนะ เอาล่ะเดินต่อกันใกล้ ๆ ถึงจุดซื้อตั๋วแล้วล่ะ” อาร์เธอร์เดินนำทั้งสองคนทันที
“ซื้อตั๋ว?” โพรทาเลียพูดพร้อมมองเทพีว่าอีกฝ่ายพูดถึงอะไรกัน

อลิซ่าเบ็ธก็ส่ายหน้าอย่างไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดนั้นหมายความว่าอะไร ทั้งสองคนต่างพากันเดินตามอีกฝ่ายไป แต่ระหว่างเดินนั้นโพรทาเลียกลับรู้สึกคุ้นเคยเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน พอพวกเขาเดินกันมาเรื่อย ๆ ก็มาถึงจุดที่ไม่น่ามีสิ่งก่อสร้างอะไรแต่ตรงหน้ากับมีสิ่งก่อสร้างบางอย่างตั้งตระหง่าน มันเป็นตู้สี่เหลี่ยมมีกระจกด้านหน้าให้เห็นคนข้างใน ตู้นั้นมันคล้าย ๆ ตู้ขายตั๋วตามงานเทศกาลหรือโรงหนังสมัยเก่า แต่พอเข้าไปใกล้ ๆ ตู้นั้นก็ได้เห็นหญิงสาวที่อยู่ข้างใน แต่ที่ทำให้โพรทาเลียอึ้งมากกว่าเดิมคือหญิงสาวในตู้นั้นมีผิวกายสีเขียว

‘ตัวเป็น ๆ นางไม้ตัวเป็น ๆ พึ่งเห็นครั้งแรก!!’ โพรทาเลียคิด

โพรทาเลียใจจดใจจ่อกับนางไม้ตนนี้ที่สวยและงดงามมากๆ เครื่องแต่งกายของเธอเป็นใบไม้สีเขียวที่ดัดแปลงจนกลายเป็นเสื้อผ้าที่ดูสวยงามมาก ๆ อาร์เธอร์เดินเข้าไปใกล้ ๆ นางไม้ตนนั้นก็หันมาก็ตกใจเมื่อเจออีกฝ่าย
“อ๊ะ...อันเดอร์วู้ด...” นางไม้คนนี้มีสีหน้าเธอแดงขึ้นมานิดหน่อย เมื่อเจอกับแซเทอร์หนุ่ม
“ไง โซเฟีย คือ...ฉันจะซื้อตั๋วไปค่ายฮาล์ฟบลัด 3 ใบ หน่อยนะ” อาร์เธอร์หน้าแดงหน่อย ๆ ก่อนจะยิ้มให้อีกฝ่าย
“คะ...ค่ะ...” 

หญิงสาวลุกลี้ลุกลนต่อหน้าอาร์เธอร์มาก ๆ เธอกำลังหาตั๋วที่อีกฝ่ายต้องการ ทำเอาโพรทาเลียที่มองอยู่ข้างหลังสงสัยเลยว่าทั้งสองคนนั้นมีกลิ่นอายที่เธอคุ้นเคย ยิ่งใบหน้าทั้งสองนั้นกำลังแดงก่ำก็ยิ่งเดาได้ถูกว่าทั้งสองนั้นแอบชอบกันและกันอยู่หรือไม่นั้น เลยมีความคิดว่าทั้งสองเป็นคนรักกันไหม ทำให้โพรทาเลียตั้งคำถามโดยไม่ได้คิดว่าพวกเขาจะแสดงท่าทียังไง

“พวกเจ้าสองคนเป็นคนรักกันเหรอ?” 
พอทั้งสองคนได้ยินถึงกับสะดุ้งกันทันที อาร์เธอร์กับโซเฟียหน้าแดงแบบแดงมาก ๆ ก่อนจะตะโกนออกไป
“ไม่นะคะ แบบว่า...” โซเฟียลุกลี้ลุกลนขึ้นมา การมีคนพูดแบบนั้นทำให้ใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะมาก ๆ
“พวกเราไม่ใช่คนรักกันนะ!” อาร์เธอร์แก้ต่างขึ้นมาด้วยความรู้สึกน่าอับอาย
โซเฟียที่ได้ยินแบบนั้นทำให้เธอคอตกน่าเศร้าไปในทันที สายตาของโพรทาเลียรับรู้เลยว่าคนหนึ่งชอบอีกฝ่าย อีกคนก็ชอบแต่ความรู้สึกที่บางอย่างปิดกันความรู้สึกรักนั้น ทำเอาเธอจ้องมองนางไม้แล้ว เศร้าแทนเธอกับคำพูดอีกฝ่ายจริง ๆ
“แต่ว่า-” โพรทาเลียกำลังจะอธิบายบางอย่าง

อาร์เธอร์รีบปิดปากของอีกฝ่ายในทันที พร้อมกับหันไปยิ้มให้หญิงสาว “เดียวเถอะ! คีย์! หยุดเลยนะ! โทษทีนะ โซเฟีย เด็กคนนี้เขาพูดอะไรก็ไม่รู้ ฮ่า ๆ ๆ” 
“อ๊ะ...คือ...ฉันไม่คิดอะไรมากหรอกค่ะ...” โซเฟียกับมีสีหน้าปกติ ก่อนจะวางตั๋วไว้ตรงหน้า “ตั๋วไปค่ายฮาล์ฟบลัดค่ะ...” 
“ขอบคุณนะ พวกเราไป!!” 

อาร์เธอร์หยิบเหรียญทองออกมา 180 ดรัคม่า แล้วลากทั้งสองคนออกจากจุดนั้นอย่างรวดเร็ว โพรทาเลียสงสัยเลยว่าอีกฝ่ายนั้นจะรีบเดินไปไหนกัน เธอหันไปมองนางไม้ที่มีสีหน้าเศร้าหมอง พวกเขาเดินออกมาห่างจากจุดเดิม อาร์เธอร์ก็หันมามองคีย์ในทันที

"นายพูดอะไรไปนะ!? คีย์ ฉันเกือบขายหน้าแล้วนะไปพูดอย่างงั้นได้ไงว่าฉันกับโซเฟียเป็นคนรักกัน" เขาถามอีกฝ่ายอย่างสงสัยว่าทำไมพูดแบบนั้น
"ก็ข้าเห็นเจ้าและนางเอาแต่เขินกันจนข้าสงสัยนะ ถึงว่าพวกเจ้าแบบพึ่งคบกันเลยเขินกันหน่อย ข้าเลยถามแบบนั้นออกไปอย่างที่ข้าคิด"
“เดียวนะ!?” อาร์เธอร์ขมวดคิ้วกับคำพูดอีกฝ่ายที่พูดถึงโซเฟีย "นายบอกเธอเขินฉันเหรอ?"
“ใช่ ข้าสัมผัสกลิ่นอายและข้าเห็นใบหน้าของนางที่เขินอายเพราะเจ้า แล้วข้าก็คิดว่าเจ้าทั้งสองคนก็เหมาะกันดี เจ้าก็ชอบนางใช่ไหมล่ะ?” โพรทาเลียตอบอีกฝ่ายทันที
“คือ...พอ ๆ เลิกพูดเลย ฉันไม่ได้เหมาะกับเธอเลย ฉันเป็นแค่แซเทอร์ระดับต่ำต้อย…ไม่ได้เหมาะกับเธอเลย” 
“โธ่ ตัดพ้อตัวเองก่อนจะรู้ถึงความรู้สึกของกันและกัน นายนี้ไม่มีความกล้าเหมือนเมื่อก่อนเลยนะ...เอ๋...เมื่อก่อน...” โพรทาเลียสะกิดใจทันทีว่าทำไมตัวเองถึงพูดแบบนั้นออกมา
“นายพูดอย่างกับรู้จักฉันแน่ะ คีย์…คีย์?” 

โพรทาเลียไม่ได้ฟังที่อีกฝ่ายเรียกเธอเลย เธอกำลังคิดบางอย่างคิดในสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป แล้วเธอก็นึกถึงความทรงจำเก่า ๆ ที่ไม่ได้นึกมานานแสนนาน เธอก็เริ่มจำได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เธอมีเพื่อนสนิทที่จะพาพี่ ๆ น้อง ๆ มาด้วย พี่ชายของเนเวอร์รี่

‘พี่อาร์เธอร์คนนั้นเหรอ?’ 

สีหน้าของโพรทาเลียเคร่งเครียดขึ้นมาในทันทีที่ได้รู้จักกับคนที่เธอเคยรู้จักเขา แต่เธอยังอยู่ในร่างแปลงอีกฝ่ายคงจำเธอไม่ได้หรอก
“คีย์ นายพูดเมื่อกี้คืออะไรนะ” 
“เปล่า! ไม่มีอะไร! ไปต่อกันเถอะ...” โพรทาเลียเปลี่ยนเรื่องพร้อมกับกำลังจะเดินต่อ
“เดียวไม่ต้องไปแล้ว!!” อาร์เธอร์จับไหล่อีกฝ่ายทันที
โพรทาเลียมองอีกฝ่ายที่จับไหล่เธอ “ทำไมล่ะ?” 
อาร์เทอร์ยกตั๋วที่ได้มาเมื่อกี้ขึ้นมา ก่อนจะพูดขึ้นมา “เพราะเราจะไปด้วยเจ้านี้นะสิ” 
“หือ!?” โพรทาเลียเอียงคออย่างสงสัย “ตั๋วเหรอ?” 
“ใช่! เพราะนี้คือตั๋วที่เทพเฮอร์มีสสรรค์สร้างขึ้น เมื่อไม่นานมานี้เอง เอาล่ะงั้นทำตามที่ฉันจะพูดล่ะกันนะ!” 
“ทำตาม...คงต้องทำแบบนั้นล่ะนะ...” 
“อืม ๆ พวกข้าไม่เคยเห็นสิ่งนั้นนี่เจ้าค่ะ” อลิซ่าเบ็ธมายืนข้าง ๆ โพรทาเลีย
“อืม!” โพรทาเลียพยักหน้าทันที
“แต่ว่า...พวกนายนะ ชอบพูดแปลก ๆ นะ พูดคำว่าข้า เจ้า นาง...พูดเหมือนคนโบราณเลยนะ” 
“หือ? แล้วคนปกติพูดกันยังไงหรือ?” อลิซ่าเบ็ธถามอย่างสงสัย
“อีกฝ่ายคงหมายถึงที่เราพูดแบบชาวโบราณพูดกัน แต่ก็จริงที่พวกข้าพูดแบบนั้น เพราะสภาพแวดล้อมที่เคยอยู่ทุกคนจะพูดแบบนี้กัน” โพรทาเลียอธิบายถึงการพูดของพวกเธอทำไมถึงพูดแบบนี้กัน
“สภาพแวดล้อมเหรอ? พวกนายเคยอยู่ที่ไหนกันล่ะเนี่ย?” อาร์เธอร์ถามอย่างสงสัย
“ไม่ขอตอบคำถามนั้น” โพรทาเลียไม่ยอมตอบคำถามด้วยสีหน้าจริงจังเหมือนบอกอีกฝ่ายห้ามถาม
“เอ่อ...ก็ได้” อาร์เธอร์รู้สึกว่าตัวเองไม่ควรถามต่อเลยเปลี่ยนเรื่องในทันที "งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า!"

รอยยิ้มของอาร์เธอทำเอาโพรทาเลียรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรกันแน่ ถ้าทำอะไรขึ้นมาจริง ๆ แล้วอันตรายต่อพวกเธอถึงเป็นแซเทอร์ก็คงต้องทำให้บาดเจ็บแล้วหนีจากอีกฝ่ายนั้นล่ะ อาร์เธอร์หันไปข้างหน้าพร้อมกับกล่าวคำพูดเป็นภาษากรีกออกมา

Στον θεό των ταξιδιών, Ερμή, να μας ανοίξεις την πύλη. Πηγαίνετε κι εμείς στο μέρος που θέλουμε!!
[แด่เทพแห่งการเดินทาง เฮอร์มีส ขอให้ท่านทรงเปิดประตูมิติให้แก่เรา พาเราไปยังสถานที่เราต้องการด้วยเถิด!!]

+++คำภาษากรีกแปลจากเน็ตนะคะ ไม่รู้ว่าแปลถูกไหม
แต่แปลไว้เพื่ออรรถรสของนิยายนะคะ+++

คำกล่าวจบลงพร้อมกับเสาประตูสีขาวขึ้นมาสองอัน เสานั้นคล้ายกับเสาทางเข้าของกรีก แต่มันไม่มีบานประตูมีแค่พื้นที่ว่างเปล่าแต่เหมือนมีบางอย่างเคลื่อนไหวในช่องว่างนั้น โพรทาเลียเอียงคอมองว่ามันคืออะไร ระหว่างที่สนใจกันนั้นก็มีบุคคลแปลกหน้าโผล่มาจากช่องว่างที่มีอะไรไหลไปมา ทำเอาสองสาวต่างตื่นตูมกันจนเกือบหยิบดาบของตนออกมากัน อาร์เธอร์เห็นก็ขำในทันที

“เขาเป็นผู้นำทางของเทพเฮอร์มีสนะไม่ต้องกลัวกันนะ” 

ทั้งสองคนมองอาร์เธอร์ที่อธิบายให้พวกเธอ สายตาหันไปมองชายปริศนาที่โค่งคำนับพวกเขา ทั้งสองเก็บดาบของตนเอง ในสายตาของโพรทาเลียมันน่าสงสัยทุกอย่างจริง ๆ คงเพราะความเครียดสะสมที่เธอหนีจากปีศาจเลยระหว่างทุกอย่างนั้นล่ะ ผู้นำทางตรงหน้านั้นชุดแนวกรีกที่เธอเคยเห็นภาพวาดบ่อย ๆ เขาจ้องมองพวกเขาพร้อมกับเอ่ยเป็นภาษากรีกออกมา

“Που θέλεις να πας?" [ต้องการไปที่ไหนครับ?]” 
คำพูดนั้นเข้าใจเลยว่าถามพวกเขาว่าต้องการไปที่ไหน โพรทาเลียรับรู้ว่าจะต้องไปไหนรอแค่คนข้าง ๆ ตอบผู้นำทาง อาร์เธอร์ได้ยินคำถามก็ตามไป
“เราต้องการไปค่ายฮาล์ฟบลัด!” 
ผู้นำทางพอได้รับคำตอบก็ดีดนิ้วหนึ่งครั้งทันที ตรงช่องว่างเกิดแสงสว่างขึ้นมาพร้อมกับภาพบางอย่างที่ไหลไปมาไม่ประติประต่อกัน จนมองไม่ออกว่าข้างในนั้นเป็นภาพอะไรกันแน่จนผู้นำทางกล่าวบางอย่างกับพวกเขา
“ขอตั๋วด้วยครับ” 
อาร์เธอร์หันไปมองทั้งสองคนทันที “งั้นฉันไปก่อนละกัน พวกเธอจะได้ไม่กลัวกัน” 
ทั้งสองคนมองกันแล้วหันไปพยักหน้าให้อีกฝ่าย อาร์เธอร์ยิ้มให้ทั้งสองก่อนจะเดินไปหาผู้นำทางแล้วยื่นตั๋วให้อีกฝ่าย เมื่อรับตั๋วมาแล้วเขาก็ตรวจสอบและก็ฉีกตั๋วออกแล้วมันสลายหายไป แสงสว่างออกมาจากช่องว่างนั้นอีกครั้ง
“เชิญเข้าไปได้เลยครับ” 

อาร์เธอร์เดินเข้าไปข้างในช่องว่างนั้นตัวเขาหายไปในนั้น โพรทาเลียเห็นแบบนั้นถึงกับกลืนน้ำลายลำบากมาก ๆ เธอไม่เคยผ่านประตูไหน ถ้าไม่ใช่พลังของเทพีที่ผ่านวาร์ปไปมาผ่านประตูล่องหนไปยังที่ต่าง ๆ เทพียิ้มอ่อน ๆ เมื่อเห็นเด็กน้อยของตนทำตัวเป็นเด็กแบบนี้ นางเดินอ้อมมาข้างหลังอีกฝ่ายพร้อมกับดันตัวอีกฝ่ายไปข้างหน้า

“อ๊ะ!! ท่านพี่!!” 
“เจ้าไปก่อน น้องข้า เดียวข้าจะตามไปที่หลัง” อลิซ่าเบ็ธอยากให้เด็กน้อยเข้าไปก่อน เพื่อความปลอดภัยของตัวเธอ
“แล้วท่านจะตามมาไหม? ห้ามทิ้งข้านะ!!” 
อลิซ่าเบ็ธยิ้มอ่อน ๆ เธอยื่นมือไปสัมผัสใบหน้าอันเล็กจ๋อยของอีกฝ่าย “ข้าไม่ทิ้งเจ้าหรอก เจ้ายังไม่เคยทิ้งข้าเลยนี่น่า” 
“อืม! ข้าจะทิ้งผู้เป็นเสมือนแม่ข้าได้ไงล่ะ” ใบหน้าของโพรทาเลียยิ้มอย่างแจ่มใส่ขึ้นมา
เธอไม่เคยคิดจะทิ้งอีกฝ่าย เพราะอีกฝ่ายเป็นเสมือนแม่และพี่สาวให้เธอ ทั้งสองยื่นประชิดเข้าหากันพร้อมกับส่ายหน้าไปมาอย่างคลอเคลีย โพรทาเลียทำใจเล็กน้อยพร้อมกับเดินไปข้างหน้าที่มีผู้นำทางยืนอยู่
“ทั้งคู่น่ารักกันจังเลยนะครับ” 
“อ๊ะ...ไม่หรอกขอรับ...” โพรทาเลียเขินอายขึ้นมาทันใดที่อีกฝ่ายพูดชมพวกเขา
“งั้นขอตั๋วด้วยครับ” 

คำพูดเดิมพูดขึ้น โพรทาเลียมองตั๋วในมือของเธอพร้อมกับยื่นให้แก่อีกฝ่าย ผู้นำทางตรวจไม่กี่นาทีก็ฉีกตั๋วแล้วแสงสว่างก็ขึ้นมาที่ประตูอีกครั้ง โพรทาเลียมองประตูที่ว่างเปล่าตรงหน้ามันช่างน่ากลัวสำหรับเธอ ความรู้สึกแปลก ๆ กำลังเข้ามาข้างในเธอ มันคือความประหม่าที่จะเข้าไปในสิ่งที่เธอไม่เคยเข้า เธอหายใจเข้าลึก ๆ กลืนน้ำลายไปหนึ่งครั้ง เธอหลับตาเดินเข้าไปข้างใน ความรู้สึกหวิว ๆ เหมือนใจมันสั่นไปชั่วขณะ พอผ่านพ้นประตูออกมาเสียงอาร์เธอร์ก็ดังขึ้น

“นายเล่นหลับตาเดินเลยเหรอ? แปลว่ากลัวจริงสินะ แต่ลืมตาได้แล้ว คีย์!” อาร์เธอร์เดินเข้ามาใกล้ ๆ แล้วตีหลังคีย์ทันที
“อ๊ะ!!” โพรทาเลียตกใจที่อีกฝ่ายตีหลังเธอ

เธอลืมตาขึ้นมาก็พบกับภาพตราหน้ามันช่างแสนจะมหัศจรรย์ ภาพที่โพรทาเลียไม่เคยคิด ผู้คนมากมายกำลังเดินคุยกันอย่างสนุก บางคนก็ฝึกการต่อสู้ บางคนก็กำลังเล่นบางอย่างกันอย่างน่าสนุก สีสันอันสวยงามของธรรมชาติ บ้านเรือนมากมายตั้งอยู่รอบ ๆ บริเวณที่อยู่กัน ถึงจะน้อยก็ตามที แต่ก็ยังดีกว่าเกาะนรกนั้นซะอีก แต่บางอย่างทำให้โพรทาเลียรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างที่บ่งบอกถึงความไม่ปลอดภัยขึ้นมา เมื่อมีสายตาบางอย่างจับจ้องมาที่เธอ

“หือ?” โพรทาเลียหันไปมองผู้คนมากมายที่อยู่รอบ ๆ แต่สายตานั้นหายไปแล้ว
อลิซ่าเบ็ธก็เดินตามเข้ามาภาพตรงหน้าทำให้เธอดูชอบใจกับสภาพแวดล้อม “ที่นี่...ช่าง...งดงามจริง ๆ” 
“ใช่ไหม? แล้วฉันขอพูดว่า ยินดีทั้งสองคนสู่ค่ายฮาล์ฟบลัดของเรา!!” 

พออาร์เธอร์พูดจบก็มีเสียงแตรเฉลิมฉลองดังขึ้น แต่ไม่เห็นมีอะไรนอกจากอาร์เธอร์ที่อ้าแขนไชโยคนเดียว ทำเอาอาร์เธอร์หน้าแดงไปเลยที่สองคนนี้ไม่เล่นมุกตบมือกับเขาด้วย โพรทาเลียแอบขำเล็กน้อย เธอหันไปมองรอบ ๆ ตอนแรกเธอคิดว่าที่นี่น่าจะปลอดภัยสำหรับเธอจริง ๆ แต่ก็ต้องระวังสักเล็กน้อยดีกว่าเพื่อความปลอดภัย เธอมองเหล่าเด็กวัยรุ่นมากมายที่แต่งกายอย่างปกติยกเว้นท่อนบนที่เป็นเสื้อที่มีแค่สองสี ผู้คนบางส่วนเริ่มเห็นแล้วว่าพวกเขานั้นเป็นเด็กใหม่ที่พึ่งมากันจึงมองด้วยสายตาสนใจว่าพวกเขานั้นจะได้อยู่บ้านหลังไหน อลิซ่าเบ็ธเดินตรงมาข้าง ๆ โพรทาเลียพร้อมกับกระซิบ

“ดีจังที่พวกเรายอมมาที่นี่นะ ปลอดภัยสำหรับเธอ” 
“อ๊ะ...ก็มั้งนะ...แต่เรายังมีอีกอย่างที่ต้องกังวลเพิ่มอีกนะ” 
“อะไรเหรอ?” อลิซ่าเบ็ธเอียงคออย่างสงสัย
โพรทาเลียหันสายตามองอีกฝ่ายพร้อมกับพูดกล่าวออกมา “ผู้หญิงคนนั้นไงล่ะ!” 
“อ๋อ...จริงด้วย...” 
ทั้งสองคนมานึกถึงตัวการที่อยู่กับครอบครัวแจ็กสันขึ้นมา เพราะคุณนิโคบอกว่าครอบครัวแจ็กสันอยู่ที่นี้ แต่เธอคงไม่ต้องเจอหน้าครอบครัวเร็วเกินไปละกัน ระหว่างที่ทั้งสองคนซุบซิบกันนั้นอาร์เธอร์ก็เข้ามาขัดจังหวะสักเล็กน้อย
“เอาล่ะทั้งสองคน เดียวฉันจะพาไปยังบ้านใหญ่ต่อเลยนะ!” 
“บ้านใหญ่?” ทั้งสองคนพูดพร้อมกันอย่างสงสัยว่าบ้านใหญ่คืออะไร
“ใช่! บ้านใหญ่ คือสถานที่ที่ผู้ดูแลของค่ายอยู่ที่นั่น มาเร็ว! ตามมาเลย!” อาร์เธอร์เดินนำหน้าทั้งสองคนไปในทันที

พอพูดถึงผู้ดูแลค่ายทำให้ทั้งสองคนคิดเลยว่าคนคนนั้นเป็นคนยังไง พวกเธอต้องเดินตามไปโดยไม่เต็มใจสักเท่าไร แต่ถ้าเป็นพิธีที่ต้องพบผู้ดูแลก็ต้องไป ตามทางเดินมีสิ่งมากมายที่เธอไม่เคยได้สัมผัสจากเกาะนรกนั้น ตั้งแต่ออกจากเกาะเธอก็ได้เห็นอะไรใหม่ ๆ เยอะ แต่เธอสงสัยว่าที่นี้อยู่จุดไหนของโลกกัน

“เอ่อ...อาร์เธอร์” โพรทาเลียเรียกอีกฝ่ายที่กำลังเดินนำหน้าพวกเธอ
“อะไรเหรอ?” 
“ข้าอย่างรู้นะว่าที่นี้ที่ไหนของโลกนะ?” 
“อ๋อ ที่นี่อยู่ใน ลองไอส์แลนด์นะ” 
“ลองไอส์แลนด์...” เทพีอลิซ่าเบ็ธสงสัยเลยว่าจุดไหนกัน
โพรทาเลียหยิบแผนที่ออกมาทันที แล้วดูว่าลองไอส์แลนด์อยู่ที่ไหน “อยู่ใกล้จากแมนฮัตตันตั้ง 55 ไมล์เลยนี่น่า” 
"ใช่แล้ว ถ้าเดินทางด้วยรถยนต์นะ ใช้เวลาแค่ 1ชม.กว่า ๆ เองนะ
"อย่างงั้นเหรอ?" ทั้งสองคิดว่าไอ้สี่ล้อที่เห็นบ่อย ๆ ตามท้องถนนน่าจะเรียกว่ารถยนต์

แต่พอพูดถึงสถานที่ที่ชื่อว่าแมนฮัตตัสในความทรงจำอันเลือนรางของโพรทาเลียมันคือบ้านเกิดของเธอ เธออยากเจอครอบครัวมาก ๆ อยากเจอคุณย่าที่เธอรักมาก ๆ เสียดายครั้งก่อนไปยังแมนฮัตตันได้แล้ว แต่ก็เจอพวกอมนุษย์ไล่ล่าจนเจอพวกเธอ ทำให้ต้องหนีไปประเทศอื่นต่อ

"เอาล่ะ เลิกคุยกันดีกว่า แล้วพวกเราต้องเดินต่อจะได้ไปเจอกับผู้อำนวยการของค่าย!!" อาร์เธอร์ตัดจบแบบง่าย ๆ พร้อมกับเดินต่อไปเรื่อย ๆ

พวกเธอรีบเดินตามอีกฝ่ายไปเรื่อย ๆ ตลอดทางอาร์เธอร์ก็พูดคุยเรื่องเกี่ยวกับภายในค่ายว่ามีอะไรมั้งแล้วมันดีแค่ไหน ระหว่างฟังไปคุยไปตามทางโพรทาเลียก็ได้สังเกตว่าเสื้อสีที่เด่นสะดุดตาตั้งมาอยู่ในค่ายนั้นมีแค่สีส้มกับสีม่วงเท่านั้น ทำให้สงสัยว่าพวกเขามีการแบ่งตำแหน่งหรือฝั่งกันด้วยงั้นเหรอ แต่เสื้อสองแบบนั้นมีความต่างตรงสีเสื้อและโลโก้บนเสื้ออย่างเช่น เสื้อสีส้มมีตัวหนังสือที่เขียนว่า 'Camp Half Blood' และมีรูปสัตว์ที่เธอเคยอ่านในหนังสือตอนเด็ก ๆ สิ่งมีชีวิตนั้นเรียกว่าอะไร เธอกำลังคิดอยู่ก่อนจะนึกออกว่าสิ่งมีชีวิตนั้นเรียกว่า เพกาซัส เป็นสัตว์คล้ายม้าแต่มันมีปีกเหมือนนก ตอนเด็ก ๆ เธอเคยคิดที่อยากจะเห็นมันด้วยซ้ำ ว่าหน้าตาของมันเป็นอย่างในหนังสือไหม แต่ตอนนี้เธอกับไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไร เพราะมันก็แค่ม้าธรรมดามีปีกงอกออกมาก็เท่านั้น ส่วนเสื้ออีกสีนั้นเป็นเสื้อสีม่วง มีตัวหนังสือสีทองเขียนว่า 'SPQR' เธอมองอย่างสงสัยว่าตัวหนังสือนั้นแปลว่าอะไรกัน แต่เธอก็ไม่รู้ แล้วมันก็มีลวดลายเหมือนฟางข้าวเป็นรูปวงกลมรอบตัวหนังสือนั้น ทำให้สงสัยจนต้องถามอาร์เธอร์เลยว่าคนที่ใส่เสื้อสองสีคือพวกไหนอะไรยังไง

“นี่ ๆ อาร์เธอร์” โพรทาเลียเรียกอีกฝ่ายทันที
อาร์เธอร์หันไปมองอีกฝ่ายทันที “มีอะไรอีกเหรอ? คีย์” 
“คือทำไมคนรอบ ๆ ถึงใส่เสื้อสีต่างหัน ทำไมพวกเขาถึงใส่เสื้อสีส้มหรือไม่ก็สีม่วง มันคือเสื้ออะไรเหรอ?” 
อาร์เธอร์หันไปมองคนในค่ายที่ใส่เสื้อสองสีตามที่อีกฝ่ายพูด
“อ๋อ พวกเขาก็เป็นคนของค่ายส่วนหนึ่งนะ พวกที่ใส่เสื้อสีส้มเป็นคนของค่ายฮาล์ฟบลัด ส่วนคนที่ใส่สีม่วงเป็นคนของอีกค่าย ที่มีชื่อว่าค่ายจูปิเตอร์” 
“จูปิเตอร์?” ทั้งสองต่างพูดพร้อมกัน พวกเขารู้ว่านั้นหมายถึงชื่อโรมันของซุส
“ไม่รู้จักสินะ คือว่าค่ายเราเป็นค่ายของเทพกรีก แล้วค่ายจูปิเตอร์คือเทพโรมันพอเข้าใจไหม?” 
“อ๋อ!! ที่ว่าเทพมีสองรูปลักษณ์อะไรแบบนั้นสินะ” โพรทาเลียดูเข้าใจทันที
“ใช่ ๆ เราเลยมีสองค่าย แล้วเมื่อก่อนสองค่ายยังไม่ค่อยเข้าลอยกัน จนผู้นำสองฝ่ายอยากสร้างมิตรต่อกัน จึงทำการสร้างประตูที่พาผู้คนทั้งสองฝ่ายเดินทางมาหากันได้ง่ายขึ้น จนพวกเขาสร้างมิตรภาพต่อกันเป็นอย่างดี” 
“แล้วประตูที่ว่านี้ล่ะ?” เทพีอลิซ่าเบ็ธถามขึ้น
“ประตูอยู่ทางแถว ๆ บ้านใหญ่นะ เดียวพาไปถึงก็จะเห็นเองล่ะ งั้นไปต่อเถอะ” อาร์เธอร์พาทั้งสองคนเดินต่อทันที

พวกเขาเดินต่อกันไปเรื่อย ๆ ก่อนจะไปถึงบ้านใหญ่ พวกเขาก็เห็นประตูที่อาร์เธอร์พูดถึงเมื่อกี้ โพรทาเลียเงยหน้ามองอย่างสนใจมาก ๆ ประตูบานใหญ่ที่เป็นที่เชื่อมต่อระหว่างสองค่ายเป็นจุดน่าสนใจที่โพรทาเลียอยากรู้ว่าข้างหลังประตูนั้นเป็นแบบไหนกัน ระหว่างที่เดินใกล้ถึงบ้านใหญ่ก็ได้เห็นผู้คนเดินผ่านประตูบานนั้น ทำเอาโพรทาเลียอยากลองเดินเข้าไปข้างในนั้นจริง ๆ

“นี่ อาร์เธอร์ เรามีสิทธิ์ไปอีกฝั่งไหมนะ?” โพรทาเลียหันไปถามอาร์เธอร์ทันที
อาร์เธอร์หันไปมองทันที “ได้สิ ถ้าขอบัตรจากผู้อำนวยของค่ายได้ นายก็มีสิทธิ์เข้าไปข้างใน” 
อาร์เธอร์พาทั้งสองคนเดินไปยังข้างในรั้วของบ้านใหญ่ ทั้งสองคนก็เดินเข้าไปด้วยโดยไม่สนใจอะไรเท่าไร
“แล้วผู้อำนวยการที่นายพูดถึงเขาเป็นใครเหรอ?” โพรทาเลียหันหน้าไปถามอาร์เธอร์ 
“ฉันเอง!!” เสียงชายปริศนาดังขึ้น
โพรทาเลียถึงกับหยุดชะงักกับเสียงปริศนาที่ได้ยินมันทั้งคุ้นเคยและคิดถึง พอเธอหันไปทางตนเสียงนั้นก็ได้เห็นใบหน้าอันชวนอึ้งจนไม่คาดคิดว่าผู้อำนวยการของค่ายนี้จะเป็นคนคนนี้
"ขอต้อนรับสู่ค่ายฮาล์ฟบลัด เด็กใหม่ทั้งสอง"
โพรทาเลียยิ่งจ้องมองตาไม่กะพริบตา อีกนั้นดูแก่ขึ้นไปเยอะหลังจากที่เธอโดนถูกลักพาตัวไป เขายังมีรอยยิ้มที่ชวนคิดถึง ถ้าเธอไม่ใช่คีย์ตอนนี้เธอคงจะวิ่งเข้าไปกอดพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างคิดถึง เพราะคนตรงหน้าเป็นพ่อของเธอ
“ยินดีที่ได้รู้จักเด็ก ๆ ฉันคือผู้อำนวยการของค่ายฮาล์ฟบลัด แทนคุณดีที่ไม่อยู่ตอนนี้ ฉันชื่อว่า เพอร์ซีย์ แจ็กสัน!!” 

จบตอนที่ 2 โปรดติดตามตอนที่ 3 ต่อไปค่ะ