ชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
แฟนตาซี,ผจญภัย,แฟนตาซี,YukiCoCo,เพอร์ซีย์,percy,สายเลือดโพไซดอนที่หายสาบสูญ,สายเลือดโพไซดอน,สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสายสูญ,สายเลือดกรีก,แฟนฟิคเพอร์ซีย์,แฟนฟิคสายเลือดเทพ,แฟนฟิค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
คำอธิบายจากนักเขียน
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่แต่งฟิครุ่นลูกของ เพอร์ซีย์ แจ็กสัน
เพอร์ซีย์ แจ็กสันคือใคร เขาคือบุตรชายของโพไซดอน จากผู้เขียน ริก ไรออร์แดน
เนื้อเรื่องนิยายนั้นทำให้นักเขียนชอบเรื่องนี้มากๆจนเอามาแต่งแฟนฟิคเกี่ยวกับรุ่นลูกต่อ
แต่นิยายแฟนฟิคนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกอย่างเดียว แต่อาจจะมีเอาตัวละครจากนิยายมาใช้กันเพื่อ
ประกอบเนื้อเรื่อง และมีตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นและนำมาปรับเนื้อเรื่องใหม่ให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องของนิยาย
---------------------------------------------------------------------
บทนำของเรื่อง
ชีวิตที่โหดร้ายกำลังจะจบลงเมื่อสาวน้อยมีนามว่า โพรทาเลีย แจ็กสัน ได้หนีออกจากเกาะที่ขังเธอเอาไว้นานถึง 8 กว่าปี เธอได้หนีออกมาได้แล้วแต่ก็ต้องหนีจากการตามล่าของอมนุษย์ที่ตามมาด้วยคำสั่งของคคคนที่่ขังเธอ แซเทิร์น เทพฝาแฝดของโคนอส [ปล.ในประวัติศาสตร์กรีกไม่ใช่แบบนั้น แซเทิร์นคือร่างโรมันของโคนอส จำไว้นะจ้ะ แต่ในเรื่องแบ่งออกมาเป็นฝาแฝดของแซเทิร์นก็เหมือนเงามืดของโคนอสนั้นเอง]
เธอจะหนีรอดหรือไหม? แล้วเธอจะได้กลับไปเจอครอบครัวไหม? เรื่องร้ายๆจะจบลงไหม? ชีวิตของเธอจะเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย?
------------------------------------------------------------------------
เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเวทมนตร์ในนิยายแฟนฟิคของเราอย่างเรื่อง
เด็กหญิงที่เหลือรอด นะคะไปติดตามกันได้นะ
------------------------------------------------------------------------
กำหนดการการลงนิยาย
ลงทุกๆวัน เสาร์ เวลา 17:00น.
------------------------------------------------------------------------
ปล.1 สวัสดีทุกคนที่เคยติดตามงานของยูกิโคโค่นะคะ ขอโทษทีลบอันเก่าออกไป เพราะอยากเปลี่ยนใหม่หมดให้จบจริงๆ เพราะตอนแรกมันตันนะคะ ครั้งนี้เลยอยากให้จบจริงๆเลยล่ะคะ ใครที่ยังติดตามทางนี้อยู่ไปตลอด ก็ขอบคุณมากๆนะคะ ส่วนใครที่มาใหม่ โปรดเข้าใจว่านี้เป็นนิยายฟิคนิยายจากเรื่อง เพอร์ซีย์แจ็กสัน ส่วนอันนี้เป็นนิยายรุ่นลูกนะคะ แต่งฟิคเล่นๆสนุกๆจนให้จบแน่ๆค่ะ
ปล.2 นิยายฟรีๆให้อ่านสนุกนะคะ อิอิ
ตอนที่ 10 สวรรค์ของโพรทาเลีย
หน้าลานกว้างบ้านใหญ่ โพรทาเลียกำลังลังเลว่าจะเข้าไปเลยดีไหม เพราะเธอไม่เห็นพ่อของเธออยู่แถวนั้นเลย เธอสงสัยว่าพ่อจะให้เธอทำงานอะไรคงเป็นงานวุ่นวายหรืองานใช้แรงแน่ ๆ คิดแล้วปวดหัวขึ้นมาทันที ระหว่างที่ยืนนั้นเธอก็เดินเข้าไปใกล้ ๆ บ้านใหญ่จนมาถึงประตูบ้าน เธอลองเปิดประตูช้า ๆ แล้วค่อย ๆ โผล่หัวเข้าไปมองข้างในว่ามีคนอยู่ไหม แต่ข้างในนั้นช่างกว้างใหญ่กว่าบ้านพักซะอีก แต่ข้างในดูเก่าและมืดสุด ๆ จนน่าสงสัยว่านี้บ้านใหญ่หรือบ้านผี แต่ก็ยังดูน่ากลัวน้อยกว่าปราสาทนรกของแซเทิร์น เธอค่อย ๆ เข้ามาช้า ๆ พร้อมกับตะโกนหาพ่อของเธอ
“เอ่อ... คุณแจ็กสันขอรับ...” โพรทาเลียเดินเข้ามาอยู่ในห้องโถง เธอตะโกนเรียกอีกฝ่าย แต่ไม่มีเสียงตอบรับทำให้โพรทาเลียต้องตะโกนอีก “คุณแจ็กสันขอรับ!”
เสียงของโพรทาเลียดังจนทำให้คนที่อยู่ข้างในบ้านใหญ่ได้ยินเสียงตะโกนเรียกจนเธอสงสัยว่าคนที่เรียกนั้นต้องการพบใครในตระกูลแจ็กสัน แต่ถ้าเรียกคุณก็คงเป็นสามีของเธอ ทำให้เธอต้องลองออกไปดูว่าคนที่เรียกเป็นใครจนเธอเดินออกมาจากชั้นบนของบ้านใหญ่ก็เห็นเด็กหนุ่มกำลังมองหาใครอยู่
“สวัสดีจ้ะ” เสียงอันอ่อนโยนทักทายเด็กน้อยที่เธอพึ่งเคยเจอครั้งแรก ระหว่างที่เธอกำลังเดินลงมาจากชั้นสอง
โพรทาเลียเงยหน้ามองคนที่ทักทาย จนเธอได้เห็นใบหน้าอีกฝ่ายอย่างเด่นชัด ใบหน้ารูปไข่ ผมบลอนด์สั้นประบ่า ดวงตาสีเทาเหมือนสีเหล็ก โพรทาเลียเห็นก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจขึ้นมา มือของโพรทาเลียสั่นเทาไปหมดจนเธอต้องหลบซ่อนมือของตนเอง ก่อนจะยิ้มแล้วทักทายอีกฝ่าย
“เอ่อ...สวัสดีขอรับ...” โพรทาเลียโค้งคำนับให้อีกฝ่าย
“สวัสดีอีกครั้งจ้ะ เธอคงเป็นวันเดอร์เลอร์สินะจ๊ะ” เธอยื่นมือเพื่อจะจับมือทักทาย “ฉัน แอนนาเบ็ธ แจ็กสัน จ้ะ”
โพรทาเลียจับมือแม่อย่างเกร็ง ๆ “คีย์ วันเดอร์เลอร์ ขอรับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันขอรับ คุณนายแจ็กสัน”
“เช่นกันจ้ะ วันเดอร์เลอร์”
พอทักทายกันเสร็จ ทั้งสองก็เงียบนิ่งจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไร แต่แล้วโพรทาเลียต้องถามแม่ของเธอเรื่องพ่อสักหน่อย
"เอ่อ...เห็นคุณแจ็กสันไหมขอรับ? พอดีคุณแจ็กสันสั่งให้ข้ามาที่นี่นะขอรับ..."
“อ๋อ เขาบอกฉันแล้วล่ะจ้ะ งั้นตามฉันมาเลยวันเดอร์เลอร์” แอนนาเบ็ธพาเด็กหนุ่มไปห้องห้องหนึ่งทันที
โพรทาเลียเดินตามแม่ไปข้างในชั้นหนึ่งที่มีประตูหลายบานจนมาถึงประตูที่มีสองบานติดกัน ตอนแรกเธอสงสัยว่าประตูแต่ละบานมีหน้าที่อะไรกัน ตอนนี้พวกเขายืนอยู่หน้าประตูบานใหญ่
“เชิญเลยจ้ะ” แอนนาเบ็ธกล่าวเชิญชวนอีกฝ่ายพร้อมกับเปิดประตูเข้าไปข้างในห้องนั้น
โพรทาเลียเดินเข้าไปในห้องโดยไม่ได้คิดอะไร พอเธอเงยหน้าขึ้นดวงตาของเธอก็ลุกวาวทันที เมื่อเห็นสิ่งหายในห้องนี้
“หนังสือออออออออออออ!!”
ภายในห้องที่โพรทาเลียเห็นเป็นห้องสมุดขนาดเล็กที่มีหนังสือไม่มากไม่น้อยเกินไป โพรทาเลียเห็นถึงกับปลาบปลื้มใจมาก ๆ เพราะตลอดหลายปีอ่านแต่อะไรซ้ำ ๆ ที่มีอยู่ภายในปราสาทนั้น เธอเดินไปอย่างสนใจว่ามีหนังสือที่ตัวเองไม่เคยเห็นเยอะมาก ๆ
แอนนาเบ็ธยิ้มอย่างชอบใจที่เด็กหนุ่มชอบหนังสือเหมือนเธอ “ยินดีต้อนรับสู่ห้องเอกสารและห้องสมุดในตัวนะจ๊ะ”
“ห้องเอกสารและห้องสมุดในตัว?” โพรทาเลียหันไปด้วยความสงสัยทันที
“จ้ะ พอดีพวกเราจะเก็บเอกสารสำคัญไว้ที่นี่ ร่วมกับหนังสือไว้ศึกษาและอ่านเล่นนะ”
“แบบนี้เอง...แล้วจะให้ข้าทำอะไรหรือขอรับ?”
“เก็บกวาด ทำความสะอาด แล้วจัดของใหม่หมดนะจ๊ะ เราจะแบ่งโซนหนังสือกับเอกสาร ที่จริงฉันให้สามีไปสั่งให้เด็ก ๆ ทำตู้สำหรับใส่เอกสาร แต่ดูเหมือนไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”
โพรทาเลียมองพวกชั้นต่าง ๆ มีทั้งชั้นว่างและชั้นที่เต็มไปด้วยหนังสือ เธอมองแล้วคิดออกทันที “ข้าว่า...ข้ารู้แล้วล่ะว่าจะทำไง!”
“เอ๋?” แอนนาเบ็ธสงสัยเลยว่าเด็กน้อยจะทำอะไรกันแน่
เสียงนกร้องยามสายนั้นช่างดังไปทั่วทั้งป่า ลิซ่าที่กำลังเดินอยู่ได้ยินเสียงนก เธอเงยหน้ามองนกที่บินผ่านไป เธอไม่นึกว่าในรอบหลายพันปี เธอจะมีได้มีโอกาสได้เห็นอะไรที่สวยงามแบบนี้เลยจริง ๆ เธอก้มหน้าลงก่อนจะเดินต่อ ตลอดหลายพันปีเธอคิดแค่ตัวเองคงมีชีวิตที่เฉาตายอยู่ในปราสาทนั้น แต่แล้วกับมีแสงสว่างเข้ามาในชีวิตก็คือ โพรทาเลีย เด็กคนนั้นเป็นทั้งน้องสาวและลูกสาวของเธอ เธอทั้งดูแลและปลอบโยนเด็กคนนั้นมาตลอด ถึงจะลำบากแค่ไหน เธอก็จะช่วยเด็กคนนั้น แล้วตอนนี้เธอก็ช่วยโพรทาเลียเพื่อตรวจสอบว่าพี่ชายของเธอไม่ได้โดนนูอัสควบคุม ถ้าโดนควบคุมพวกนั้นอาจจะทำให้โพรทาเลียบอบช้ำอีกก็ได้ เธอไม่ยอมให้มีเรื่องนั้นเกิดขึ้นเด็ดขาด ลิซ่าตามหาโอราอุสหลายทีแต่ก็ไม่เจออีกฝ่าย ตอนนี้เหมือนเธอเดินอยู่ในงมเข็มในมหาสมุทรที่ไม่รู้จุดหมายปลายทางจริง ๆ ลิซ่าเดินจนเหนื่อยมาก ๆ จนเธอเดินมาแถว ๆ สนามวอลเลย์บอลก็ได้เห็นสามคนที่เธอรู้จักกำลังจับกลุ่มใหญ่คุยกันอยู่ เธอเห็นพวกเธอเลยรีบเดินเข้าไปหาทันที
“ไง ทุกคน” ลิซ่าทักทายสาว ๆ ก่อนทันที
“อ้าว? วันเดอร์เลอร์สาวนั้นเอง” เอมิลี่เห็นลิซ่าก่อนทันที “สวัสดีค่ะ”
“วันเดอร์เลอร์สาว...เรียกข้าว่าลิซ่าก็ได้นะ...” ลิซ่ารู้สึกแปลก ๆ ที่เอมิลี่เรียกเธอแบบนั้น
“งั้นพี่ลิซ่าละกันนะคะ”
“จ้ะ...”
“ไงคะ พี่ลิซ่า มาทำอะไรแถวนี้เหรอคะ?” โฟกัสทักทายและถามอีกฝ่ายทันที
สาว ๆ ที่เหลือสงสัยว่าเพื่อนใหม่คนนี้รู้จักพวกโฟกัสด้วยเหรอ จนพวกโฟกัสอธิบายให้ฟังว่าลิซ่าเป็นสมาชิกใหม่ของกลุ่ม ทำให้พวกเธอรู้จักกันเมื่อวานเอง
“สมาชิกใหม่นี่เอง!!” เสียงของคนหนึ่งดังขึ้น
ลิซ่าหันไปมองทันที เธอมองไปที่สาวผิวสีเขียวเหมือนอีกฝ่ายเป็นนางไม้ มีผมสีน้ำตาลหยิกกับเสื้อผ้าแบบใบไม้
“เอ่อ...สวัสดีจ้ะ เอ่อ...พึ่งเคยเจอกัน ฉัน ลิซ่า วันเดอร์เลอร์”
“ฉัน เนเวอร์รี่ อันเดอร์วู้ดนะ เป็นสาวสวยที่สุดในกลุ่มนะจ๊ะ”
“กระแดะ...” เสียงนางไม้อีกคนพูดขึ้น
“นี่!! เทียน่า ว่าพี่เหรอ!!”
“เปล่าซะหน่อย” นางไม้ผมสีแดงส้มหันไปมองลิซ่าทันที ก่อนจะดันพี่สาวเธอออกไปจากอีกฝ่ายทันที “ฉัน เทียน่า อันเดอร์วู้ดเป็นน้องสาวของพี่เนเวอร์รี่นะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ คุณลิซ่า”
“เช่นกันจ้ะ...” เธอมองสองพี่น้องที่ดูจะเหมือนจ้องมองหน้ากันแบบจะกินกัน
“อย่าไปสนพวกเธอดีกว่านะจ๊ะ” สาวผมสีส้มแดง ใบหน้าดูเป็นสาวน้อยที่เรียบร้อยหันหน้ามายิ้มให้ลิซ่าทันที “ฉัน ไดอาน่า วอล์คเกอร์ ค่ะ”
“สวัสดีจ้ะ”
“พวกเราสองพี่น้องจาง” สองสาวที่มีผิวต่างกันพูดขึ้นทันที
“ฉันแซมมี่! น้องสาว” เด็กสาวผมดำที่มีใบหน้าคล้ายคนเอเชียพูดขึ้น เดินมายืนด้านซ้าย
“ฉันลูก้า! พี่สาว” สาวผมสีน้ำตาลหยิก มีผิวกายสีน้ำตาลเหมือนช็อกโกแลตเดินมายืนด้านขวาของน้องสาว
“สวัสดีทั้งสองคนนะจ๊ะ”
“เอาล่ะ พวกเราแนะนำตัวกันเสร็จแล้วนะ...” โฟกัสตบมือหนึ่งครั้งแล้วจ้องพวกสาว ๆ แบบจิก ๆ “จะได้ไม่ขัดคำถามของฉันกันนะ”
“ว้าวววว!!” สาว ๆ ต่างมาหลบข้างหลังของลิซ่าทันที
“แหะ ๆ” ลิซ่าถึงกับงงเลยว่าอีกฝ่ายเหมือนโกรธอะไร
“งั้นฉันขอถามพี่ลิซ่าใหม่นะคะว่า มาทำอะไรแถวนี้เหรอคะ?”
“ก็...พอดีข้ากำลังหาบางคนอยู่นะ...”
“แล้วหาใครอยู่งั้นเหรอ?” คาเอลถามขึ้นมาทันที
“ข้ากำลังหาโอราอุสอยู่นะ...”
“หือ? พี่ชายนะเหรอ? พี่ลิซ่ามีอะไรกับเขาเหรอ?” โฟกัสถามด้วยความสงสัยทันที
“ก็...เรื่องเล็กน้อยนะ...แค่อยากคุยด้วยนะ พวกเจ้าเห็นเขาป่ะ?”
“อืมมม...” โฟกัสใช้ความคิดว่าพี่ชายจะอยู่ที่ไหน ”ตอนนี้น่าจะอยู่ที่บ้านพักริมทะเลของพ่อฉันนะ”
“บ้านพักริมทะเล...” ลิซ่างงเลยบ้านพักนั้นอยู่ไหน
“ลิซ่าไม่รู้จักสินะ?” เอมิลี่ถามทันที
“ใช่ ข้ายังดูรอบ ๆ ค่ายไม่หมดเลยนะ” ลิซ่าทำหน้าลำบากใจเลย
สาว ๆ กำลังคิดเลยว่าใครจะเป็นคนพาอีกฝ่ายไป เนเวอร์รี่ที่กำลังคิดอยู่นั้นหางตาของเธอหันไปเห็นชายที่อีกฝ่ายตามหาพอดี
“ฉันว่าเราไม่ต้องหาตัวแทนพาลิซ่าไปหาโอราอุสแล้วล่ะ” เนเวอร์รี่ลุกขึ้นแล้วโบกมือทันที “โอราอุสสสส!!”
โอราอุสที่กำลังคุยเรื่องงานอยู่นั้น ได้ยินเสียงคนที่เรียกเขา เขาหันซ้ายหันขวามองหา คนที่เขาคุยด้วยนั้นชี้ไปข้างหลังของโอราอุส โอราอุสหันไปข้างหลังก็เจอสาวๆ ที่กำลังนั่งจับกลุ่มกันอยู่ โอราอุสยกมือทักทายก่อนจะหันไปคุยกับคนที่เขาคุยอยู่แล้วขอตัวออกมา โอราอุสเดินไปหาสาว ๆ ทันที ลิซ่ามองอีกฝ่ายเลยว่าเธอตามหาเขาแทบตาย แต่พอเธอหยุดอยู่กับที่กับเจอเขาเฉย ๆ เนี่ยนะ
“ไง ทุกคน!” โอราอุสยิ้มด้วยใบหน้าแจ่มใส ทำให้สาว ๆ มองกันอย่างชอบใจ
“แม้ ๆ หนุ่มหล่ออย่างนาย ยิ้มได้แบบมีความสุขนี่ อารมณ์ดีมาจากไหนกันล่ะนั้น” เนเวอร์รี่แซวอีกฝ่ายทันที
“อะไรกัน เนเวอร์รี่ ไม่มีอะไรหรอกนะ...แค่เจออะไรที่ทำให้มีความสุขกว่าทุกทีแล้วน่านะ”
“เอ๋?” ทุกคนต่างสงสัยทันทีว่าอีกฝ่ายเจออะไรมา
ลิซ่ามองอีกฝ่ายเลยรู้เลยว่าคงเป็นเรื่องของโพรทาเลียแน่ ๆ เพราะโพรทาเลียบอกว่าพี่ชายเหมือนเป็นพวกรักน้อง ๆ มากเกินเหตุ ทำเอาเธอขำหน่อย ๆ เลยจริง ๆ
“เอ่อ...แล้วพวกเธอเรียกฉันมีอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่พวกเราแต่เป็นเธอคนนั้นต่างหาก” สาว ๆ ทั้งกลุ่มชี้ไปทางลิซ่าทันที
ลิซ่ามองโอราอุสทันทีที่เธอยิ้มให้เขาทันที โอราอุสเห็นก็ยิ้มอ่อน ๆ ตอบเธอ
“ไง ลิซ่า...เธอมีอะไรกับฉันเหรอ?”
“เอ่อ...ข้า...มีเรื่องอยากจะคุยสักเล็กน้อย...เรื่องของ...คีย์นะ...”
“อ๋อ...” พอพูดถึงน้องสาวเขา เขาถึงกับมีสีหน้าที่ซีดลงทันที “พอดีเลย...ฉันก็มีคุยเรื่องเกี่ยวกับคีย์พอดีเลยล่ะ...”
ลิซ่าหยีตามองอีกฝ่ายอย่างสงสัยว่าเขาเหมือนทำอะไรผิดมาถึงทำหน้าซีดแบบนั้น
“งั้นเราไปหาที่เงียบ ๆ คุยกันดีกว่านะ” โอราอุสนำพาอีกฝ่ายจะไปหาที่เงียบ ๆ คุยกัน เขาหันกลับมาหาโฟกัสทันที “จริงสิ โฟกัส พี่เห็นว่าพวกเบเดอร์ได้รับข้อความจากแม่ว่าให้ไปช่วยที่ห้องเอกสารนะ พี่ว่าแม่คงเรียกเธอด้วยแน่ ๆ นะ”
“อ๋อ...ค่ะ หนูรู้แล้วนะ...เดียวก็จะไปแล้วนะ”
“โอเค ถ้าแม่ถามหาพี่บอกว่าพี่มีธุระนะ”
“ค่ะ” โฟกัสขานรับทันที
โอราอุสก็พาลิซ่าออกไปจากตรงนั้นทันที สาว ๆ ต่างมองทั้งสองคนที่เดินออกไป บางคนในกลุ่มคิดบางอย่างทันที เนเวอร์รี่มองถึงกับยิ้มทันที
“ฉันว่าโอราอุสได้แต่งงานก่อนพวกเราแน่ ๆ !!”
“จะบ้าเหรอ! พี่เขาไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนเลยนะ!!” โฟกัสพูดขึ้นทันที
“หือ?” เอมิลี่งงกับคำพูดของโฟกัส “เดียวนะ...เธอจะบอกว่าพี่เธอ...ชอบผู้ชายเหรอ?”
“จะบ้าเหรอ!! พวกเธอนี่น่า!!” โฟกัสถึงกับลุกขึ้นทันที “ฉันขอตัวล่ะ ต้องไปช่วยแม่ของฉันต่อ!!”
สาวต่าง ๆ หัวเราะกับสิ่งที่อีกฝ่ายปฏิเสธ แต่เธอคิดพี่ชายไม่มีทางแต่งงานแน่ ๆ เพราะเขายังหาคนที่ใช้ไม่เจอ ตอนนี้เขามีความสุขกับงานที่ทำก็ดีพอแล้ว แต่เธอกับรู้สึกบางอย่างระหว่างพี่ชายกับลิซ่า เธอส่ายหน้าก่อนจะเดินไปยังบ้านใหญ่ทันที
โอราอุสกับลิซ่าเดินไปตามทางเรื่อย ๆ เป็นครั้งแรกที่ลิซ่าอยู่ใกล้ ๆ ชายหนุ่มที่เป็นพี่ชายของโพรทาเลียแบบนี้ครั้งแรก เธอไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับอีกฝ่ายคงเพราะอายุของเธอที่แก่กว่าอีกฝ่ายและไม่รู้ว่าวัยรุ่นคุยอะไรกัน เพราะตอนอยู่กับโพรทาเลียก็ได้ฟังแต่เรื่องราวมากมายของเธอตั้งแต่จำความได้ก็เท่านั้น บางอย่างเลยไม่สามารถพูดกับคนข้าง ๆ ได้เช่นกัน เธอค่อย ๆ เงยหน้ามองคนข้าง ๆ มีลักษณ์คล้ายโพรทาเลียหมดตั้งแต่ทรงผม สีตา ทำให้เธอนึกถึงชายคนหนึ่งที่เธอรักมาก ๆ
‘พี่แองเจิล...’
ลิซ่านึกถึงชายหนุ่มที่มีทรงผมยาวสีดำ ดวงตาสีเขียวงดงาม เวลาที่เขาจ้องมองเธอทำให้รู้สึกอบอุ่นและยิ่งอ้อมกอดของเขาทำให้เธอปลอดภัย แองเจิลที่บุคคลที่เธอจะไม่มีวันลืม เพราะเขาเป็นพี่ชายของเธอ แต่พอนึกย้อนกลับไปเธอไม่สามารถย้อนกลับไปทำให้พี่ชายมีชีวิตได้อีก เธอจึงจงเกลียดจงชังแซเทิร์นมานานแสนนานขนาดนี้ ถึงอีกฝ่ายจะทำร้ายชีวิตเธอมาตลอดหลายพันปี เธอก็จะรอวันที่ได้แก้แค้นเขา ระหว่างที่เดินนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นจากก็เจอใบหน้าอีกฝ่ายที่กำลังเดินถอยหลังมองเธอจนเขายื่นหน้าเข้าหาอีกฝ่าย
“เธอไม่เป็นไรนะ? ลิซ่า”
“อ๊ายยยยย!!” เธอถึงกับตกใจจนถอยหลังทันที
แต่การถอยไปข้างหลังของเธอทำให้เธอก้าวผิดท่าจนเธอกำลังจะล้มไปด้านข้าง โอราอุสเห็นแบบนั้นจึงรีบเข้าไปประคองทันที
“เฮ้อ...เกือบไปแล้วนะ...” เขาประคองเธอขึ้นมาจนหยุดนิ่งทันที
ทั้งสองได้มองหน้ากันและกัน ทำให้รู้สึกว่าโลกของพวกเขาเหมือนหยุดนิ่งไปชั่วขณะ โอราอุสได้จ้องมองอีกฝ่ายอย่างใกล้ ๆ เข้าได้เห็นว่าอีกฝ่ายสวยและน่ารักแค่ไหน ทำเอาหัวใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ ลิซ่าก็จ้องมองอีกฝ่ายหัวใจของเธอเต้นแรงมากจนรู้สึกแปลก ๆ ว่าทำไมมันเต้นแรงแบบนี้
“คือว่า...ช่วย...” ลิซ่าตั้งสติแล้วหันไม่มองอีกฝ่าย
“อ๊ะ...โทษที” เขาช่วยพยุงตัวอีกฝ่ายขึ้นมายื่นได้
พอลิซ่าพยายามพยุงตัว แต่ตัวเธอกับเอนไปด้านข้างเหมือนกำลังจะล้ม เพราะข้อเท้าเหมือนจะพลิกตอนที่ถอยหลังเมื่อกี้
“อ๊ะ...”
“ลิซ่า!!” โอราอุสรีบช่วยประคองเธอทันที “เจ็บขาสินะ...”
“คงงั้น...คงตอนที่ถอยหลังนะ...” ลิซ่ามองเท้าตัวเอง
โอราอุสมองจุดที่มีอะไรนู้นออกมา เขาทำหน้าเครียดทันที “คือ...ขอโทษทีนะ!”
“เอ๋?”
ลิซ่าทำหน้างงที่อีกฝ่ายขอโทษเธอ ก่อนที่เขาจะอุ้มเธอขึ้นมาในท่าเจ้าหญิงทันที
“อ๊า!!” ลิซ่ากอดคออีกฝ่ายไว้ทันที ไม่ให้ตัวเองตก “นี่! เจ้าทำให้ข้าตกใจหมดเลยนะ”
“ขอโทษที แต่ฉันไม่ยอมให้ผู้หญิงที่เจ็บขาเดินเองแน่ ๆ”
ลิซ่ามองอีกฝ่ายที่พูดแบบนั้นเหมือนตัวเองพระเอกที่ทำตัวเท่ ๆ ให้สาวหลงใหลในหนังสือที่เจอในกองขยะที่พวกเธอแอบซ่อนไม่มีผิด
“ทำเป็นพูดเท่ไหมนั้นล่ะ...” ลิซ่าหันหน้าไม่มองอีกฝ่ายทันที
โอราอุสจ้องมองอีกฝ่ายเขาเห็นหูของเธอแดงขึ้นมา ทำเอาเขายิ้มก่อนจะพาเธอไปยังที่ที่หนึ่งที่เขาจะพาเธอไป ระหว่างที่โอราอุสอุ้มลิซ่า เขาแอบมองอีกฝ่ายตลอดไม่รู้ทำไม ยิ่งมองอีกฝ่ายมันยิ่งรู้สึกแปลก ๆ ยิ่งรู้สึกอยากรู้จักเธอมากขึ้น อยากรู้ว่าเธอมาอยู่กับน้องเขาไง โอราอุสเดินจนมาถึงเขตที่มีป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนว่า ‘เขตพื้นที่อยู่อาศัย’ ลิซ่าเงยหน้าเห็นป้ายนั้นก็สงสัยเลยว่ามันหมายความว่าอะไร
ลิซ่าหันไปหาโอราอุสทันที “เขตพื้นที่อยู่อาศัยนี้คือ...”
"อ๋อ...ก็เขตสำหรับพักอาศัยคล้าย ๆ กับบ้านพักนะ แต่จุดนี้คือบ้านพักของครอบครัว แต่มีไม่กี่หลังหรอกนะ เพราะเด็กส่วนใหญ่สามารถอยู่โลกภายนอกได้ ยกเว้นพวกสายเลือดของ 3 มหาเทพนะ"
“เอ๋...?” ลิซ่าสงสัยทันที “เพราะว่าพวกเขามีพลังเยอะสินะ”
“ถูกต้อง อย่างฉันก็มีพลังเยอะเหมือนกันจนพวกปีศาจตามล่าพวกเราเพื่อนำมากินนะ”
“น่ากลัวจัง...”
“ไม่ต้องห่วง!!”
“หือ?”
“ถ้าเธอเป็นอะไรไป ฉันจะช่วยเธอเอง ลิซ่า”
“เอ๋?” ลิซ่างุนงงว่าอีกฝ่ายมาช่วยเธอเพื่ออะไร “เจ้าปกป้องตัวเองเถอะ ไม่ต้องห่วงข้า”
“อะไรกัน? ใจร้ายจังนะ”
ลิซ่าไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายกว่าเดิม เธอรู้สึกประหม่ายิ่งกว่าเดิมที่อีกฝ่ายบอกจะปกป้อง เธอเป็นเทพีไม่ต้องการหรอก แต่มันก็รู้สึกดีชอบกลที่อีกฝ่ายพูดแบบนั้น จนเธอสงสัยว่าอีกฝ่ายพาเธอเข้ามาในเขตพื้นที่อยู่อาศัยทำไม
“แล้วเราจะไปไหนกันนะ? บ้านครอบครัวนายเหรอ?”
“เปล่า บ้านฉันต่างหาก”
“เอ๋?” ลิซ่ามองอย่างสงสัยที่อีกฝ่ายจะพาไปบ้านเขา
โอราอุสอุ้มอีกฝ่ายจนมาถึงบ้านหลังหนึ่งที่ดูเล็กกว่าบ้านหลังอื่นสักเล็กน้อย แต่ก็มีสองชั้นพร้อมกับระเบียบชั้นบนอีก ลิซ่ามองบ้านตรงหน้าอย่างตกใจที่มีบ้านขนาดเล็กแบบนี้แต่จากดู ๆ เป็นบ้านที่ดูอบอุ่นและน่ารักมาก ๆ
“ว้าว นี่นะเหรอบ้านของโอราอุส!!” ลิซ่าจ้องมองบ้านหลังเล็กอย่างสนใจ
“ใช่แล้วล่ะ ฉันพึ่งสร้างมันได้ไม่กี่เดือนนี้เองนะ ฉันเก็บเงินตั้งแต่เด็กจนตอนนี้ฉัน 20 แล้ว ฉันก็มีบ้านของตัวเองในที่ที่เหมาะสมมาก ๆ เลยล่ะนะ”
“ว้าว...นายนี้ดูขยันจังเลยนะ...”
“หึ ๆ” โอราอุสหันไปยิ้มให้อีกฝ่ายทันที
โอราอุสอุ้มอีกฝ่ายลงมานั่งตักของเขา แล้วเขาก็หากุญแจในกระเป๋าต่าง ๆ ของเสื้อผ้าเขา เธอเกรงใจสุด ๆ ที่อีกฝ่ายให้เธอนั่งตักของเขา
“เอ่อ...ให้ข้าลงก่อนไหม...”
“ไม่ต้องหรอก...” โอราอุสค้นหาในกระเป๋ากางเกงจนเจอกุญแจ “เจอล่ะ”
เขาหยิบออกมาพร้อมกับอุ้มอีกฝ่ายต่อ แล้วเดินไปไขกุญแจเข้าไปในบ้าน ก่อนจะพาอีกฝ่ายมานั่งที่โซฟา
“ขอบคุณนะ...”
“อืม งั้นรอแป๊บหนึ่งนะ เดียวฉันไปเอาน้ำแข็งมาประคบเท้าให้นะ”
“อืม...” ลิซ่าพยักหน้าตอบรับอีกฝ่าย
โอราอุสพูดจบก็เดินไปที่หน้าประตูเพื่อปิดประตู แล้วเดินไปที่ห้องครัวทันที ลิซ่านั่งอยู่ที่โซฟา เธอมองรอบ ๆ อย่างสนใจ ห้องนั่งเล่นมีชั้นหนังสือ โต๊ะ เก้าอี้ เตาผิง เป็นห้องที่ดีมาก ๆ แถมเป็นบ้านไม้ที่เธอเคยใฝ่ฝันว่าอยากได้จะมีให้เห็นกับตาตัวเองจริง ๆ โอราอุสเดินกลับมาพร้อมน้ำแข็งประคบเย็นกับห้องปฐมพยาบาล เขานำประคบลงจุดที่อีกฝ่ายเจ็บอยู่ พออีกฝ่ายนำน้ำแข็งประคบเท้าของลิซ่าเธอก็เกิดร้องออกมาก
“อ๊าย!”
โอราอุสได้ยินถึงกับหน้าแดงก่อนจะเงยหน้าขึ้น “โทษที...เจ็บเหรอ...?”
“นิดหน่อยนะ...แต่มันเย็นนะ...”
“แหะ ๆ ทนหน่อยนะ...มันต้องประคบสักระยะหนึ่งนะ”
“ขอบคุณนะ...” ลิซ่ากล่าวขอบคุณอีกฝ่าย
โอราอุสรู้สึกเกร็งเลยเจอเสียงร้องเมื่อกี้เข้าไปจนเขาหน้าแดงขึ้นมาทันที เขาจ้องมองเท้าอีกฝ่ายที่เนียนขาวจนน่าสัมผัส แต่เขารีบส่ายหน้ากับความคิดบ้า ๆ ของเขาทันที เขาเงยหน้าขึ้นมองเห็นอีกฝ่ายที่กำลังเหม่อมองเขา ก่อนที่เขาจะถามอีกฝ่ายออกมา
“เอ่อ...เธอกำลังเหม่ออะไรอยู่เหรอ?”
“เอ๋...เอ่อ...ก็แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยนะ...แต่ก็ขอโทษทีทำให้ต้องลำบากนะ...”
“ไม่หรอก ๆ อ๋อ จริงสิ เธอชอบเค้กไหม?”
“เค้กเหรอ? ถึงไม่เคยกินมาก่อนก็ตามเถอะนะ...แต่เคยเห็นตอนที่โพรทาเลียชี้ให้ดูนะ”
“ไม่เคยเหรอ? งั้นเดียวมานะ” โอราอุสเดินกลับไปที่ห้องครัวทันที พร้อมกับถือจานที่มีบางอย่างที่มีรูปทรงเป็นสามเหลี่ยมอยู่ในจาน โอราอุสมอบจานนั้นให้ลิซ่า “งั้นเชิญลองกินได้เลยนะ!!”
ลิซ่ามองอีกฝ่ายพร้อมกับมองจานตรงหน้า เธอได้เห็นเค้กที่มีรูปทรงสามเหลี่ยมและการตกแต่งที่ดูน่ารักมาก ๆ “ว้าว! ดูน่ารักจัง! นี่คือเค้กสตรอเบอรี่สินะ?”
“ใช่แล้วล่ะ!”
“งั้นขอทานล่ะนะ” ลิซ่าหยิบส้อมขึ้นมาแล้วตักเข้าปากทันที “อืม!! อร่อยจัง!!”
“ใช่ไหมล่ะ!? ดีใจที่ลิซ่าบอกว่าอร่อยนะ”
“อืม ข้านะไม่เคยกินของหวานเลย พอได้มากินของแบบนี้นอกจากพวกช็อกโกแลตแท่ง มันรู้สึกทำให้ใจฟูขึ้นเยอะเลยล่ะ”
“เคยกินช็อกโกแลตด้วยสินะ ได้ยินจากโพรบอกว่าพวกเธอไปเวกัสครั้งก่อนแล้วได้ทานขนมที่ร้านขนมหวานด้วยน่านะ”
“อืม ครั้งแรกที่ทานช็อกโกแลต มันรู้สึกเหมือนได้เติมเต็มความรู้สึกที่ขาดหายไปเลยล่ะ”
โอราอุสยิ้มอย่างชอบใจตอนที่อีกฝ่ายกำลังมีความสุขกับการทานเค้กอยู่
“จริงสิ เธอบอกว่ามีเรื่องคุยกับฉัน เรื่องอะไรเหรอ?”
“หือ? อ๋อ...ไม่มีแล้วล่ะ”
“อ้าว? ทำไมล่ะ?” โอราอุสทำหน้างงเลยตอนแรกอีกฝ่ายบอกมี แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว
“ก็…พอดีตอนล้ม ฉันเกิดสัมผัสตัวนายไปแล้ว...ฉันเลยเผลอตรวจนายไปนะว่านายไม่ได้โดนนูอัสควบคุมใช่ไหมนะ...” ลิซ่าพูดไปทานเค้กไปด้วย
“ตอนนั้นนะเหรอ?” เขานึกถึงตอนที่เขาช่วยเธอ ตอนนั้นคงเผลอแตะตัวแล้วก็กอดคอเขาอีก “แต่ก็ถือว่าดีน่าเนอะ พวกเธอจะได้ไม่ต้องกังวลนะ”
“อืม” ลิซ่าพยักหน้าทันที “แล้วทางด้านโอราอุสล่ะ เจ้าบอกว่ามีเรื่องจะบอกกับโพรทาเลียเรื่องอะไรเหรอ?”
“อ๊ะ...” พอย้อนกลับมาพูดเรื่องนั้นโอราอุสถึงกับเหงื่อแตกทันที “คือว่า...มีอีกคนที่รู้เรื่องโพรทาเลียเข้าซะแล้วนะ...”
“เอ๊ะ!?” ลิซ่าถึงกับอ้ำอึ้งไปเลย
ภายในบ้านใหญ่โพรทาเลียกำลังทำงานโดยไม่สนใจรอบข้างเลยสักนิดว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไรแล้ว ตอนแรกเธอกำลังแยกหนังสือและย้ายหนังสือไปไว้ห้องข้าง ๆ ผ่านไปสามสิบ โพรทาเลียก็ยกกองหนังสือและเอกสารไปอีกห้องได้เกินครึ่งของห้องนั้นแล้ว แอนนาเบ็ธที่อยู่เฝ้าก็ได้มองเด็กน้อยกำลังมีความสุขกับการทำงาน แต่เธอก็สังเกตเห็นว่าเด็กหนุ่มนั้นจ้องหนังสือหลายครั้งเหมือนว่ากำลังสนใจ ทำให้แอนนาเบ็ธมีความคิดบางอย่างขึ้นมาก่อนจะเอ่ยพูดกับเด็กหนุ่ม
“ดูเธอสนใจหนังสือจังนะจ๊ะ วันเดอร์เลอร์”
โพรทาเลียหันไปหาอีกฝ่ายทันที “ขอรับ ข้าชอบหนังสือมากเลยล่ะ ชอบมาตั้งแต่เด็กแล้วนะขอรับ”
“แบบนี้เอง งั้นหลังจากทำงานเสร็จ ฉันจะให้เวลาเธออ่านหนังสือพวกนี้ละกันนะ”
“จริงเหรอขอรับ?” โพรทาเลียถึงกับแสดงสีหน้าตื่นเต้นออกมาทันที
“จ้ะ” แอนนาเบ็ธยิ้มแล้วลูบหัวอีกฝ่ายทันที
“ขอบคุณขอรับ งั้นข้าทำงานต่อล่ะนะขอรับ!!” โพรทาเลียรีบยกหนังสือไปทันที
แอนนาเบ็ธทำหน้าอย่างดีใจแต่ก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นอมทุกข์ขึ้นมา เธอนึกถึงลูกสาวของเธอตอนสมัยยังเด็กที่มีความชอบเรื่องหนังสือเหมือนกัน
‘ตอนไหน...โพรทาเลียกับโฟกัสจะกลับมาสนใจหนังสือที่พวกเขาเคยวาดฝันไว้กันนะ...เพราะความสนิทของสองคนนั้นยิ่งห่างกันขึ้นเรื่อย ๆ แล้วล่ะนะ...’ แอนนาเบ็ธคิด
โพรทาเลียทำงานอย่างชอบใจว่าถ้าทำงานเสร็จก็จะได้อ่านหนังสือ ระหว่างที่กำลังยกกองหนังสือออกจากห้อง เธอก็รู้สึกถึงกลิ่นอายอันคุ้นเคยกลิ่นอายอันน่ารังเกียจ พอเธอออกมาพ้นประตูก็หันไปเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินมาทางเธอ โพรทาเลียเห็นก็ทำสีหน้านิ่ง ๆ เอาไว้ เธอไม่นึกว่าจะได้เห็นสมาชิกครอบครัวครบชุดแบบนี้
“อ้าว? วันเดอร์เลอร์!” โฟกัสเห็นอีกฝ่ายก็เรียกนามสกุลอีกฝ่าย
โพรทาเลียเห็นพวกเขาทักทายมาเธอก็ทักทายกลับ “งะ...ไง...เหล่าลูก ๆ ของคุณแจ็กสัน”
โพรทาเลียมองเหล่าพี่น้องของเธอที่บางคนได้เจอแล้วบางคนก็พึ่งได้เจอ แต่เธอเห็นแค่พวกเขาทั้งหมดแค่เจ็ดคน รู้สึกขาดพี่ชายคนโตของเธอไป คงยังอยู่กับพี่ลิซ่าหรือเปล่าเธอก็ไม่รู้ แต่หนึ่งในนั้นกับสนใจเธอด้วยสายตาอาฆาตตลอดเวลานั้นก็คือ นูอัส นั้นเอง โพรทาเลียเห็นใบหน้าอีกฝ่ายช่างเหมือนเธอตอนโคตรโกรธมาก ๆ เวลาที่แซเทิร์นเล่นงานเธอจนบาดเจ็บสาหัส แต่สีหน้าแค่นั้นยังไม่เท่าเธอที่ทำได้น่ากลัวกว่านี่อีกล่ะนะ
“แหม ๆ เรียกซะ ไม่ต้องเรียกว่าเหล่าลูก ๆ หรอกนะ” โฟกัสกล่าวอย่างเขิน ๆ ที่อีกฝ่ายเรียกพวกเธอแบบนั้น ”แล้วนายมาทำอะไรนะ?”
“ช่วยคุณนายแจ็กสันเก็บห้องเอกสารอยู่นะ”
“เอ๋...หรือว่าเพราะเมื่อเช้าที่นายทำท่าจะหลับคาโต๊ะกินข้าวเลยโดนพ่อของเรา ลงโทษสินะ...” เบเดอร์พูดแซวขึ้นมา
“ก็ไม่เชิงที่เรียกว่าทำโทษน่านะ...ข้าว่า...นี่มันสวรรค์มากกว่า” โพรทาเลียยืนอกอย่างภูมิใจกับงานแบบนี้
“สวรรค์? ยังไงเหรอ?” โฟกัสพูดขึ้นทันที
“สวรรค์ของหนังสือ!!” โพรทาเลียเข้าใกล้พวกพี่น้องดวงสายตาเป็นประกายอย่างดีใจ
“เอ๋!?” ทุกคนต่างอึ้งกับอีกฝ่ายทันที
“หนังสือมากมายที่ไม่เคยเห็นเต็มห้องนั้นไปหมด แล้วถ้าทำงานเสร็จไว ก็มีสิทธิ์ได้อ่านอีก...ช่างเป็นเกร็ดความรู้ที่น่าอ่านสุด ๆ”
“หึ! ก็แค่เศษกระดาษเน่า ๆ ไม่เห็นมีอะไรสักอย่าง” นูอัสพูดขึ้นทันที
โพรทาเลียได้ยินบรรยากาศรอบ ๆ ตัวเธอก็เปลี่ยนไปจนเหมือนมีเงามืดรอบ ๆ ตัว เธอค่อย ๆ หันไปมองยัยปีศาจที่เธอรังเกยจสุด ๆ
“เศษกระดาษเหรอ?”
เสียงของโพรทาเลียดูต่ำลงเหมือนพวกโรคจิตพูดกับคนอื่น ๆ ใบหน้าของเธอนิ่งเรียบเหมือนคนกำลังเก็บงำความรู้สึกโกรธเคืองไว้ข้างใน แต่บรรยากาศรอบตัวอีกฝ่ายดูน่ากลัวยิ่งกว่าอะไร ทำเอาพวกโฟกัสหน้าซีดไปตาม ๆ กันเมื่อเห็นใบหน้าอีกฝ่ายดูน่ากลัวสำหรับพวกเขา ทำให้นึกถึงเวลาแม่ของพวกเขาโกรธขึ้นมาทันที นูอัสจ้องมองอีกฝ่ายมือเธอก็สั่นไปหมด จนเธอตกใจว่าตัวเองสั่นกลัวอีกฝ่ายทำไม
“ข้าคงฟังอะไรผิดอยู่สินะ...ว่าคนบางคนกำลังพูดว่าหนังสือพวกนั้นเป็นเศษกระดาษ...ไม่นึกนะว่าในกลุ่มสายเลือดโพไซดอนจะมีพวกปัญญาอ่อนอยู่ในกลุ่มด้วยนะขอรับ”
“แกว่าใครปัญญาอ่อน!! ห๊ะ!!”
“ทำไม!! หรือจะไฟท์กัน!!”
ทั้งสองคนจ้องมองกันอย่างไม่ชอบกันและกัน ปกติโพรทาเลียไม่เดือดมากกับนูอัส แต่ครั้งนี้เธอเดือดยิ่งกว่าอะไรคงเพราะได้ฟังเรื่องราวจากพี่ชายว่าอีกฝ่ายทำอะไรไว้กับครอบครัวเธอมั้ง ทำให้เธอโกรธยัยปีศาจตนนี้เป็นสิบเท่า
จบตอนที่ 10 โปรดติดตามตอนที่ 11 ต่อไป